หากพูดถึงวงการภาพยนตร์ไทย เชื่อว่าชื่อของ ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล ต้องติดอยู่ในใจของใครหลายคนจากการทำงานอย่างต่อเนื่องกว่า 50 ปี และหากการออกศึกของพระนเรศวรเต็มไปด้วยอุปสรรค ดูเหมือนการทำหนังเรื่องนี้ของท่านมุ้ยก็ดูไม่แตกต่างกันมากนัก มีคำวิพากษ์วิจารณ์มากมายเกี่ยวกับตัวหนังและผู้สร้างตลอดระยะเวลา 5 ปี ทั้งเรื่องของเนื้อหาที่ถูกกล่าวหาว่าบิดเบือนประวัติศาสตร์ รวมถึงข้อสงสัยต่องบประมาณที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลและหากคุณเป็นหนึ่งในผู้ชมที่มีข้อสงสัยกับเรื่องเหล่านี้ นี่คือ 10 คำตอบจาก ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล 1.GM : หลายคนวิจารณ์ว่า การสร้างภาพยนตร์ของท่านในระยะหลัง ไม่ว่าจะเป็นสุริโยไทหรือพระนเรศวรเป็นส่วนหนึ่งของการกระตุ้นกระแส ‘ชาตินิยม’ ท่านมองอย่างไรม.จ.ชาตรีเฉลิม : สำหรับตัวผม แค่อยากให้คุณไปดูหนังผม แล้วชอบหรือไม่ชอบ ก็พอแล้ว ส่วนเรื่องชาตินิยมหรือไม่นั้น ผมคิดว่ามันไม่มีความสำคัญกับผมเท่าไหร่ ดูอย่างเมื่อก่อนสิ ถนนทั้งสายจะโล่งไปหมดเวลาเขาทรายจะขึ้นชกแต่ละที หรืออย่างตอนนี้ทุกคนก็แทบจะหยุดทำทุกอย่างหมดเพื่อมาดูคนไทยกับคนจีนตบกัน หมายถึงวอลเลย์บอลนะครับ (หัวเราะ) พอคนไทยชนะที น้ำตาไหลพรากเลยก็มี นี่ก็คือชาตินิยม ผมไม่จำเป็นต้องทำหนังหรืออะไรเลย เพราะนี่มันก็เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นชาตินิยมได้ง่ายที่สุดแล้วส่วนจุดประสงค์จริงๆ ของหนัง คือกระตุ้นให้คนสนใจประวัติศาสตร์ ความสำเร็จของหนังคือทำให้เกิดความสงสัยใคร่รู้ในประวัติศาสตร์ของประเทศ เวลามีคนสงสัยว่าท่านมุ้ยผิดเว้ย ผมจะคิดตลอดว่า เออ… คุณถูก ที่คุณคิดว่าผมผิด แต่คุณก็ต้องไปหามาว่าผมผิดตรงไหน แล้วคุณก็จะได้รู้ประวัติศาสตร์เพิ่มมากขึ้น แล้ววันหนึ่ง เขาก็จะมาโต้เถียงว่าท่านมุ้ยผิดอย่างนี้ความจริงต้องเป็นอย่างนี้ ผมก็จะโอเค […]Read More
มีเดียคอม (ประเทศไทย) ผนึกกำลังเจดับบลิวที ร่วมมือผลักดันแคมเปญ UN Women ส่งเสริมสิทธิและเสรีภาพสตรี
มีเดียคอม (ประเทศไทย) เอเยนซี่ผู้บริหารและซื้อขายสื่อระดับโลกในเครือ กรุ๊ปเอ็ม พร้อมด้วยเจดับบลิวที และพันธมิตรสื่อ เตรียมเดินเครื่องเต็มสูบ ร่วมผลักดันแคมเปญ “16 Days of Activism Against Gender Based Violence” ในเดือนพฤศจิกายนนี้ จากจุดยืนของการผสมผสานระหว่างความเป็น Content + Connections เอเยนซี่ ในการเชื่อมต่อระหว่าง แบรนด์กับกลุ่มเป้าหมาย จากความเชี่ยวชาญในการพัฒนาการทำงานด้านการสร้างสรรค์เนื้อหาและบริหารพื้นที่สื่อด้วยเครื่องมือทางการตลาด และสื่อแบบครบวงจร มีเดียคอม (ประเทศไทย) มีความพร้อมที่จะทำการประชาสัมพันธ์ ไปพร้อมๆ กับการร่วมส่งเสริมคุณค่าและความตระหนักรู้ในศักยภาพของผู้หญิง ตามแนวคิดในการสนับสนุนความเท่าเทียมกันทางเพศของ UN Women ทั้งนี้ “UN Women” คือ องค์กรระดับนานาชาติที่มุ่งส่งเสริมความเสมอภาคทางเพศ พร้อมขยายขีดความสามารถของผู้หญิงอย่างเต็มศักยภาพ เพื่อให้ผู้หญิงและเด็กหญิงนั้นได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน และได้รับความยุติธรรมจากสังคมอย่างแท้จริง โดยใช้ความคิดสร้างสรรค์เป็นเครื่องมือที่ช่วยเสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของผู้หญิงในสังคม “ในฐานะเจ้าของรางวัลเหรียญทอง AGENCY OF THE YEAR 2017 มีเดียคอม มีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมกับ WPP ในการเป็นผู้ขับเคลื่อนแคมเปญของ UN Women โดยเราได้ทุ่มเททุกสรรพกำลัง […]Read More
ซีรีส์เลือดข้นคนจาง กำลังมาแรงในบ้านเรา ซึ่งนอกจากเนื้อเรื่องเข้มข้น ชวนลุ้นระทึกแล้ว ความน่าสนใจของละครเรื่องนี้ยังเป็นผลมาจากทีมนักแสดงคุณภาพชุดใหญ่ ตั้งแต่รุ่นใหญ่เก๋าเกมไปจนถึงดาวรุ่งอันน่าจับตา และหนึ่งในนั้นคงหนีไม่พ้นเด็กหนุ่มวัยรุ่นหน้านิ่งยิ้มน้อย รักเสียงเพลง และรักแม่ยิ่งกว่าอะไร อย่าง ‘ฉี’ ลูกชายของประเสริฐ (ตัวละครที่ถูกฆ่าและกลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของปมฆาตกรรมปริศนา) บทบาทฉีคือผลงานการแสดงเต็มตัวเรื่องแรกของนักแสดงหน้าใหม่ ‘ไอซ์-พาริส อินทรโกมาลย์สุต’ หนึ่งในศิลปินจากโปรเจกต์พัฒนาศิลปิน 9×9 ของค่าย 4NOLOGUE การได้มาซึ่งบทละครอันซับซ้อนซ่อนปมตัวละครไว้มากมาย ทีมเขียนบทต้องพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจมุมมองชีวิตของนักแสดงหลายๆ คน เพื่อนำไปพัฒนาตัวละครให้ใกล้เคียงกับบุคลิกของพวกเขามากที่สุด จึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่คาแรกเตอร์ ‘ฉี’ จะออกมาคล้ายกับเรื่องราวในชีวิตของไอซ์ในหลายๆ แง่ ตั้งแต่ความรักในเสียงดนตรี ชอบเล่นกีต้าร์ รวมถึงเหตุการณ์ที่เปลี่ยนความคิดเด็กคนหนึ่ง ให้โตขึ้นอย่างก้าวกระโดดได้ในฉับพลัน นั่นคือการสูญเสียพ่อ การสูญเสียพ่อในชีวิตจริงได้สร้างบทเรียนครั้งสำคัญให้กับไอซ์ ทำให้เขาได้เข้าใจว่าชีวิตเป็นสิ่งที่แสนสั้น ไอซ์เลือกทำตามความฝันความชอบของตัวเองอย่างเต็มที่ ไม่ต้องการให้มีอะไรค้างคาในวันที่ตัวเขาต้องจากโลกใบนี้ไปเช่นกัน แม้จะไม่ได้เลือกเป็นวิศวกรเหมือนที่พ่อเคยหวัง แต่ก็ใช้ชีวิตที่พ่อให้มาอย่างดีที่สุดเพื่อระลึกถึงพ่อในแนวทางของตัวเอง เมื่อพิจารณาถึงความจริงที่ว่าอายุไอซ์เพิ่งจะเข้าเลขสอง (ในทางกฎหมายถือว่ายังไม่บรรลุนิติภาวะด้วยซ้ำ) เราก็อดประทับใจในมุมมองต่อชีวิตที่ไม่ธรรมดาของไอซ์ไม่ได้ ไม่เพียงแต่มีเป้าหมายที่แน่วแน่ พร้อมที่จะทำอย่างที่ใจปรารถนา ยังเปี่ยมไปด้วยพลังบวก ไม่กลัวที่จะเรียนรู้จากเหตุการณ์ทั้งดีและร้าย เพราะพรจากฟ้าไม่ได้มาในรูปแบบที่งดงามเสมอไป ชื่อจริงของคุณเขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า ‘Paris’ มีที่มาอย่างไร เกี่ยวข้องอะไรกับเมืองปารีสไหมไอซ์ : ไม่เกี่ยวกับเมืองปารีสหรอกครับ (หัวเราะ) แต่ก็มีที่มาจากชื่อแม่กับพ่อผมมารวมกัน แม่ของผมชื่อภิพพา […]Read More
“เคยมีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งพูดกับเราว่า ผู้หญิงทำธุรกิจไม่ประสบความสำเร็จหรอก” วันนี้เราได้มีโอกาสสัมภาษณ์ เทพิน อริยปิติพันธ์ หญิงเก่งผู้คร่ำวอดอยู่ในวงการธุรกิจอีเวนต์ในบ้านเรามาหลายสิบปี เธอคือ Client Management Director & CI group Founder หรือ ครีเอท อินเทลลิเจ้นซ์ หญิงเก่งผู้นี้เติบโตในครอบครัวคนจีน เรียกได่ว่าชีวิตเธอยังกะละครเลือดข้นคนจางเลยทีเดียว (อาจจะไม่ได้ทรหดเหมือนในละครขนาดนั้น) เทพิน หันเข้าสู่เส้นทางธุรกิจ เมื่ออายุเพียง 21 ปี และเป็นช่วงที่ประเทศไทยยังไม่ค่อยมีการยอมรับ “ผู้หญิง” ในบทบาทของนักธุรกิจเท่าไหร่ ครั้งหนึ่งเธอเคยโดนสบประมาทโดยนักธุรกิจรุ่นพี่ว่า “ผู้หญิงทำธุรกิจไม่ประสบความสำเร็จหรอก” และนั่นเปรียบเสมือนแรงกระตุ้นที่ทำให้เธอประสบความเส็จในทุกวันนี้ เทพิน ถือเป็นหัวเรือใหญ่ของงานคอนเสิร์ตดัง ๆ ในบ้านเราอย่าง Season of Love Song หรือ Samed In Love ซึ่งแม้วงการดนตรีในบ้านเราจะอยู่ในช่วงขาลง แต่นั่นไม่ได้ทำให้เธอหยุดความตั้งใจที่จะพัฒนาอีเวนต์บันเทิงดี ๆ สู่คนดู เราไปพบกับบทสัมภาษณ์ที่จะทำให้รู้จักกับผู้หญิงคนนี้มากขึ้น “เทพิน อริยปิติพันธ์” GM : ได้ยินมาว่าคุณเป็นคนที่เข้าเรียนเร็ว และก็เริ่มทำธุรกิจตั้งแต่อายุยังน้อยเทพิน : เราเข้ามหาลัยตอนอายุ 16 ย่าง 17 ปี แน่นอนเรารู้สึกว่าเรียนเร็วกว่าคนอื่น ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงท้ายของการมีสอบเทียบ […]Read More
สำนักพิมพ์แม็ค ชื่อเด่นอยู่มุมหนังสือที่ไม่ว่าเด็กเตรียม Admission หรือคนยุค 90 ที่สอบเอนทรานซ์ต้องผ่านตากันมาบ้างไม่มากก็น้อย ซึ่งผู้ที่อยู่เบื้องหลังหน้ากระดาษนี้คือ ‘อ.พีระ พนาสุภน’ นักการศึกษาที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จในการเรียนของเยาวชนไทยหลายหมื่นคน ผ่านมา 40 ปี วันนี้เขาได้นำ บริษัท แม็คเอ็ดดูเคชั่น จำกัด เปลี่ยนผ่านขยายธูรกิจครั้งสำคัญ จากวงการการศึกษาสู่วงการกาแฟ สาเหตุไม่ได้มาจากกระแสสิ่งพิมพ์ที่กำลังถดถอยอย่างช้าๆ แต่เป็นเพราะความหอมหวานของกลิ่นกาแฟสดใหม่ ที่เย้ายวนใจมากกว่า “เริ่มจากลูกชายของผม อยากเปิดร้านกาแฟเล็กๆ ผมเลยได้มีโอกาสลองศึกษาเรื่องกาแฟดูแล้วพบว่ามันน่าสนใจ เลยตัดสินใจว่าไม่เอาแล้วร้านกาแฟ เรามาเริ่มจากศูนย์ด้วยการปลูกกาแฟคุณภาพตั้งแต่ต้นกล้ากันเลยดีกว่า” อ.พีระ พนาสุภณ เล่าจุดเปลี่ยนเล็กๆ ที่ทำให้เข้าสู่วงการเครื่องดื่มที่เป็นที่นิยมของคนทั้งโลกให้เราฟัง แน่นอนว่าจากประสบการณ์ในวงการศึกษามานานหลายสิบปี ทำให้ไม่ว่าจะสนใจเรื่องอะไร อ.พีระ ก็ต้องลงมือศึกษาหาความรู้อย่างจริงจัง จากการศึกษาด้วยตัวเองมาถึงการปรีกษาผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งได้รับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่กรมวิชาการเษตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่ปรึกษาด้านการปลูกกาแฟ ในปี พ.ศ. 2554 อ.พีระ พนาสุภน และลูกชาย คมพิชญ์ พนาสุภน ได้เริ่มต้นทำไร่กาแฟออร์แกนิกที่ เชียงใหม่ บนพื้นที่สูง 1,000-1,300 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลซึ่งเป็นระดับที่เหมาะสมสำหรับการปลูกกาแฟอราบิก้า โดยไร่กาแฟทั้งสองแห่งมีพื้นที่รวมประมาณ 500 ไร่ […]Read More
เวลาที่เรานึกถึงประเทศจีน สิ่งแรกที่หลายคนนึกถึงคือขนาดความใหญ่ของประเทศ และความมากของจำนวนประชากร แล้วพอแบ่งจีนออกเป็นยุคๆ ถ้าไล่ตามความคุ้นเคยของคนส่วนใหญ่ที่เคยท่องโลกไปกับยุทธภพกำลังภายใน ก็จะสัมผัสได้ถึงจีนยุคโบราณตั้งแต่ ราชวงศ์ฮั่น, ชิง หรือแม้แต่แมนจู ซึ่งเป็นภาพของลักษณะการปกครองแบบรวมศูนย์ แต่ก็มีภาพของความรุ่งเรืองทางศิลปวัฒนธรรมต่างๆ ก่อนจะมาถึงการเปลี่ยนผ่านประเทศครั้งใหญ่จาก เหมา เจ๋อตง และก่อให้เกิดยุคเผด็จการคอมมิวนิสต์ หรือยุคสาธารณรัฐประชาชนจีนในปัจจุบัน พอยุคต่อมา โดยเฉพาะช่วงที่เป็น เติ้ง เสี่ยวผิง ก็จะนึกถึงจีนในมุมของการเป็นแหล่งก็อบปี้ของสินค้าราคาถูก เป็นแหล่งผลิตสินค้าชื่อดังของโลกที่ผลิตสินค้าทุกรูปแบบได้ในราคาไม่แพง และนี่ก็เหมือนกับเป็นก้าวย่างสำคัญที่ผลักให้จีนค่อยๆ ออกมารู้จักกับโลกภายนอกมากขึ้น แต่พอยุคปัจจุบันนี้ อาจจะเริ่มรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงแบบพลิกสุดขั้ว เพราะไม่ว่าจะเรื่องของนโยบายทางการเมืองเอย หรือว่าเรื่องของเศรษฐกิจเอย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของเทคโนโลยีจากประเทศจีนนั้น เริ่มมีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศให้ทั่วทั้งโลกได้ประจักษ์ชัด ในถ้อยแถลงที่มีต่อที่ประชุมสมัชชาผู้แทนพรรคคอมมิวนิสต์จีนทั่วประเทศ ครั้งที่ 19 หรือ “สมัชชาฯ 19” ที่มีขึ้นที่กรุงปักกิ่งเมื่อปลายปีก่อน ประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” ผู้นำคนปัจจุบัน ได้ประกาศชัดถึงยุทธศาสตร์ใหม่ของจีน ที่แบ่งเป็น 2 ช่วง คือ ปี 2020-2035 ที่มุ่งพัฒนาจีนสู่การเป็นเศรษฐกิจสังคมนิยมที่ทันสมัย และช่วง 15 ปีถัดไป (2035-2550) หรือ กลางทศวรรษที่ […]Read More
กลับมาเยือนประเทศไทยอีกครั้งของสุดยอดคณะกายกรรมจากกวางเจา“กวางเจา อะโครบาติก อาร์ท เธียเตอร์ (Guangzhou Acrobatic Arts Theater)” ซึ่งงานนี้พวกเค้ามาพร้อมกับโชว์ชุดใหม่ล่าสุด “เดชคัมภีร์เทวดา” (The Legendary Swordsman) โดยเป็นการถ่ายทอดเรื่องราวจากนวนิยายกำลังภายในสุดคลาสสิค เดชคัมภีร์เทวดา ผลงานจากบทประพันธ์ของนักเขียนนิยายกำลังภายในระดับปรมาจารย์ “กิมย้ง” โดยพวกเค้ามีคิวมาเปิดการแสดงในไทย ตั้งแต่วันที่ 5-14 ตุลาคมนี้ ที่ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี เดชคัมภีร์เทวดา ถือเป็นผลงานชิ้นเอกของ กิมย้ง ซึ่งมีเนื้อหาเชิงเสียดสีการเมืองในช่วงปฏิวัติทางวัฒนธรรมของจีน ซึ่งเป็นการต่อสู้ภายในเพื่อแย่งชิงอำนาจของพรรคคอมมิวนิสต์ ด้วยเนื้อเรื่องที่ชวนให้ขบคิดว่าอะไรคือความดีงามและความเลวทรามที่แท้ นิยายเรื่องนี้ถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์และซีรี่ส์มากมายหลายภาคจากหลายประเทศทั่วโลก วันนี้เราได้มีโอกาสไปสัมภาษณ์ผู้อยู่เบื้องหลังสำคัญของโชว์นี้ “สูจวน (Xu Juan)” ผู้กำกับหญิงของโชว์นี้ GM Live : ทำไมถึงเลือก เดชคัมภีร์เทวดาของกิมย้ง มานำเสนอ สูจวน : เป็นเพราะเดชคัมภีร์เทวดาของกิมย้งเป็นเรื่องที่เข้าได้กับทุกยุคทุกสมัยแล้วก็มีเนื้อหาครบทุกรสชาติมีความตื่นเต้นมีความสนุกสนานแล้วก็คือเรื่องนี้เหมาะกับการที่จะเอามาทำกายกรรม เพราะเอื้อต่อการผสมผสานเนื้อเรื่องออกมาเข้ากันได้ดีเป๊ะไปด้วยกันได้ GM Live : อะไรคือจุดเด่นของโชว์นี้ สูจวน : จุดเด่นของโชว์นี้ก็คือในทุกๆ ฉากจะผสมผสานสอดแทรกความพิเศษของวัฒนธรรมจีนเข้าไป ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าแสงสี แสงสีตระการตา การจัดฉากเองก็เรียกได้ว่าค่อนข้างจะอลังการและมีฉากที่แบบ surprise เยอะมาก นอกจากนี้จะมีความพิเศษของกายกรรมแต่ละอย่างที่คนไทยไม่เคยเห็น ที่ต้องอาศัยความสามารถเฉพาะตัวมาโชว์ให้คนไทย ทั้งด้านการใช้ทักษะพิเศษเช่นการยืดตัวความอ่อนช้อย ทุกคนจะได้เห็นว่ามนุษย์เราสามารถทำไรพิเศษได้บ้าง GM Live […]Read More
ภาพจำของคนเจนเอ็กซ์และคนรุ่นเบบี้บูมเมอร์ที่มีต่อ ปลื้ม-สุรบถ หลีกภัย คือเด็กชายมาดติ๋มๆ ที่มักจะปรากฏบนสื่อในฐานะของลูกชาย ชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี 2 สมัย ไปช่วยเรียกคะแนนนิยมให้กับผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งหลายครั้ง จากเด็กน้อยทายาทนักการเมืองอาวุโสของเมืองไทยฉายา ‘มีดโกนอาบน้ำผึ้ง’ เติบโตขึ้นเป็นหนุ่มฟ้อ หล่อเฟี้ยว เปรี้ยวจี๊ด ที่ก่อร่างสร้างธุรกิจสื่อแนวใหม่ที่น่าสนใจ จากชื่อเรียกคุ้นปากว่า ‘น้องปลื้ม’ ชาวไซเบอร์รู้จักสุรบถในชื่อ ‘ปลื้ม VRZO’ เพราะเขาสร้างที่ทางของตัวเองและสร้างปรากฏการณ์ในธุรกิจนิวมีเดียได้สำเร็จ เขาเป็นเจ้าของรายการ VRZO รายการขวัญใจวัยรุ่นทางยูทูบที่ส่งให้วลี ‘ขอ 3 คำ’ ฮิตไปทั่วบ้านทั่วเมืองอย่างรวดเร็ว ในอดีต นักธุรกิจสื่อผู้ประสบความสำเร็จ เป็นเจ้าแห่งธุรกิจสิ่งพิมพ์ โทรทัศน์ วิทยุ ฯลฯ มักจะได้รับการขนานนามว่า Media Mogul แต่สำหรับสุรบถ หลีกภัย ขี่คลื่นความถี่ 3G ขึ้นมาเป็น The Youngest Media Mogul ที่น่าจับตา เส้นทางการสร้างธุรกิจทางสื่ออินเตอร์เน็ตของสุรบถ กลายเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ได้เจริญรอยตาม เราได้พูดคุยสุรบถเพื่อล้วงลึกถึงเส้นทางความสำเร็จที่เร็วและแรง หลังแสงแฟลชสุดท้ายของช่างภาพที่ลั่นชัตเตอร์เพื่อเก็บภาพสุดเท่ของสุรบถมาเรียบร้อยแล้วหลายร้อยหลายพันภาพ สุรบถเปลี่ยนไปใส่เสื้อยืดสีดำขนาดพอดีตัวและกางเกงยีนส์ เราจึงเริ่มบทสนทนากับเขาถึงที่มาของ […]Read More
เคน-ธีรเดช คือ ชายหนุ่มแสนดี สุภาพบุรุษ พระเอกเจ้าเสน่ห์ ซึ่งผลักให้เขากลายเป็นนักแสดงหนุ่มขวัญใจมหาชนมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเจ้าของสินค้าจำนวนไม่น้อยก็ดึงตัวพระเอกเนื้อหอมไปเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้ากันยกใหญ่ แต่ในโลกของความเป็นจริง ตัวตนที่แท้จริงของชายหนุ่มคนนี้จะสวยหรูเหมือนอย่างที่ได้เห็นหรือรับรู้กันมากแค่ไหน มาร่วมค้นตัวตนที่แท้จริงของ เคน-ธีรเดช กันดีกว่า ลำดับแรกสุด เชื่อว่ากิจวัตรประจำวัน ของชายหนุ่มแต่ละคนคงบ่งบอกไลฟ์สไตล์ และความมีรสนิยมของพวกเขาได้ไม่น้อย แล้วกับพระเอก เคน-ธีรเดช ล่ะ? ในวันหยุดแสนสบายเขาจะมีไลฟ์สไตล์เหมือนหรือแตกต่างกับหนุ่มเช่นคุณ คงไม่ต้องเปลืองแรงถ่อไปย่านสุขาภิบาล 3 เพื่อแอบไปด้อมๆ มองๆ หน้าบ้านเคนให้เสียเวลาและเสียค่าน้ำมัน เราถามมาให้เรียบร้อยแล้วครับเคนเริ่มต้นเล่าว่า ในวันหยุดเขาตื่นนอนพร้อมกับลูกชายหัวแก้วหัวแหวน คุน-คุนนธรรม วงศ์พัวพันธ์ ประมาณ 6 โมงเช้า จากนั้น 06.15 น. ทำธุระส่วนตัว แปรงฟัน ล้างหน้า อาบน้ำ พอ 07.15 น. ก็มานั่งดูโทรทัศน์หรืออ่านหนังสือ มื้อเช้าของเคนเริ่มต้นที่เวลาประมาณ 08.00 น. จากนั้นเคนถือโอกาสใช้เวลากับครอบครัว โดยพาลูกและภรรยา หน่อย-บุษกร วงศ์พัวพันธ์ ไปทำกิจกรรมนอกบ้านตามประสาแฟมิลี่แมน กินข้าวนอกบ้าน ช่วงบ่าย 14.00 น. […]Read More
ในการทำงานไม่ว่าจะในฐานะอะไรก็ตามแต่ เราเคารพคนที่ลงมือปฏิบัติอย่างเอาจริงเอาจังเสมอ หลายคนก้าวเข้าสู่บทบาทต่างๆ ด้วยการพกพาความฝันไว้เต็มกระเป๋า บางคนททำตกลงไปบ้างระหว่างทาง บางคนสูญเสียไปเกือบทั้งหมดเมื่อเจอกับกำแพงขนาดใหญ่ แต่หลายต่อหลายคนก็ผ่านมันมาได้แม้จะใช้เวลาเนิ่นนานกว่าที่หวังไว้ พงศ์จักร พิษฐานพร หรือ เอ๊ะ ผู้ที่เรารู้จักจากหลากหลายสถานะ ตั้งแต่มือเบส และนักร้องของวงละอองฟอง ผู้เคยผ่านงานด้านการออกแบบ พิธีกรรายการ ครูใหญ่และมิวสิค ไดเรคเตอร์ของ BNK 48 วงไอดอลที่เรียกว่าโด่งดังที่สุดในประเทศไทยตอนนี้ก็คงไม่ผิด ภาพของชายหนุ่มอารมณ์ดีที่มาพร้อมกับเพลงจังหวะสนุกสนานในวันนี้ ทำให้เราคาดไม่ถึงเมื่อเรื่องราวการฝ่าฟันทยอยออกมาจากการบอกเล่าของเขา เพราะ เอ๊ะ คือผู้ที่แบกความฝันไว้เต็มกระเป๋าเช่นเดียวกับใครต่อหลายคน แต่น่าแปลกที่กระเป๋าใบนั้น ไม่เคยปล่อยให้สัมภาระหล่นลงกลางทาง และหายไปอย่างเดียวดาย “เชื่อไหมว่าพี่เคยอยู่ค่ายเดียวกับปนัดดา เรืองวุฒิ เขาได้ออกอัลบั้มดาวกระดาษ แต่ค่ายให้พี่ไปทำวงแถมให้หานักร้องนำด้วย” พี่เอ๊ะ เล่าให้ผมฟังด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง เมื่อย้อนถามถึงจุดเริ่มต้น และการทำฝันในวงการดนตรี ที่อยากเป็นศิลปินเดี่ยว เป็นนักร้องมาแต่ไหนแต่ไร หนนี้ความฝันของเขาที่ยังไม่ได้หล่นหายแม้เวลาจะผ่านมากว่า 20 ปี กำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้งในนาม Aeh Syndrome (เอ๊ะ ซินโดรม) แนวคิดด้านดนตรีของเขาเต็มไปด้วยความเรียบง่าย ไม่ต้องอาศัยอะไรยุ่งยากในการเข้าถึง ผนวกกับตัวของศิลปินผู้นี้ ก็พร้อมที่จะเดินไปเคาะประตูทำความรู้จักกับนักฟังทุกคนอยู่แล้ว เมื่อเสร็จสิ้นบทสนทนา ผมไม่ได้นับถือเอ๊ะในวัย 45 ปี เพียงอายุที่มากกว่า หรือความเอาจริงเอาจังในการทำงานเพียงอย่างเดียว […]Read More