ความเร็วได้มอบความสำราญแบบสมัยใหม่อย่างแท้จริง ข้อความสั้นๆ ของนักเขียนชาวอังกฤษ สะท้อนความเป็นจริงในโลกสมัยใหม่ได้เป็นอย่างดี และดูเหมือนความจริงข้อนี้ คงไม่มีใครรู้ดี ไปกว่าคนที่คลุกคลีอยู่ในโลกของความเร็ว แต่ความเร็วที่ว่า ไม่ได้อยู่บนถนน ไม่ได้อยู่บนลู่วิ่ง หรืออยู่บนทางหลวงเส้นไหน ความเร็วที่ว่าลอยล่องอยู่ในอากาศและกลายเป็นปัจจัยหลักอย่างหนึ่งของธุรกิจสมัยใหม่ ใช่แล้วครับ เรากำลังพูดถึงธุรกิจออนไลน์ที่เริ่มเติบโตมากขึ้นตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศ และหนึ่งในผู้เล่นรายใหญ่ที่สุดของโลกที่ทำรายได้จากการขายโฆษณาบนอินเตอร์เน็ตนั่นคือ กูเกิล 10 ปีมานี้แม้ธุรกิจของสหรัฐฯ จะย่ำแย่ แต่กูเกิลโตสวนกระแส กูเกิลเป็นหนึ่งในไม่กี่บริษัทที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดในทุกๆ ด้าน ทั้งการให้บริการผ่านผลิตภัณฑ์ต่างๆ การรุกตลาดสมาร์ทโฟน การเข้าไปซื้อกิจการของบริษัทเทคโนโลยีรายเล็กรายย่อย และยังคงสถานภาพที่ดูน่ารักด้วยการเป็นบริษัทอันดับหนึ่งของสหรัฐอเมริกาที่มีคนอยากทำงานด้วยมากที่สุด ฯลฯ ด้วยหลายปัจจัยนั่นทำให้ในปี 2551 กูเกิลสามารถเติบโตและมีรายได้เพิ่มมากขึ้นเกินกว่า 50% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ถือเป็นตัวเลขที่สูงอย่างไม่น่าเชื่อและยิ่งคนเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้มากขึ้น กูเกิลก็คงโตได้อีกไกลเพราะลำพังแค่ทุกวันนี้ คำว่า ‘กูเกิล’ ได้กลายเป็นคำสามัญธรรมดาไปแล้ว มันใช้แทนคำว่า ‘หาข้อมูล’ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ การเปิดสาขาของกูเกิลในประเทศไทยจึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยว่า กูเกิลกำลังมองเห็นอะไรในประเทศไทย คงไม่มีใครตอบคำถามนี้ได้ดีไปกว่าหัวเรือใหญ่ของกูเกิลประเทศไทย อริยะ พนมยงค์ อดีตผู้บริหารในกลุ่มทรูคอร์ปอเรชั่น ที่ตัดสินใจมาร่วมบุกเบิกธุรกิจให้กับกูเกิลประเทศไทยท่ามกลางการแข่งขันของธุรกิจออนไลน์และธุรกิจโมบายพาณิชย์ที่ต่างช่วงชิงกันที่เนื้อหาและความเร็ว GM และอริยะปลีกตัวเองมาจิบกาแฟยามสาย พยายามไม่รู้สึกผิดกับการปิดโทรศัพท์มือถือและคุยกันเรื่องชีวิตที่หมุนเร็วขึ้นของพวกเรา GM : ตั้งแต่มาทำงานกับกูเกิล ชีวิตยุ่งขึ้นไหมครับ อริยะ […]Read More
ร่วมวงถก ‘ศักยภาพประเทศไทย’ ! ในวาระครบรอบ 26 ปี GM เราเชื่อว่าคนไทยจำนวนมากอยาก ‘ก้าวไปข้างหน้า’ เพื่อให้ประเทศอันเป็นที่รักของเรานี้มั่นคงอยู่ในท่ามกลางกระแสเชี่ยวกรากของการแข่งขันอีกไม่นาน ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนก็จะเป็นจริงขึ้นมา ณ บัดนั้น สังคมไทยจะต้องเผชิญกับการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ คำถามก็คือเมื่อมองดู ‘วิสัยทัศน์ประเทศ’ หรือถามกันเองว่าอีก 10-20 ปีข้างหน้า สังคมไทยจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร,เรามักพบว่าเราจนต่อคำตอบ ! ไม่ใช่เฉพาะคนตัวเล็กตัวน้อยในสังคมไทยเท่านั้น แม้กระทั่งผู้มีอำนาจ หรือผู้ที่อยู่ในวังวนแห่งการแย่งชิงอำนาจ-ก็ตอบให้คนตัวเล็กตัวน้อยฟังไม่ได้ ว่าสังคมนี้มีการ ‘วางแผน’ จะ ‘เดินหน้า’ ไปในทิศไหนทอดตามองบ้านใกล้เรือนเคียงอย่างมาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม หรือแม้กระทั่งกัมพูชา ลาว และพม่า ที่ไทยเคยคิดว่านำหน้า บัดนี้เรากล้ากล่าวเต็มปากอยู่หรือว่าหากอยู่ในลู่แห่งการแข่งขัน-ไม่ว่าในมิติไหน, เราจะคว้าเหรียญมาได้สักเหรียญ, อย่าว่าแต่เหรียญทองเลยด้วยเพราะ GM ตระหนักดีว่า สังคมไทยกำลังอยู่ในภาวะหัวเลี้ยวหัวต่อหลายชั้นซ้อนทับกันอยู่ ทั้งแนวโน้มระดับโลก ระดับภูมิภาค ปัญหาความขัดแย้งภายใน ซึ่งไม่ได้มีเพียงเรื่องการเมือง แต่ยังรวมไปถึงความขัดแย้งทางสังคม วัฒนธรรม เศรษฐกิจ ชนชั้น คนในเจเนอเรชั่นต่างๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่เกิดจากการที่เราไม่มี ‘หลัก’ เอาไว้ให้ ‘ตั้ง’ เพื่อจะใช้ในการทำความเข้าใจกับโลกที่กำลังเปลี่ยนผันนี้หลักเก่านั้นซวนเซจวนเจียนจะล้ม-แต่ไม่จำเป็นที่ใครต้องไปผลักให้มันรีบล้ม […]Read More
การแพทย์ที่มีหัวใจความเป็นมนุษย์หลังจากที่โดนมวลน้ำมหาศาลเข้าไปบูรณาการกันถึงในบ้านย่านบางบัวทอง คุณหมอโกมาตร จึงเสถียรทรัพย์ ก็กลับมาเป็นที่สนใจของสื่อมวลชนไทยอีกครั้ง ในฐานะที่เขาลุกขึ้นมาเป็นผู้นำศูนย์พักพิงผู้ประสบภัยในชุมชนคลองมหาสวัสดิ์ เขาพาชาวบ้านแปรวิกฤติจากการเป็นผู้ประสบภัย ให้กลายเป็นโอกาสในการศึกษาสภาพสังคมยามวิกฤติ เพื่อการเรียนรู้ หาวิธีที่จะใช้ชีวิตร่วมกันอย่างช่วยเหลือเกื้อกูล จนถือเป็นกรณีตัวอย่างของการนำความรู้หลากแขนง มาบูรณาการกันอย่างน่าสนใจ ถึงตอนนี้ ศูนย์พักพิงแห่งนี้ปิดตัวลงไปแล้ว บ้านช่องก็ได้รับการเก็บกวาดให้กลับคืนสู่สภาพปกติ พร้อมๆ กับที่หลายคนก็คงเอียนคำว่า ‘บูรณาการ’ กันไปอีกนาน เพราะโดน ‘ทุกภาคส่วน’ นำมาอ้างอย่างฝืดเฝือ โดยดูเหมือนว่าไม่ได้เกิดผลใดๆ เป็นรูปธรรม ที่จริงแล้ว ปัญหามากมายในบ้านนี้เมืองนี้ มีรากฐานเกิดขึ้นมาจากการทำงานอย่างแยกส่วน และหลายคนก็กำลังพยายามหาทางรวบรวมเรียบเรียงทุกภาคส่วนนั้นให้กลับมาทำงานประสานกันอีกครั้ง คุณหมอโกมาตร จึงเสถียรทรัพย์ เป็นหนึ่งในนั้น เขาเป็นหมอนักอุดมคติ ที่ไปศึกษาต่อปริญญาเอกสาขามานุษยวิทยา จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา และกลับมารับราชการในกระทรวงสาธารณสุข นำความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ที่ตนมีอยู่เดิม มาบูรณาการกับด้านสังคมศาสตร์ที่ไปเรียนมาเพิ่ม จนกลายเป็นผลงานวิจัยสังคมอย่างเข้มข้น เพื่อนำไปใช้ในการวางนโยบายและเป็นขั้นตอนในการปฏิบัติงาน ให้งานสาธารณสุขของไทยมีหัวใจความเป็นมนุษย์ เพื่อผู้ป่วยและผู้ปฏิบัติงานจะได้มีความสุขมากขึ้น นักศึกษาพร้อมใจเรียกขานเขา ว่าเป็นปรมาจารย์แห่งมานุษยวิทยาด้านการแพทย์ ในขณะที่เขาและทีมงานยังคงทำงานวิชาการกันต่อไปอย่างถ่อมตัว ในสำนักงานเล็กๆ ที่ชื่อว่าสำนักวิจัยสังคมและสุขภาพ สังกัดอยู่กับสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงสาธารณสุข พวกเขาไม่ได้อยู่แต่บนหอคอยงาช้าง แต่ยังออกเดินทางไปบรรยาย คลุกคลีกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทั่วประเทศ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ และโปรโมตแนวความคิดการแพทย์ที่มีหัวใจและความเป็นมนุษย์ ให้กระจายออกไป GM […]Read More
สังคมไทยกำลังเผชิญหน้ากับวิกฤติหลากมิติ !ไม่ว่าคุณจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม, การเปลี่ยนแปลงของโลก โดยเฉพาะในแง่มุมเศรษฐกิจ ได้ส่งผลกระทบต่อสังคมไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในขณะที่สังคมไทยเองก็กำลังเผชิญหน้ากับวิกฤติหลากด้าน ทั้งวิกฤติเศรษฐกิจ และความขัดแย้งที่เกี่ยวพันกับความคิดและความเชื่อทางการเมือง รอยร้าวแห่งความแตกต่างเปื้อนความแตกแยกนั้นลามลึกเหมือนมีดกรีดเข้าไปในทุกกลุ่ม ทุกฐานะทางเศรษฐกิจ โลกสองใบที่ดูเหมือนแยกขาดออกจากกัน โดยเนื้อแท้จึงผูกโยงอยู่ด้วยกันอย่างแยกไม่ออก ณ ห้วงยามอันซับซ้อนเช่นนี้ ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ น่าจะเป็นคำตอบอันดีในการสนทนาพูดคุยเพื่อร่วมกัน แสวงหา ‘ทางออก’ จากวิกฤติต่างๆ ด้านหนึ่ง, ยากปฏิเสธว่า ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ คือผู้รู้ระดับกูรูในเรื่องเศรษฐกิจ ด้วยปริญญาเอกเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ ด้านการเงินและการพัฒนา กับประสบการณ์ยาวนานที่คลุกคลีอยู่กับการเป็นนักวิชาการและนักวิเคราะห์เศรษฐกิจ ในโมงยามที่เศรษฐกิจโลกผันผวน และขณะเดียวกันก็กำลังจะเกิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ขึ้นในอนาคตอันใกล้ เขาจึงตอบโจทย์ด้านเศรษฐกิจได้ดีที่สุดขณะเดียวกัน อาจด้วยประสบการณ์รัฐศาสตร์เมื่อร่ำเรียนในระดับปริญญาตรี ประกอบกับความสนใจการบ้านการเมืองอย่างลึกซึ้ง ก็ทำให้เราเห็นความแหลมคมในการวิพากษ์มิติต่างๆ ของความเคลื่อนไหวทางการเมืองในตัว ดร. อนุสรณ์อยู่เนืองๆ ทั้งในระดับประเทศและระดับโลก เช่นการเมืองเรื่องเหลืองแดงของไทย กระทั่งถึงการลุกฮือขึ้นของประชาชนในตะวันออกกลาง และอื่นๆ นั่นจึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เราชวนเขามาใคร่ครวญร่วมกันถึงวิถีก้าวและความเป็นไปของปี 2012 ปีที่หลายคนระแวงและระวังกันอย่างสุดตัวหลากความเห็น-หลายคำตอบ, ที่กลั่นกรองจากหลากมิติประสบการณ์ของเขา เป็นเรื่องที่สังคมไทย ‘ควรรู้’ หากยังมุ่งหวังที่จะพาประเทศก้าวเดินสู่ความมั่นคงในอนาคต-นับต่อจากนี้ ! INTERVIEW […]Read More
วิพากษ์ยุคสมัยที่เราหยุดแสวงหา เพราะต่างคิดว่าตนได้พบคำตอบ6 ชั่วโมงจากกรุงเทพฯ บนถนนหลวงไปสู่จังหวัดชัยภูมิ และอีก 1 ชั่วโมง บนถนนลูกรังเพื่อต่อไปยังวัดป่ามหาวัน ในอำเภอภูเขียว พวกเราบึ่งตะบึงรถตู้จนหัวสั่นหัวคลอน เพื่อรีบไปพบ พระไพศาล วิสาโล พระนักคิด นักเขียน ผู้เป็นเรี่ยวแรงสำคัญในการนำความสงบสันติกลับมาสู่เรา ในช่วงเวลาที่ผู้คนในบ้านเมืองนี้เต็มไปด้วยความร้อนแรง เมื่อไปถึง พวกเราระดมยิงคำถามสัมภาษณ์ใส่ท่านอย่างเร่งร้อน โดยคาดหวังว่าจะได้รับคำตอบของทุกปัญหาของสังคมไทยในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม เทคโนโลยี ฯลฯ ท่านช่วยตอบกลับมาทุกคำถาม อย่างสิ้นข้อสงสัย ก่อนที่จะมอบคำสอนสำคัญให้กับพวกเราประการหนึ่ง ว่าบางครั้ง การหมกมุ่นอยู่กับคำตอบที่เป็นเป้าหมาย อาจจะทำให้เราหลงลืมคุณค่าของการแสวงหา และล้มเลิกการหมั่นตั้งคำถามอยู่เสมอๆ นั่นก็เท่ากับว่าชีวิตของเราจะไม่ได้ถูกตรวจสอบ ความคิดของเราไม่ได้ถูกตรวจทานอีกต่อไป คนที่ยังแสวงหา เปรียบเหมือนคนเดินทางเป็น ย่อมรู้จักชื่นชมสิ่งสวยงามสองข้างทาง การแสวงหาเป็นกระบวนการสำคัญ มันทำให้ใจเปิดกว้าง รับรู้ และยอมรับสิ่งต่างๆ ได้ดีกว่า GM คิดว่าทุกคำถามในบทสัมภาษณ์นี้ ผู้อ่านแต่ละคนคงมีคำตอบในใจของตนเองรอไว้แล้ว และถ้าในนี้มีปุ่มให้คุณกดคะแนน คุณคงจะแข่งกันกด Like หรือ Dislike ให้กับทุกคำตอบของท่าน ยิ่งถ้ามีช่องเปิดให้ใส่ความคิดเห็นตามแต่ใจ เราทุกคนก็คงนำคำตอบที่มีอยู่แล้วในใจ มาทะเลาะกันอีกเหมือนเดิม […]Read More
โลกที่เต็มไปด้วยน้ำ น้ำ และน้ำ กับภาพผืนน้ำกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาในที่ราบภาคกลาง คือภาพที่คนในยุคนี้ รุ่นนี้ ไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน นี่เรากำลังเผชิญหน้าอยู่กับอะไรกันแน่ ! ในช่วงที่ผ่านมา คำว่า ‘มวลน้ำ’ กลายเป็นศัพท์ใหม่ที่ผู้คนพูดถึงมากพอๆ กับการกล่าวขวัญถึงผู้ชายไว้หนวดเคราคนหนึ่ง กับแผนที่เก่าๆ ยับย่นของเขาที่ออกมา ‘เตือน’ ผู้คนเรื่องการหลากท่วมของน้ำผ่านทาง YouTubeผู้ชายคนนี้ชื่อ ศศิน เฉลิมลาภบทบาทของเลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร และงานนักอนุรักษ์ที่ทำงานกับป่ามายาวนาน ไม่ได้ทำให้เขาเป็นที่รู้จักของผู้คนมากเท่ากับคลิปความยาว 13 นาที กับแผนที่เก่าๆ และคำอธิบายที่ ‘เตือนภัย’ ด้วยคำพูดที่ ‘เข้าใจง่าย’ และ ‘เข้าถึงใจ’ คนจำนวนมากที่ละล้าละลังพะวักพะวน เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งกับเหตุการณ์ ‘เหนือจริง’ ที่เกิดขึ้น ทั้งกับตัวภัยธรรมชาติเอง และกับการบริหารจัดการของผู้มีอำนาจที่ควรจะทำหน้าที่ ‘เตือนภัย’ อย่างทันท่วงทีเมื่อสิ้นหวัง ผู้ชายคนนี้จึงก้าวเข้ามาเป็น ‘ความหวัง’ พร้อมๆ กับนักวิชาการอีกหลายคนที่ไม่ได้เข้าไปอยู่ตรง ‘ใจกลาง’ ของการสั่งการตัดสิน ด้วยเหตุนี้ คลิปอธิบายและเตือนภัยเรื่องน้ำท่วมของศศิน จึงทำให้มีคนเข้าไปดูรวมๆ แล้วมากกว่า 6 แสนคน !อย่างไรก็ตาม เรื่องราวของเขาไม่ได้จบแค่ในคลิป แต่การทำงานและการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องในรายงานสถาน-การณ์น้ำท่วม […]Read More
ว่ากันว่า กุนซือเบื้องหลังนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทยมีอยู่หลายคน แต่ที่น่าจับตามองมีอยู่สองคน ทั้งสองคนมีชื่อพยางค์แรกว่า ‘จา’ คนหนึ่งเป็นผู้ชาย ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นผู้หญิง ฝ่ายชายจะเป็นใครนั้น-คุณคงคาดเดาได้ไม่ยาก, ส่วนอีกคนหนึ่ง-คุณไม่จำเป็นต้องคาดเดา เพราะ GM ชวนเธอมานั่งสนทนาให้คุณได้รู้จักอยู่ตรงนี้แล้วเธอคือ จารุพรรณ กุลดิลก หลายคนคุ้นนามสกุลนี้จากชื่อ พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก ผู้เป็นรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมของรัฐบาลชุดนี้ แน่นอน-นั่นคือบิดาของเธอ บางคนวิจารณ์ว่า การที่จารุพรรณมีรายชื่ออยู่ในปาร์ตี้ลิสต์ลำดับที่ 56 ซึ่งจัดว่าสูงพอสมควรนั้น-ส่วนหนึ่งเป็นอิทธิพลของบิดาไม่ว่าใครจะว่าอย่างไร GM เห็นว่าผู้หญิงคนนี้น่าสนใจ ไม่ใช่เพราะบิดาของเธอ ทั้งไม่ใช่เพียงเพราะเธอเป็นนักการเมืองและเป็นคนเสื้อแดงเต็มตัว แต่ในอีกหลายมิติของชีวิต ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นวิศวกร, เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่สนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพ ที่สำคัญ, เธอสนใจมิติด้านจิตวิญญาณถึงขนาดปฏิบัติธรรม ภาวนา และเกือบบวชเป็นภิกษุณีที่หมู่บ้านพลัมในฝรั่งเศสตามสายการปฏิบัติของท่านติช นัท ฮันห์ มาแล้ว นอกจากนี้ ยังเคยเป็นสมาชิกกลุ่มจิตวิวัฒน์ ซึ่งมี ศ.นพ.ประเวศ วะสี เป็นหนึ่งในผู้นำกลุ่มและเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งศูนย์สันติวิธีร่วมกับ อ.โคทม อารียา ด้วย ยิ่งย้อนประวัติกลับไปก่อนหน้าจะยิ่งทึ่ง เพราะสมัยเรียนมหาวิทยาลัย เธอเก่งกาจขนาดคว้าแชมป์หมากรุกสากลของมหาวิทยาลัยมหิดล ควบคู่กับชนะเลิศกีตาร์โฟล์คซอง รางวัล Coke Music Award […]Read More
ไม่เป็นชาวนาแล้วหรือ – GM เคยเย้าผู้หญิงคนนี้เมื่อพบกับเธอในการแสดงละครเวทีเรื่อง ‘แมคเบธ’ ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อหลายเดือนก่อน “อุ้มเป็นทั้งชาวนาและชาววังค่ะ” สิริยากร พุกกะเวส ตอบด้วยรอยยิ้ม แต่ในยิ้มนั้นแฝงความเด็ดขาดบางอย่างไว้ด้วยนับตั้งแต่ประกาศว่า ‘ฉันจะเป็นชาวนา’ ในรายการโทรทัศน์ชื่อเดียวกันนี้ ผู้หญิงที่มีชื่อเล่นว่าอุ้มก็ได้สร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์ให้เกิดขึ้นมากมาย ทั้งในแง่บวกและลบ ด้านหนึ่งชื่นชมความพยายามของนักแสดงสาวที่ผันตัวเองไปเรียนรู้ในเรื่องการทำนาปลูกข้าว แต่ในอีกด้านหนึ่ง หลายคนตั้งคำถามว่าผู้หญิงบอบบาง รักสวยรักงามคนนี้จะทำสิ่งที่สมบุกสมบันขนาดนั้นได้จริงๆ หรือGM เฝ้าจับตาดูเธอมาตลอด เราไม่ได้ผลีผลามขอพูดคุยกับเธอตั้งแต่แรก ไม่ใช่เพราะคิดว่าเธอจะทำไม่สำเร็จ แต่เพราะเราอยากให้เธอได้ผ่านฤดูทำนาแรกของชีวิตไปเสียก่อน เพื่อที่บทเรียนของกลิ่โคลน (ไม่มีสาบควาย) และนาข้าวจะได้สอนให้เธอซึมซับมากพอจะ ‘ถอดบทเรียน’ มาบอกต่อกับเราแทบไม่มีใครไม่รู้จัก สิริยากร พุกกะเวส โดยเฉพาะในฐานะ ‘นักแสดง’ และ ‘นางเอก’ ที่สร้างชื่อให้เธอ ไม่ว่า จะเป็นละครอย่าง ร่มฉัตร, เก้าอี้ขาวในห้องแดง บทแม่พลอยในสี่แผ่นดิน รวมถึงภาพยนตร์อย่างมนต์รักทรานซิสเตอร์ หรือบทบาทพิธีกรในรายการ ‘บ้านอุ้ม’ รวมถึงการทำหนังสือและนิตยสารไลฟ์สไตล์แสนเก๋ชื่อ OOM แต่กระนั้น ก็เชื่อว่ามีไม่น้อยที่ไม่มองเธอในฐานะนักเขียนหรือนักแปล โดยเฉพาะกับบทบาท ‘นักครุ่นคิด’ กับชีวิตที่จริงจังคนหนึ่งผู้หญิงที่ยืนอยู่ในนาข้าวเบื้องหน้าเราตอนนี้ ใบหน้าของเธอมีฝ้า แต่เธอไม่ได้เดือดร้อนกับมัน บางคราวเธออาจนึกภูมิใจกับผิวที่คร้ามแดดขึ้นเสียด้วยซ้ำ […]Read More
พูดได้ว่า ปราปต์ บุนปาน คือ ‘เลือดใหม่’ ของเครือหนังสือพิมพ์ที่ได้ชื่อว่าเป็นหนังสือพิมพ์คุณภาพของประเทศ อย่างเครือมติชน เปล่า-เขาไม่ได้เข้ามาดูแลตัวหนังสือพิมพ์ที่เป็นเนื้อกระดาษ ทว่าเนื้องานที่เขารับผิดชอบอยู่นั้น ช่างเหมาะสมกับความเป็น ‘เลือดใหม่’ อย่างยิ่ง เพราะ ปราปต์ บุนปาน คือผู้กุมบังเหียน ‘มติชนออนไลน์’ (matichon.co.th) อันเป็น ‘สื่อใหม่’ ซึ่งแม้จะอยู่ใต้ชื่อของมติชนเหมือนกันกับหนังสือพิมพ์ ทว่าตัว ‘เนื้อหา’ ที่ปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นั้น มีทั้งส่วนที่เหมือนและแตกต่างไปจากหนังสือพิมพ์หลักบนกระดาษที่สำคัญ หลายคนจากบางฝ่ายมองว่าบางครั้งเนื้อหาในมติชนออนไลน์นั้น ‘แรง’ ยิ่งกว่าเนื้อหาบนหนังสือพิมพ์หลักเสียอีก ! กล่าวกันว่า ค่ายมติชนเป็นอีกหนึ่งค่ายสื่อที่กำลัง ‘จัดระเบียบเชิงอุดมการณ์’ (ดูการวิเคราะห์เรื่องนี้ของ ‘ใบตองแห้ง’ ได้ที่ prachatai.com/journal/2011/08/36295) เพื่อ ‘เลือกข้างเชิงอุดมการณ์’ ให้เห็นอย่างชัดเจน ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะในต่างประเทศก็มีการแยกข้างกันชัดเจน เช่น Fox News ที่สนับสนุนพรรครีพับลิกันอย่างเปิดเผย แต่ในส่วนของสังคมไทย ถ้าพูดภาษาชาวบ้านก็ต้องบอกว่าเลือกที่จะเป็นเหลืองหรือเป็นแดงให้เห็นกันชัดๆในแง่นี้ มติชนออนไลน์จึงกำลังเป็นที่จับตามอง กับบทความเชิงข่าว บทวิเคราะห์ งานเขียนกึ่งวิชาการ และอีกหลากหลาย ที่เปิดกว้างและนำเสนอความคิดที่ต่างไปจากโลกกระแสหลัก โดยเฉพาะความคิดที่ ‘เห็นใจ’ […]Read More
เพื่อเตรียมพร้อมรับการมาถึงของนายกรัฐมนตรี คนใหม่ลำดับที่ 28 ของประเทศไทย GM จึงชวนคุณมาพูดคุยกับ ธันยวัชร์ ไชยตระกูลชัย กูรูด้านการตลาดชื่อดังที่มีผลงานในหลากหลายสื่อ ถึงทิศทางของธุรกิจและเศรษฐกิจช่วงหลังเลือกตั้ง ในประเด็นที่หลากหลายและรอบด้าน ฉายา ‘ขาโหด’ ประจำรายการ SME ตีแตก ของธันยวัชร์นั้นเหมาะเจาะกับเขาอย่างยิ่ง เพราะด้วยภูมิความรู้ที่มีอยู่ ทำให้ธันยวัชร์วิพากษ์วิจารณ์ประเด็นต่างๆ อย่างลึกซึ้งถึงแก่น ตรง แรง แบบไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม (และไม่ไว้หน้านักการเมืองสีไหนทั้งสิ้น!) ชนิดที่ฟังแล้วคุณอาจพานเกลียดขี้หน้าเขาไปดื้อๆ เลยก็ได้ อีกเรื่องราวที่ GM เชื่อว่าคุณอยากได้ยินจากปากของกูรูด้านการตลาดผู้นี้คือ บทวิเคราะห์ในเรื่องการใช้การตลาดเพื่อการหาเสียงของพรรคการเมือง ที่ว่าทำไม ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลายมาเป็นคนที่โด่งดังคับประเทศในช่วงเวลาเพียงชั่วข้ามคืน อ้อ! ช่วงท้ายๆ ของบทสัมภาษณ์ เราลองชวนธันยวัชร์คุยเรื่องงานและชีวิตส่วนตัวดูบ้าง ซึ่งเป็นอีกมุมหนึ่งของผู้ชายคนนี้ ที่คุณอาจไม่เคยได้ยินได้ฟังจากที่ไหนมาก่อน GM : เท่าที่คุณติดตามการหาเสียงของพรรคการเมืองหลายๆ พรรคในการเลือกตั้งครั้งนี้ มีพรรคไหนไหมที่ใช้การตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ธันยวัชร์ : พรรคที่ใช้การตลาดได้ค่อนข้างดีคือเพื่อไทย ก่อนหน้านี้ ยิ่งลักษณ์ (ชินวัตร) เป็นใครมาจากไหนไม่ค่อยมีคนรู้สักเท่าไหร่ รู้แค่ว่าเป็นน้องคนหนึ่งของทักษิณ แต่ช่วงเลือกตั้งยิ่งลักษณ์สามารถสร้างกระแสนายกฯ หญิงขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วมาก […]Read More