fbpx

นพพร วาทิน THE ACTION DRAMA KING

เงินทุน อำนาจ และมนตร์มายา จะเปลี่ยนแปลงวงการกีฬาตลอดไป

หลังจากที่เป็นขาใหญ่ประจำวงการบันเทิงไทยมานานกว่าสามทศวรรษ นพพร วาทิน ก็กระโดดก้าวใหญ่เข้าสู่วงการกีฬา โดยเป็นผู้จัดการถ่ายทอดสดการชกมวย ‘ไทยไฟต์’ ที่ได้รับกระแสตอบรับฮือฮา และชื่อเสียงเป็นที่จดจำได้ในเพียงชั่วเวลาแค่ 2 ปี

หลายเดือนที่ผ่านมา หลังจากแมตช์สำคัญที่แหลมบาลีฮาย พัทยา ท่ามกลางความดราม่าของคนไทยทั้งประเทศ ที่ร่วมฟูมฟายไปกับ บัวขาว ป. ประมุข ทั้งดอกไม้และกระถางก็ลอยลงมาตกที่หัวเขาไม่ได้หยุด ในฐานะที่เป็นผู้จัดงาน

มีคำชื่นชมว่าเขาคืออนาคตของวงการกีฬาไทย ที่จะนำพาเราก้าวข้ามความโบราณคร่ำครึ ให้ไปถึงระดับโลกได้เสียที และมีคำวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วง ว่าเขานำพาความสกปรกแปดเปื้อนจากวงการบันเทิง มาทำลายศักดิ์ศรีของวงการกีฬามวยไทย และสุดท้ายก็เหลือไว้แต่คดีความที่คงจะต้องต่อสู้กันไปอีกยืดเยื้อยาวนาน สร้างความปั่นป่วนและร้าวฉานให้กับทุกฝ่าย ค่ายมวย นักมวย โปรโมเตอร์ สปอนเซอร์ และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

แต่ไม่ว่าจะดีหรือร้าย อย่างน้อยๆ ผู้ชมทุกคนยังจดจำความประทับใจนั้นได้ ทั้งภาพและเสียงที่สะเทือนอารมณ์ หยาดเหงื่อ หยดน้ำตา และเลือดเนื้อของผู้ที่ก้าวขึ้นบนเวทีนั้น และก็แน่นอนว่ารวมถึงชื่อและโลโก้ ‘ไทยไฟต์’ ด้วย

มนตร์มายาของวงการบันเทิง เมื่อแพร่เข้าสู่วงการกีฬา มันได้เปลี่ยนโฉมหน้า และปรับการรับรู้ของผู้ชมไปหมด

นพพร วาทิน เป็นผู้จัดละครที่เคยกวาดมาหลายรางวัล ผู้กำกับหนังทำเงินถล่มทลาย ตั้งแต่ยุคกระโปรงบานขาสั้น มาจนถึงยุคร่วมสมัยของเรา เขาเคยปั้นดาราหนุ่มหล่อมากมายที่ลอยค้างฟ้ามาจนถึงทุกวันนี้ เรื่อยไปจนถึงการเป็นเจ้าพ่อสื่อสิ่งพิมพ์บันเทิงแนวกอสซิปดาราแน่นอนว่าเขาย่อมต้องมีคอนเนคชั่นในทุกวงการ ทั้งวงการบันเทิง หนัง ทีวี เรื่อยไปจนถึงกลุ่มทุนกระเป๋าหนัก และแม้แต่วงการการเมือง ไม่ว่าจะเป็นสีอะไร ฝ่ายไหนก็ตามที่สำคัญ เขารู้วิธีที่จะใช้สื่อ วิธีเล่นกับข่าวอื้อฉาว การใช้ซาวนด์ประกอบเร่งเร้าอารมณ์ ใช้มุมภาพและการตัดต่อที่ระทึกใจ ทุกสิ่งทุกอย่าง ถูกระดมเข้าไปใส่ในการถ่ายทอดสด ‘ไทยไฟต์’

ดังนั้น งานช้างที่เราได้เห็น รวมถึงกระแสตอบรับท่วมท้นจนกลายเป็นปรากฏการณ์ ย่อมไม่ใช่ได้มาเพราะโชคช่วย

เขานัด GM ให้ไปนั่งจิบกาแฟเย็นยามบ่าย ที่โรงแรมพูลแมน ศูนย์กลางอาณาจักรเครือคิงเพาเวอร์ และนั่นถือเป็นฐานกำลังหลักที่คอยหนุนหลังของเขา เพื่อก้าวไปสู่ธุรกิจอื่นๆ ที่น่าตื่นตะลึงต่อไปในปีหน้านี้ ทั้งสถานีทีวีดาวเทียม โครงการอสังหาริมทรัพย์ริมน้ำ และธุรกิจสินค้าที่จะติดแบรนด์ ‘ไทยไฟต์’เขาให้เวลาว่างกับเราตลอดทั้งบ่าย เพื่อสาธยายถึงความใฝ่ฝันต่อชีวิตและครอบครัว เปิดเผยแผนการที่พวกพ้องกำลังเตรียมไว้สำหรับการงานใหญ่ เขาเล่าถึงอนาคตของวงการกีฬาไทย และย้อนอดีตของวงการบันเทิงให้เราฟังอย่างน่าทึ่ง

GM เชื่อว่า เมื่อขาใหญ่ประจำวงการบันเทิงไทย ขยับเข้าสู่วงการกีฬา โดยมีมนตร์มายา เงินทุน และอำนาจการเมืองหนุนหลังแน่นหนา โลกกีฬาในสายตาของเรากำลังจะเปลี่ยนแปลงตลอดไป

GM : หลังจากความสำเร็จจากการถ่ายทอดสดศึกไทยไฟต์ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ก็มีข่าวว่าคุณมีธุรกิจใหม่ๆ

ตามมาอีกมากมาย ทั้งทีวีดาวเทียม ทั้งอสังหาริมทรัพย์ ทั้งหมดดูเหมือนจู่ๆ ก็เกิดขึ้นมาในชั่วเวลาข้ามคืน มันเกิดอะไรขึ้นกับคุณ

นพพร : ผมทำธุรกิจค่อนข้างเยอะ หลายคนอาจจะเห็นว่าผมเป็นคนทำทีวี และก็นานๆ ทีมาเป็นผู้กำกับหนังใช่ไหม หลายคนไม่รู้ว่าผมทำหนังสือพิมพ์ด้วย นิตยสารบันเทิงด้วย ทำรายการมวยไทยทางช่อง 3 มานานเป็นยี่สิบกว่าปีแล้ว ผมทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้วย เผอิญผมมีพรรคพวกเยอะ และผมคงเพิ่งมาออกสื่อบ่อยขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา คือตั้งแต่ตอนทำหนังซามูไรอโยธยา และก็จัดไทยไฟต์ถ่ายทอดสดมาติดๆ กัน

ผมทำงานอยู่ช่อง 3 มาประมาณ 30 ปี เฉพาะแค่รายการมวยไทยก็ 20 กว่าปีแล้ว คุณประวิทย์ มาลีนนท์ เขาบอกให้เราช่วยเปลี่ยนหน่อย เมื่อก่อนคุณจะเห็นรายการมวยอยู่ช่วงกลางคืน แต่ตอนนี้เปลี่ยนมาอยู่ตอนเที่ยงเลย เพราะเวลาช่วงกลางคืนเขาจะให้กับละครและวาไรตี้ ตอนแรกๆ เราก็ขาดทุนยับเยินนะ มีปัญหาตรงที่คนดูไม่คุ้นเคย นักมวยเองก็ไม่เคยชั่งน้ำหนักตอนตี 5 เพราะเรามาเปลี่ยนให้ขึ้นชกออกอากาศตอน 11.45 น. ก็ไม่ไหวกัน การต่อยก็ไม่ดี เพราะต้องลดน้ำหนัก

เรี่ยวแรงไม่ค่อยมี กว่าจะปรับตัวได้ 6-7 เดือน จนถึงตอนนี้ก็ยังทำอยู่ สนุกดีเหมือนกัน

ธุรกิจใหม่ที่คุณว่า จริงๆ แล้วผมกับผู้หลักผู้ใหญ่และพรรคพวกก็คุยกันมานาน ว่าเราต้องมีคอนเทนต์ที่แข็งแรง เพราะตอนนี้เราเอาแต่ซื้อลิขสิทธิ์เขามาตลอด เราซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลยูโร ฟุตบอลโลก ซื้อเทนนิส ซื้อกอล์ฟ ถ้าเป็นอย่างนี้เราจะเสียเปรียบเขาอย่างเดียว คนไทยมักจะมีนิสัยอย่างนี้ คือเห็นอันไหนดีก็จะไปแย่งซื้อกันมา ฝรั่งก็รวย แล้วเราเองก็มาทะเลาะกันอย่างที่เห็นในข่าว พรีเมียร์ลีกคราวนี้ บอกตรงๆ ว่าเขาประมูลกัน 4-5 พันล้าน ทั้งที่เมื่อก่อนนี้ราคาไม่เท่าไหร่เอง อย่างฟุตบอลยูโรคราวนี้ อากู๋ก็ซื้อมา 400-500 ล้านแล้ว เฮียฮ้อก็ไปซื้อลาลีกาสเปน 700-800 ล้าน ผมคุยกับหลายคนมานานแล้ว ทำยังไงให้ต่างประเทศต้องซื้อลิขสิทธิ์เรา

GM : คุณอยู่ในวงการบันเทิงมาตลอด ทำละคร ทำหนัง คอนเทนต์พวกนี้ก็เป็นลิขสิทธิ์เหมือนกัน แล้วมันสร้างผลประโยชน์ได้จริงไหม

นพพร : ได้จริงสิ ผมก็ขายลิขสิทธิ์หนังได้ตั้งหลายล้าน อย่าง ซามูไรอโยธยา พอฉายเมืองไทยเสร็จ ก็ขายลิขสิทธิ์ไปฉายทั่วยุโรป อเมริกา ก็ได้กำไรกลับมา โลกยุคนี้มันต้องเป็นแบบนี้แล้ว เราต้องทำคอนเทนต์ออกมาขายเขา แล้วคุณว่าเราควรทำอะไร ผมว่ากีฬาน่ะเหมาะที่สุด และก็ต้องเป็นมวย และมวยก็ต้องเป็นมวยไทยด้วย กีฬาอย่างอื่นของเรานี่ไม่ต้องพูดถึงเลย ไปขายลิขสิทธิ์ใคร เขาก็ไม่เอาอยู่แล้ว ขนาดฟุตบอลเจลีกของญี่ปุ่นดังๆ เรายังไม่ซื้อลิขสิทธิ์มาดูเลย เราก็เลือกซื้อบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษเท่านั้น คนไทยติดพรีเมียร์ลีกอังกฤษอย่างเดียว แต่ผมก็ตั้งข้อสังเกตว่าทำอย่างไรให้คนดูมวยไทย อันนี้สำคัญ อย่างคุณเองเคยดูมวยไทยไหม คงไม่มั้ง ผมไปถามเด็กๆ สมัยนี้ว่าดูมวยไทยหรือเปล่า ไม่เห็นมีใครดูสักคน

GM : ผมเคยดูมวยไทยทางช่อง 3 ตอนเช้าสายวันเสาร์ หรืออาจจะวันอาทิตย์ นั่นรายการของคุณใช่ไหม

นพพร : เห็นไหม!? นี่ผมทำมาจะ 22 ปีแล้ว คุณยังจำรายการผมไม่ได้เลย คำถามคือทำไมล่ะ รายการทีวีที่ยาวนานมา 20 กว่าปี ทำไมคุณจำไม่ได้ คำตอบคือมันอยู่ที่การทำแบรนด์ การทำรายการทีวีสมัยนี้จะต้องเปลี่ยนไป คือต้องเน้นคอนเทนต์ และสร้างแบรนด์ให้เข้มแข็ง ผมกล้าพูดเลยนะ ว่าอีกสัก 5 ปีข้างหน้า คำว่าช่อง 3 5 7 9 11 แทบจะไม่มีความหมายแล้ว เมื่อเทคโนโลยีดิจิตอลเข้ามาถึง ทุกช่องทางจะเท่าเทียมกันหมด เจ้าของสถานี ทุกคนเท่าเทียมกัน ดังนั้น ต่อไปทุกอย่างจึงขึ้นอยู่กับคอนเทนต์ อีกไม่นานคอนเทนต์จะต้องเป็นใหญ่

GM : ที่ผ่านมา มีแต่พวกเจ้าของช่อง เจ้าของเวลาเท่านั้นที่เป็นใหญ่

ใช่ไหม

นพพร : ใช่ครับ ต่อไปนี้ความสำคัญของแชนเนลจะลดลง ติ๊งต่างดูนะ ว่าถ้าคุณทำรายการทีวีที่ดีมากและดังมาก ในอีกไม่นาน คุณจะเอารายการคุณไปฉายช่องไหนก็ได้ ไม่มีข้อจำกัดอีกต่อไป อย่างผมพยายามปลุกปั้นไทยไฟต์ ผมหวังว่าต่อไปจะจัดการแข่งขันให้มากขึ้นและขยายไปอยู่หลายๆ ช่อง เหมือนกับโอปราห์ วินฟรีย์ แกเป็นพิธีกรใช่ไหม แกไปจัดอยู่ช่องไหนคนก็ตามไปดูกัน ต่อไปเมืองไทยก็จะเป็นแบบอเมริกา แบบญี่ปุ่น แบบเกาหลี ที่มีทีวีหลายร้อยช่อง คอนเทนต์เท่านั้นที่สำคัญ ที่คนจะตามไปดู

GM : ถ้าเทียบดูในบรรดาคอนเทนต์ด้วยกัน คอนเทนต์อะไรจะสำคัญที่สุด กีฬาใช่หรือเปล่า คุณถึงได้ทำไทยไฟต์

นพพร : กีฬาก็ส่วนหนึ่ง ผมคิดว่าทุกอย่างที่มันเป็นไลฟ์ ต่อไปอะไรที่ไม่ใช่ไลฟ์ ก็จะเหนื่อย เชื่อผม ไม่ใช่ถ่ายทอดสด จะอยู่ลำบาก ผมไม่ได้พูดเกินจริง รายการบางชนิดก็ต้องถ่ายทำอัดเทปไว้แล้วค่อยนำมาออกอากาศ ก็คงยังมีอยู่ แต่รายการไลฟ์จะมีอิทธิพลเหนือกว่า ไลฟ์มีความเป็นดราม่าสูงกว่า คนจะชอบดูมากกว่า เพราะเราคาดเดาอะไรไม่ได้ อย่างถ้าเป็นกีฬา เราไม่รู้ว่าบัวขาวจะขึ้นชกไหม เราไม่รู้ว่าบัวขาวจะชนะไหม หรือเวลาเราดูพรีเมียร์ลีกอังกฤษ เราไม่รู้ว่าเวย์น รูนีย์ จะเตะเข้าหรือเปล่า ไทเกอร์ วูดส์ จะตีช็อตนี้ลงไหม อะไรแบบนี้ ไลฟ์มันได้ลุ้น คนชอบกว่า ลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดมันถึงได้แพงขึ้นเรื่อยๆ ไง

GM : ด้วยเหตุผลเดียวกันนี้ใช่ไหม ในทุกวันนี้ รายการข่าวถึงได้มีเรตติ้งดีกว่ารายการละคร

นพพร : ก็ใช่ไงครับ ถามว่าทำไมรายการข่าวถึงมา ก็เพราะมันไลฟ์ไง คุณต้องดูเพราะมันเป็นชีวิตประจำวันของคุณ อย่างเช่น มีไข้หวัดนกระบาด แผ่นดินไหว คุณจะได้รู้แล้วก็เตรียมตัวป้องกันเอาไว้ การสื่อสารเดี๋ยวนี้มันเร็วมาก คนกลัวตายมากขึ้น เพราะฉะนั้นคุณต้องเสพข่าว

ผมอยู่ในวงการบันเทิงมานาน 30 ปี เมื่อก่อนก็ไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าจะได้เห็นภาพแบบในวันนี้ คุณเคยคิดเหรอว่าคนอ่านข่าวจะดังกว่าดาราละคร แต่ในวันนี้มันเกิดขึ้นแล้ว เจอสรยุทธเข้าไปเป็นไง เจอเอกราชเข้าไปเป็นไง ทุกคนรู้จักหมด น้องไบร์ทเพิ่งมาแป๊บเดียว เธอก็ดังแล้ว ทุกวันนี้เราจำชื่อดาราในละครไม่ค่อยได้ แต่จำชื่อพิธีกรรายการข่าวได้ เจเนอเรชั่นคนมันเปลี่ยนไปแล้ว คนรุ่นคุณเกิดมาทดแทนคนรุ่นผม คนรุ่นพ่อแม่เรายังสื่อสารไปได้ไม่ทั่ว ไม่ครอบคลุมเหมือนสมัยนี้ เขาจึงดูรายการทีวีแบบหนึ่ง พอมาถึงรุ่นคุณ มีการสื่อสารมากมายสารพัด ทั่วถึงกันได้หมด คุณจึงต้องการดูรายการทีวีที่มันไลฟ์ ผมชอบดราม่าแอ็คชั่น อะไรที่ทำ ต้องขอให้เป็นดราม่าแอ็คชั่นไว้ก่อน และอีกอย่างคืออยากจะมอบอะไรให้กับสังคมบ้าง ที่ผ่านมา ผมพยายามทำสิ่งดีๆ นะ ทำละครมือปืนได้รางวัลมาเยอะแยะ เพราะละครมันส่งเสริมสังคม ถึงจะพูดถึงชีวิตอาชญากร แต่บทสรุปมันก็สอนว่าทำชั่วได้ชั่ว เวลาทำหนังก็อยากให้มันสอนใจคน อย่างซามูไรอโยธยา ก็อยากให้คนไทยรักชาติ รักพระมหากษัตริย์ พอมาทำมวย ผมว่ามวยคือเอกลักษณ์ของชาติไทย เสียดายว่าทำไมมวยไทยถึงเข้าเอเชียนเกมส์ ซีเกมส์ หรือโอลิมปิกไม่ได้เสียที อันนี้ผมเดาเอาเองนะ เพราะชื่อ ‘มวยไทย’ นี่แหละ เป็นชื่อกีฬาเดียวที่บ่งบอกถึงความเป็นชาติแบบชัดๆ ดังนั้น พอจะเอาเรื่องมวยไทยเข้าไปพิจารณาบนเวทีโลก เฮ้ย! เรามาแข่งมวยไทยกันเถอะ แบบนี้แล้วใครจะมายกยอชาติอื่นล่ะครับ แต่ถ้าตั้งชื่อกลางๆ อย่างเช่น พาหุยุทธ์ สัประยุทธ์ ฯลฯ ป่านนี้เราได้เข้าไปแล้ว เหมือนกับปันจักสีลัต เทควันโด คาราเต้ ยูโด เขาไม่ได้ระบุชื่อประเทศเข้าไปในชื่อกีฬาไง

GM : คุณพอใจกับศึกไทยไฟต์ที่ผ่านมาแค่ไหน

นพพร : ยังไม่พอใจที่สุดหรอก ถ้าคุณพอใจและคิดว่าตัวเองประสบผลสำเร็จ คุณก็จะหยุด คุณก็จะคิดอะไรไม่ออกแล้ว แต่การทำแบรนด์ต้องทำตลอด พัฒนาตลอด มันหยุดไม่ได้ เท่าที่เราได้กลับมาในตอนนี้ ผลตอบรับนับว่าดีเกินคาดไปมาก คุณเคยคิดเหรอว่าเรตติ้งมวยไทยจะชนะละคร ชนะวาไรตี้ได้ ในคืนวันที่ถ่ายทอด คุณรู้ไหมว่าเราชนะทุกอย่าง เอสเอ็มเอสของเราได้ยอดมากที่สุดตั้งแต่ช่อง 3 มีให้ส่งเอสเอ็มเอสเข้ามาในรายการสด มันเป็นปรากฏการณ์ใหม่ เชื่อไหมว่า 48 เปอร์เซ็นต์ที่ดูไทยไฟต์เป็นผู้หญิง จากประสบการณ์ทำงานทีวีมานาน ผมรู้ว่ารายการที่จะประสบความสำเร็จได้ ต้องมีผู้หญิงดูเป็นหลัก

GM : ผมก็เห็นเพื่อนผู้หญิงหลายคนกรี๊ดกร๊าดบัวขาว และน้ำตาไหลไปกับบทบาทของบัวขาวในวันนั้น

นพพร : ประเทศไทยกำลังต้องการฮีโร่นะ และผมตอบโจทย์นี้ให้คนไทย เราต้องการความเป็นผู้นำ ต้องการสิ่งใหม่ๆ ที่ไม่เหมือนเดิม ต้องการความภูมิใจในตัวเอง ดูไทยไฟต์แล้วจะรู้สึกภูมิใจที่เกิดมาเป็นคนไทย และมีมวยไทยเป็นกีฬาประจำชาติ เวลาเราไปเจอชาวต่างชาติ เราจะคุยอะไรกับเขาได้บ้าง ตอนนี้เรามีเรื่องคุยแล้ว ไทยไฟต์ไงล่ะ นี่เทียบกันแบบปอนด์ต่อปอนด์นะ เวลาชกกันที ฝรั่งจะทำน้ำหนักลงมา ส่วนไทยก็ทำน้ำหนักขึ้นไป ฝรั่งทำ 80 กิโลกรัม ลงมา 70 กิโลกรัม พอชั่งน้ำหนักเสร็จ ของเขาก็กลับไปกินแล้วก็กลายเป็น 80 กิโลกรัมเหมือนปกติ แต่ไทยต้องทำจาก 60 กิโลกรัมกว่าขึ้นไปเป็น 70 กิโลกรัม เพราะฉะนั้นนักมวยฝรั่งจะตัวใหญ่กว่า คนไทยเห็นแล้วยิ่งสงสารนักมวยไทย มันก็ยิ่งมีความเป็นดราม่าใช่ไหม ยิ่งต้องเชียร์ ยิ่งต้องชื่นชม

ในการถ่ายทอดสดแต่ละครั้งของไทยไฟต์ ผมก็สร้างแบรนด์ด้วยการลงทุนทางด้านภาพและเสียงเข้าไป การตัดต่อ การวางภาพ มันลงทุนมหาศาล โปรดักชั่นใหญ่เหมือนกับทำหนังเลย ใช้งบประมาณทำแสงสีเสียงหลายสิบล้าน เราไปจัดที่ลานพระบรมรูปฯ ใช้ตำรวจตั้ง 700 คน เชื่อไหมพอเพลงสรรเสริญพระบารมีขึ้น พอร้อง ‘ข้าวรฯ’ คนน้ำตาไหลกันหมด ถ้าวันนั้นคุณได้ไปที่นั่น ได้ไปยืนข้างผม คุณจะเห็นภาพคุณวิชัย รักศรีอักษร คุณประวิทย์ มาลีนนท์ คุณสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ยืนเชียร์มวยไปด้วยกัน ไม่ไกลจากนั้นก็มีแม่ค้าขายส้มตำ พ่อค้าหาบเร่ คนขับรถ

ตุ๊กตุ๊ก และอีกหลายๆ อาชีพก็ยืนเชียร์กันอย่างเมามันอยู่ด้วยกัน สำหรับกีฬานะ มันไม่มีชนชั้น มวยไทยเป็นของคนไทยทุกคน ไม่มีศักดินา ไม่มีคนจนคนรวย ทุกคนเท่าเทียมกัน มันเป็นสิ่งที่ปรองดองคนในชาติ เราได้มาเชียร์นักมวยคนเดียวกัน คงไม่ง่ายที่เราจะได้อยู่ในสถานการณ์แบบนั้น

GM : นานแค่ไหนแล้วที่เราไม่มีฮีโร่ ตั้งแต่ยุคเขาทราย กาแล็กซี่ สด จิตรลดา มันเกิดอะไรขึ้นกับวงการมวยของไทย

นพพร : ส่วนหนึ่งก็เพราะมีเรื่องการพนันเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย คนเลยมองภาพพจน์ของมวยไทยว่าเป็นเรื่องของคนระดับล่าง นักมวยเป็นนักเลง การพนันทำให้มวยไทยถดถอย แต่จริงๆ แล้วนักมวยทุกคนเป็นสุภาพบุรุษ ผมไม่เคยเห็นนักมวยไทยคนไหนซ้อมเมียนะ เห็นมีแต่พวกกลัวเมียทุกคน (หัวเราะ) เพราะมวยไทยเรามีครูบาอาจารย์ คนพวกนี้ไม่รังแกผู้หญิง ไม่เหมือนกีฬาอื่นๆ นักกีฬาต่างชาติมีข่าวกับผู้หญิงเยอะแยะใช่ไหม ผมไม่รู้ว่าทำไมวันนี้ ภาพพจน์เราถึงตกต่ำลงมาเป็นแบบนี้ เวลานักมวยไทยซ้อมวิ่งตอนเช้า วิ่งผ่านผู้หญิง ก็มักจะโดนมองว่าจะมาทำอะไรผู้หญิงหรือเปล่า แต่นักมวยไทยพวกนี้ เวลาไปเตรียมแข่งต่างประเทศ เวลาซ้อมวิ่งผ่านไป จะมีผู้คนมารุมขอลายเซ็น มีสาวๆ มาขอถ่ายรูป ผมอยากให้คนไทยมองภาพของนักมวยไทยเราแบบนี้บ้าง มองนักมวยไทยว่าเป็นฮีโร่ เขาคือผู้ทำชื่อเสียงให้ชาติ เขาต้องเจ็บ เป็นกีฬาที่ต้องเจ็บตัว ต้องอดทน แต่คุณไม่ต้องห่วงนะ จริงๆ แล้ว ผมว่ากีฬามวยไทยเป็นกีฬาที่ปลอดภัยนะ ปลอดภัยกว่ากีฬาอื่นเยอะเลย

GM : ก็เห็นมีคนขนานนามว่ามวยไทยเป็นกีฬาต่อสู้ที่รุนแรงที่สุด

ในโลกไม่ใช่เหรอ

นพพร : ใช่, มันรุนแรง แต่มันไม่อันตราย มวยสากลกลับอันตรายมากกว่า ทำไมรู้หรือเปล่า? เพราะต้องต่อยจุดเดียวคือที่หัวไง คุณจำแสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ มูฮัมหมัด อาลีได้ไหม ผลจากการชกมันสะสม เมื่อก่อนชกกันตั้ง 15 ยก เดี๋ยวนี้ดีหน่อย ลดมาเหลือ 12 ยก แต่ก็ชกกันที่หัวอยู่ดี มวยไทยเราเฉลี่ยๆ กันเจ็บนะ อย่างโดนเตะเจาะยางก็แพ้ โดนเข่าจุกท้องก็แพ้ โดนตีศอกคิ้วแตกปุ๊บ แพ้เลย มีใครจะตีศอกกันให้ตายไปเลย มีไหม มันไม่มีหรอก กรรมการเห็นแตก 5 เข็ม 10 เข็ม เขาก็จับแพ้ ไม่ปล่อยให้ตาย มวยไทยจึงเฉลี่ยกันเจ็บ คุณจะบอกว่ากีฬามวยไทยอันตรายถึงชีวิตไม่ได้ ขนาดฟุตบอลเตะกันบนสนามก็ยังหัวใจวายตายได้เลย แต่ทุกกีฬายังไงก็ต้องฝึกฝน มีความชำนาญ ไม่ประมาท เป็นสิ่งสำคัญ

GM : คุณทำรายการมวยมานาน ชอบหรือไม่ชอบอะไรในวงการมวยไทยในบ้านเราบ้าง

นพพร : ผมว่าคนในวงการนี้เขามีใจรักจริงนะ แต่ผมไม่ชอบระบบการจัดการ มันไม่มีโปรดักชั่นอะไรเลย เพราะสปอนเซอร์ไม่เข้า เขาจึงค่อนข้างลำบากในการจะทำอะไร ผมก็เห็นใจนะ สังเกตว่าเวลาจัดมวยเล็กๆ โปรดักชั่นไม่ดี เพราะไม่มีเงินสนับสนุน เอเยนซี่หรือเจ้าของสินค้ามองเขาว่ามีผู้ชมเป็นคนกลุ่มน้อย ผู้หญิงไม่ดูมวยไทย พอผู้หญิงไม่ดู มันก็จบแล้วละ ทุกคนพูดแบบนี้หมด แต่ตอนนี้สิ คนดูไทยไฟต์ 48 เปอร์เซ็นต์เป็นผู้หญิง ในงานของเรามีดารา มีนางแบบสวยๆ ไปดูเยอะแยะ ไฮโซฯ ก็มาเยอะ ผมคิดว่าเรามาถูกทางแล้ว ถ้าเราทำไทยไฟต์แบบนี้ไป ทุกคนก็จะมาสนับสนุนมวยไทยเจ้าอื่นๆ ด้วย สิ่งต่างๆ จะดีขึ้นตาม เอเยนซี่และเจ้าของสินค้าก็จะมาสนับสนุน อย่างเมื่อก่อนจะมีแต่อะไรล่ะ คุณสังเกตไหม ยาฆ่าหญ้าตราหมาแดงใช่ไหม เดี๋ยวนี้เราต้องมีนีเวีย มียามาฮ่า มีคิงเพาเวอร์ด้วย ต่อไปแชมพงแชมพูต้องมากันให้หมด เกิดการเปลี่ยนแปลง เมื่อก่อนสินค้าผู้หญิงเหล่านี้เคยสนับสนุนกีฬาอื่น เดี๋ยวนี้มาสนับสนุนมวยด้วย จะทำอย่างไรให้คนดูรู้สึกว่าดูแล้วมันเอนเตอร์เทนเขา เอนเตอร์เทนด้วยอะไรล่ะ? ด้วยภาพ ด้วยแสงสีเสียง ด้วยการตัดต่อ เราได้เปรียบอยู่แล้ว เพราะพวกเราทำหนังทำละครมาก่อน

GM : ศิลปะของละครและภาพยนตร์ ถูกนำมาใช้ในการจัดรายการมวยได้อย่างไร

นพพร : ผมคิดว่าจำเป็น สำหรับผมนะ ซาวนด์สำคัญที่สุด เพราะเป็นศิลปะขั้นสูงสุดของการทำหนัง ทำอย่างไรให้คนดูอินไปกับเรา มันอยู่ที่ซาวนด์เป็นหลัก พอเพลงขึ้นมา มันจะทำให้คนดูมีอารมณ์ รู้สึกภูมิใจ มันยิ่งใหญ่ เปิดตัวบัวขาว โอ้โห! ดูยิ่งใหญ่เหลือเกิน สะกดคนอยู่ เหมือนดูหนัง Braveheart ของเมล กิบสัน ซาวนด์มันปลุกใจคน เราเป็นดราม่าอยู่แล้ว คนไทยไม่ได้เป็นรองเลยเรื่องดราม่า แต่ถ้าดูไทยไฟต์แล้วปิดซาวนด์จะจืดเลยนะ (หัวเราะ) เหมือนกับเวลาผมทำงานตัดต่อหนัง เขาจึงห้ามคนอื่นเข้าไปดูเด็ดขาด เพราะมันไม่มีซาวนด์ มันจะไม่สนุก ไม่ตื่นเต้นเลย อย่างพวกหนังผีนี่ก็เหมือนกัน ถ้าคุณดูหนังผี สมมุติเรื่องชัตเตอร์ น่ากลัวมากใช่ไหม คุณลองปิดเสียงสิ อะไรจะเกิดขึ้น (หัวเราะ)

GM : ประสบการณ์การทำหนัง ทำละคร กลายเป็นสิ่งที่สำคัญมากเลยในโลกยุคปัจจุบัน ที่เราจะใช้ในการตกแต่งคอนเทนต์อะไรก็ตาม ให้มีความน่าดูยิ่งขึ้น

นพพร : อย่างที่ผมบอกไว้ไง ว่าคอนเทนต์จะยิ่งมีความสำคัญ และเราต้องทำให้มันออกมาดูดี เหมือนกับที่วัฒนธรรมอเมริกัน เวลาเขาจะมาบุกทั่วโลก เขาก็เอาฮอลลีวู้ดมาบุกก่อนใช่ไหม เหมือนวัฒนธรรมเกาหลี เขาก็เอาแดจังกึมมาบุกเมืองไทย ถามหน่อยเถอะ เมื่อก่อนเราเคยกินกิมจิกันเหรอ? แต่ตอนนี้เรารู้จักดีกันทุกคน คุณต้องตอบโจทย์คอนเทนต์ของคุณให้ได้ และโจทย์สำคัญที่สุดคืออะไร ก็คือทำอย่างไรให้คนมาดูคุณ

GM : คุณยกตัวอย่างอเมริกันและเกาหลี สังเกตว่าหลังจากที่คอนเทนต์ของพวกเขาประสบความสำเร็จ ก็มีสินค้าทางวัฒนธรรมที่ต่อเนื่องไปอีกมากมาย

นพพร : นั่นก็เป็นสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ เมื่อแบรนด์ไทยไฟต์แข็งแรง คอนเทนต์มีคนติดตามชมเยอะ เราก็ทำสินค้าออกมาได้ เราเริ่มต้นแล้วที่ทำน้ำดื่มไทยไฟต์ ทำเสื้อ กางเกง อุปกรณ์กีฬา ฯลฯ มันเป็นของที่ระลึก นักท่องเที่ยวชอบแน่ๆ เรากำลังเตรียมวางตลาดแล้ว เริ่มต้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ทั้งอีสต์ ทั้งเวสต์ ถ้าคุณจะไปต่างประเทศคุณจะเห็นช็อปไทยไฟต์ เชื่อหรือไม่ว่า มวยไทยสามารถต่อยอดไปเป็นอะไรได้อีกหลายๆ อย่าง เป็นแบรนด์ของชาติ คิดดูว่านักท่องเที่ยว 10 กว่าล้านคนเข้ามาท่องเที่ยวในเมืองไทย หิ้วกางเกงมวยไทยไฟต์ไปแค่เศษหนึ่งส่วนสี่ก็พอ ตัวละ 2,000 บาท รายได้จะเข้าเมืองไทยกี่พันกี่หมื่นล้าน แบรนดิ้งคือทุกสิ่งทุกอย่างไปแล้ว ถ้าเราสร้างแบรนด์เสร็จ เราไปเอาสินค้าอะไรมาเกาะ ก็กลายเป็นตังค์ขึ้นมา สมมุติเสื้อผมตัวละร้อยกว่าบาท แต่พอใส่โลโก้ขีดถูก หรือโลโก้สามแถบ มันจะกลายเป็น 2,000 ได้

ต่อไปไทยไฟต์จะกระจายไปจัดทั่วโลก 50-70 ไฟต์ต่อปี กระทรวงการต่างประเทศกับทางเราคุยกันไว้เรียบร้อยแล้ว มันเป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เป็นเรื่องการถ่ายทอดวัฒนธรรม เราขอจากกระทรวงการต่างประเทศไปจัดไทยไฟต์ ประเทศละ 1 ครั้งต่อปี เขาก็ถาม ทำไมขอน้อยจัง คุณมด ไม่เอาเยอะกว่านี้เหรอ? ผมบอกว่าเริ่มต้นแค่นี้ก็พอแล้ว รวมกันปีละหน ประเทศเขาก็ยินดีไง เขาออกค่าสถานที่ให้ เราก็บริหารจัดการเรื่องมวย ทุกฝ่ายก็แฮปปี้ เป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ ถ้า 50 ประเทศ ผมก็ได้ลิขสิทธิ์ 50 ไฟต์แล้ว

GM : ความฝันเรื่องการผลักดันมวยไทยไปทั่วโลก มันมีมา 20-30 ปีแล้ว มียุคหนึ่งเราก็ฮิตไปชกกับพวกคิกบ็อกซิ่ง แต่กระแสพวกนี้มาแป๊บเดียวก็หายไป เพราะอะไร ?

นพพร : รายการพวกนั้นส่วนใหญ่ไม่ใช่คนไทยเราจัดด้วยซ้ำ แต่เป็นรายการของเมืองนอกเขา ถ้าคนไทยเราจะจัด ปัญหาก็ไม่พ้นเรื่องทุน เรื่องสปอนเซอร์นั่นแหละ ก็สปอนเซอร์ต้องมอง เขาต้องลงทุนเสียตังค์ เวลาสนับสนุนอะไรก็แล้วแต่ เขามองที่เรตติ้ง มองแบรนด์แข็งแรงไหม คนดูมากน้อยแค่ไหน มันวัดกันได้ เรตติ้งชี้วัดว่ามีคนไปดูมากแค่ไหน ต่อไปถ้าไทยไฟต์ประสบความสำเร็จตามเป้า เรื่องอื่นๆ ของวัฒนธรรมไทยก็เอาโมเดลนี้ไปใช้ได้ ไปทั้งกระบวนเลย ไทยไฟต์-ไทยฟู้ด-ไทยคัลเจอร์ เวลาผมจัดงาน ผมไปเป็นกระบวน อย่างที่จะไปจัดที่ประเทศอังกฤษ ข้างหน้างานมีอาหารไทย มีการแสดงไทยแบบต่างๆ บ่งบอกหมด เหมือนกับเทควันโด เขามาตีล้อมเราทางวัฒนธรรม เด็กอนุบาลบ้านเราต้องเรียนเทควันโด ตัวเล็กนิดเดียวต้องจ่ายค่าชุดเทควันโดกัน ผมบอกโรงเรียนว่าไม่ให้ลูกผมเรียน เพราะผมเป็นเจ้าของไทยไฟต์ ลูกผมต้องเรียนมวยไทยเท่านั้น และในเดือนสิงหาคมนี้ ไทยไฟต์จะไปจัดที่สนามฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้ เป็นประวัติศาสตร์ ‘มวยไทย’ ที่ไปต่อยในสนามฟุตบอลของอังกฤษ คนดูน่าจะถึง 2 หมื่นคน ผมเองตอนนี้ก็เป็นทีมงาน ทำทีมฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้ด้วย

GM : คุณไปทำอะไรกับทีมเลสเตอร์ซิตี้

นพพร : อ้าว! ก็คุณวิชัยเป็นเจ้าของทีมเลสเตอร์ซิตี้อยู่ไง มีคุณต็อบ ลูกคุณวิชัย ไปดูแลอยู่ที่อังกฤษ ส่วนผมทำงานในไทยทั้งหมด ดูภาพลักษณ์ ทำอย่างไรให้คนไทยรู้จักแบรนด์เลสเตอร์ซิตี้ คุณวิชัยซื้อมา 2-3 ปีแล้วตอนนี้เราก็ต้องลุยเต็มที่ ปีแรกๆ ผมยังไม่กล้าลุย เพราะผลการแข่งขันยังไม่ค่อยสวยเท่าไร แต่ปีนี้ผมว่าเราพร้อมแล้ว ทีมโค้ชค่อนข้างลงตัว นักเตะก็เริ่มลงตัวมากขึ้น 10 แมตช์สุดท้าย ผลการแข่งขันคิดว่าใช้ได้ ในฤดูกาลใหม่เรามั่นใจว่าไม่อยู่ที่ 1 ก็ที่ 2 ผมบอกคุณวิชัยว่าเราไม่ต้องลุ้นเพลย์ออฟ เราต้องเป็นที่ 1 กับที่ 2 เท่านั้น เดือนมีนาคมปีหน้าเป็นต้นไป จะพาเด็กไทย 30-50 คนไปเรียนเตะฟุตบอลที่นั่น และไปเรียนภาษาด้วย เราออกให้หมด

GM : แต่ฟุตบอลมันลูกกลมๆ มีแพ้มีชนะ คุณจะมากำกับ

ผลแพ้ชนะของทีมกีฬาได้อย่างไร มันไม่เหมือนคุณกำกับละคร กำกับดารา

นพพร : ก็ใช่ไง มันไลฟ์ เรากำกับมันไม่ได้อยู่แล้ว แต่เรากำกับให้คนชอบทีมเราได้ เอาง่ายๆ ยกตัวอย่างบัวขาว ก่อนหน้านี้มีคนไทยสักกี่คน

ที่รู้จักบัวขาว มีรู้จักบ้างก็พวกคอกีฬา และบางคนที่เปิดดูยูทูบใช่ไหม คนส่วนใหญ่ไม่รู้จักหรอก แต่ตอนนี้ทุกคนรู้จักหมด ตอนนี้ผู้ชายอันดับหนึ่งของประเทศไม่ใช่ณเดชน์นะครับ แต่เป็นบัวขาว ป. ประมุข สำรวจเรตติ้งมาแล้ว ทีมเลสเตอร์ซิตี้ก็เช่นกัน มันเป็นของคนไทยแล้วนะ

คุณต้องรู้สึกดีล่ะ ผมไม่รู้ว่าคุณเป็นหงส์แดง หรือผีแดง หรือเชียร์ทีมไหนอยู่ในใจ ผมอยากให้ในใจของคุณแบ่งให้เลสเตอร์ซิตี้ด้วยหนึ่งทีม

GM : ในใจผมมีแต่ทีมชาติไทย และที่เหลือก็เอาไว้ให้ไทยพรีเมียร์ลีก

นพพร : (หัวเราะ) ผมก็เหมือนกัน แต่คุณคิดเหรอว่าฟุตบอลไทยเราจะไปเตะบอลในระดับโลกได้ มันยังไม่ได้หรอก แต่นี่คือทีมอังกฤษที่มีเจ้าของเป็นคนไทย คุณคิดว่าฟุตบอลไทยจะไปถึงระดับบอลโลกได้เมื่อไร

GM : เขาก็พูดๆ กันว่าอีกประมาณ 10 ปี เพราะตอนนี้แนวโน้มของไทยพรีเมียร์ลีกได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ

นพพร : อีกไกลครับ ตอนนี้เราพัฒนา ชาติอื่นเขาก็พัฒนาไปเหมือนกัน โจทย์ก็คือเราจะทำยังไงให้นักเตะไทยไปเตะในระดับโลกได้เร็วขึ้น เหมือนเกาหลี ญี่ปุ่น ในความคิดของผมนะ ยังไงๆ ก็ต้องให้นักเตะไทยได้เข้าไปเล่นในทีมเลสเตอร์ฯ ให้ได้ก่อน เริ่มที่อคาเดมีก่อนก็ได้ การที่คุณวิชัยเป็นเจ้าของทีมฟุตบอลต่างชาติ มันเป็นประโยชน์กับไทยพรีเมียร์ลีก และกับทีมชาติไทยไปในตัว เรามีโอกาสพานักเตะไปได้ พอกลับมาจากลีกของต่างประเทศ นักฟุตบอลพวกนี้ก็จะแข็งแกร่ง เก่งขึ้นเรื่อยๆ ต่อไปเราก็ต้องส่งนักเตะไปหาประสบการณ์กับลีกในต่างประเทศให้มากๆ จะเป็นโมเดลอย่างนี้ เราจะได้บุคลากรที่มีศักยภาพ ถ้ามาถามว่าเมื่อไรบอลไทยจะไปบอลโลก มันไปลำบากไง เพราะศักยภาพของคน วิ่งๆ อยู่ในสนามแรงปะทะ ทักษะในการเล่นของนักกีฬาไทยมันสู้เขาไม่ได้ สรีระเราก็สู้เขาไม่ได้ด้วย เราต้องการนักฟุตบอลไทยอาชีพแบบระดับโลกจริงๆ ถึงจะนำพาฟุตบอลไทยสู่ระดับโลกได้

GM : คนหัวเก่าในวงการมวยไทย บอกว่านี่ไม่ใช่มวยไทย เพราะมวยไทยต้องชก 5 ยก ต้องมีน้ำเงิน มีแดง

นพพร : พ.ร.บ. มวย ไม่ได้จำกัดว่าคุณต้องเป็นสีแดง-น้ำเงิน มันไม่ได้มีเขียนไว้นะ ทำไมผมถึงเลือกใช้ดำ-ขาว เพราะมันดูทันสมัยไง วัยรุ่นชอบ ผมก็ต้องฉีกตัวเองออกมา ด้วยการใช้สีขาว-ดำ เป็นสีที่ตอกย้ำแบรนด์ เราสามารถสร้างภาพลักษณ์ให้คนรุ่นใหม่ชอบได้ คุณเองวันนี้ยังใส่เสื้อดำมาเลย และอีกเรื่องหนึ่ง การต่อยมวย 3 ยก กับ 5 ยก ก็มีคนมาต่อว่าเราเยอะ ทั้งที่จริงๆ แล้วประเด็นเรื่องจำนวนยกนี่มันไม่ใช่อะไรหรอก มันมาจากข้อจำกัดเรื่องเวลาของช่อง 3 แพงมาก คิดว่าถ้าผมได้เวลามา 2 ชั่วโมง ชกคู่ละ 5 ยก จะชกได้แค่กี่คู่? ทุกอย่างมันมีเหตุผลของมันเอง

จริงๆ แล้วมวยไทยเดี๋ยวนี้ ก็ชกจริงแค่ 3 ยกหลังอยู่แล้ว สองยกแรกก็ดูเชิงกันไป ไทยไฟต์เรามีในสัญญาเลยนะ ระฆังตีเป๊ง! คุณต้องชก ไม่อย่างนั้นคุณโดนปรับแพ้ คุณไม่ได้ตังค์ด้วยนะ ถ้ามัวแต่มาดูเชิงกัน และไทยไฟต์ปี 2557-2558 ผมจะขึ้นเงินรางวัลให้เป็น 5-10 ล้านสำหรับคนชนะ เราให้เงินมากขึ้น เราก็จะได้นักมวยที่ดีเพิ่มขึ้นมาด้วย ไม่มีของดี ในราคาถูกอยู่แล้ว จริงไหม

GM : แบบนี้นักมวยไทยไม่สมองไหล มาต่อยไทยไฟต์กันหมดเหรอ

นพพร : ไม่หรอก เราไม่ใช่มวยตู้ที่จัดกันทุกอาทิตย์ ปีหนึ่งเราจัดชกในไทยสัก 3 ไฟต์เท่านั้น และเราก็เป็นมวยใหญ่ 70 กิโลกรัม คุณลองไปดูราชดำเนิน ลุมพินี นักมวยพวกนั้นแตกต่างกับของเรา ในเมืองไทยใช้นักมวยเล็ก เพราะมวยเล็กมันเร็วไง มีโอกาสพลิกไปพลิกมา นักพนัน ลุ้นกันได้สนุกกว่า มวยไทยจึงมีแต่ตัวเล็กๆ

GM : แปลว่ารูปร่างของนักมวยไทย ถูกกำหนดโดยนักพนันมาโดยตลอด

นพพร : อันนี้แล้วแต่คุณจะวิเคราะห์ก็แล้วกัน ทุกคนมีมุมมองของแต่ละคน มวยไทยไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง มันก็ต้องปรับเปลี่ยนไปตามสถานที่ในการแข่งขัน ลุมพินี ราชดำเนินอย่างหนึ่ง ไทยไฟต์อย่างหนึ่ง เมืองนอกอย่างหนึ่ง

คนไทยไม่ค่อยรู้หรอกว่ายังมีนักมวยอีกมากมายในต่างประเทศ ที่ผ่านมาพวกนี้ต้องไปต่อยต่างประเทศ แพ้บ้าง ชนะบ้าง ไปต่อยคิกบ็อกซิ่ง ไปต่อยสไตล์เค-วัน จนตอนนี้เค-วันเลิกไปแล้วนะ เพราะหลังๆ มันมีแต่หมัดกับเท้าเท่านั้น แต่ไม่มีศอก ไม่มีโน้มคอตีเข่าแล้ว การน็อกก็เลยยาก ดูไม่สนุกหรอก ไม่เหมือนเมื่อก่อน เค-วันมีครบเครื่อง เลยนะ สมัยบัวขาวไปต่อยเค-วัน หมัดเท้าเข่าศอก มีน็อก มีแตก เหมือนไทยไฟต์ตอนนี้แหละ ทำให้เกิดภาพความเร้าใจ ตื่นเต้น เพราะคนเรามันชอบความรุนแรง ไทยไฟต์ไม่น็อกกันเยอะๆ คนก็ไม่อยากจะดูหรอก แต่ถ้ามีน็อก มีแตก คนก็ชอบเพราะสะใจ นี่คือสิ่งที่ทำให้เกิดเรตติ้ง ในเมื่อเค-วันจำกัดบัวขาวไม่ให้ใช้ศอก ไม่ให้โน้มคอตีเข่า การน็อกก็น้อยลง ความเสื่อมถอยมันก็เลยเกิดขึ้น

การที่คนไทยไปต่อยกับฝรั่ง อย่างที่บอกไป ว่าฝรั่งลดน้ำหนัก แต่คนไทยกลับเพิ่มน้ำหนัก หมัดมันกับหมัดเรา ก็ต้องยอมรับว่าหมัดมันหนักกว่าเรา ทำไมเขาทรายต้องจำกัดอยู่แค่ 115 ปอนด์ ลองเพิ่มน้ำหนักขึ้นไปสิ เจ๊งแน่ เพราะสรีระของฝรั่งได้เปรียบคนไทย แต่พอเป็นมวยไทย เรามีศอก เรามีโน้มคอตีเข่า เวลาฝรั่งต่อยมวยไทย มันก็ไม่ค่อยกล้าเข้าไง เพราะกลัว เดินป้าบๆ เข้ามาโดนศอก สมมุติต่อยๆ กันอยู่ คะแนนเราตามอยู่ใน 2 ยกแรก พอขึ้นยก 3 ศอกโป้งเข้าไปแตก แพ้เลย เห็นไหม? นี่คือเสน่ห์ของมวยไทย กีฬาอื่นไม่มี และนี่แหละคืออนาคตของเรา

GM : สรุปว่าเสน่ห์ก็คือความรุนแรงใช่ไหม

นพพร : (หัวเราะ) ใช่, แต่ต้องอยู่ในสนามนะ มีการควบคุมดูแล เสน่ห์อยู่ที่การออกอาวุธมวยไทยให้ครบ ต่อยกันตลอด หัวใจต้องเกินร้อย

นี่แหละเสน่ห์ของมวยไทย

GM : มันเหมือนกับว่าเราทุกคนกำลังรอดูความซวยของใครสักคน ผ่านสื่อที่ทันสมัยขึ้นเรื่อยๆ

นพพร : กีฬาทุกกีฬาก็ต้องมีคนโชคดีกับโชคไม่ดี ก็เหมือนดูฟุตบอล เราก็ต้องรอดูตอนเขายิงประตูใช่ไหม ฝั่งหนึ่งยิงได้ นั่นคือความซวยของอีกฝั่งไงล่ะ มันสะใจ ยิ่งถ้าเป็นความซวยฝ่ายตรงข้ามกับที่เราเชียร์อยู่ เราก็ยิ่งสะใจ มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ สิ่งเหล่านี้เราต้องเอามาใช้ เอามาทำให้เป็นดราม่าได้ มันไม่ใช่เรื่องเสียหายนะ เรามีมวยไทยที่รุนแรงและสวยงามที่สุดในโลก เรามีอาหารไทยที่เผ็ดร้อนจัดจ้านที่สุดในโลก เราต้องดึงความแข็งแกร่งเหล่านี้ออกมา

GM : นี่เป็นสไตล์ของคุณเลยหรือเปล่า ที่ชอบอะไรดราม่าๆ ความรุนแรง รสชาติเผ็ดร้อนจัดจ้าน

นพพร : แต่มันต้องให้อะไรกับคนดู มันพูดถึงความเป็นจริงของสังคมไทย คุณดูสิ ตอนนี้คนใจร้ายมากขึ้น เห็นแก่ตัวมากขึ้น คุณดูในสภาสิ เราต้องช่วยกันทำให้สังคมดีขึ้น กีฬามีส่วนที่จะทำให้เกิดความสามัคคี ปรองดองในชาติได้

GM : ชั้นวางดีวีดีที่บ้านคุณ คงมีแต่หนังแอ็คชั่น ระเบิดตูมตาม

นพพร : แน่นอน, แอ็คชั่นดราม่าอย่างเดียว หนังนิ่งๆ ไม่มีอยู่แล้ว อย่างล่าสุดที่ชอบมากๆ คือ Real Steel ที่มีหุ่นยนต์ชกมวย มันก็มีดราม่าด้วย ผมชอบหนังเรื่องนี้มาก มันแอ็คชั่นด้วย และดราม่าด้วย ดูแล้วอินเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูกชาย พ่อมันเลว เหลวไหล เหี้ยเสียจนทิ้งลูก ทิ้งเมีย พอต้องกลับมาอยู่ด้วยกัน ก็ไม่รู้สึกรักกันอีกต่อไปแล้ว แต่ในตอนสุดท้าย ถ้าคุณได้ดู ก็จะเห็นว่าการแข่งขันชกมวย ซึ่งเป็นเรื่องความรุนแรงใช่ไหม แต่มันก่อให้เกิดการปรองดองกันได้ สุดท้ายพ่อกับลูกก็ปรับความเข้าใจกัน มวยไทยเป็นกีฬาแห่งมิตรภาพ ผมอยากให้คำจำกัดความแบบนี้ ผมอยากทำไทยไฟต์เพื่อให้คนไทยรักกัน

GM : ถึงแม้ความดราม่าในหนังจะช่วยปลุกเร้าอารมณ์ความรู้สึกรักชาติได้ แต่หลายคนบอกว่าคุณบิดเบือนประวัติศาสตร์ในหนังเรื่องซามูไรอโยธยา แบบนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่

นพพร : มันไม่มีคนรู้ความจริงทั้งหมดหรอก โดยส่วนตัว ผมเชื่อว่ายามาดะมาตายช่วงเลยสมัยพระเจ้าทรงธรรมไปแล้ว คือช่วงสมัยพระเจ้าปราสาททองโน่นเลย ยามาดะตายที่ภาคใต้ แต่หนังของผมเล่าไปไม่ถึงช่วงนั้นไง ผมเล่าช่วงที่ยามาดะเริ่มเข้ามากรุงศรีอยุธยา ผมตีความด้วยเหตุผลส่วนตัว ผมมองว่าคนเราขึ้นมาเป็นใหญ่ได้ มันต้องบู๊เก่ง ยิ่งสมัยก่อนเป็นยุคที่เต็มไปด้วยสงคราม คนต้องบู๊ก่อนเลย ยามาดะในมุมมองของผมจึงต้องบู๊เก่ง จริงๆ แล้วไม่มีใครยืนยันได้ ว่ายามาดะเข้ามาเมื่อไร ยุคนั้นมีคนญี่ปุ่นเข้ามาไม่รู้กี่พันกี่หมื่นคน และเราก็ไม่รู้ความจริงหรอกว่าเขามาเมืองไทยเพราะอะไร อาจจะเพราะคนญี่ปุ่นไม่เอาเขาก็ได้ มีใครบ้างที่จะอยากจากบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองมาเป็นทหารรับจ้าง เพียงแต่ว่าเราเลือกนำเสนอเขาแบบไหน คือให้ดีกับทั้งสองฝ่าย ญี่ปุ่นดูแล้วก็รู้สึกดี ไทยดูก็รู้สึกดี นี่ต่างหากคือวิธีการพรีเซ้นต์หนังของเรา ประวัติศาสตร์มันก็เขียนขึ้นโดยคนทั้งนั้น จะให้ดีหรือเลว คนเขียนต่างหากที่เป็นคนกำหนด

GM : แปลว่าเราเลือกได้เองตามใจเลยหรือว่าจะนำเสนอหนังที่อิงประวัติศาสตร์ ว่าจะให้ออกมาอย่างไร

นพพร : ไม่ใช่ ผมก็มีอาจารย์ที่ปรึกษาประวัติศาสตร์เหมือนกัน มันเป็นหนังนะ ไม่ใช่สารคดีประวัติศาสตร์ ตอนผมทำหนัง ผมนึกเสมอนะ

ว่าเด็กของเราจะได้อะไรจากมัน จะรักชาติ รักพระเจ้าอยู่หัวไหม นี่ต่างหากที่เราต้องทำ คุณต้องพยายามคิดให้คนรักชาติ ให้คนปรองดอง ไม่ใช่คิดแต่จะเสนออะไรไปตามความเชื่อของคุณ แล้วคอยไปบอกว่าคนอื่นไม่ถูกต้องอย่างนั้นอย่างนี้ มันถึงได้ทะเลาะกันไง คนหนึ่งบอกว่ากูถูก อีกคนก็แย้งว่ากูต่างหากที่ถูก มันก็ไม่รู้หรอกว่าใครถูกกันแน่ จริงไหม แต่ทำไมมาทะเลาะกัน ผมทำหนังซามูไรอโยธยา เพื่อให้ดูคนญี่ปุ่นคนนี้ เขายังรักประเทศไทยเลย ผมเอาตัวละครยามาดะ มาวิพากษ์วิจารณ์คนไทยในช่วงเวลานั้น ทำไมคนไทยต้องแบ่งแยกกัน ต้องทะเลาะเบาะแว้งกัน

GM : เห็นมีบัวขาวมาแสดงหนังเรื่องนี้ด้วย และมาชกไทยไฟต์ให้คุณด้วย อยากรู้ว่าต่อไป อนาคตของบัวขาวจะเป็นอย่างไร

นพพร : จริงๆ แล้วบัวขาวไม่ได้เกี่ยวอะไรกับไทยไฟต์ มีนักข่าวชอบมาถามผม ว่าบัวขาวเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดกระแสไทยไฟต์ ผมก็ตอบไปว่า ไทยไฟต์ทำให้เกิดกระแสบัวขาวต่างหาก ไทยไฟต์เราอยากจะช่วยสร้างนักมวยขึ้นมาเยอะๆ เมื่อก่อนดูมวยที่เวทีราชดำเนิน ลุมพินี คนดูเยอะมาก เก็บเงินทีได้สี่ห้าล้าน คุณทรงชัยเก็บได้เยอะแยะเลยเห็นไหม แต่ตอนนี้ไปดูสิ ที่ว่างเหลือเพียบ เซียนนอนเล่นกันเลย แต่ถึงยังไงเขาก็ต้องจัด

เดี๋ยวนี้คนจำชื่อนักมวยไทยได้ไม่กี่คน ฟรีทีวีก็ไม่ให้ความสนใจเหมือนเมื่อก่อน นักมวยไทยจึงถูกลืมเลือน คุณจำชื่อนักมวยไทยได้มั้ยนอกจากบัวขาว เมื่อก่อนยังมีสามารถ พยัคฆ์อรุณ, เจริญทอง เกียรติบ้านช่อง, วังจั่นน้อย ส.พลังชัย, แก่นศักดิ์ ส.เพลินจิต นักมวยไทยเก่งๆ 40-50 คน เราช้อปได้เลย เวลาจะไปจัดงานเมืองนอก จะให้ต่อยกับญี่ปุ่นเหรอ จัดนักมวยคนนี้ไป คนนี้ไม่ว่าง ก็เอาใครก็ได้หมดเลย เดี๋ยวนี้จะหยิบใครไปชกล่ะ ยาก เหลือน้อยแล้ว ไทยไฟต์มาเพื่อจะสร้างนักมวย นี่คือเป้าหมายหลัก ใครอยากเอานักมวยไทยไฟต์ไปต่อยก็เอาไปได้เลย ต่อไปเราต้องสร้างนักมวยให้สามารถช้อปได้ 40-50 คนเหมือนเมื่อก่อน บัวขาวก็เป็นส่วนหนึ่งในนั้น ซึ่งเขาจะมาชกให้เราอีกหรือเปล่า ผมก็ยังไม่รู้

GM : อยากให้คุณช่วยเล่าถึงธุรกิจใหม่ๆ อย่างเรื่องความคืบหน้าของสถานีทีวีของคุณ

นพพร : เราจะเริ่มปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้าแน่นอน ใช้ชื่อช่องสปอร์ตเพาเวอร์ จะเป็นการถ่ายทอดสดกีฬาต่างๆ มันจะมีไทยไฟต์อย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีรายการอย่างอื่นด้วย เราจะถ่ายทอดด้วยระบบดาวเทียม เคยูแบนด์ ต้องเป็นเคยูแบนด์เพราะมันจะได้จำกัดในประเทศ ต่อไป

มันจะมีเรื่องลิขสิทธิ์เข้ามาเกี่ยวข้อง มีคนติดต่อซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดไทยไฟต์เยอะ แต่ผมยังไม่ตัดสินใจ ผมเริ่มทำจากการขายลิขสิทธิ์รายการเป็นเทปก่อน เพราะเมื่อไรที่ขายลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด จะมีปัญหาจอดำเกิดขึ้นทันที เพราะบางจานต่างประเทศรับสัญญาณได้ด้วย และถ้าช่องสปอร์ต เพาเวอร์จอดำเมื่อไรนะ ผมโดนด่าพ่อล่อแม่แน่นอน มันจะแตกต่างกับยูโร 2012 ของอากู๋ ที่ไม่ให้ทรูและจานอื่นถ่ายทอดสด

นั่นเป็นของเมืองนอก เขาเจรจากันไว้อย่างไรก็ตามนั้น แต่ไทยไฟต์นี่มันของคนไทยแท้ๆ ถ้าจอดำเพราะขายลิขสิทธิ์ไปเมืองนอก ผมว่าไม่ได้ แต่ผมเชื่อว่าอีกไม่นาน ระบบถ่ายทอดทีวีทุกอย่างจะเป็นเคยูแบนด์หมด พวกจานใหญ่ๆ จะหายไป ยิ่งถ้าดิจิตอลเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องทีวีอีกทุกอย่างก็จะเปลี่ยนแปลงรวดเร็วขึ้นไปอีก

GM : ธุรกิจของคุณแตกออกไปเร็วมาก ทั้งหมดนี้มาจากคอนเนคชั่นที่ดีใช่ไหม

นพพร : กว่าจะมีวันนี้ได้ ผมเจอปัญหาล้านแปด กว่าจะมีไทยไฟต์ฉายทางช่อง 3 คุณก็น่าจะรู้ว่าช่อง 3 ขอเวลาได้ยากเย็นแสนเข็ญ มันเป็นไพร์มไทม์ด้วย ผมต้องโน้มน้าวนายให้โอเค เราไม่มีแมททีเรียลเลย ไม่มีภาพให้เขาเห็นด้วยนะ เราไม่เคยจัดไง มีแต่ลมปากพูด ทำแบบนี้นะ มีแสงสีเสียง ผมเข้าไปหาคุณอัมพร มาลีนนท์ ท่านนี้เป็นนายโดยตรง คุณอัมพรถามว่าตกลงเป็นมวยหรือเป็นคอนเสิร์ตเนี่ย (หัวเราะ) ต้องอธิบายกันหลายวัน สุดท้ายแกก็บอกโอเค คุณมดเอาไปทำ 3 ไฟต์ คุณมดมีโอกาสแค่ 3 ไฟต์ ไม่ดีก็เลิก ไม่ให้อีกแล้ว ผมก็เข้าใจเพราะว่าเวลาของช่องเป็นเงินเป็นทอง ช่อง 3 ขายโฆษณานาทีละ 4 แสนกว่า แต่เขาก็ยอมเสี่ยงกับเรา

หลังจากนั้น ก็เจอขั้นตอนที่ปวดหัวมาก แล้วเงินล่ะ จะหาเงินจากที่ไหนมาจัดตัวงาน เอเยนซี่หรือเจ้าของสินค้าทั้งหลาย ก็อย่างที่คุณ

รู้ๆ อยู่ คุณทำนิตยสารก็น่าจะรู้ว่ากว่าจะเอาเงินจากเขามามันยาก ต้องใช้เงินมหาศาลด้วย พอบอกตัวเลขเขาไป หงายท้องกันหมดเลย สุดท้ายโชคดี ผมมีพรรคพวกเยอะ ผมรู้จักพี่วงษ์-ไพวงษ์ เตชะณรงค์ พ่อของสงกรานต์ เตชะณรงค์ นั่นแหละ เราสนิทกันมา 20 กว่าปีแล้ว ผมก็ไปเล่าให้เขาฟัง ว่ากำลังทำไทยไฟต์แบบนี้ๆ นะ เขาก็บอกว่าจะพาไปคุยกับคุณสุวัจน์ ลิปตพัลลภ พี่วงษ์ก็ยกหูตรงนั้นเลย ท่านครับเดี๋ยวจะพาน้องผมไปคุยด้วย คุณสุวัจน์ก็บอกว่ามาเลย พรุ่งนี้เจอกัน ผมก็เลยเข้าไปอธิบายให้ฟัง ท่านก็ชอบ ท่านเป็นคนที่มีวิชั่นนะ ท่านมองภาพออก แต่พอผมบอกตัวเลขไปเท่านั้นแหละ ท่านหงายท้องเลย บอกว่าเคยแต่จัดมวยแค่หลักแสนเอง มันไม่กี่ตังค์ แต่ทำไมไทยไฟต์มันต้องใช้เงินมหาศาลอย่างนี้

GM : ตอนนั้นคุณเสนอไปเท่าไร

นพพร : หลักหลายสิบล้าน แต่ผมก็รับปากท่านนะ ว่าต้องทำให้สำเร็จ ผมรับรอง เราทำเพื่อชาติจริงๆ ถ้าทำแบบนี้ ทั่วโลกจึงจะยอมรับมวยไทยของเรา เด็กไทยเองตอนนี้ก็ไม่ดูมวยไทยแล้ว พอไปถามเด็กรุ่นใหม่อายุ 17-18 เขาไปดูมวยยูเอฟซี ดูมวยในกรง อัลติเมต ไฟท์ติ้งนั่นแหละ เรากำลังโดนกลืนไปหมดแล้ว เราจะต้องทำไทยไฟต์เพื่อให้เขากลับมา พูดอธิบายไปยาวเลย ว่ามีแสงสีเสียงนะ ต้องลงทุนนะ ท่านบอก อ่ะ โอเค หนเดียวนะ แล้วสุดท้ายมันก็ออกมาอย่างที่เห็นกันนี่แหละ ต้องกราบขอบคุณท่านสุวัจน์ และอีกหลายๆ สปอนเซอร์ที่เกี่ยวข้อง

GM : ถ้าสถานการณ์ทางการเมืองของบ้านเราแย่ลงๆ หรือมีการเปลี่ยนแปลงขั้วอำนาจ หรือสถานการณ์ทางเศรษฐกิจแย่ลงอีก คุณเตรียมแพลนบีเผื่อไว้สำหรับไทยไฟต์หรือเปล่า

นพพร : เราจะไม่แย่ลงกว่านี้หรอกครับ ถ้าผมพูดไปคุณจะว่าผมเป็นคนหัวโบราณหรือเปล่า ผมว่าเมืองไทยเรามีวีรกษัตริย์ ทุกๆ 200 ปี

จะมีวีรกษัตริย์หนึ่งพระองค์ จากพระนเรศวร มาพระเจ้าตากสิน ตอนนี้มาในหลวงของเราไงล่ะ ผมเชื่อในพระสยามเทวาธิราช เชื่อว่าพระพุทธคุณมีจริง กระแสจิตมีจริง เมืองไทยมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมาย แต่คนรุ่นใหม่ไม่เชื่อ แต่หลายๆ ครั้ง ก็เคยประสบขึ้นกับตัวเองเหมือนกัน เหมือนกับพระเครื่อง คนอื่นพูดถึงพระองค์นี้เหนียว องค์นั้นเหนียว พูดแบบนี้ผมก็ไม่เชื่อ ผมเองสะสมพระมานาน ผมรู้แล้วว่าพระเครื่องคือสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ สมเด็จวัดระฆังองค์ละ 30-40 ล้าน เขาบอกว่านี่มีเมตตามหานิยม ผมก็ไม่เชื่อ แต่ผมจะมองต่างออกไป ผมเชื่อว่าเมื่อไรก็ตามที่เรามีอะไรให้ศรัทธา ยึดเหนี่ยว สมองจะปลอดโปร่ง ใจจะนิ่งสงบ มีความคิดริเริ่ม มีพลังที่จะทำงาน สมมุติผมได้สมเด็จวัดระฆังมาหนึ่งองค์ ผมไปไหน

ก็จะยิ้มแย้มแจ่มใส ผมมีความสุข เพราะใจผมมีที่ยึดเหนี่ยว ผลที่ตามมา คือมีคนชอบ นี่แหละคือเมตตามหานิยม คุณสังเกตไหม พวกผู้ใหญ่

ที่ประสบความสำเร็จ ส่วนใหญ่แขวนพระทั้งนั้น

อีกอย่างหนึ่ง ผมคิดว่าสังคมไทยจะไปต่อได้ การเมืองไทยก็จะเป็นแบบนี้ไปอีกนานเลย เลือกตั้งครั้งต่อไป พรรคที่มีคะแนนเสียงมาก

อาจจะไม่ได้เป็นนายกฯ แล้วนะ อาจต้องหาคนกลางในพรรคเล็กพรรคน้อยขึ้นมาเป็นนายกฯ เพราะมันตกลงกันไม่ได้ แต่สิ่งต่างๆ จะไปได้ของมัน ปัญหามีไว้แก้ สิ่งสำคัญกว่านั้นคือทำอย่างไรให้คนรักชาติ ไม่ใช่เฉพาะให้ฝ่ายการเมืองทำ ฝ่ายเอกชนทุกคนต้องช่วยๆ กันทำ การนำพาชาติไทยให้เดินไป เป็นโจทย์ของเราทุกคน กีฬาก็จะทำให้ประเทศเราแข็งแรงขึ้น คนจะปรองดอง รักกัน เพราะเราร่วมเชียร์กีฬาเดียวกัน พวกคนที่มาดูไทยไฟต์ของผม มีทั้งเหลือง ทั้งแดง ทั้งอะไร ผมรู้จักหมดเลย มาเจอกันในงานก็รักกัน คุยกันดี ถ้าเราได้มีอีเวนท์แบบนี้บ่อยๆ สังคมน่าจะดีขึ้น ต่างกับเวลาอยู่ในสภาใช่ไหม กูจะฆ่ามึง แต่พอมาเจอกันที่งานไทยไฟต์ ไม่เห็นมีใครโกรธกัน เกลียดกันแบบนั้น

GM : คุณอยากเป็นนักการเมืองไหม

นพพร : มีคนติดต่อผมมานะ แต่ผมไม่เอา รู้สึกว่ามันเป็นงานที่ไม่จริงใจ ผมเกลียดคนไม่จริงใจ

GM : แต่งานในปัจจุบันของคุณ ต้องอาศัยคอนเนคชั่นนักการเมืองหลายฝักหลายฝ่ายด้วยนี่

นพพร : นักธุรกิจส่วนใหญ่ก็จะไม่ไปอิงอยู่กับพรรคใดพรรคหนึ่งอยู่แล้ว เราถือว่าทำธุรกิจเพื่อประโยชน์ของตัวเราเองด้วย และประเทศชาติก็ได้ประโยชน์ด้วย ผมว่าเราต้องเอากีฬาตัดทิ้งจากเรื่องการเมือง กีฬาหลายๆ อย่างที่มีการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องเยอะๆ สุดท้ายจะไม่เวิร์ก ไทยไฟต์เราไม่เป็นแบบนั้น มวยไทยไม่ใช่ของใครคนหนึ่งคนใด เป็นของทุกคน มันจึงไม่ใช่เรื่องของการเมือง

GM : ความคืบหน้าของโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ย่าน

ปากคลองตลาด

นพพร : นั่นก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนเรา แต่อันนี้น่าจะเสร็จก่อนเลย คือเราจะมีไทยไฟต์ อารีน่า ที่พัทยา ทำกับคุณวิชัย คุณเห็นคิงเพาเวอร์

ที่พัทยาไหม ดิวตี้ฟรีใหม่ ใหญ่มาก ข้างหลังนั่นจะเป็นอารีน่าไทยไฟต์ จุคนประมาณสามพันกว่าคน

ส่วนที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นพื้นที่ของคุณเฉลียว ปรีกราน ไทยไฟต์เราก็จะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในนั้น นี่เป็นความใฝ่ฝันของผมตั้งแต่ตอนยังเด็กๆ อยู่ อยากเห็นค่ายมวยไทยริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา มีค่ายมวยไทยแบบสวยๆ นักท่องเที่ยวต่างชาติเห็นแล้วจะรู้สึกดี ตึกไทยไฟต์ของเราก็จะเป็นโคโลเนียลสมัยรัชกาลที่ 5 ตั้งแต่โรงเรียนราชินีถึงสะพานพุทธ ที่ตรงนั้นจะมีไทยไฟต์-ไทยฟู้ด-ไทยคัลเจอร์ ครบทั้งกระบวน เลย ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา คุณว่าจะเวิร์กไหมล่ะ โครงการนี้จะเสร็จกลางปีหน้า

GM : มันจะเหมือนเอเชียทีคไหม เดี๋ยวนี้มีสถานที่เก๋ๆ ใหม่ๆ ผุดขึ้นมาเป็นกระแส ซึ่งคนชอบไปกันมาก

นพพร : ไม่เหมือน ของเขาอยู่ด้านนู้น ใกล้สะพานกรุงเทพ ของเราอยู่ทางนี้ มีพื้นที่ประวัติศาสตร์ไทยมากมาย วัดอรุณฯ โบสถ์ซางตาครู้ส สะพานพุทธ ฯลฯ และของเรา ผมคิดว่าฝรั่งจะเยอะกว่าคนไทย เป็นนักท่องเที่ยวที่มาย่านนั้นทั้งหมด เพราะต่อไปอะไรก็แล้วแต่ในเขตกรุงเก่า อย่างตรงแถวๆ วัดพระแก้ว เราจะไม่เห็นรถบัสนักท่องเที่ยวมาจอดแล้วนะ เพราะเขาจะห้ามรถบัสเข้าเด็ดขาดแล้ว ที่เคยเห็นจอดกันแถวหน้าศิลปากร หน้าวัดโพธิ์ อีกหน่อยจะไม่มีแล้ว กทม. กำลังจะสั่งย้ายรถนักท่องเที่ยวทุกคันไปจอดที่ตรงสายใต้เก่า รถบัสทุกคันจะไปอยู่ตรงนั้น เราจะมีเรือไปรับนักท่องเที่ยวแล้วมาขึ้นที่ท่าของเราพอดี คือที่ท่าไทยไฟต์ทั้งหมด แล้วเขาก็จะแตกไปเที่ยวตามที่ต่างๆ หลังจากนั้นก็ตามใจ ตรงนั้นเป็นฮับรับนักท่องเที่ยวทั้งหมด เราจะทำโป๊ะใหญ่มาก ต่อไปถ้าทัวร์ฝรั่ง ทัวร์จีน จะมาเที่ยววัดพระแก้ว ก็จะนั่งเรือมาขึ้นที่ท่าไทยไฟต์ก่อน เพราะของเรามันใหญ่ที่สุด ใกล้ที่สุด

GM : ต่อไปนี้คุณคงไม่กลับไปกำกับหนังแล้วใช่ไหม

นพพร : กำกับสิ ถ้ามีเวลา ผมชอบหนัง เพิ่งมีบริษัทจีนเสนอให้เงินผมมาเพื่อทำหนังเกี่ยวกับไทยไฟต์ สงสัยหนังจีนกำลังภายในมันกำลังจะหายไปหมดแล้วมั้ง พระเอกสมัยนี้ต้องต่อยสไตล์มวยไทยกันหมดแล้ว คือต่อยแบบจริงจัง ไม่ใช่ต่อยแบบท่าสวยๆ สังเกตดูสิ หนังต่อสู้สมัยนี้มันต้องเป็นหนังเกี่ยวกับชีวิตของคนจริงๆ แล้ว ไม่มีแล้วพระเอกแบบกังฟู แบบเส้าหลินน่ะ

GM : โดยส่วนตัวคุณเองได้ฝึกมวยไหม

นพพร : ต่อยมวยตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ตั้งแต่เรียนอยู่ที่โรงเรียนวัดสุทธิ-วราราม ผมเคยต่อยมวยที่งานวัด ได้ไม่กี่ตังค์หรอก ต่อยทั้งมวยไทย มวยสากล ต่อยเพราะชอบมวย

GM : โดนเขาน็อก หรือไปน็อกเขา

นพพร : ใครจะมาน็อกผมน่ะยาก เพราะผมสูง หุ่นผมคล้ายๆ กับดีเซลน้อย ช.ธนสุกาญจน์ คือได้เปรียบเขา แต่นานๆ ต่อยที ต้องแอบพ่อแม่ไปต่อย พ่อผมเป็นทหาร สอนผมเสมอให้รักชาติ ให้รักในหลวง เกิดมาก็รักอยู่สองคนนี้แหละครับ คือในหลวงกับพ่อแม่ พ่อชอบดูมวย ผมก็เลยซึมซับสิ่งเหล่านี้มาจากพ่อ แล้วข้างบ้านก็มีค่ายมวย ผมก็ไปซ้อมมวยที่นั่น สมัยนั้นต่อยได้ครั้งละห้าบาท สิบบาท (หัวเราะ) ตั้งแต่สิบกว่าขวบ ผมถึงกล้าพูดไง ว่าต่อยมวยไทยมันไม่ตายหรอก มันสนุก เหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไปก็ต่อยกันประจำ สมัยนั้นเราไม่มีปืนเหมือนสมัยนี้

ก็ต่อยกันแบบไม่มีอาวุธ เวลาแพ้ก็เป็นเพื่อนกัน ไม่มีปัญหาบาดหมางอะไรกัน

GM : แล้วคุณมาเริ่มสนใจหนัง ละคร และเข้าวงการบันเทิงตอนไหน

นพพร : อยากเข้าวงการเพื่อจะมาจีบแฟน (หัวเราะ) เมื่อก่อนผมสนิทกับอาบู๊ วิบูลย์นันท์ และก็มีพี่ตี๋-จีระศักดิ์ ปิ่นสุวรรณ กินเหล้าด้วยกัน เที่ยวด้วยกันประจำ ตอนนั้นยังไม่เข้าวงการนะ ไม่ได้สนใจด้วย แต่บังเอิญไปเจอคุณสาลินี ภักดีผล เขาเป็นดารา เป็นนางเอก เราดันไปชอบเขา ก็อยากจะตามจีบ แล้วจะต้องทำอย่างไรล่ะ อาบู๊อยากให้มาตัดต่อเพลงในวันเกิดช่อง 3 ซึ่งเป็นสิ่งที่ชอบ ก็มาลองทำ แต่ตอนนั้นยังทำอะไรไม่เป็นนะ ที่มาทำก็เพราะอยากจะจีบแฟน

พอมาหลังๆ เราก็เรียนรู้อีกว่า การเป็นเจ้าของต่างหาก ที่จะได้เงินมากกว่าผู้กำกับ เจ้าของรายการได้เงินดีกว่าเจ้าของละคร เพราะละครช่อง 3 คือการรับจ้างผลิต ช่อง 3 ให้เงินมาตอนละแปดแสน ตอนละล้านก็แล้วแต่ แต่การเป็นเจ้าของรายการ เราขายโฆษณาเอง ผมก็เริ่มมองไปไกลแล้ว ตั้งแต่ตอนนั้น อยากเป็นเจ้าของคอนเทนต์ เป็นเจ้าของแบรนด์เลย โตขึ้นเรื่อยๆ

แต่มีสิ่งหนึ่งที่ต้องจดจำอยู่เสมอ เพราะพ่อสอนผมไว้ว่า ผมทำอะไรให้ใครผมไม่จำ แต่ใครทำอะไรให้ผม ผมไม่ลืม ผมยึดคำสอนนี้และทำงานมา 30 ปีอยู่ในวงการบันเทิง ผมถึงได้มีพรรคพวกเยอะ ดาราวัยรุ่นอย่างแอนดริว เกร็กสัน ผมไปเจอกับพจน์ อานนท์ ที่โรงเรียนปทุมคงคา ฟันมันยังหลออยู่เลย ยังยืนเกาไข่อยู่เลย เต๋า-สมชาย เข็มกลัด ก็ด้วย เราอยู่ตรงนี้ ไม่ต้องไปสนว่าเคยมีบุญคุณให้ใคร แต่ทางตรงข้าม คนที่ทำอะไรให้เราสิ นั่นสำคัญ

GM : ความแค้นล่ะ ในวงการบันเทิงมีเรื่องพวกนี้ไหม

นพพร : ไม่มี (หัวเราะ) สำหรับผมไม่มี เพราะผมไม่ทวงบุญคุณจากใคร เวลาไม่เอาเรื่องบุญคุณเขา เราก็จะไม่มีเรื่องความแค้น แต่คนที่มีบุญคุณกับเรามีเป็นร้อย เราก็ตามไปทดแทน คนที่มีบุญคุณอย่างมาก คือคุณมาเรีย เกตุเลขา เป็นผู้จัด ให้โอกาสผมทำงาน ผมไม่มีวันลืม คุณประวิทย์ คุณอัมพร มาลีนนท์ นี่มีบุญคุณมหาศาล พูดได้เลยว่า ผมมีวันนี้ได้เพราะตระกูลมาลีนนท์ ทุกคนที่เป็นมาลีนนท์ เราต้องให้เกียรติทุกคน

GM : ยังจะทำสื่อสิ่งพิมพ์อยู่อีกไหม

นพพร : ไม่แล้วล่ะ ไม่มีเวลา เวลาทำงานไทยไฟต์ มันเดินไปคนละอย่างเลย ผมคิดว่าเราต้องทำอะไรที่เป็นไลฟ์ทั้งหมด และต่อไปอะไรที่เป็นไลฟ์ มันจะไปอยู่ในมือถือและไอแพด ผมคิดว่าเราก็จะต้องเริ่มทำแอพพลิเคชั่นด้วย ตอนนี้เราตั้งบริษัทใหม่ ชื่อว่าบริษัทซีโร่ไนน์ ทำเว็บไซต์ ทำแอพพลิเคชั่น ทำเรื่องดิจิตอลคอนเทนต์ เมื่อเรามีคอนเทนต์ไทยไฟต์แล้ว เราก็จะเอาคอนเทนต์นี้ไปใส่ไอโฟน ไอแพด ทุกคนต้องโหลด สิ่งต่างๆ จะต้องโหลดได้หมด ต่อไปพวกทีวี ออน ดีมานด์ ไม่ต้องห่วงครับ มาแน่นอนในเมืองไทย อีกไม่นานพวกเพย์เพอร์วิว ก็เหมือนกัน แต่ตอนนี้เมืองไทยยังรับไม่ค่อยได้ ต้องค่อยเป็นค่อยไป

GM : เทรนด์รายการทีวี หลังจากยุคของรายการคุยข่าวคืออะไร

นพพร : ก็อย่างที่บอกไปแล้ว ว่าอะไรก็ได้ที่มันไลฟ์น่ะ หนึ่ง, ข่าวเพราะข่าวเป็นไลฟ์ สอง, กีฬา เพราะกีฬาเป็นไลฟ์ และสาม, เด็ก ต้องมีรายการเด็กที่เป็นไลฟ์ สามอย่างนี่เป็นเทรนด์ที่จะมาแรงสุด ไม่มีอะไรที่จะล้มสามอย่างนี้ได้ในอนาคต

GM : รายการเด็กมันเกี่ยวอะไรด้วยน่ะครับ

นพพร : (หัวเราะ) อาจจะเพราะผมเพิ่งได้ลูกฝาแฝดนะ ถ้าคุณสังเกต จะเห็นว่าผมหายไปจากวงการบันเทิงอยู่ช่วงหนึ่ง สิบกว่าปีที่ไม่ค่อยเป็นข่าวอะไร ช่วงนั้นผมกับภรรยากำลังทำกิฟต์ กว่าจะได้ลูก ก็ต้องทำอยู่นานสิบกว่าปี บางทีมันเป็นปาฏิหาริย์นะ ถ้าเราทำสิ่งที่ดีๆ ทำบุญทำทานเยอะๆ สิ่งเหล่านี้จะสะท้อนกลับมาหาเรา เราลองทำกิฟต์จนไข่เหลือแค่ฟองเดียว เป็นฟองสุดท้ายแล้ว ครั้งสุดท้ายนั้นถ้าไม่ได้ก็จะเลิก ไม่เอาแล้ว แล้วไข่ใบนั้นก็ดันสำเร็จขึ้นมา กลายเป็นแฝดหน้าเหมือน คนส่วนใหญ่ทำกิฟต์แล้วมักจะได้แฝดหน้าไม่เหมือนใช่ไหม เพราะเขาต้องฝังทีละหลายใบ แต่ของผมกับภรรยานี่คือใบเดียว ไปแตกตัวเอง และก็ได้แฝดออกมาเป็นหน้าเหมือน ผมว่ามันปาฏิหาริย์ และนั่นก็เป็นเหตุผลว่าทำไมช่วงหลังๆ มานี้ผมดิ้นรนทำงานหนักขึ้น และเป็นข่าวบ่อยขึ้น

GM : คุณมองอนาคตอย่างไร สังคมไทยยังจะดีสำหรับเด็กรุ่นต่อไปไหม โดยเฉพาะลูกคุณ

นพพร : โลกจะแย่ลง คนเห็นแก่ตัวจะมากขึ้น ก็เป็นหน้าที่ของคนรุ่นเรา ที่จะต้องช่วยกันพยุงสิ่งเหล่านี้ไว้ให้ได้ ทุกวันนี้ผมก็พยายามสร้างระบบ สร้างบริษัทที่แข็งแกร่ง สร้างแบรนด์ไทยไฟต์ให้ดีๆ ผมหวังให้พวกเขาเติบโตขึ้นมา และได้อยู่ในระบบที่ผมเตรียมไว้ให้ คนรุ่นพ่อ

มีส่วนสำคัญกับลูก ถ้าพ่อแข็งแรง ลูกก็จะไม่แตกแถว อย่างลูกคุณประวิทย์ ก็เดินตามคุณพ่อ ลูกคุณวิชัย ก็เดินตามคุณพ่อ พ่อผมเป็นทหาร เงินทองอย่างมากเต็มที่ก็ได้เงินเดือนทหาร ผมในวัยเด็กก็ต้องดิ้นรนต่อสู้ ในอนาคตมันคงยากกว่านี้นะ ผมจึงต้องหาทางทำธุรกิจของตัวเองขึ้นมาในช่วงนี้ ตอนนี้มีบริษัท มีหลักประกันให้ลูก พอเขาโตมา ก็สามารถต่อยอดสิ่งเหล่านี้ไปได้ ระบบเป็นสิ่งสำคัญมาก

GM : ลูกคือแรงบันดาลใจใช่ไหม

นพพร : เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของผมดีกว่า มีลูกแล้วเราจะมีแรงบันดาลใจ ลูกคือความสุข ลูกเหมือนเทวดาของพ่อแม่ ผมเชื่อว่าคนเรามีลูกแล้วจะเป็นคนดี เขาทำให้เราดี ทำให้เรามีโชค ทุกวันนี้ ลูกคือทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตผมจริงๆ

เราต้องมีคอนเทนต์ที่แข็งแรง เพราะตอนนี้เราเอาแต่ซื้อลิขสิทธิ์เขามาตลอด เราซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลยูโร ฟุตบอลโลก ซื้อเทนนิส ซื้อกอล์ฟ ถ้าเป็นอย่างนี้เราจะเสียเปรียบเขาอย่างเดียว คนไทยมักจะมีนิสัยอย่างนี้ คือเห็นอันไหนดีก็จะไปแย่งซื้อกันมา ฝรั่งก็รวย แล้วเราเองก็มาทะเลาะกันอย่างที่เห็นในข่าว

ซามูไรอโยธยา

ได้รับรางวัลสุพรรณหงส์ พ.ศ. 2553 สาขารางวัลดนตรีประกอบยอดเยี่ยม (Best Original Score) ผลงานโดย ปภัสศิลป์ คีตวงศ์วัชร์

สโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้

ก่อตั้งเมื่อ ค.ศ. 1884 มีฉายาว่า ‘จิ้งจอก’ มีสนามประจำชื่อ คิงเพาเวอร์สเตเดียม ความจุ 32,500 ที่นั่ง ตั้งอยู่ที่เมืองเลสเตอร์ ในแคว้นเลสเตอร์เชอร์ ประเทศอังกฤษ เจ้าของ วิชัย รักศรีอักษร และอัยยวัฒน์ รักศรีอักษร ประธานสโมสรคือ มิลาน แมนดาริน ผู้จัดการทีมคนปัจจุบันคือ ไนเจล เพียร์สัน ตามสถิติของสโมสร ส่วนใหญ่จะเล่นอยู่ใน 2 ดิวิชั่นสูงสุดของอังกฤษมาตลอด

กีฬาทุกกีฬาก็ต้องมีคนโชคดีกับโชคไม่ดี ก็เหมือนดูฟุตบอล เราก็ต้องรอดูตอนเขายิงประตูใช่ไหม ฝั่งหนึ่งยิงได้ นั่นคือความซวยของอีกฝั่งไงล่ะ มันสะใจ ยิ่งถ้าเป็นความซวยฝ่ายตรงข้ามกับที่เราเชียร์อยู่ เราก็ยิ่งสะใจ มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์

พี่วงษ์ก็ยกหูตรงนั้นเลย ท่านครับเดี๋ยวจะพาน้องผมไปคุยด้วย คุณสุวัจน์ก็บอกว่ามาเลย พรุ่งนี้เจอกัน ผมก็เลยเข้าไปอธิบายให้ฟัง ท่านก็ชอบ ท่านเป็นคนที่มีวิชั่นนะ ท่านมองภาพออก แต่พอผมบอกตัวเลขไปเท่านั้นแหละ ท่านหงายท้องเลย

ข้อมูลข่าวเมื่อปี 2554 พลิก ‘ปากคลองตลาด’ เทียบอินเตอร์ ปรับโฉมแหล่งค้า-ท่องเที่ยวเชิงนิเวศ’ กลุ่มทุนใหม่ บริษัท ตลาดยอดพิมาน จำกัด และบริษัท ปากคลอง จำกัด ของกลุ่มคุณเฉลียว ปรีกราน กับคุณสมศักดิ์ พจน์ปฏิญญา ตัดสินใจลงทุนด้วยการทุ่มงบประมาณรวมแล้วกว่า 1 พันล้านบาท ปรับโฉมตลาดไม้ดอกไม้ประดับ และผักผลไม้ 2 แห่งใหญ่ย่านปากคลองตลาด ประกอบด้วย ตลาดยอดพิมาน และตลาดปากคลองตลาด ขององค์การตลาด กระทรวงมหาดไทย ด้วยการลงทุนพัฒนาเพื่อเชื่อมโยง 2 ตลาดเก่าแก่เข้าด้วยกัน

Digiqole ad

บทความที่น่าสนใจ