fbpx

เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ กรรมพยากรณ์เศรษฐกิจไทย !

เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อาจไม่ใช่ชื่อที่ทุกคนคุ้นหูมากนัก หากคุณไม่ได้อยู่ในแวดวงข้าราชการสายการเงินการคลัง แต่หากคุณเป็นคนสนใจเรื่องของเศรษฐศาสตร์แล้วละก็ คุณอาจรู้จักผู้ชายคนนี้ในฐานะคอลัมนิสต์นาม ‘ดร.เอก เศรษฐศาสตร์’ ในหนังสือ-พิมพ์กรุงเทพธุรกิจ กับคอลัมน์แนวเศรษฐศาสตร์อ่านสนุกชื่อ ‘มุมเอก’ ปัจจุบันเอกนิติหยุดเขียนคอลัมน์ชั่วคราว เพราะหน้าที่ใหม่ในการเป็นโฆษกประจำกระทรวงการคลังและผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาคนั้นมีมากล้นมือ และถือเป็นหน้าที่รับผิดชอบหลักที่เรียกร้องเวลาค่อนข้างสูง โดยเฉพาะในยามที่ประเด็น ทางเศรษฐกิจแทบจะกลายเป็นหัวข้อสนทนารายวันของคนตั้งแต่รากหญ้าจนถึงยอดหญ้าไปแล้ว ด้วยความที่เป็นเศรษฐกรหนุ่มไฟแรงในแวดวงข้าราชการไทย ซึ่งเราไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก ทำให้การเข้ามารับตำแหน่งโฆษกกระทรวงการคลัง จุดประเด็นที่คนพูดถึงเอกนิติว่าเป็นใครมาจากไหน และด้วยอายุเพียง 40 ต้นๆ ทำไมถึงได้รับความไว้วางใจในงานสำคัญๆ โดยเฉพาะการดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค ซึ่งว่ากันว่าเป็นคลังสมองของกระทรวงการคลังในการกำหนดทิศทางนโยบายด้านเศรษฐกิจและการคลังของชาติ “ดร. เอกนิติ เป็นนักเศรษฐศาสตร์ดาวรุ่งคนหนึ่งของกระทรวงการคลังในยุคนี้” นั่นเป็นคำนิยมจาก ดร. วีระพงษ์ รามางกูร หรือ ‘ดร. โกร่ง’ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่เขียนไว้ในหนังสือเล่มแรกของ ‘ดร. เอก’ ยิ่งทำให้เราอยากรู้จักเขามากขึ้นว่าประโยคที่ ดร. โกร่งเขียนไว้นั้นเกินจริงหรือไม่ คุณจะได้รู้ไปพร้อมๆ กับเรา GM : คุณสนใจเรื่องเศรษฐกิจมหภาคมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เอกนิติ : ผมสนใจเรื่องของเศรษฐกิจมานานแล้วครับ รู้ตัวตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมแล้วว่าชอบ และรู้ด้วยว่าตนอยากทำงานราชการ อาจเป็นเพราะว่าส่วนหนึ่งมาจากพื้นฐานของครอบครัว คุณพ่อ (ศ.ดร. […]Read More

ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ศิลปะการขี่คลื่นแห่งการเปลี่ยนแปลง

ชีวิตในรอบหลายปีที่ผ่านมาของไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม หรือ ‘อากู๋’ แห่ง จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ มีสีสันยิ่งนัก เขาเข้าไปพัวพันกับการซื้อสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล ซึ่งในที่สุดก็ปลิวหายไปกับสายลม เขาเข้าไปถือหุ้นหนังสือพิมพ์มติชนและโพสต์ ซึ่งก่อให้เกิดวิวาทะครั้งใหญ่ในวงการสื่อสิ่งพิมพ์ เขาเข้าไปซื้อหุ้นซีเอ็ด และล่าสุดก็เข้าไปถือหุ้นใหญ่ Money Channel ขณะที่อุตสาหกรรมสื่อและดนตรีเกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ มันเป็นการเปลี่ยนแปลงระดับโครงสร้าง อากู๋ซึ่งพยายามหาซีอีโอมืออาชีพคนแล้วคนเล่ามานั่งบริหารแทน หวังจะ Early Retire เหมือนซีอีโอในต่างประเทศ ไม่ต้องเป็นซีอีโอไปชั่วชีวิต แต่แล้ว ‘ลมแห่งการเปลี่ยนแปลง’ ที่รุนแรง ได้พัดสู่อาณาจักรแกรมมี่ที่เขาสร้างขึ้นมาระลอกแล้วระลอกเล่า แกรมมี่มีวัฒนธรรมองค์กรเฉพาะที่อากู๋สร้างขึ้น จึงยากที่จะหามืออาชีพใดมาบริหารได้ เมื่อเรียนผูกได้ อากู๋ก็ต้องเรียนแก้เอาเอง ก่อนสิ้นปี 2552 ทีมสัมภาษณ์ของ GM คุยกับอากู๋กว่า 2 ชั่วโมง ถามเรื่องการเปลี่ยนแปลง, Business Model, การบริหารจัดการ, และชีวิตส่วนตัว, แน่นอน, GM กับ ไพบูลย์ ดำรง-ชัยธรรม ไม่ใช่คนแปลกหน้าต่อกัน นี่คือการพูดคุยกันยาวๆ และจริงจังเป็นครั้งที่ 3 และบอกได้ว่า ทุกครั้ง […]Read More

ดร. พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ว่าด้วย ชาติ กัมพูชา ประชาธิปไตย

ว่ากันว่า ดร. พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ เป็น ‘นักวิชาการเด็กแนว’ บ้าง, ‘นักวิชาการรุ่นใหม่ไฟแรง’ บ้าง •ทั้งหมดนี้ ฟังดูเผินๆ เหมือนเป็นคำยกย่อง ว่าคนรุ่นใหม่อย่าง ดร. พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ ทั้งไฟแรง และคิดต่าง •แต่ ‘คำถาม’ ที่เกิดขึ้นก็คือ แล้วความ ‘คิดต่าง’ ของ ดร. พิชญ์ ได้ถูกหยิบยกนำไป ‘ใช้’ หรือไม่ •หรือไม่ต้องขนาดนั้นหรอก, เพียงแค่ว่า คำพูดของเขาถูก ‘เงี่ยหู’ รับฟังจากแวดวงวิชาการ ‘รุ่นใหญ่’ อย่างจริงจังบ้างไหม •ดูเหมือนคำถามนี้ จะเกิดขึ้นบ่อยๆ ไม่ใช่เฉพาะกับ ดร. พิชญ์ แต่กับนักวิชาการที่ถูกครหาว่าเป็น ‘รุ่นใหม่ไฟแรง’ ที่ ‘คิดต่าง’ จำนวนมาก •ดูเผินๆ การ ‘คิดต่าง’ เป็นคุณสมบัติที่ถูกยกย่องจากสังคมไทยในระยะหลัง แต่เอาเข้าจริง สังคมนี้อนุญาตให้เรา ‘ต่าง’ ได้มากแค่ไหนกันหรือ โดยตำแหน่งแห่งที่ […]Read More

ดวงใจ มหารักขกะ ข่าวต้องเป็นข่าว คนข่าวต้องเป็นมืออาชีพ

33 ปีก่อน นิสิตจบใหม่จากครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เริ่มต้นทำงานเป็นนักข่าว คว้าไมค์ออกไปตระเวนทำงานมาแล้วทุกสาย และได้ผ่านมรสุมการเมืองทั้งภายนอกและภายในองค์กรมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนปัจจุบัน ดวงใจ มหารักขกะ ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สำนักข่าวไทย บมจ. อสมท  ด้วยคำยืนยันอย่างมั่นคงว่า ‘ข่าวจะต้องเป็นข่าว’ และผู้ที่จะมาบริหารงานองค์กรข่าวได้ จะต้องเป็นคนข่าวเท่านั้นจึงจะเข้าใจงานนี้ได้ชัดแจ้งที่สุด“งานข่าวไม่ได้เรียนกันวันเดียวเข้าใจ มันไม่ใช่งานบริหารทั่วไป ที่จะเอาใครก็ได้มาบริหาร เราต้องเข้าใจคำว่า ‘ข่าว’ คำว่า ‘สื่อสารมวลชน’  จรรยาบรรณและจุดยืนที่มั่นคงท่ามกลางกระแสของความเปลี่ยนแปลงมากมาย คนข่าวก็ไม่จำเป็นต้องสวยต้องหล่อ แต่ขอให้เป็นคนดีและมีอุดมคติร่วมกัน เราจะถ่ายทอดสิ่งนี้จากรุ่นสู่รุ่น”บทสัมภาษณ์ของเธอ จะทำให้ได้รู้ถึงความยิ่งใหญ่ขององค์กรสื่อสารมวลชนที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศ และเราจะได้รู้ว่า ‘ข่าว’ และ ‘สื่อสารมวลชน’ ที่แท้จริงคืออะไร GM : คุณมีมุมมองอย่างไรต่อวงการสื่อสารมวลชนและฟรีทีวีของบ้านเรา ดวงใจ : วงการสื่อสารมวลชนของบ้านเรากำลังจะมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฟรีทีวี ในกรณีที่กฎหมายของสำนักงาน คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แห่งชาติมีผลบังคับใช้ และจะมีเทคโนโลยีดิจิตอลใหม่ๆ เข้ามาใช้งาน สิ่งที่จะเกิดขึ้นแน่นอนอย่างแรกก็คือจะเกิดช่องทีวีเพิ่มขึ้นอีกมาก เกิดสื่อแบบใหม่อีกหลายรูปแบบ เราจึงต้องคิดให้ไกลไปถึงจุดนั้นเลยว่าวันนี้ต้องปรับตัวอย่างไร อสมท ก็มีแนวทางว่าต้องรักษาคุณภาพของข่าวไว้ดังเดิม ในขณะเดียวกัน ต้องไม่หยุดนิ่ง ต้องตอบสนองความต้องการและความสนใจของผู้ชมให้ได้มากขึ้น เราเชื่อว่าการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้ดีที่สุด คือการเน้นไปที่การปรับปรุงและพัฒนาเนื้อหา […]Read More

ทวีศักดิ์ ศรีทองดี โลกของโลเล

1 บ่ายวันพุธ ร้านสตาร์บัคส์ใจกลางถนนสีลมเสียงโหวกเหวกของบรรดาลูกค้าแสนกระหายที่ง่วนอยู่กับการสั่งกาแฟและเครื่องดื่มประดามีของสตาร์บัคส์ ปลุกให้บรรยากาศยามบ่ายวันทำงานดูมีชีวิตชีวาอีกครั้ง การนัดเจอกันที่ร้านกาแฟ ดูเป็นกิจกรรมที่ผู้คนทั่วไปทำกันเป็นกิจวัตร ร้านกาแฟมีเสน่ห์ทั้งยามที่มันเงียบ และยามที่คนเยอะเช่นนี้ แม้ว่าเราจะแปลกหน้าต่อกันก็ตามที  วันนี้เราก็มาเจอคนแปลกหน้าเช่นกัน…เป็นคนแปลกหน้าที่เรารู้จักเขาข้างเดียวมานาน โดยผ่านงานของเขาตามหน้านิตยสาร ตามนิทรรศการ และตามกิจกรรมทางศิลปะต่างๆ คนแปลกหน้า คนนี้มีชื่อแปลกๆ ที่ชวนจดจำว่า ‘โลเล’ คุณคงคิดเหมือนกันว่า คน’ไรวะ ชื่อโลเล !และท่ามกลางคนแปลกหน้าที่ยืนออกันอยู่หน้าพนักงานขาย ผมสังเกตว่ามีชายที่ชื่อโลเลอยู่ในกลุ่มนั้น เราฉวยวันเวลาและบทสนทนาของคนแปลกหน้าเริ่มต้นด้วยการถามถึงสิ่งง่ายๆ เช่น กาแฟ รถติด อากาศ อาหาร ศิลปะ และเลยไปถึงเรื่องงาน (ขอโทษจริงๆ ที่เราไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนักการเมือง) 2 “ตัวละครในนวนิยายของผม น่าจะเป็นคนที่ดูภายนอกนิ่งๆ แต่ภายในเป็นมนุษย์ขี้สงสัย คิดมาก ชอบทบทวนสิ่งที่คิดอยู่ในใจเสมอ หน้าตาธรรมดา มีบุคลิกเฉพาะ” โลเล หรือ ต๋อย หรือ ทวีศักดิ์ ศรีทองดี (ในที่นี้เราขอเรียกเขาว่าโลเล) ชื่อเหล่านี้ขึ้นอยู่กับว่าคุณรู้จักกับเขาในสถานะไหน ตอบกับเราอย่างนั้นเมื่อบทสนทนาพาไปถึงงานที่เขาอยากทำในอนาคต โลเลบอกว่า เขาอยากลองเขียนนวนิยายดูสักเรื่อง หลังจากที่ทดลองทำงานศิลปะมาแล้วในหลากหลายรูปแบบ ทั้งงานเขียนภาพ งาน Installation […]Read More

สาธิต กาลวันตวานิช

Think + Design = Propaganda ! หากใครยังไม่คุ้นกับชื่อนี้ ก็คงไม่แปลกนัก เพราะสาธิตเป็นคนที่ออกตัวกับเราตั้งแต่เจอว่า “ไม่ชอบออกสื่อ” และยื่นคำขาดตั้งแต่แรกเจอว่าขอไม่ถ่ายรูปให้เห็นหน้าชัดๆจะได้ไหมเป็นคำขอที่ออกจะแปลกประหลาดอยู่สักหน่อยสำหรับการทำคอลัมน์สัมภาษณ์ที่กินเนื้อที่ของนิตยสาร 8-10 หน้า โดยที่คุณ–ผู้อ่านจะไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าชัดๆของผู้ชายคนนี้แต่เราก็ยอมยอมด้วยเหตุผลที่ว่าชีวิตของเขาน่าสนใจกว่าจะมาพะวงเพียงแค่รูปของเขาปัจจุบันสาธิตกาลวันตวานิชเป็นหัวหอกสำคัญของสองบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งแวดวงโฆษณาและแวดวงโปรดักส์ดีไซน์ของไทยเขาเป็นหนึ่งในบอร์ดของบริษัทฟีโนมีนาโปรดักชั่นและเป็นครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ของของบริษัทพร็อพพากันดีสบริษัทที่ผลิตและสร้างสรรค์แบรนด์พร็อพพาแกนดา (Propaganda) ให้รู้จักไปทั่วโลกในช่วงเวลา 15 ปีและน่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ของไทยบริษัทเดียวที่สามารถคว้ารางวัลการออกแบบโปรดักส์ดีไซน์ระดับโลกมาได้มากที่สุดและสินค้า Big Idea อย่าง ‘Mister P‘ ก็กลายเป็นสินค้าที่โดน ‘ก๊อบ’ มากที่สุดชิ้นหนึ่ง นั่นแสดงว่าแรงกระเพื่อมของมิสเตอร์พีนั้นแรงไม่เบานอกเหนือจากการทำพร็อพพาแกนดาจนประสบความสำเร็จมาแล้วชีวิตการทำงานในแวดวงโฆษณาเขาสั่งสมชื่อเสียงไว้มากตั้งแต่สมัยที่สาธิตทำงานอยู่ในบริษัทโฆษณาอย่าง Far East Advertising, Leo Burnet และการออกมาทำบริษัทของตัวเองอย่าง ‘สามหน่อ’ ซึ่งในยุคสิบกว่าปีที่แล้วไม่มีใครไม่รู้จักชื่อนี้ เพราะเป็นบริษัทเล็กๆ ที่สามารถโค่นบริษัทใหญ่ๆ ข้ามชาติได้ สาธิตยังอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของธนชัย ศรศรีวิชัย ผู้กำกับโฆษณาอันดับหนึ่งของโลก (จากการจัดอันดับของ GUNN Report) และบริษัทฟีโนมีนาที่เขาร่วมก่อตั้งและเป็นหนึ่งในบอร์ดบริหาร ก็ยังเป็นบริษัทที่ได้รับรางวัลด้านโฆษณาต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 1992 จนถึงปัจจุบันหากคุณไม่เคยเจอผู้ชายคนนี้คุณอาจคิดว่าเขาอาจมีท่าทีของความไว้ตัวนิดๆท่ามากหน่อยๆหัวคิดแบบคนจบนอกตามประสาคนโฆษณาโดยเฉพาะข้อเสนอของเรื่องไม่ขอถ่ายรูปอาจทำให้คุณตัดสินเขาไปแล้วเรียบร้อยการณ์กลับตาลปัตรเมื่อเราได้เจอกันสาธิตไม่เคยจบเมืองนอกพ่อเป็นทหารแม่เป็นครูและสู้ชีวิตมาเหมือนกับชนชั้นกลางทั่วไปในกรุงเทพฯนั่นยิ่งทำให้น่าสนใจว่าอะไรหนอที่ทำให้คนที่ไม่ได้มีต้นทุนชีวิตสูงนักเหมือนลูกเศรษฐีทั้งหลายถึงก้าวมาไกลได้ขนาดนี้   อาวุธอย่างเดียวที่เขามีเท่าที่เรานึกออกคือน่าจะเป็นความคิด    และน่าจะเป็นความคิดสร้างสรรค์ที่น่าจะเต็มไปด้วยดีไซน์อยู่ในนั้นเป็นแน่ ! GM : ดูเหมือนคุณทำอะไรมาหลายอย่างและหลากหลายมากทั้งทำงานโฆษณา ทั้งกำกับมิวสิกวิดีโอ […]Read More

เพชร โอสถานุเคราะห์ เพียงคนธรรมดาหรือผู้วิเศษ

เมื่อราว 20 ปีที่แล้ว หนุ่มยุคนั้นได้ยินชื่อ ‘เพชร โอสถานุเคราะห์’ พร้อมๆ กับความดังของเพลงเพราะๆ อย่าง ‘เพียงชายคนนี้ไม่ใช่ผู้วิเศษ’ ความดังของเพลงนี้อยู่ข้ามยุคข้ามสมัยมาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ก็ยังมีคนนำมาร้องใหม่อยู่เสมอ แม้ว่า เพชร โอสถานุเคราะห์ จะมีอัลบั้มใหม่ออกมาแล้วก็ตาม บทบาทที่เราคุ้นตาชายที่ไม่ใช่ผู้วิเศษคนนี้ น่าจะเป็นการเป็นนักร้อง นักแต่งเพลง และนักธุรกิจที่ทำมาแล้วหลายหลาก ตั้งแต่งานโฆษณา งานนิตยสาร งานด้านการตลาด ซึ่งก็ดูเหมือนไปกันได้ด้วยดีกับภาพลักษณ์ที่ดูแตกต่างจากปุถุชนทั่วไป เพชรมักมาพร้อมแว่นตาดำ ผมที่ปล่อยฟูตามธรรมชาติ และเสื้อผ้าสีสันสดใส ทุกวันนี้แม้วัยจะล่วงเลยเข้าสู่หลัก 5 แล้วก็ตามที แต่กระนั้นก็อดไม่ได้ที่จะมีผู้คนตั้งคำถามถึงบทบาทของเขากับการขึ้นมาเป็นประธานบริหารมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ดูจะเป็นนักบริหารการศึกษาที่บุคลิก ‘แตกต่าง’ และเปรี้ยวที่สุดในประเทศนี้ก็ว่าได้   การตัดสินใจขึ้นมากุมบังเหียนมหาวิทยาลัยกรุงเทพอย่างเต็มตัวในห้วงเวลาที่ไม่มีอาจารย์สุรัตน์ โอสถานุเคราะห์ ผู้เปรียบเสมือนหัวเรือใหญ่ของมหาวิทยาลัยอยู่แล้ว เขาจะนำพาไปในทิศทางใด เสียงแห่งความสงสัยที่ดังขึ้นรอบตัวเพชรถึงบทบาทใหม่จะทำให้เขาไปถึงเป้าหมายที่วางไว้หรือไม่อย่างไร นี่เป็นช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดแล้วที่จะคุยกับเขา เพชรนั้นมีหลายเหลี่ยม และเราเชื่อว่ายังมีอีกหลายเหลี่ยมมุมของ ‘เพชร’ เม็ดนี้ ที่เราต่างไม่เคยได้รู้มาก่อน เราไปคุยกับคนธรรมดาที่แสนวิเศษคนนี้กันเลยครับ ! GM : คุณมองเรื่องธุรกิจการศึกษาในบ้านเราทุกวันนี้เป็นอย่างไร เพชร : จริงๆ ผมไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับธุรกิจนี้มากนัก เพราะตั้งแต่เริ่มต้นที่ทางอาจารย์สุรัตน์และอาจารย์ปองทิพย์ โอสถานุเคราะห์ […]Read More

วู้ดดี้-วุฒิธร มิลินทจินดา เกิดมาลุย !

“ถ้าถามว่าผมเป็นพิธีกรอันดับหนึ่งไหม ผมไม่มั่นใจ แต่ถ้าถามว่าผมเป็นคนขี้ประชดประชันที่สุดในโลกไหม ผมมั่นใจว่า ผมชนะทุกคนในประเทศนี้ เอามาแข่งกับผมได้เลย!” สวัสดีครับ พี่น้องชาวไทย, ข้อความข้างบนนั่นเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของบทสนทนาระหว่าง GM กับเขา-วู้ดดี้-ในห้องแต่งตัวหลังจากที่วู้ดดี้เพิ่งเสร็จจากการถ่ายปกของ GM เล่มที่คุณกำลังถืออยู่นี้ แต่ความโกลาหลของการถ่ายปกทำให้กว่าที่ผมจะได้คุย ก็ต้องนั่งรอราวชั่วโมงกว่าๆ -แต่ก็โอเค การนั่งรอทำให้ผมได้เห็นบุคลิกของหนุ่มคนนี้เวลาที่เขาไม่ได้อยู่หน้ากล้องว่าเป็นอย่างไร…พูดเร็ว แต่งตัวดี อ้วน เสียงดัง มั่นใจ วุ่นวาย ช่างคิด ช่างพูด มีโลกส่วนตัวสูงและท่าทางจะมีของอยู่ใช่เล่น…เป็นคำคร่าวๆ ที่เราถือวิสาสะ ละลาบละล้วงตัดสินเขาแบบเหมาเอาเอง ทั้งหมดนั้นเป็นอคติส่วนตัวของผมและตามวิถีนิยมของประจักษ์ชนทั่วไป แต่ไอ้การนั่งเงียบๆ แล้วคิดไปเองแบบนี้ดูท่าจะไม่ค่อยยุติธรรมเท่าไหร่สำหรับผู้ถูกจ้องมองอย่างเงียบๆ     แต่จะเป็นไรล่ะ…ผมคิดมันอยู่ในใจนี่นา ! เรื่องจริงน่ะอยู่ข้างล่าง ! ในบทสัมภาษณ์ที่คุณจะได้อ่านสองสามวันหลังจากสัมภาษณ์เสร็จ วู้ดดี้ให้เลขาของเขาโทรฯมาหา GM พร้อมออกตัวว่าการสัมภาษณ์นี้เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่วู้ดดี้พูดแบบไม่ได้แตะเบรก และเขาออกจะกังวลใจเล็กน้อยกับอาการเบรกแตกของเขา ซึ่งอาจพาดพิงถึงบุคคลอื่นๆ จึงขอให้ทางเราระวังในเรื่องนี้ด้วย ผมรับปากว่าจะพยายามดูให้ แต่ใจหนึ่งก็คิดว่า ในฐานะบุคคลสาธารณะเช่นวู้ดดี้ที่ฝีปากกล้าขนาดนี้ คงเข้าใจในเงื่อนไขของการสัมภาษณ์และถูกสัมภาษณ์เป็นอย่างดี เพราะทั้งหมด เราต่างทำเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดนั่นก็คือ ‘งาน’ ที่น่าพอใจผมเชื่อว่าวู้ดดี้ที่ผมได้คุยไปนั้น คงไม่ใช่คนคนเดียวกับคนที่เราเห็นในโทรทัศน์เสียทั้งหมด และคงเป็นการดีไม่น้อยหากคุณจะลบภาพของวู้ดดี้ที่อยู่ในจอโทรทัศน์ออกไปบ้าง ลองนึกภาพของคนคนเดียวกับที่นั่งอยู่ข้างหน้าผม ณ ตอนนี้ […]Read More

ประมวล เพ็งจันทร์

พฤษภาคม 2550 GM ตีพิมพ์บทสัมภาษณ์ ‘ผู้รู้แจ้งในการเดิน’ ประมวล เพ็งจันทร์ อดีตอาจารย์ประจำภาควิชาปรัชญา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผู้เดินเท้าจากเชียงใหม่สู่เกาะสมุย เดินโดยตั้งใจอย่างแรงกล้าว่าจะไม่ไปหาคนรู้จัก เดินด้วยเงื่อนไขว่าจะไม่ใช้เงินหนังสือ ‘เดินสู่อิสรภาพ’ เป็นหลักฐานว่าเขาทำสำเร็จแล้ว และนั่นก็เป็นคล้ายกุญแจดอกสำคัญที่ทำให้ชายวัยห้าสิบเศษคนหนึ่งกลายเป็นคนของสาธารณะเราได้สัมภาษณ์พูดคุยกับเขายาวเหยียด โดยทิ้งท้ายไว้ว่าเขากำลังจะเดินทางไปอินเดีย เพื่อเคารพและทบทวนตัวเองอย่างเข้มข้นขึ้นไปอีกขั้น ในแผ่นดินที่เคยบินไปเรียนปริญญาตรี โท เอกผ่านไปสองปี เราติดต่อตามตัว ประมวล เพ็งจันทร์ อีกครั้ง เพื่อฟังเรื่องราวความคิดความรู้สึกล่าสุดเขากลับมาจากอินเดียนานแล้ว แต่ยังคงใช้เวลาใคร่ครวญวันคืนแสวงหาเหล่านั้น ก่อนจะลงมือเขียนหนังสือถ่ายทอดประสบการณ์ เขียนช้าๆ เขียนไปตามจังหวะเสียงเต้นของหัวใจ และไม่เคยเร่งรีบนอกจากผมสีดอกเลาที่ยาวขึ้นประบ่า วาจาท่าทีและดวงตาอารีของเขาไม่เปลี่ยนแปลงเลย ยังคงเป็นผู้ใหญ่ที่มีใจยินดีจะบอกเล่า แลกเปลี่ยนบทเรียนชีวิต-ชีวิตเรียบๆ ธรรมดาๆ ทว่ามันกลายเป็นความแตกต่าง กระทั่งอาจจะเรียกว่าตัวประหลาดในโลกปัจจุบันเขาหรือเราที่เป็นคนบ้าเขาหรือเราที่ไร้สาระเขาหรือเราที่จมอยู่กับความว่างเปล่าเขาหรือเราที่กำลังหลุดหลงทางลองฟัง ประมวล เพ็งจันทร์ อีกสักครั้ง… GM : ไปอินเดียแล้วเป็นยังไงบ้าง บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ไหม ประมวล : ผมอยากกลับไปอยู่ในที่ที่ผมเคยอยู่ เคยเรียนที่ไหน อยากไปที่นั่น เส้นทางจึงเริ่มต้นที่การกลับไปเยี่ยมสถาบันที่ผมเรียนปริญญาตรี แล้วพยายามทำตัวให้เหมือนประหนึ่งว่ากลับมาอีกครั้งในเงื่อนไขอารมณ์เดิมๆ ผมพยายามเลียนแบบสิ่งที่ทำเดิมๆ แม้ว่าทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป ผมเข้าไปที่วิทยาลัย เข้าไปพบปะสัมผัสบรรยา-กาศ พยายามเข้าหอพัก […]Read More

วิกรม กรมดิษฐ์ ‘ปีศาจผู้ดี’ ชำแหละสังคมไทย !

วิกรม กรมดิษฐ์ บอก GM ว่า เขาคือ ‘ปีศาจผู้ดี’! ความหมายของคำคำนี้ คุณคงต้องค้นหาเอาเองจากบทสัมภาษณ์ชิ้นนี้ เราคิดว่า มันคือคำนิยาม ‘ตัวตน’ ของเขาที่ตรงไปตรงมา และตรงกับตัวจริงของเขาที่สุดบทสัมภาษณ์ชิ้นนี้เกิดขึ้นในวันที่ 11 เมษายน 2552 เราอยู่กันในแวดล้อมของขุนเขาและบึงน้ำของ ‘ดงกุฎาคาร’ ใน ‘บ้าน’ หลังเล็กกลางน้ำของ วิกรม กรมดิษฐ์ ที่เขาใหญ่ในช่วงเทศกาล ‘สงกรานต์ประวัติศาสตร์’ ของเมืองไทยพอดิบพอดี ณ นาทีนั้น หลายเรื่องยังไม่มีใครล่วงรู้ และหลายเรื่องก็ยังค้างคาอยู่กับการคาดเดาบทสนทนาที่เกิดขึ้นจึงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนการจลาจลและบทสรุปของมัน แต่กระนั้น บางคำถามและหลายคำตอบก็ยังดู ‘ทันกาล’ อย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อเป็นคำถามคำตอบเกี่ยวกับ ‘ภาพ’ ของความขัดแย้ง และการ ‘ชำแหละ’ สังคมไทยอย่างถึงกึ๋นของ‘ปีศาจผู้ดี’ คนนี้ “คุยกับผมได้ทุกเรื่อง” เขาบอก ขณะหยิบแซนด์วิชใส่ปากเป็นอาหารเช้าง่ายๆ พร้อมกับการสนทนา 2 คืนก่อน เขาเพิ่งควบลัมบอร์กินีจากกรุงเทพฯ ‘กลับบ้าน’ มาอยู่ที่นี่ และอีกไม่กี่วันข้างหน้า ก็จะถือโอกาสพักร้อนเดินทางไปล่องเรือ จึงเป็นโอกาสดี ที่เราจะได้ซักไซ้เขาทุกเรื่อง […]Read More