fbpx

ความสำเร็จที่แตกต่างบนเส้นทางของ ‘นิ้วกลม’

นิ้วกลม ชื่อนี้น้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก นามปากกาที่คนจำนวนมาก เป็นแฟนมาตั้งแต่เล่มแรกๆ จนตอนนี้ เขามีผลงานหนังสือกว่า 30 เล่ม หนังสือทุกเล่มมอบมุมมองชีวิตที่แตกต่างกัน มอบประสบการณ์ท่องเที่ยว มอบการรู้จักคุณค่าในตัวเอง มอบความหมายให้กับชีวิต หรือ แม้แต่มอบความสำเร็จสำหรับใครสักคนที่อ่านแล้วเกิดเป็นแรงบันดาลใจให้ลุกขึ้นมา เดินหน้าไขว่คว้าหาเป้าหมายแห่งชัยชนะอีกครั้ง 

นิ้วกลม คือนามปากกา ส่วน สราวุธ เฮ้งสวัสดิ์เป็นชื่อจริง นอกจากเป็นนักเขียนที่ประสบความสำเร็จ ผลงานมียอดขายถล่มทลาย ตีพิมพ์ซ้ำไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เขายังเป็นนักคิด
นักบริหารรุ่นใหม่ ผู้กำกับโฆษณา ผลิตสารคดี พิธีกรผู้ดำเนินรายการ ฯลฯ  นิ้วกลม ในวัยขึ้นเลขสี่กำลังมุ่งมั่นตั้งใจคว้าเป้าหมายใหม่แห่งชีวิต คือ ‘การได้มีชีวิต’ ที่ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่การได้มีเวลาให้ครอบครัว หรือการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้คนรอบตัว รวมถึงเรื่องดูแลรักษาสุขภาพ ถือเป็นเป้าหมายใหม่ที่เขาตั้งใจจะวิ่งเข้าเส้นชัยให้ได้ในเร็ววัน 

แล้วมุมมองความคิดของเขา ผู้มีความสำเร็จที่แตกต่าง ไม่หยุดอยู่แค่ความสำเร็จที่เคยได้รับ ทั้งยังคงวิ่งตามหาความสำเร็จซึ่งมีความหมายต่อชีวิตอย่างไม่เคยหยุดอยู่กับที่เลยสักครั้งนั้นเป็นอย่างไร มาตามอ่านไปพร้อมกัน หวังว่าจะได้แรงบันดาลใจมาปรับเปลี่ยนชีวิตเพื่อมุ่งทะยานไปสู่ความสำเร็จที่แตกต่างไม่มากก็น้อย

ถ้าเปรียบเทียบความสำเร็จของนิ้วกลมเป็นหลักไมล์ ตอนนี้คิดว่าวิ่งมาด้วยระยะทางเท่าไหร่แล้ว

        “คิดว่ามากพอสมควร วิ่งมาถึงจุดๆหนึ่งแล้วรู้สึกว่าไม่ได้วิ่งเหมือนเดิม คือไม่ได้มองชีวิตเป็นเส้นทางยาว ๆ วิ่งอยู่ในสนามแบบเดิม แต่มองเป็นพื้นที่ใหญ่ ๆ โล่ง ๆ ให้เราได้วิ่งเล่นไปในจุดที่เราสนใจ มีความสุข สนุกกับมัน เปรียบเหมือนรายการวิ่ง ที่เราลงรายการวิ่งเป็นฮาล์ฟมาราธอนบ้าง มาราธอนบ้าง ชีวิตมันก็เป็นแบบนั้น คือมันอาจจะต้องมีเส้นชัยใกล้ ๆ ในแต่ละช่วง เช่นปีนี้เราอาจจะกำหนดว่า เราอยากจะเขียนหนังสือให้จบหนึ่งเล่ม หรือว่า ปีหน้าเราอยากทำหนังสารคดีสักเรื่องหนึ่งก็ได้ เปรียบเป็นสนามวิ่งในแต่ละสนาม แต่ไม่ได้มองเห็นมันเป็นเส้นทางยาว ๆ แล้ว” 

       “คำว่าสำเร็จมันก็คงเหมือนเรามีเส้นชัยแล้วเราวิ่งผ่านไปได้ เริ่มต้นตั้งแต่ตอนเเรียน ก็คงเหมือนเด็กทั่วไป สอบเข้าได้ในที่ๆอยากเรียน อยู่ในคณะที่ชอบ ได้เข้าทำงานในบริษัทที่เราอยากเข้า มันก็เห็นเส้นชัยของตัวเองเป็นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ระหว่างทำงานก็มีเส้นชัยเล็ก ๆ เต็มไปหมด เพราะเรากำหนดเส้นชัยให้ตัวเอง เช่นเราอยากได้รางวัล B.A.D AWARDS อยากได้ ADMAN ก็ทำได้  ตอนนั้นเรากำหนดเป้าหมายสูงสุดของการทำโฆษณาไว้ว่า เราอยากได้คานส์ ก็ได้รางวัล GOLD ของคานส์ ในปี 2007 ระหว่างนั้นก็มีงานเขียนหนังสือ ซึ่งเป็นความฝันอย่างหนึ่ง พอได้พิมพ์พ็อกเก็ตบุ๊กของตัวเองออกมามันก็เหมือนไปถึงเส้นชัยอีกเส้นหนึ่ง ก็คิดว่าถ้าเกิดมองความสำเร็จเป็นการตั้งเป้าแล้วทำได้สำเร็จ สิ่งเหล่านี้ก็คงเป็นความสำเร็จ”

แล้วความสำเร็จในตอนนี้คืออะไร

       “ตอนนี้จริง ๆ อย่างที่บอกว่าพอเปลี่ยนเกม คือรู้สึกว่าชีวิตพอผ่านวัยหนุ่มมา เราจะมองชีวิตตัวเอง มองโลกเปลี่ยนไป คือเหมือนเราเอาแว่นเดิมออกไปแล้วใส่แว่นใหม่ โลกเปลี่ยนไปเยอะเลยคือ เราก็ไม่ได้มองความสำเร็จเป็นเส้นชัยที่ต้องวิ่งไปหาเหมือนเช่นเดิมแล้ว ความต้องการมันเปลี่ยนไปแล้ว ความต้องการในวัยหนุ่มมันคือความต้องการที่เราอยากยืนอยู่บนยอด มีสปอตไลท์ส่องมา ทุกคนปรบมือให้ เราคิดว่านั่นคือความปรารถนาในวัยหนุ่ม แต่ว่าพอขึ้นอยู่บนนั้นไปแล้ว หรือว่าเราไปถึงสถานะนั้นได้บ่อย ๆ สำหรับตัวเองรู้สึกว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ต้องการอีกต่อไป 

         สิ่งที่ต้องการกลับไม่ใช่การยอมรับจากคนอื่น แต่มันคือความสงบในจิตใจ ซึ่งมันยาก เพราะนั่นไม่ใช่การเอาชนะคนอื่น หรือว่าทำให้ตัวเองเก่ง แต่คือการลดทอนความต้องการที่เกินเลยของตนเอง ฝึกการยอมรับในสิ่งที่เราไม่เก่ง หรือยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต กลายเป็นการฝึกใจแทน ความสำเร็จในทุกวันนี้ก็เลยเปลี่ยนมุมไปเป็นอะไรแบบนี้ คือถ้าเมื่อไหร่ที่เราอยู่ในสภาวะที่หัวใจมันดี หัวใจดีในที่นี้คือว่ามีความนิ่ง ช่วงนี้นิ่งดีว่ะ ช่วงนี้มีความสุขดีว่ะ ผมว่าอันนี้คือสำเร็จ แล้วยิ่งมีช่วงเวลาแบบนี้ได้มากขึ้น หรือว่าสม่ำเสมอ ยาวนานมากขึ้นเท่าไหร่ ผมว่าอันนี้คือสำเร็จ ฝึกฝนจิตใจของตัวเองให้มีความสงบมากขึ้น”

คิดว่าอะไรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในชีวิต

           “มาถึงทุกวันนี้  ถ้ามองความสำเร็จในภาพใหญ่ ผมรู้สึกว่าผมมีชีวิตที่ค่อนข้างโอเคกับตัวเอง แล้วก็ไม่ได้เรียกร้องให้ตัวเองเป็นอย่างอื่น หมายถึงว่า ก่อนหน้านี้เรารู้สึกว่าเราอยากเป็นอย่างอื่น เช่น เวลาคนอื่นเขาอาจจะติอะไรเรามาสักอย่าง แล้วเรา เออว่ะ เราน่าจะเป็นแบบนั้น ทว่าตอนนี้ไม่มีความรู้สึกอะไรแบบนั้นสักเท่าไหร่ เราโอเคกับสิ่งที่เราเป็น สิ่งที่เราทำมากกว่า ผมรู้สึกว่าผมมีความสัมพันธ์ที่ดี สำหรับอันนี้ผมยกให้เป็นความสำเร็จเลยนะ ผมมีเวลาให้ป๊ากับแม่ ดูแลเขาได้ มีเวลาให้กับแฟน ผมยังนัดเจอเพื่อนฝูงเฮฮากันตลอด สิ่งเหล่านี้นับเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากในชีวิตของผม ผมยังมีโอกาสได้เรียนรู้จากผู้คนใหม่ ๆ จากคนที่เราเคารพนับถืออยู่เรื่อย  ผมคิดว่าสมดุลเหล่านี้สำคัญมากเลย ในการที่เราจะนิยามชีวิตตัวเองว่ามันคือชีวิตที่ประสบความสำเร็จแล้ว

       แต่ถ้าจะให้ตอบเป็นแบบรูปธรรม ผมคิดว่ามันคือการได้ออกหนังสือ ‘โตเกียวไม่มีขา’ เป็นขั้นบันไดแรกเลยที่ทำให้เรามีชีวิตที่เราชอบ การเขียนหนังสือให้อะไรกับเราเยอะมาก ทำให้เราไม่หยุดเรียนรู้ ทำให้เราเข้าใจตัวเองมากขึ้นทุกครั้งที่เราเขียนหรือคิดถึงอะไร นำพาเราให้ไปเจอคนผู้คนมากมาย ได้ไปทำรายการโทรทัศน์  สิ่งเหล่านี้ให้โอกาสเราได้ใช้ชีวิตอยู่กับสิ่งที่เรารักในทุกๆวัน”

“ตราบใดที่ยังพัฒนาความคิดและจิตใจของตัวเองอยู่
การพ่ายแพ้หรือชนะมันก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด”

ในแง่ของความฝัน คิดว่าประสบความสำเร็จขนาดไหน

       “ความฝันมีช่วงวัยของมัน แล้วก็ต้องค่อย ๆ ไล่ล่า ค่อย ๆ พิชิตมันไป แต่ว่าในช่วงวัยนี้อาจจะไม่ใช่ความฝันแล้วแหละ ทุกครั้งที่มีงานใหม่ ๆ มีโปรเจกต์อะไรที่น่าตื่นเต้นก็เป็นความฝันนะ อยากทำให้ดีที่สุด แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปก็คือ แม้ผลที่ออกมาจะไม่ได้ดีสุดยอดหรือว่าเกิดไม่สำเร็จ ก็ไม่ได้มีความรู้สึกพังเท่าตอนช่วงวัยหนุ่มแล้ว  เปรียบเทียบง่ายๆเช่น เราซ้อมวิ่งอยู่ทุกวัน เราลงวิ่งมาราธอนแต่ไปไม่จบ มันไม่เป็นไรเลย เพราะเราทำสิ่งที่สำคัญกว่านั้น วิ่งมันคือชีวิต ส่วนสนามมาราธอนมันเป็นแค่ความสนุก แต่ว่าในชีวิตมันจำเป็นที่จะต้องวิ่ง ให้เราเปรียบเทียบกับความฝัน ในชีวิตเราต้องพัฒนาความคิดและจิตใจ ตรงนี้สำคัญมากที่สุดเลย ถ้าตราบใดที่ยังพัฒนาความคิดและจิตใจของตัวเองอยู่ การพ่ายแพ้หรือชนะมันก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด”

“ชีวิตมันจะง่าย…เมื่อเราพอใจ มันจะยาก…เมื่อเราต้องการ”

มีเรื่องอะไรที่ยาก ๆ  แล้วเราผ่านจุดนั้นมาได้อย่างไร

          “ผมว่า ในแต่ละช่วงวัยมีความยากในแบบของมัน ทั้งหมดของความยากในชีวิต มันเกิดจากความปรารถนา  ในเมื่อเรามีความต้องการที่จะได้อะไรบางอย่าง มันก็จะยากขึ้นมาทันที ชีวิตมันจะง่ายเมื่อเราพอใจ มันจะยากเมื่อเราต้องการ   สำหรับผมสิ่งที่คิดว่ายากกว่าจะก้าวผ่านมาได้มันเกิดจากความฟุ้งซ่านที่ใคร่รู้ว่าเราเกิดมาทำไม ทำงานแล้ว  แต่งงานแล้ว บ้านก็มีหมดแล้ว เออว่ะ แล้วคนเราเกิดมาทำไมวะ? ชีวิตมันก็แค่นี้เองเหรอ?  ผมว่าการหมกมุ่นกับคำถามนี้มันยากมากที่จะข้ามพ้น แต่ที่จริงมันคือความปรารถนาที่อยากจะรู้คำตอบของสิ่งนี้ ซึ่งจริง ๆ มันอาจจะมีหรือไม่มีก็ได้ ผมว่าทั้งหมดนี้คือเรื่องยากในชีวิต แต่ถ้าถามว่าเราผ่านเรื่องยากมาได้ยังไง 

          ผมเพิ่งอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง มีตัวละครเป็นคนที่ชอบกินเชอร์รี่มาก มีสวนเชอร์รี่เบ้อเร่ออยู่แถวที่เขาอาศัยอยู่ เขาแอบเข้าไปในสวนขโมยเชอร์รี่มากินทุกวัน กินเท่าไหร่ก็รู้สึกไม่หนำใจ ก็กินไปเรื่อย ๆ จนอยู่มาวันหนึ่ง เขาเข้าไปในสวนแล้วก็หอบเก็บเชอร์รี่เกือบหมดสวนมานั่งกิน กินมากซะจนอ้วกออกมาเป็นเชอร์รี่ หลังจากนั้น เขาก็ไม่อยากกินเชอร์รี่อีกเลย ผมว่ามันคล้าย ๆ กัน คือเราข้ามพ้นความปรารถนาเหล่านั้นมาได้อย่างไร ผมว่าหนึ่งคือเรากินมันจนอิ่มมาก สองคือเราได้รับพิษจากมัน เช่นความเจ็บปวด ปวดกบาล เครียดจะเป็นจะตาย ผมว่า ไม่ว่าทางใด นั่นแหละคือทางข้ามพ้น (หัวเราะ) แล้วเราจะรู้เองในวันหนึ่งว่า เราไม่เอาสิ่งนี้แล้วก็ได้  พอแล้ว ไม่มีมันก็มีชีวิตที่ดีได้นี่ ”

ถ้าพูดถึงในฐานะนักเขียน คิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จขนาดไหนในอาชีพนักเขียน

        “ผมดีใจที่งานเขียนของเรามีคนที่เขาอ่านอย่างต่อเนื่อง อ่านจนกระทั่งมีความรู้สึกผูกพันกับตัวหนังสือของเรา คล้าย ๆ กับเราเป็นเพื่อนกันผ่านตัวหนังสือ เป็นความรู้สึกที่ดีมาก ผมดีใจมากที่งานเขียนไม่ได้เป็นเพียงแค่กิจกรรมทางปัญญา สามารถเลี้ยงชีพได้อีกด้วย ในเมื่องานเขียนมอบอะไรให้กับเรามากขนาดนี้ แล้วก็ยังเป็นต้นไม้ที่เติบโตตลอดเวลา ทั้งตัวเราและสติปัญญาของเราด้วย สำหรับผม แค่นี้ถือว่าน่าพอใจมาก”

 ในฐานะนัก(อยาก)วิ่ง เราทำได้ดีขนาดไหน ประสบความสำเร็จอะไรแล้วบ้าง

         “การวิ่ง สิ่งที่สำเร็จสุด ๆ เลยไม่ใช่เรื่องของสถิติ เวลาหรือจำนวนมาราธอนอะไรทั้งนั้น แต่มันคือการที่เราสัมผัสได้กับตัวเอง ว่าชีวิตเราเปลี่ยน พลังในตัวเยอะขึ้น สุขภาพจิตดีขึ้น รู้สึกว่าตัวเองเป็นหนุ่มขึ้น พอสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ความสัมพันธ์รอบข้างก็ดีขึ้นไปด้วย ความพอใจในตัวเอง พอมันดีขึ้น มันทำให้ชีวิตทั้งชีวิตสมดุล”

“จุดจบเป็นผลลัพธ์ที่ต้องเกิดขึ้นอยู่แล้ว
ทว่าสิ่งที่สำคัญคือกระบวนการ” 

แสดงว่าทุกความสำเร็จที่คว้ามา ไม่เคยหยุดที่จะเดินหน้าต่อ

  “ผมว่าบุคลิกหนึ่งที่มันอยู่ในตัวคือเราต้องการท้าทายตัวเอง เราอยากเห็นศักยภาพที่ซ่อนอยู่ของเราว่ามีอะไรอีก คือถ้าเป็นแต่ก่อนเราจะมองไปเพียงจุดหมายที่เราต้องไปให้ถึง แต่ทุกวันนี้ คำตอบทั้งหมดสะท้อนชัดเจนว่าเป้าหมายเป็นเพียงแค่หมุดหมายสนุก ๆ ที่เรากำหนดไว้เพื่อให้ตัวเองได้ทำ ถ้าพูดถึงว่า เราอยากจบมาราธอน ไม่ใช่เพราะเราจะได้ไปถึงเส้นชัยนะครับ แต่เพื่อที่เราจะต้องวิ่งไง   ถ้าเราอยากเขียนหนังสือสักเล่ม เราอยากเห็นมันเสร็จ แต่มันก็ยังไม่สำคัญเท่ากับว่า เราจะต้องตื่นขึ้นมาทุกวันแล้วได้เขียน ความคิดที่ได้พัฒนาผ่านกระบวนการเขียน สิ่งนี้แหละ เราเห็นว่าสำคัญกว่าจุดจบอีก จุดจบเป็นผลลัพธ์ที่ต้องเกิดขึ้นอยู่แล้ว แต่สิ่งที่สำคัญมันคือกระบวนการ  การมีชีวิตหรือการที่เราลงมือทำอะไรบางอย่างในทุกวัน มันจะส่งผลไปถึงเป้าหมายนั้นเอง ถ้าเรามัวแต่ไปมองว่า เราอยากทำเป้าหมายนั้นให้สำเร็จ แล้วเรารู้สึกว่า ทุกวันที่ต้องทำมันเหนื่อย มันทรมาน ผมว่าไม่ใช่ นั่นเป็นสิ่งที่ผมเคยรู้สึกมาก่อนหน้านี้ เพราะเรามัวแต่ไปให้ความสำคัญกับคำว่า เส้นชัย”

ถ้าสมมติเปรียบเทียบชีวิตของนิ้วกลมกับรถยนต์

    “คิดว่าเหมือนชีวิตตัวเองที่เป็นพื้นที่ใหญ่ ๆ แล้วเราขับรถไป ไม่ว่าจะเส้นทางแบบไหน รถคันนั้นต้องไปกับเราได้ทุกที่ สามารถพาเราไปในทางที่สมบุกสมบันได้  ไม่ใช่แค่วิ่งไปบนทางเรียบ หนทางที่ไม่เรียบ ไม่สบายก็ต้องวิ่งไปได้ด้วยแล้วควรจะเป็นรถยนต์ที่มีพื้นที่รองรับกิจกรรมต่างๆได้มากพอ เพราะเราเป็นคนที่มีความสนใจหลากหลาย สามารถบรรทุกจักรยานได้ เพราะว่าเราก็ชอบปั่นจักรยาน ใส่อุปกรณ์วิ่ง หรือกระทั่งว่าสามารถใส่โต๊ะหรือเตาย่างบาร์บีคิวที่นำออกมากางใช้เฮฮาสังสรรค์กับเพื่อนฝูงได้  เป็นรถที่มีพื้นที่กว้างมากพอให้กับทุกความสัมพันธ์ คือคนที่เราห่วงใย พาพ่อแม่ ครอบครัวไปเที่ยวได้ ไปกับกลุ่มเพื่อนได้ ใช้ไปทำงานได้ ผมคิดว่าส่วนนี้เป็นส่วนที่สำคัญของชีวิตเช่นกัน”

ปกติขับรถบ่อยไหม ชอบขับรถแบบไหน

     “เรียกได้ว่าขับรถมาตลอดชีวิตเลยดีกว่าการขับรถออกต่างจังหวัดก็เป็นความสุขอย่างหนึ่ง ขับบนทางโล่ง ได้ใช้ความเร็วประมาณหนึ่ง มีภูเขา มีต้นไม้รอบข้าง ให้ความรู้สึกผ่อนคลายมาก ๆ ชอบโมเมนต์ขับรถแล้วได้ฟังเพลง

           ภายในรถก็สำคัญต้องมีความนุ่มนวล  นั่งแล้วอยากรู้สึกได้ประหนึ่งว่าเหมือนนั่ง easy chair อยู่ที่บ้าน นั่งโซฟาที่รองรับสรีระเรา ใช้วัสดุที่ให้ความรู้สึกนุ่มสบาย

           ส่วนเรื่องของแอร์ อยากให้มีช่องปรับอุณหภูมิที่แยกระหว่างผมกับแฟน เพราะ คนหนึ่งร้อนง่าย อีกคนหนึ่งก็หนาวง่าย มีระบบเครื่องเสียงที่ดี ดูหนังฟังเพลง”

ชอบรถดีไซน์แบบไหน

    “ผมไม่ชอบอะไรที่มันหรูด้วยความพยายามที่จะหรู ชอบอะไรที่ดูเรียบง่ายแต่ซ่อนรสนิยมที่ดีบางอย่างเอาไว้ ดีไซน์ที่ดีสำหรับเรา คือดีไซน์ที่เราขึ้นไปนั่งแล้วเรารู้สึกรื่นรมย์ ผมว่าดีไซน์ที่เรียบง่ายแต่มีรสนิยม จะเป็นอะไรที่ตอบโจทย์กว่าสำหรับผม”

ถ้าเปรียบเทียบ Mitsubishi  Pajero Sport Elite Edition คันนี้กับนิ้วกลม มีอะไรที่คล้ายกันบ้าง?

        “ถ้าเปรียบเทียบ Mitsubishi Pajero Sport รุ่นนี้กับชีวิตของผม ผมว่าคงเป็นความพร้อมที่จะผจญภัยไปในทุกเส้นทางที่เราไม่ได้คาดเดาได้ตลอดเวลา เพราะว่าในมุมส่วนตัวเอง ก็ชอบที่จะเดินทางไปได้เรื่อย ๆ เจออะไรที่น่าสนใจเราก็จะเลี้ยวออกไป ไม่ว่าจะเจอสภาพถนนแบบไหน ผมคิดว่า Mitsubishi Pajero Sport Elite Edition ตอบสนองได้เช่นกัน รองรับความสนใจหรือว่ามิติต่าง ๆ ของชีวิต มีพื้นที่ให้ปรับใช้ได้มากพอที่เอาไว้ใส่สิ่งต่าง ๆ ที่เราสนใจลงไปในนั้นได้ แล้วก็เอาสิ่งเหล่านี้ติดตัวผจญภัยลุยไปด้วยกันพร้อมกับเพื่อนร่วมทางได้

      ส่วนรูปลักษณ์การดีไซน์ในรถรุ่นนี้เป็นอีกอย่างที่ผมชอบ เพราะคิดว่าเป็นรถที่ไม่ได้โชว์ออฟจนเกินไป  ถ้าในนิยามของผมรู้สึกว่าเป็นรถที่เราพอใจในสิ่งที่เป็น ไม่ต้องเด่นในแบบว่าพยายามจะทำให้ทุกคนต้องหันมามอง  สำหรับMitsubishi  Pajero Sport Elite Editionถ้าได้เห็น ได้ใช้จะรู้สึกว่าเป็นรถที่ดีไซน์ได้พอเหมาะ สวยกำลังดีในแบบของเขา เราก็อาจจะรสนิยมประมาณนี้ คือไม่ได้เด่นแบบพยายามมากเกินไป แต่มีความสวยในแบบของเรา มีเอกลักษณ์ในแบบของเรา”

ถ้าให้ตอบโจทย์ด้านความสำเร็จคิดว่า Mitsubishi Pajero Sport Elite Edition จะตอบโจทย์ความสำเร็จของเราและคนอื่น ๆ ได้ไหมในการไปถึงจุดหมาย

      “ความสำเร็จ พอนิยามมันเปลี่ยน มันไม่ใช่เพียงแค่เราสตาร์ทจากจุด A ไป B แล้วจะสำเร็จ คิดว่าความสำเร็จในช่วงวัยแบบผมนี้ มีมิติที่กว้างกว่าเส้นตรง  นั่นแปลว่าเรามองพื้นที่ของชีวิตเปลี่ยนไป อย่างที่บอกเป็นมันโล่งและใหญ่มากขึ้น พื้นที่โล่งไม่ได้หมายความว่าไม่มีอุปสรรค ไม่มีภูเขาแม่น้ำลำธาร ทางเลี้ยวทางขรุขระ  แต่มันกลับเป็นพื้นที่ ที่เต็มไปด้วยสิ่งที่รอให้เราไปสำรวจ แล้วถ้าเกิดนิยามความสำเร็จมันเปลี่ยนมาเป็นการได้เข้าไปสำรวจในพื้นที่ ๆ เราอยากสำรวจ ผมคิดว่ารถที่พร้อมจะพาเราไปสำรวจในพื้นที่ใหม่ๆ ที่สร้างการเรียนรู้ให้กับเราได้ รถคันไหนทำได้แบบนั้นก็จะตอบนิยามความสำเร็จนี้ได้

     ‘ความสำเร็จที่แตกต่าง’ สำหรับ ‘นิ้วกลม’ คือสิ่งที่เขาได้เรียนรู้ พบเจอประสบการณ์ ค้นหาความหมายในชีวิต ก้าวข้ามความสำเร็จที่พานพบ เพื่อเดินหน้าคว้าเป้าหมายต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งหมดหล่อหลอมให้เขากลายเป็นตัวแทนของอีกหนึ่งแนวคิดสู่ความสำเร็จได้ดั่งเช่นทุกวันนี้ และ ’ความสำเร็จที่แตกต่าง’ ของคุณล่ะเป็นแบบไหน…

Digiqole ad

บทความที่น่าสนใจ