fbpx

รู้ไหมช็อกโกแลตเป็นอันตรายต่อสุนัข?

อย่าได้เผลอใจดีไปแบ่งช็อกโกแลตให้น้องหมากินเด็ดขาด เพราะนั่นอาจจะเป็นการวางยาฆ่าสุนัขตัวเองโดยไม่ได้ตั้งใจ ช็อกโกแลตน่าจะเป็นขนมหวานจานโปรดของใครหลายๆ คน รวมไปถึงเจ้าของสุนัข แต่อย่าได้เผลอใจดีไปแบ่งช็อกโกแลตให้น้องหมากิน หรืออย่าเผลอให้เขามาแอบกินช็อกโกแลตได้เด็ดขาด เพราะนั่นอาจจะเป็นการวางยาฆ่าสุนัขตัวเองโดยไม่ได้ตั้งใจ เหตุผลที่ช็อกโกแลตเป็นของต้องห้ามสำหรับสุนัขก็เพราะว่าช็อกโกแลตมีส่วนประกอบของสารชนิดหนึ่งชื่อว่า ‘ทีโอโบรมีน’ (Theobromine) ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับสารพวกกาเฟอีนที่พบมีในพวกกาแฟ โกโก้ สารนี้ออกฤทธิ์ต่อร่างกายหลายอย่าง แต่หลักๆ คือกระตุ้นการหลั่งสารอะดรีนาลิน (Adrenaline) ส่งผลให้หัวใจเต้นเร็ว มีเหงื่อออกมาก สำหรับสัตว์ชนิดอื่น เมื่อรับสารธีโอโบรมีนเข้าสู่ร่างกายแล้ว ร่างกายก็จะมีกระบวนการกำจัดสารนี้ออกไปได้อย่างรวดเร็ว แต่นั่นไม่ใช่สำหรับสุนัข ร่างกายของน้องหมาไม่สามารถกำจัดสารนี้ออกจากร่างกายได้เร็วเท่าสัตว์ชนิดอื่น ทำให้ค่อนข้างไวต่อความเป็นพิษของธีโอโบรมีน แม้กินเข้าไปเพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้สุนัขอาเจียนและท้องร่วงได้แล้ว และหากให้สุนัขกินในปริมาณเยอะก็จะยิ่งอันตรายมากขึ้น อาจถึงขั้นเป็นพิษ นอกจากจะมีอาการท้องเสีย อาเจียน สุนัขบางตัวอาจเกิดอาการกล้ามเนื้อสั่น หัวใจเต้นเร็วขึ้นสองเท่า หายใจถี่ ฉี่บ่อย กระวนกระวาย และในที่สุดก็ถึงตายได้ ทั้งนี้ทั้งนั้น อันตรายจากช็อกโกแลตที่มีต่อสุนัข ก็ขึ้นอยู่กับน้ำหนักสุนัขด้วย โดยมีรายงานบอกว่า สุนัขที่น้ำหนักไม่เกิน 5 กิโลกรัม กินช็อกโกแลตเข้าไปแค่ 400 มิลลิกรัม ก็สามารถแสดงความเป็นพิษได้แล้ว นอกจากนี้ ชนิดของช็อกโกแลตที่กินเข้าไปก็มีผลต่อสุนัขที่ต่างกัน เช่น ถ้าสุนัขกินช็อกโกแลตแท้ รสเข้มๆ อาการเป็นพิษก็จะรุนแรงกว่าช็อกโกแลตที่ผสมนมหรือเจือจางกับส่วนผสมอื่นๆ เพราะช็อกโกแลตแต่ละชนิดก็จะมีปริมาณสารจำพวกกาเฟอีนและธีโอโบรมีนที่แตกต่างกัน รู้อย่างนี้แล้วเชื่อว่าคงไม่มีใครกล้าเสี่ยงแม้แต่ให้สุนัขของตัวเองชิมช็อกโกแลตเป็นแน่ […]Read More

ไม่ใช่อย่างนั้นเสียทีเดียวทำความเข้าใจ 3 เรื่อง ที่หลายคนยังเข้าใจผิดเกี่ยวกับพลังงานนิวเคลียร์

‘เชอร์โนบิล’ ถูกพูดถึงอีกครั้งหลังจากที่ทาง HBO ได้นำเรื่องราวดังกล่าวมาถ่ายทอดในรูปแบบซีรีส์ และทำให้พลังงานนิวเคลียร์กลับมาเป็นที่สนใจของคนจำนวนมากอีกครั้ง ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสที่ดีในการที่จะพูดถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพลังงานนิวเคลียร์ที่เชื่อว่าคนส่วนมากยังมีข้อมูลที่คลาดเคลื่อนอยู่ Reasons to Read ‘เชอร์โนบิล’ ถูกพูดถึงอีกครั้งหลังจากที่ทาง HBO ได้นำเรื่องราวดังกล่าวมาถ่ายทอดในรูปแบบซีรีส์ และทำให้พลังงานนิวเคลียร์กลับมาเป็นที่สนใจของคนจำนวนมากอีกครั้ง ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสที่ดีในการที่จะพูดถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพลังงานนิวเคลียร์ที่เชื่อว่าคนส่วนมากยังมีข้อมูลที่คลาดเคลื่อนอยู่ ย้อนกลับไปเมื่อปี 1989 ที่เมืองพริปยัตของยูเครน เผชิญกับภัยพิบัติทางนิวเคลียร์เมื่อแกนปฏิกรณ์นิวเคลียร์หมายเลข 4 ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิล (Chernobyl Nuclear Power Plant) เกิดระเบิดขึ้น และทำให้เกิดขี้เถ้าปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีพวยพุ่งขึ้นสู่บรรยากาศ ปกคลุมทางตะวันตกของสหภาพโซเวียต ยุโรปตะวันออก ยุโรปตะวันตก ยุโรปเหนือ ทางการยูเครน เบลารุส และรัสเซีย ต้องอพยพประชากรมากกว่า 336,431 คน ออกจากพื้นที่อย่างฉุกเฉิน และทำให้เมืองพริปยัตกลายเป็นเมืองร้างมาจนทุกวันนี้ ปัจจุบันรัฐบาลยูเครนได้สร้างอาคารกักกันขนาดใหญ่ขึ้นมาครอบซากปรักหักพังของโรงไฟฟ้าเดิมที่ปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีความเข้มข้นสูงเพื่อป้องกันการรั่วไหล แต่ก็จะสามารถป้องกันได้ในระยะ 100 ปีเท่านั้น และเมื่อไม่นานมานี้ชื่อของ ‘เชอร์โนบิล’ ถูกพูดถึงอีกครั้งหลังจากที่ทางสถานีโทรทัศน์ HBO ได้นำเรื่องราวดังกล่าวมาถ่ายทอดในรูปแบบซีรีส์ โดยออกอากาศต่อจากซีรีส์ดังอย่าง Game of Thrones และได้รับคำชมจากทั้งคนดูและนักวิจารณ์อย่างล้นหลาม เห็นได้จากคะแนนในเว็บไซต์ IMDB และ Rotten […]Read More

รู้ยัง ‘ตัวเคย’ ย่อยพลาสติกได้?แต่นั่นไม่ใช่ข่าวดีหรอกนะ

พลาสติกนั้นสร้างปัญหาสิ่งแวดล้อมได้มากขนาดไหน เพราะกว่าจะย่อยสลายไปเองได้ต้องใช้เวลาเป็นร้อยๆ ปีเลย แต่อาจจะใช้เวลาน้อยกว่านั้นถ้า ‘เคย’ มาช่วยทำหน้าที่ย่อยสลาย ทุกวันนี้นับว่าเป็นเรื่องดีที่กระแสรณรงค์ลดการใช้ถุงพลาสติกในบ้านเราเริ่มมีความตื่นตัวมามากกว่าแต่ก่อน เพราะหากยังไม่เริ่มทำอะไรตั้งแต่วันนี้หลายคนคงรู้ดีว่าพลาสติกนั้นสร้างปัญหาสิ่งแวดล้อมได้มากขนาดไหน เพราะกว่าจะย่อยสลายไปเองได้ต้องใช้เวลาเป็นร้อยๆ ปีเลย แต่อาจจะใช้เวลาน้อยกว่านั้นถ้า ‘เคย’ มาช่วยทำหน้าที่ย่อยสลาย ‘เคย’ ที่ว่าก็คือตัวเคยที่ใช้มาทำกะปินั่นแหละ โดยเมื่อเร็วๆ นี้คณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยกริฟฟิธ ของออสเตรเลีย ได้ทำการทดลองในห้องแล็บ โดยให้ตัวเคยย่อยเม็ดพลาสติกที่เพิ่งผลิตออกมาใหม่ ก่อนจะค้นพบว่าตัวเคยแอนตาร์กติกา ที่พบในมหาสมุทรแอนตาร์กติก  สามารถกลืนกินและย่อยสลายเม็ดไมโครพลาสติกขนาดจิ๋ว ซึ่งเกิดจากขยะในท้องทะเลให้มีขนาดเล็กลงจนมีขนาดเล็กระดับนาโนได้ และนักวิจัยคาดว่าการย่อยเม็ดพลาสติกของตัวเคยจะยิ่งมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นหลายเท่าหากพวกมันได้อยู่ในสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติ เพราะว่าขยะพลาสติกที่อยู่ในทะเลจะถูกรังสียูวีจากแสงแดดทำให้เสื่อมสภาพลงก่อนที่จะมาถึงมือตัวเคยเหล่านี้ แต่อย่าเพิ่งคิดว่านี่เป็นข่าวดี เพราะพลาสติกที่ถูกตัวเคยย่อยให้เล็กจนเหลือแค่ระดับนาโนนั้นไม่ได้หายไปไหนเลย แต่จะถูกตัวเคยขับออกจากร่างกายคืนสู่ท้องทะเลดังเดิม และสิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือเมื่อพลาสติกมีขนาดเล็กลงก็จะแพร่กระจายเข้าถึงส่วนลึกของมหาสมุทรได้ง่ายขึ้นไปกว่าเดิม และแน่นอนว่ามันจะถูกตรวจพบได้ยากขึ้นด้วย และนอกจากตัวเคยแอนตาร์กติกาแล้ว นักวิจัยเชื่อว่าสัตว์ทะเลจำพวกแพลงก์ตอนที่มีเปลือกแข็งหุ้มอีกหลายชนิดก็น่าจะมีความสามารถในการย่อยเม็ดพลาสติกได้เหมือนกัน ตอนแรกก็คาดว่านี่จะเป็นความหวังใหม่ในการกำจัดขยะพลาสติก แต่ไปๆ มาๆ กลับเป็นการสร้างปัญหาใหม่ซะอย่างนั้น สรุปแล้วการแก้ปัญหาจากต้นทางด้วยการลดใช้ถุงพลาสติกน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วRead More

เด็กรุ่นใหม่อาจลืมรสชาติวาฬไปแล้วญี่ปุ่นกลับมาล่าวาฬในรอบ 30 ปี

เรือล่าวาฬสัญชาติญี่ปุ่นออกทำหน้าที่อีกครั้งในรอบ 30 ปี ก่อนนักล่าวาฬจะนำวาฬมิงค์สีเทากลับมาเพื่อทำการเฉลิมฉลองด้วยการต่อแถวราดสาเกให้ทั่วตัว เพื่อต้อนรับการกลับมาล่าวาฬอีกครั้ง ทั้งที่ความจริงแล้วญี่ปุ่นไม่เคยหยุดล่าวาฬเลย Reasons to Read เรือล่าวาฬสัญชาติญี่ปุ่นออกทำหน้าที่อีกครั้งในรอบ 30 ปี ก่อนนักล่าวาฬจะนำวาฬมิงค์สีเทากลับมาเพื่อทำการเฉลิมฉลองด้วยการต่อแถวราดสาเกให้ทั่วตัว เพื่อต้อนรับการกลับมาล่าวาฬอีกครั้ง ทั้งที่ความจริงแล้วญี่ปุ่นไม่เคยหยุดล่าวาฬเลย เมื่อวันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา เรือล่าวาฬสัญชาติญี่ปุ่น 5 ลำได้แล่นออกสู่ทะเลอีกครั้งในรอบ 30 ปี หลังจากประเทศญี่ปุ่นตัดสินใจถอนตัวจากคณะกรรมาธิการการล่าปลาวาฬนานาชาติ หรือ IWC (International Whaling Commission) ตั้งแต่ปีที่แล้ว และเริ่มอนุญาตให้ล่าวาฬเพื่อการค้าได้อีกครั้งตั้งแต่วานนี้ หลังจากประเทศญี่ปุ่นถอนตัวจากสัญญาหยุดล่าวาฬ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ก็เป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปีที่เรือล่าวาฬได้ออกทำหน้าที่อีกครั้ง ก่อนหลายชั่วโมงต่อมาจะกลับเทียบฝั่งพร้อมกับวาฬมิงค์สีเทาขนาด 8 เมตร ที่ถูกนำไปโกดังเพื่อให้นักล่าวาฬทั้งหลายได้ทำการเฉลิมฉลองโดยการต่อแถวราดสาเกให้ทั่วตัว เพื่อเป็นการชำระล้างและต้อนรับการกลับมาล่าวาฬอีกครั้ง ทั้งที่ความจริงแล้วประเทศญี่ปุ่นไม่เคยหยุดล่าวาฬเลย… ประเทศญี่ปุ่นเข้าร่วมสัญญาหยุดล่าวาฬมาตั้งแต่ปี 1986 เนื่องจากเวลานั้นมีการล่าวาฬเพื่อการค้าเป็นจำนวนมากในหลายประเทศจนเริ่มเสี่ยงต่อการสูญพันธ์ นานาชาติจึงตัดสินใจทำข้อตกลงกันว่าด้วยการหยุดล่าวาฬจนกว่าจำนวนจะฟื้นตัว และสามารถกำหนดโควต้าที่เหมาะสมสำหรับการล่าวาฬของแต่ละประเทศได้ ทว่าหากเป็นการนำวาฬมาด้วยจุดประสงค์เพื่อการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ จะถือเป็นข้อยกเว้น และอาจด้วยช่องวางตรงนี้เองที่ญี่ปุ่นใช้เพื่อนำวาฬขึ้นมาจากทะเลตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยพบว่า ตั้งแต่ปี 1987 ญี่ปุ่นฆ่าวาฬไปมากถึง 200-1,200 ตัวต่อปี […]Read More

ทำไมสุนัขมักปัสสาวะใส่ยางล้อรถ?

นั่นสินะ เวลาจอดรถในที่ต่างๆ หรือแม้แต่หน้าบ้านตัวเอง ไม่รู้ทำไมต้องมีสุนัขมายกขาฉี่ใส่ล้ออยู่แทบทุกครั้ง ทำไมละ?? เรื่องนี้เชื่อว่าคนรักรถคงคาใจมากกว่าใคร เพราะเวลาจอดรถในที่ต่างๆ หรือแม้แต่หน้าบ้านตัวเอง ไม่รู้ทำไมต้องมีสุนัขมายกขาฉี่ใส่ล้ออยู่แทบทุกครั้ง ซึ่งสุนัขก็มีเหตุผลของเขานะ โดยพฤติกรรมการฉี่เรี่ยราดแบบนี้เป็นไปได้สองอย่างคือการฉี่เพื่อประกาศอาณาเขต ส่วนมากจะเป็นสุนัขตัวผู้ที่อยู่ในวัยที่เจริญพันธุ์แล้ว และฉี่ไว้สำหรับดมทางกลับบ้าน ซึ่งข้อหลังนี้ต้องเป็นสายพันธุ์ที่มีความสามารถในการวางแผนต่างๆ ได้ดีระดับหนึ่ง เอาจริงๆ สุนัขก็ไม่ได้จงใจจะฉี่ใส่แต่ยางรถยนต์เท่านั้นหรอก แต่น้องเขาสามารถฉี่รดอะไรก็ได้ที่ตั้งฉากกับพื้นโลก ดังที่เราจะเห็นรอยด่างๆ บนกำแพงเอย เสาไฟฟ้าเอย ไปจนถึงโคนต้นไม้และพุ่มไม้น้อยใหญ่ตามรายทาง แต่ถ้าถามว่าในบรรดาสิ่งที่ตั้งฉากกับพื้นโลกทั้งที่ได้กล่าวมาแล้วและยังไม่ได้กล่าวนั้น สุนัขชอบฉี่ใส่สิ่งใดมากที่สุด คำตอบก็คือ ‘ล้อรถยนต์’ ของคุณนั่นแหละ เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะยางรถยนต์ที่จอดตากแดดหรือเพิ่งผ่านการวิ่งมาจนเกิดความร้อนนั้น เมื่อเจอกับปัสสาวะของสุนัขแล้วจะมีกลิ่นหอมที่โดนใจสุนัขมากกว่าการฉี่ใส่สิ่งอื่น และกลิ่นนี้ก็จะกระจายไปยังสุนัขตัวอื่นๆ เหมือนเป็นการส่งสารว่า “ที่แห่งนี้ได้ตกเป็นอาณาเขตของฉันแล้วเรียบร้อย ตัวอื่นไปไกลๆ เลย” อะไรอย่างนั้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ฉี่ใส่ล้อรถว่าปวดหัวแล้ว ถ้าเจอน้องหมาประกาศอาณาเขตในบ้านด้วยการฉี่ใส่เครื่องเรือนต่างๆ นี่ปวดใจเลยนะคุณ ซึ่งกรณีนี้มักจะเกิดขึ้นเมื่อในบ้านมีเฟอร์นิเจอร์ใหม่ เพราะกลิ่นที่เขาไม่คุ้นเคย สุนัขก็จะคิดว่าเป็นสิ่งแปลกใหม่ ที่เข้ามาในอาณาเขตของเขา จึงต้องแสดงความเป็นเจ้าของกันสักหน่อย ในด้านของสถิติการฉี่เพื่อประกาศอาณาเขต มีข้อมูลระบุว่าสุนัขตัวผู้ที่ไม่ได้ทำหมันมีแนวโน้มที่จะฉี่มากกว่าสุนัขตัวผู้ที่ทำหมันแล้ว และสุนัขสายพันธุ์เล็กมีแนวโน้มที่จะฉี่ในบ้านมากกว่าสุนัขพันธุ์ใหญ่ แล้วจะทำอย่างไรไม่ให้สุนัขฉี่ใส่ล้อรถหรือฉี่ในบ้าน? สำหรับเจ้าของสุนัขที่มีปัญหาสุนัขฉี่เรี่ยราดในบ้านอาจะแก้ปัญหาด้วยการฝึกให้สุนัขมีที่ขับถ่ายประจำของตัวเอง อาจะต้องใช้เวลาแต่ถ้าเขาทำได้ เราก็จะหมดปัญหากวนใจ ส่วนเจ้าของรถที่ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้วกับเรื่องนี้ เพราะแค่รอยด่างๆ จากฉี่ก็คงไม่น่าหนักใจเท่ากับเรื่องสนิมที่จะเกิดขึ้นกับส่วนที่เป็นโลหะ จริงๆ […]Read More

FinTech และภาคการเงินไทย

ท่ามกลางความก้าวหน้าของเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดด เทคโนโลยีทางการเงิน หรือ ฟินเทค (FinTech) ได้เปลี่ยนโลกการเงินและเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของเรา ช่วง 3 – 4 ปีที่ผ่านมา มีการพูดถึง “ฟินเทค” ในหลากหลายมิติ ทั้งในมิติของประโยชน์ที่มีต่อผู้ใช้บริการทางการเงินและประเทศโดยรวม และในมิติของผลกระทบต่อภาคการเงินการธนาคาร (Disruption) BOT พระสยาม MAGAZINE ฉบับนี้ ได้รับเกียรติจากคุณทิน โชคกมลกิจ พิธีกรและผู้ประกาศข่าวชื่อดังจากสำนักข่าว TNN ช่อง 16 มาร่วมพูดคุยกับ ดร.วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธปท. เกี่ยวกับพัฒนาการฟินเทคในประเทศไทย การใช้ประโยชน์จากฟินเทคเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจไทย รวมทั้งคำแนะนำเกี่ยวกับการสร้างภูมิคุ้มกันจากความเสี่ยงของฟินเทคที่อาจเกิดขึ้น “พัฒนาการของฟินเทค” ส่งผลกระทบต่อทุกคนคุณทิน : “ฟินเทค” หลายคนได้ยินคำนี้บ่อย ๆ แต่อยากให้ท่านผู้ว่าการช่วยอธิบายว่า ฟินเทคมีผลกระทบต่อชีวิตเราอย่างไร ทำไมประชาชนคนธรรมดาจึงต้องสนใจฟินเทค ดร.วิรไท : ถ้ามองให้ไกลกว่าคำว่า “ฟินเทค” จะเห็นว่าเราอยู่ในช่วงที่เทคโนโลยีกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งพัฒนาการของเทคโนโลยีส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของพวกเราทุกคน ในหลายอุตสาหกรรมถูกกระทบอย่างรุนแรง (Disruption) แต่ก็เกิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ด้วย ภาคการเงินได้รับผลกระทบจากเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นผู้ให้บริการทางการเงิน […]Read More

ผ้าขาวม้าเกี่ยวข้องกับม้าหรือสีขาวไหมนะ?

ผ้าขาวม้าคือเอกลักษณ์ความเป็นไทยอย่างหนึ่ง อย่าง ‘ผ้าขาวม้า’ นั้น มีเรื่องราวที่มาที่น่าสนใจไม่น้อยเลย ว่าแต่มีเรื่องอะไรบ้างล่ะ คำตอบคือ… ผ้าเนื้อหยาบๆ ลายตารางหลากสีที่อยู่กับคนไทยมาหลายยุคสมัยโดยเฉพาะในระดับท้องถิ่น จนอาจเรียกได้ว่าผ้าขาวม้าคือเอกลักษณ์ความเป็นไทยอย่างหนึ่ง อย่าง ‘ผ้าขาวม้า’ นั้น มีเรื่องราวที่มาที่น่าสนใจไม่น้อยเลย เริ่มตั้งแต่ชื่อที่เราเรียกกันว่า ‘ผ้าขาวม้า’ จนอาจจะทำให้หลายคนเข้าใจผิดไปว่าต้องมีความเกี่ยวข้องบางอย่างกับม้าแน่ๆ แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เกี่ยวกันเลยสักนิด แต่ก่อนจะพูดถึงเรื่องชื่อ ขอเล่าก่อนว่าคนไทยกับผ้าขาวม้ารู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่ มีข้อมูลจากบทความวิชาการระบุว่า ผ้าขาวม้าเป็นที่รู้จักของคนไทยมาตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 16 หรือราวยุคสมัยเชียงแสน โดยได้รับอิทธิพลจากชาวไทยใหญ่ เดิมทีนั้นชาวไทยใหญ่ใช้ผ้าขาวม้าเพื่อโพกศีรษะ แต่เมื่อเป็นที่รู้จักของคนไทย โดยเฉพาะผู้ชายในยุคนั้น ก็ได้นำผ้าขาวม้ามาใช้ผูกเอวเป็นส่วนใหญ่ ยุคนั้นจึงเรียกว่า ‘ผ้าเคียนเอว’ บ้าง ‘ผ้าเคียนพุง’ บ้าง และด้วยความคิดสร้างสรรค์ของคนไทยก็ยังมีการนำผ้าเคียนพุงนั้นไปประยุกต์ใช้ประโยชน์อีกหลายสถาน เช่น ใช้ห่อข้าวของเวลาเดินทาง ห่ออาวุธ นุ่งเวลาอาบน้ำ เช็ดตัว ไปจนถึงปูนอนก็มี นอกจากนี้ ยังมีบันทึกของ ซีมง เดอ ลา ลูแบร์ (Simon de La Loubère) ราชทูตของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเพื่อเจริญสัมพันธไมตรีกับไทย ที่เกี่ยวกับผ้าขาวม้า  บันทึกดังกล่าวพอสรุปได้ว่าในยุคนั้นจะมีการมอบผ้าขาวม้าให้ทหารฝรั่งเศสนุ่งเมื่อลงอาบน้ำที่ตีนท่าเพื่อป้องกันการเปลือยลงอาบน้ำ ซึ่งขัดกับธรรมเนียมของคนไทยที่จะมีความเขินอายในเรื่องนี้กัน รวมถึงมีคนไทยบางส่วนในสมัยอยุธยาที่นุ่งผ้าขาวม้าอาบน้ำเช่นกัน และตามจิตรกรรมตามฝาผนังก็จะเห็นภาพชายชาวไทยใช้ผ้าผาดบ่า […]Read More

รู้จักไหม ‘การอาบป่า’ ยาวิเศษที่จ่ายให้ฟรีโดยธรรมชาติ

การเดินเข้าป่ามีประโยชน์ในแง่สุขภาพอย่างไม่น่าเชื่อ ศาสตร์นี้เรียกว่า ‘การอาบป่า’ (Forest Bathing) เป็นศาสตร์การเยียวยาโดยธรรมชาติที่มีต้นกำเนิดมาจากญี่ปุ่นตั้งแต่ทศวรรษที่ 1980 ถ้าเราเหนื่อยล้าจงเดินเข้าป่า… เพราะนอกจากจะไม่ต้องพบเจอคนใจร้ายอย่างที่เพลง ‘วันหนึ่งฉันเดินเข้าป่า’ ของ แม็กซ์ เจนมานะ ได้ว่าไว้แล้ว การเดินเข้าป่ายังมีประโยชน์ในแง่สุขภาพอย่างไม่น่าเชื่อ ศาสตร์นี้เรียกว่า ‘การอาบป่า’ (Forest Bathing) เป็นศาสตร์การเยียวยาโดยธรรมชาติที่มีต้นกำเนิดมาจากญี่ปุ่นตั้งแต่ทศวรรษที่ 1980 เป็นที่รู้กันดีว่าชาวญี่ปุ่นนั้นให้ความสำคัญกับธรรมชาติมาก เห็นได้จากเทศกาลสำคัญๆ ที่จะมีการเฉลิมฉลองให้กับธรรมชาติ เช่น ดวงจันทร์ ภูเขา ทะเล แม่น้ำ ฯลฯ หรือแม้แต่ทั้งสองศาสนาที่เจริญรุ่งเรืองมากในญี่ปุ่นอย่างศาสนาพุทธ และศาสนาชินโต ก็บูชาธรรมชาติกันมาเป็นเวลาช้านาน และในปี 1982 รัฐบาลญี่ปุ่นก็ได้นำแนวคิดเรื่องการอาบป่ามากระตุ้นให้ประชาชนออกไปใช้ประโยชน์จากพื้นที่ป่าของประเทศในการบำบัดรักษาและพัฒนาคุณภาพชีวิต จนกลายเป็นที่นิยมไปทั่วโลก การอาบป่าที่ว่านี้ก็คือการพาร่างกายหลีกหนีจากความวุ่นวายในสังคมเมืองแล้วไปพักผ่อนในป่า ไปใกล้ชิดกับความเงียบสงบของธรรมชาติ ไปอยู่ในอ้อมกอดสีเขียว อาจจะเป็นการเดินป่าชิลๆ ค่อยๆ ซึมซับความสดชื่นที่ป่ามอบให้เราก็ได้ มีคำแนะนำว่าควรไปอาบป่าอย่างน้อยเดือนละครั้ง และการอยู่ในป่าแค่เพียง 15 นาที ก็สามารถช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันร่างกายได้ และทำให้เรามีพลังมากพอที่เราจะอยู่ไปได้ทั้งเดือน สิ่งที่อาจจะเรียกว่ายาวิเศษจากธรรมชาติ ที่ทำให้เรารู้สึกสดชื่นทุกครั้งที่อยู่ในป่านั่นก็คือไฟทอนไซด์ (Phytoncide) ซึ่งเป็นน้ำมันหอมระเหยที่ต้นไม้ปล่อยออกมาเพื่อป้องกันตัวเองจากเชื้อโรคและแมลง ขณะเดียวกันก็ช่วยให้มนุษย์รู้สึกผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้า และความเครียด เพราะเมื่อเราสูดอากาศในป่าก็จะได้รับสารตัวนี้เข้าไปด้วย นอกจากนี้ […]Read More

เซ็กซี่ แข็งแกร่ง และเป็นตัวเอง แพร์ อลิตา ผู้หญิงที่ไม่ได้มีดีแค่หุ่น

ความน่าสนใจของผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่เพียงการมีหุ่นดี หรือวินัยในการออกกำลังกายเท่านั้น เพราะจากการได้พูดคุย ทำให้เราได้สัมผัสถึงจิตใจและความคิดของผู้หญิงคนนี้ที่เซ็กซี่และแข็งแกร่งไม่แพ้กล้ามเนื้อสวยๆ นั่นเลย Reasons to Read หลายคนอาจมองว่าแพร์ไม่ได้เริ่มมาจากอ้วน แต่การเริ่มจากผอม เราก็รู้สึกว่าตัวเองมีส่วนเกินอย่างนั้นอย่างนี้ คือส่วนมากไม่มีใครพอใจในตัวเองหรอก แพร์ว่าคนเราชอบหาอะไรมาติตัวเอง ‘แพร์-อลิตา ตันติวีรสุต’  อินฟลูเอนเซอร์สาวสวยหุ่นดีที่หลายคนยกให้เป็นผู้หญิงเซ็กซี่ แต่จากการได้นั่งพูดคุยกันในครั้งนี้ทำให้เราสัมผัสได้ว่า นอกจากความเซ็กซี่แล้ว ความคิดและจิตใจของเธอก็เซ็กซี่และแข็งแกร่งไม่แพ้กล้ามเนื้อสวยๆ นั่นเลย นิยามคำว่า ‘ผู้หญิงเซ็กซี่’ ของแต่ละคนอาจต่างกันออกไป แต่เราเชื่อว่าสิ่งหนึ่งที่ทำให้หลายคนต้องยอมรับว่า ‘แพร์-อลิตา ตันติวีรสุต’ เป็นผู้หญิงเซ็กซี่คนหนึ่งก็เพราะ ความมั่นใจในแบบฉบับของตัวเอง และด้วยการเป็นอินฟลูเอนเซอร์สาวสวยหุ่นดีที่รักการออกกำลังกาย (มาก) โดยมีผู้ติดตามในอินสตาแกรมมากกว่า 3 แสนคน หลายคนจึงยกให้เธอเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้อยากลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองดูบ้าง  แต่ความน่าสนใจของผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่เพียงการมีหุ่นดี หรือวินัยในการออกกำลังกายเท่านั้น เพราะจากการได้พูดคุย ทำให้เราได้สัมผัสถึงจิตใจและความคิดของผู้หญิงคนนี้ที่เซ็กซี่และแข็งแกร่งไม่แพ้กล้ามเนื้อสวยๆ นั่นเลย GM Live : แรงบันดาลใจหรือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เริ่มออกกำลังกาย อลิตา : ไม่อยากใช้คำว่าแรงบันดาลใจ เพราะมันไม่เชิงแรงบันดาลใจ เรียกว่าเป็นแรงกระตุ้นดีกว่า แรงกระตุ้นก็มาจากการที่เราไม่ชอบตัวเองเลย เพราะว่าแต่ก่อนแพร์เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่มีชีวิตเนือยๆ ไม่อยากทำอะไร อยากนอนเฉยๆ กินนอน ใช้ชีวิตไปวันๆ คือไม่มีจุดมุ่งหมาย เราก็ไม่ชอบตัวเองด้วยว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ […]Read More

ความสำเร็จที่แตกต่างบนเส้นทางของ ‘นิ้วกลม’

‘นิ้วกลม’ ชื่อนี้น้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก นามปากกาที่คนจำนวนมาก เป็นแฟนมาตั้งแต่เล่มแรกๆ จนตอนนี้ เขามีผลงานหนังสือกว่า 30 เล่ม หนังสือทุกเล่มมอบมุมมองชีวิตที่แตกต่างกัน มอบประสบการณ์ท่องเที่ยว มอบการรู้จักคุณค่าในตัวเอง มอบความหมายให้กับชีวิต หรือ แม้แต่มอบความสำเร็จสำหรับใครสักคนที่อ่านแล้วเกิดเป็นแรงบันดาลใจให้ลุกขึ้นมา เดินหน้าไขว่คว้าหาเป้าหมายแห่งชัยชนะอีกครั้ง  นิ้วกลม คือนามปากกา ส่วน สราวุธ เฮ้งสวัสดิ์เป็นชื่อจริง นอกจากเป็นนักเขียนที่ประสบความสำเร็จ ผลงานมียอดขายถล่มทลาย ตีพิมพ์ซ้ำไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เขายังเป็นนักคิดนักบริหารรุ่นใหม่ ผู้กำกับโฆษณา ผลิตสารคดี พิธีกรผู้ดำเนินรายการ ฯลฯ  นิ้วกลม ในวัยขึ้นเลขสี่กำลังมุ่งมั่นตั้งใจคว้าเป้าหมายใหม่แห่งชีวิต คือ ‘การได้มีชีวิต’ ที่ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่การได้มีเวลาให้ครอบครัว หรือการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้คนรอบตัว รวมถึงเรื่องดูแลรักษาสุขภาพ ถือเป็นเป้าหมายใหม่ที่เขาตั้งใจจะวิ่งเข้าเส้นชัยให้ได้ในเร็ววัน  แล้วมุมมองความคิดของเขา ผู้มีความสำเร็จที่แตกต่าง ไม่หยุดอยู่แค่ความสำเร็จที่เคยได้รับ ทั้งยังคงวิ่งตามหาความสำเร็จซึ่งมีความหมายต่อชีวิตอย่างไม่เคยหยุดอยู่กับที่เลยสักครั้งนั้นเป็นอย่างไร มาตามอ่านไปพร้อมกัน หวังว่าจะได้แรงบันดาลใจมาปรับเปลี่ยนชีวิตเพื่อมุ่งทะยานไปสู่ความสำเร็จที่แตกต่างไม่มากก็น้อย ถ้าเปรียบเทียบความสำเร็จของนิ้วกลมเป็นหลักไมล์ ตอนนี้คิดว่าวิ่งมาด้วยระยะทางเท่าไหร่แล้ว         “คิดว่ามากพอสมควร วิ่งมาถึงจุดๆหนึ่งแล้วรู้สึกว่าไม่ได้วิ่งเหมือนเดิม คือไม่ได้มองชีวิตเป็นเส้นทางยาว ๆ วิ่งอยู่ในสนามแบบเดิม แต่มองเป็นพื้นที่ใหญ่ ๆ […]Read More