บางทีเราอาจจะสับสนกัน ระหว่างโอตาคุ กับ Loser ถึงแม้ดูจากภายนอก เราเห็นเขาเป็นชายหนุ่มที่ไม่รู้จักโต ฝังตัวเองอยู่ในโลกโมเดลหุ่นยนต์ มังงะ และการ์ดพลัง หน้าตาไม่ค่อยเอาไหน ใส่แว่นหนาๆ และพูดจาถึงเรื่องราวแปลกๆ ที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ ไม่สนใจ แต่สำหรับ โมริโนซุเกะ คาวากูชิ เขาคือโอตาคุตัวพ่อ เขาคนนี้ได้รับฉายาจากสื่อมวลชนและแวดวงวิชาการในญี่ปุ่นว่า ‘โอตาคุ หมายเลข 1’ เคยได้รับเชิญจาก TED องค์กรรวมนักคิดชั้นนำของโลกมาแชร์ความรู้ ไอเดีย และแรงบันดาลใจให้กับคนทั้งโลกมาแล้ว โมริโนซุเกะทำให้ผู้ฟังอึ้ง! เพราะเขาบอกว่า “โอตาคุเป็นรากฐานทางเศรษฐกิจและสังคมของญี่ปุ่น” เพราะอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับโอตาคุ ล้วนมีมูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาล มากกว่าชาเขียวและวาซาบิเสียอีก ดูเอาง่ายๆ วัดจากการ์ตูน Doraemon หรือ One Piece ที่ได้ตั้งรกรากถาวรบนอันดับ Top 20 หนังสือขายดีทั่วโลกไปเรียบร้อย แม้กระทั่ง Forbes ยังออกมาระบุว่า ฮัลโหล คิตตี้ คือแมวสาวที่มีมูลค่ามากเป็นอันดับ 1 ของโลก ในหนังสือที่โมริโนซุเกะเขียนขึ้นชื่อ ‘Geeky-Girly Innovation : […]Read More
ไม่มีใครสงสัยในฝีมือการเป็นนักแต่งเพลงหรือนักสร้างสรรค์งานเพลงของ บอย โกสิยพงษ์ ตั้งแต่ เบเกอรี่มิวสิค มาสู่ เลิฟอิส (LOVEiS) ในปัจจุบัน เขายังคงทำผลงานคุณภาพที่มีอิมแพ็คสูงเสมอมา แต่ในแง่ของการทำธุรกิจแล้ว เราก็คงไม่ต้องสงสัยในตัวเขาอีกเช่นกัน เพราะบอยยืนยันด้วยตัวเองว่า เขาทำไม่เป็นเอาเสียเลย มันเป็นอะไรที่เหมือนจะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับธรรมชาติของเขาโดยสิ้นเชิง แต่การทำงานสร้างสรรค์หรือการทำเพลงนั้น ก็ต้องอยู่ให้ได้ด้วยในเชิงธุรกิจ ไม่งั้นจะทำงานต่อไปได้อย่างไรถึงจุดหนึ่ง บอยจึงต้องมองหาผู้ที่จะมาเป็น หลังบ้าน คอยดูแลบริหารจัดการให้ธุรกิจสามารถหล่อเลี้ยงฝั่งความคิดสร้างสรรค์ให้เดินหน้าต่อไปได้ และคนคนนั้นที่เข้ามาก็คือ เทพอาจ กวินอนันต์ หรือ จี๊บ หลายคนคงร้องอ๋อ!ถ้าบอกว่าเขาเป็นนักธุรกิจเจ้าของร้าน HOBS (House of Beers)ซึ่งเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเบียร์ชั้นนำจากต่างประเทศ อาทิ Stella Artois, Hoegaarden, Leffe Brune และ ฟูลมูน ไวน์คูลเลอร์โดยเทพอาจได้เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นและเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือ ซีอีโอ ค่ายเพลง เลิฟอิส เอ็นเตอร์เทนเมนท์ เห็นได้ชัดว่าทั้งคู่มีความแตกต่าง แต่กลับกลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัวอย่างน่าประหลาดเพราะจี๊บ-เทพอาจ ไม่ใช่นักธุรกิจจ๋า แต่มีความเป็นศิลปิน อยากเข้าใจศิลปิน ถึงขั้นโดดลงมาจับไมค์ออกซิงเกิลเองด้วย! ฟังดูแล้วน่าสนุก เมื่อฝั่งบอยก็ได้กลับไปสวมหมวกนักแต่งเพลงที่เขาถนัดเพียงอย่างเดียว ได้ทำเพลงอย่างสบายใจ ไม่ต้องห่วงเรื่องธุรกิจขณะเดียวกันก็ได้หุ้นส่วนใหม่ที่ถนัดทำธุรกิจ แถมยังมีความเป็นศิลปินอย่างเทพอาจเข้ามาช่วยเลิฟอิสจึงเสมือนใส่เกียร์เดินหน้าเต็มตัว ไอเดียต่างๆ […]Read More
หากพูดถึงวงการภาพยนตร์ไทย เชื่อว่าชื่อของ ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล ต้องติดอยู่ในใจของใครหลายคนจากการทำงานอย่างต่อเนื่องกว่า 50 ปี และหากการออกศึกของพระนเรศวรเต็มไปด้วยอุปสรรค ดูเหมือนการทำหนังเรื่องนี้ของท่านมุ้ยก็ดูไม่แตกต่างกันมากนัก มีคำวิพากษ์วิจารณ์มากมายเกี่ยวกับตัวหนังและผู้สร้างตลอดระยะเวลา 5 ปี ทั้งเรื่องของเนื้อหาที่ถูกกล่าวหาว่าบิดเบือนประวัติศาสตร์ รวมถึงข้อสงสัยต่องบประมาณที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลและหากคุณเป็นหนึ่งในผู้ชมที่มีข้อสงสัยกับเรื่องเหล่านี้ นี่คือ 10 คำตอบจาก ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล 1.GM : หลายคนวิจารณ์ว่า การสร้างภาพยนตร์ของท่านในระยะหลัง ไม่ว่าจะเป็นสุริโยไทหรือพระนเรศวรเป็นส่วนหนึ่งของการกระตุ้นกระแส ‘ชาตินิยม’ ท่านมองอย่างไรม.จ.ชาตรีเฉลิม : สำหรับตัวผม แค่อยากให้คุณไปดูหนังผม แล้วชอบหรือไม่ชอบ ก็พอแล้ว ส่วนเรื่องชาตินิยมหรือไม่นั้น ผมคิดว่ามันไม่มีความสำคัญกับผมเท่าไหร่ ดูอย่างเมื่อก่อนสิ ถนนทั้งสายจะโล่งไปหมดเวลาเขาทรายจะขึ้นชกแต่ละที หรืออย่างตอนนี้ทุกคนก็แทบจะหยุดทำทุกอย่างหมดเพื่อมาดูคนไทยกับคนจีนตบกัน หมายถึงวอลเลย์บอลนะครับ (หัวเราะ) พอคนไทยชนะที น้ำตาไหลพรากเลยก็มี นี่ก็คือชาตินิยม ผมไม่จำเป็นต้องทำหนังหรืออะไรเลย เพราะนี่มันก็เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นชาตินิยมได้ง่ายที่สุดแล้วส่วนจุดประสงค์จริงๆ ของหนัง คือกระตุ้นให้คนสนใจประวัติศาสตร์ ความสำเร็จของหนังคือทำให้เกิดความสงสัยใคร่รู้ในประวัติศาสตร์ของประเทศ เวลามีคนสงสัยว่าท่านมุ้ยผิดเว้ย ผมจะคิดตลอดว่า เออ… คุณถูก ที่คุณคิดว่าผมผิด แต่คุณก็ต้องไปหามาว่าผมผิดตรงไหน แล้วคุณก็จะได้รู้ประวัติศาสตร์เพิ่มมากขึ้น แล้ววันหนึ่ง เขาก็จะมาโต้เถียงว่าท่านมุ้ยผิดอย่างนี้ความจริงต้องเป็นอย่างนี้ ผมก็จะโอเค […]Read More
มีเดียคอม (ประเทศไทย) ผนึกกำลังเจดับบลิวที ร่วมมือผลักดันแคมเปญ UN Women ส่งเสริมสิทธิและเสรีภาพสตรี
มีเดียคอม (ประเทศไทย) เอเยนซี่ผู้บริหารและซื้อขายสื่อระดับโลกในเครือ กรุ๊ปเอ็ม พร้อมด้วยเจดับบลิวที และพันธมิตรสื่อ เตรียมเดินเครื่องเต็มสูบ ร่วมผลักดันแคมเปญ “16 Days of Activism Against Gender Based Violence” ในเดือนพฤศจิกายนนี้ จากจุดยืนของการผสมผสานระหว่างความเป็น Content + Connections เอเยนซี่ ในการเชื่อมต่อระหว่าง แบรนด์กับกลุ่มเป้าหมาย จากความเชี่ยวชาญในการพัฒนาการทำงานด้านการสร้างสรรค์เนื้อหาและบริหารพื้นที่สื่อด้วยเครื่องมือทางการตลาด และสื่อแบบครบวงจร มีเดียคอม (ประเทศไทย) มีความพร้อมที่จะทำการประชาสัมพันธ์ ไปพร้อมๆ กับการร่วมส่งเสริมคุณค่าและความตระหนักรู้ในศักยภาพของผู้หญิง ตามแนวคิดในการสนับสนุนความเท่าเทียมกันทางเพศของ UN Women ทั้งนี้ “UN Women” คือ องค์กรระดับนานาชาติที่มุ่งส่งเสริมความเสมอภาคทางเพศ พร้อมขยายขีดความสามารถของผู้หญิงอย่างเต็มศักยภาพ เพื่อให้ผู้หญิงและเด็กหญิงนั้นได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน และได้รับความยุติธรรมจากสังคมอย่างแท้จริง โดยใช้ความคิดสร้างสรรค์เป็นเครื่องมือที่ช่วยเสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของผู้หญิงในสังคม “ในฐานะเจ้าของรางวัลเหรียญทอง AGENCY OF THE YEAR 2017 มีเดียคอม มีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมกับ WPP ในการเป็นผู้ขับเคลื่อนแคมเปญของ UN Women โดยเราได้ทุ่มเททุกสรรพกำลัง […]Read More
ซีรีส์เลือดข้นคนจาง กำลังมาแรงในบ้านเรา ซึ่งนอกจากเนื้อเรื่องเข้มข้น ชวนลุ้นระทึกแล้ว ความน่าสนใจของละครเรื่องนี้ยังเป็นผลมาจากทีมนักแสดงคุณภาพชุดใหญ่ ตั้งแต่รุ่นใหญ่เก๋าเกมไปจนถึงดาวรุ่งอันน่าจับตา และหนึ่งในนั้นคงหนีไม่พ้นเด็กหนุ่มวัยรุ่นหน้านิ่งยิ้มน้อย รักเสียงเพลง และรักแม่ยิ่งกว่าอะไร อย่าง ‘ฉี’ ลูกชายของประเสริฐ (ตัวละครที่ถูกฆ่าและกลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของปมฆาตกรรมปริศนา) บทบาทฉีคือผลงานการแสดงเต็มตัวเรื่องแรกของนักแสดงหน้าใหม่ ‘ไอซ์-พาริส อินทรโกมาลย์สุต’ หนึ่งในศิลปินจากโปรเจกต์พัฒนาศิลปิน 9×9 ของค่าย 4NOLOGUE การได้มาซึ่งบทละครอันซับซ้อนซ่อนปมตัวละครไว้มากมาย ทีมเขียนบทต้องพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจมุมมองชีวิตของนักแสดงหลายๆ คน เพื่อนำไปพัฒนาตัวละครให้ใกล้เคียงกับบุคลิกของพวกเขามากที่สุด จึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่คาแรกเตอร์ ‘ฉี’ จะออกมาคล้ายกับเรื่องราวในชีวิตของไอซ์ในหลายๆ แง่ ตั้งแต่ความรักในเสียงดนตรี ชอบเล่นกีต้าร์ รวมถึงเหตุการณ์ที่เปลี่ยนความคิดเด็กคนหนึ่ง ให้โตขึ้นอย่างก้าวกระโดดได้ในฉับพลัน นั่นคือการสูญเสียพ่อ การสูญเสียพ่อในชีวิตจริงได้สร้างบทเรียนครั้งสำคัญให้กับไอซ์ ทำให้เขาได้เข้าใจว่าชีวิตเป็นสิ่งที่แสนสั้น ไอซ์เลือกทำตามความฝันความชอบของตัวเองอย่างเต็มที่ ไม่ต้องการให้มีอะไรค้างคาในวันที่ตัวเขาต้องจากโลกใบนี้ไปเช่นกัน แม้จะไม่ได้เลือกเป็นวิศวกรเหมือนที่พ่อเคยหวัง แต่ก็ใช้ชีวิตที่พ่อให้มาอย่างดีที่สุดเพื่อระลึกถึงพ่อในแนวทางของตัวเอง เมื่อพิจารณาถึงความจริงที่ว่าอายุไอซ์เพิ่งจะเข้าเลขสอง (ในทางกฎหมายถือว่ายังไม่บรรลุนิติภาวะด้วยซ้ำ) เราก็อดประทับใจในมุมมองต่อชีวิตที่ไม่ธรรมดาของไอซ์ไม่ได้ ไม่เพียงแต่มีเป้าหมายที่แน่วแน่ พร้อมที่จะทำอย่างที่ใจปรารถนา ยังเปี่ยมไปด้วยพลังบวก ไม่กลัวที่จะเรียนรู้จากเหตุการณ์ทั้งดีและร้าย เพราะพรจากฟ้าไม่ได้มาในรูปแบบที่งดงามเสมอไป ชื่อจริงของคุณเขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า ‘Paris’ มีที่มาอย่างไร เกี่ยวข้องอะไรกับเมืองปารีสไหมไอซ์ : ไม่เกี่ยวกับเมืองปารีสหรอกครับ (หัวเราะ) แต่ก็มีที่มาจากชื่อแม่กับพ่อผมมารวมกัน แม่ของผมชื่อภิพพา […]Read More
“เคยมีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งพูดกับเราว่า ผู้หญิงทำธุรกิจไม่ประสบความสำเร็จหรอก” วันนี้เราได้มีโอกาสสัมภาษณ์ เทพิน อริยปิติพันธ์ หญิงเก่งผู้คร่ำวอดอยู่ในวงการธุรกิจอีเวนต์ในบ้านเรามาหลายสิบปี เธอคือ Client Management Director & CI group Founder หรือ ครีเอท อินเทลลิเจ้นซ์ หญิงเก่งผู้นี้เติบโตในครอบครัวคนจีน เรียกได่ว่าชีวิตเธอยังกะละครเลือดข้นคนจางเลยทีเดียว (อาจจะไม่ได้ทรหดเหมือนในละครขนาดนั้น) เทพิน หันเข้าสู่เส้นทางธุรกิจ เมื่ออายุเพียง 21 ปี และเป็นช่วงที่ประเทศไทยยังไม่ค่อยมีการยอมรับ “ผู้หญิง” ในบทบาทของนักธุรกิจเท่าไหร่ ครั้งหนึ่งเธอเคยโดนสบประมาทโดยนักธุรกิจรุ่นพี่ว่า “ผู้หญิงทำธุรกิจไม่ประสบความสำเร็จหรอก” และนั่นเปรียบเสมือนแรงกระตุ้นที่ทำให้เธอประสบความเส็จในทุกวันนี้ เทพิน ถือเป็นหัวเรือใหญ่ของงานคอนเสิร์ตดัง ๆ ในบ้านเราอย่าง Season of Love Song หรือ Samed In Love ซึ่งแม้วงการดนตรีในบ้านเราจะอยู่ในช่วงขาลง แต่นั่นไม่ได้ทำให้เธอหยุดความตั้งใจที่จะพัฒนาอีเวนต์บันเทิงดี ๆ สู่คนดู เราไปพบกับบทสัมภาษณ์ที่จะทำให้รู้จักกับผู้หญิงคนนี้มากขึ้น “เทพิน อริยปิติพันธ์” GM : ได้ยินมาว่าคุณเป็นคนที่เข้าเรียนเร็ว และก็เริ่มทำธุรกิจตั้งแต่อายุยังน้อยเทพิน : เราเข้ามหาลัยตอนอายุ 16 ย่าง 17 ปี แน่นอนเรารู้สึกว่าเรียนเร็วกว่าคนอื่น ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงท้ายของการมีสอบเทียบ […]Read More
สำนักพิมพ์แม็ค ชื่อเด่นอยู่มุมหนังสือที่ไม่ว่าเด็กเตรียม Admission หรือคนยุค 90 ที่สอบเอนทรานซ์ต้องผ่านตากันมาบ้างไม่มากก็น้อย ซึ่งผู้ที่อยู่เบื้องหลังหน้ากระดาษนี้คือ ‘อ.พีระ พนาสุภน’ นักการศึกษาที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จในการเรียนของเยาวชนไทยหลายหมื่นคน ผ่านมา 40 ปี วันนี้เขาได้นำ บริษัท แม็คเอ็ดดูเคชั่น จำกัด เปลี่ยนผ่านขยายธูรกิจครั้งสำคัญ จากวงการการศึกษาสู่วงการกาแฟ สาเหตุไม่ได้มาจากกระแสสิ่งพิมพ์ที่กำลังถดถอยอย่างช้าๆ แต่เป็นเพราะความหอมหวานของกลิ่นกาแฟสดใหม่ ที่เย้ายวนใจมากกว่า “เริ่มจากลูกชายของผม อยากเปิดร้านกาแฟเล็กๆ ผมเลยได้มีโอกาสลองศึกษาเรื่องกาแฟดูแล้วพบว่ามันน่าสนใจ เลยตัดสินใจว่าไม่เอาแล้วร้านกาแฟ เรามาเริ่มจากศูนย์ด้วยการปลูกกาแฟคุณภาพตั้งแต่ต้นกล้ากันเลยดีกว่า” อ.พีระ พนาสุภณ เล่าจุดเปลี่ยนเล็กๆ ที่ทำให้เข้าสู่วงการเครื่องดื่มที่เป็นที่นิยมของคนทั้งโลกให้เราฟัง แน่นอนว่าจากประสบการณ์ในวงการศึกษามานานหลายสิบปี ทำให้ไม่ว่าจะสนใจเรื่องอะไร อ.พีระ ก็ต้องลงมือศึกษาหาความรู้อย่างจริงจัง จากการศึกษาด้วยตัวเองมาถึงการปรีกษาผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งได้รับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่กรมวิชาการเษตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่ปรึกษาด้านการปลูกกาแฟ ในปี พ.ศ. 2554 อ.พีระ พนาสุภน และลูกชาย คมพิชญ์ พนาสุภน ได้เริ่มต้นทำไร่กาแฟออร์แกนิกที่ เชียงใหม่ บนพื้นที่สูง 1,000-1,300 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลซึ่งเป็นระดับที่เหมาะสมสำหรับการปลูกกาแฟอราบิก้า โดยไร่กาแฟทั้งสองแห่งมีพื้นที่รวมประมาณ 500 ไร่ […]Read More
เวลาที่เรานึกถึงประเทศจีน สิ่งแรกที่หลายคนนึกถึงคือขนาดความใหญ่ของประเทศ และความมากของจำนวนประชากร แล้วพอแบ่งจีนออกเป็นยุคๆ ถ้าไล่ตามความคุ้นเคยของคนส่วนใหญ่ที่เคยท่องโลกไปกับยุทธภพกำลังภายใน ก็จะสัมผัสได้ถึงจีนยุคโบราณตั้งแต่ ราชวงศ์ฮั่น, ชิง หรือแม้แต่แมนจู ซึ่งเป็นภาพของลักษณะการปกครองแบบรวมศูนย์ แต่ก็มีภาพของความรุ่งเรืองทางศิลปวัฒนธรรมต่างๆ ก่อนจะมาถึงการเปลี่ยนผ่านประเทศครั้งใหญ่จาก เหมา เจ๋อตง และก่อให้เกิดยุคเผด็จการคอมมิวนิสต์ หรือยุคสาธารณรัฐประชาชนจีนในปัจจุบัน พอยุคต่อมา โดยเฉพาะช่วงที่เป็น เติ้ง เสี่ยวผิง ก็จะนึกถึงจีนในมุมของการเป็นแหล่งก็อบปี้ของสินค้าราคาถูก เป็นแหล่งผลิตสินค้าชื่อดังของโลกที่ผลิตสินค้าทุกรูปแบบได้ในราคาไม่แพง และนี่ก็เหมือนกับเป็นก้าวย่างสำคัญที่ผลักให้จีนค่อยๆ ออกมารู้จักกับโลกภายนอกมากขึ้น แต่พอยุคปัจจุบันนี้ อาจจะเริ่มรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงแบบพลิกสุดขั้ว เพราะไม่ว่าจะเรื่องของนโยบายทางการเมืองเอย หรือว่าเรื่องของเศรษฐกิจเอย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของเทคโนโลยีจากประเทศจีนนั้น เริ่มมีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศให้ทั่วทั้งโลกได้ประจักษ์ชัด ในถ้อยแถลงที่มีต่อที่ประชุมสมัชชาผู้แทนพรรคคอมมิวนิสต์จีนทั่วประเทศ ครั้งที่ 19 หรือ “สมัชชาฯ 19” ที่มีขึ้นที่กรุงปักกิ่งเมื่อปลายปีก่อน ประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” ผู้นำคนปัจจุบัน ได้ประกาศชัดถึงยุทธศาสตร์ใหม่ของจีน ที่แบ่งเป็น 2 ช่วง คือ ปี 2020-2035 ที่มุ่งพัฒนาจีนสู่การเป็นเศรษฐกิจสังคมนิยมที่ทันสมัย และช่วง 15 ปีถัดไป (2035-2550) หรือ กลางทศวรรษที่ […]Read More
กลับมาเยือนประเทศไทยอีกครั้งของสุดยอดคณะกายกรรมจากกวางเจา“กวางเจา อะโครบาติก อาร์ท เธียเตอร์ (Guangzhou Acrobatic Arts Theater)” ซึ่งงานนี้พวกเค้ามาพร้อมกับโชว์ชุดใหม่ล่าสุด “เดชคัมภีร์เทวดา” (The Legendary Swordsman) โดยเป็นการถ่ายทอดเรื่องราวจากนวนิยายกำลังภายในสุดคลาสสิค เดชคัมภีร์เทวดา ผลงานจากบทประพันธ์ของนักเขียนนิยายกำลังภายในระดับปรมาจารย์ “กิมย้ง” โดยพวกเค้ามีคิวมาเปิดการแสดงในไทย ตั้งแต่วันที่ 5-14 ตุลาคมนี้ ที่ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี เดชคัมภีร์เทวดา ถือเป็นผลงานชิ้นเอกของ กิมย้ง ซึ่งมีเนื้อหาเชิงเสียดสีการเมืองในช่วงปฏิวัติทางวัฒนธรรมของจีน ซึ่งเป็นการต่อสู้ภายในเพื่อแย่งชิงอำนาจของพรรคคอมมิวนิสต์ ด้วยเนื้อเรื่องที่ชวนให้ขบคิดว่าอะไรคือความดีงามและความเลวทรามที่แท้ นิยายเรื่องนี้ถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์และซีรี่ส์มากมายหลายภาคจากหลายประเทศทั่วโลก วันนี้เราได้มีโอกาสไปสัมภาษณ์ผู้อยู่เบื้องหลังสำคัญของโชว์นี้ “สูจวน (Xu Juan)” ผู้กำกับหญิงของโชว์นี้ GM Live : ทำไมถึงเลือก เดชคัมภีร์เทวดาของกิมย้ง มานำเสนอ สูจวน : เป็นเพราะเดชคัมภีร์เทวดาของกิมย้งเป็นเรื่องที่เข้าได้กับทุกยุคทุกสมัยแล้วก็มีเนื้อหาครบทุกรสชาติมีความตื่นเต้นมีความสนุกสนานแล้วก็คือเรื่องนี้เหมาะกับการที่จะเอามาทำกายกรรม เพราะเอื้อต่อการผสมผสานเนื้อเรื่องออกมาเข้ากันได้ดีเป๊ะไปด้วยกันได้ GM Live : อะไรคือจุดเด่นของโชว์นี้ สูจวน : จุดเด่นของโชว์นี้ก็คือในทุกๆ ฉากจะผสมผสานสอดแทรกความพิเศษของวัฒนธรรมจีนเข้าไป ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าแสงสี แสงสีตระการตา การจัดฉากเองก็เรียกได้ว่าค่อนข้างจะอลังการและมีฉากที่แบบ surprise เยอะมาก นอกจากนี้จะมีความพิเศษของกายกรรมแต่ละอย่างที่คนไทยไม่เคยเห็น ที่ต้องอาศัยความสามารถเฉพาะตัวมาโชว์ให้คนไทย ทั้งด้านการใช้ทักษะพิเศษเช่นการยืดตัวความอ่อนช้อย ทุกคนจะได้เห็นว่ามนุษย์เราสามารถทำไรพิเศษได้บ้าง GM Live […]Read More
ภาพจำของคนเจนเอ็กซ์และคนรุ่นเบบี้บูมเมอร์ที่มีต่อ ปลื้ม-สุรบถ หลีกภัย คือเด็กชายมาดติ๋มๆ ที่มักจะปรากฏบนสื่อในฐานะของลูกชาย ชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี 2 สมัย ไปช่วยเรียกคะแนนนิยมให้กับผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งหลายครั้ง จากเด็กน้อยทายาทนักการเมืองอาวุโสของเมืองไทยฉายา ‘มีดโกนอาบน้ำผึ้ง’ เติบโตขึ้นเป็นหนุ่มฟ้อ หล่อเฟี้ยว เปรี้ยวจี๊ด ที่ก่อร่างสร้างธุรกิจสื่อแนวใหม่ที่น่าสนใจ จากชื่อเรียกคุ้นปากว่า ‘น้องปลื้ม’ ชาวไซเบอร์รู้จักสุรบถในชื่อ ‘ปลื้ม VRZO’ เพราะเขาสร้างที่ทางของตัวเองและสร้างปรากฏการณ์ในธุรกิจนิวมีเดียได้สำเร็จ เขาเป็นเจ้าของรายการ VRZO รายการขวัญใจวัยรุ่นทางยูทูบที่ส่งให้วลี ‘ขอ 3 คำ’ ฮิตไปทั่วบ้านทั่วเมืองอย่างรวดเร็ว ในอดีต นักธุรกิจสื่อผู้ประสบความสำเร็จ เป็นเจ้าแห่งธุรกิจสิ่งพิมพ์ โทรทัศน์ วิทยุ ฯลฯ มักจะได้รับการขนานนามว่า Media Mogul แต่สำหรับสุรบถ หลีกภัย ขี่คลื่นความถี่ 3G ขึ้นมาเป็น The Youngest Media Mogul ที่น่าจับตา เส้นทางการสร้างธุรกิจทางสื่ออินเตอร์เน็ตของสุรบถ กลายเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ได้เจริญรอยตาม เราได้พูดคุยสุรบถเพื่อล้วงลึกถึงเส้นทางความสำเร็จที่เร็วและแรง หลังแสงแฟลชสุดท้ายของช่างภาพที่ลั่นชัตเตอร์เพื่อเก็บภาพสุดเท่ของสุรบถมาเรียบร้อยแล้วหลายร้อยหลายพันภาพ สุรบถเปลี่ยนไปใส่เสื้อยืดสีดำขนาดพอดีตัวและกางเกงยีนส์ เราจึงเริ่มบทสนทนากับเขาถึงที่มาของ […]Read More