fbpx

โดนใจหรือเปล่า?ย้อนดู ‘อันดับโลก’ ของไทยในช่วงครึ่งทาง 2019

ครึ่งปีที่ผ่านมาเราถูกจัดอันดับในหลายๆ ด้าน ทั้งในระดับเอเชียและในระดับโลก ซึ่งมีทั้งร้ายและดี การจัดอันดับบางอย่างก็เหนือความคาดหมาย มาทบทวนกันว่าดูดีกว่าว่าเราโดดเด่นและด้อยในเรื่องไหนบ้าง Reason to Read ครึ่งปีที่ผ่านมาเราถูกจัดอันดับในหลายๆ ด้าน ทั้งในระดับเอเชียและในระดับโลก ซึ่งมีทั้งร้ายและดี การจัดอันดับบางอย่างก็เหนือความคาดหมาย มาทบทวนกันว่าดูดีกว่าว่าเราโดดเด่นและด้อยในเรื่องไหนบ้าง การจัดอันดับประเทศทั่วโลกในเรื่องต่างๆ อย่างที่มักจะนำเสนอข้อมูลออกมาอย่างต่อเนื่อง เช่น ประเทศที่มีความสุขที่สุด ประเทศที่น่าอยู่ที่สุด ประเทศที่ร่ำรวยยากจนที่สุด ฯลฯ นอกจากจะทำให้เรามองเห็นเรื่องที่เป็นนามธรรมได้ชัดเจนขึ้นแล้ว ถ้าเปิดใจกว้างก็มีประโยชน์ต่อผู้มีอำนาจหน้าที่ในประเทศที่จะนำข้อมูลเหล่านี้ไปพัฒนาข้อเสียได้อย่างตรงจุด และสามารถเปรียบเทียบความสำเร็จของผลงานได้จากการจัดอันดับในปีต่อๆ มา ครึ่งปีที่เหลือจากนี้ไปไม่อาจรู้ได้ว่าประเทศไทยจะไปติดอันดับในเรื่องไหนบ้าง แต่ครึ่งปีที่ผ่านมาประเทศไทยถูกจัดอันดับในหลายๆ ด้าน ทั้งในระดับเอเชียและในระดับโลก มาทบทวนกันว่าเราโดดเด่นและด้อยในเรื่องไหนบ้าง มกราคม 2019 1. ติด Top 10 เมืองหลวงคุณภาพอากาศแย่ที่สุดในโลก สำหรับปี 2019 นี้ คนไทยอาจจะเริ่มต้นด้วยสถิติที่ไม่ค่อยดี เนื่องจากวิกฤตการณ์ฝุ่น PM 2.5 สูงเกินค่ามาตรฐานตั้งแต่ช่วงปลายปี 2018 จนถึงต้นปี 2019 ที่ผ่านมา สร้างความกังวลให้คนไทยในหลายพื้นที่โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จนต้องมีตัวช่วยในการตรวจสอบคุณภาพอากาศติดตัวกันแทบทุกคน โดยที่เป็นที่นิยมมากที่สุดก็คือเว็บไซต์และแอพพลิเคชัน AirVisual ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพอากาศทั่วโลกและรายงานข้อมูลแบบเรียลไทม์ […]Read More

นายกรัฐมนตรีแคนาดา จัสติน ทรูโด ประกาศก้องนำประเทศเลิกใช้พลาสติกภายใน 2 ปี

ถุงพลาสติก หลอด ช้อนส้อมมีด ไปจนถึงไม้คนกาแฟที่ทำจากพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง จะถูกสั่งแบนในประเทศแคนาดาภายในปี 2021 เพื่อลดปัญหาสิ่งแวดล้อม Reason to Read ถุงพลาสติก หลอด ช้อนส้อมมีด ไปจนถึงไม้คนกาแฟที่ทำจากพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง จะถูกสั่งแบนในประเทศแคนาดาภายในปี 2021 เพื่อลดปัญหาสิ่งแวดล้อม แม้จะจินตนาการได้ยากว่าอีก 2 ปีข้างหน้านี้ ประเทศไทยจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร แต่ที่แน่นอนคือ ประเทศแคนาดาวางแผนเอาไว้แล้วว่าจะไม่มีการใช้สิ่งของที่ทำจากพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง เพื่อลดปริมาณขยะพลาสติกที่เป็นอันตรายและทำร้ายระบบนิเวศของโลก ปัญหาขยะพลาสติกกำลังเป็นวาระระดับโลก เมื่อคณะกรรมาธิการแห่งสหภาพยุโรปมีข้อมูลว่า ขยะที่พบในมหาสมุทรทั่วโลกเป็นขยะพลาสติกมากถึง 80 เปอร์เซ็นต์ เช่นเดียวกับรัฐบาลประเทศแคนาดาที่รายงานว่า ในทุกๆ ปีจะมีนกประมาณ 1 ล้านตัว และสัตว์ทะเลจำนวนมากกว่า 1 แสนชีวิต ที่ได้รับบาดเจ็บหรือตายจากการกินพลาสติกเข้าไป และสาเหตุก็แน่ใจได้ว่าเนื่องมาจาก การมีรถบรรทุกขยะพลาสติกไปทิ้งลงมหาสมุทรแทบทุกนาทีจากทั่วโลก ทำให้ขยะที่ใช้เวลาย่อยสลายมากถึง 1,000 ปีเหล่านี้กลายเป็นอันตรายต่อทั้งสัตว์และสิ่งแวดล้อม นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีประเทศแคนาดา กล่าวว่า “ขยะพลาสติก มักถูกฝังกลบหรือนำเข้าเตาเผา ไม่ก็กลายเป็นขยะในสวนสาธารณะหรือชายหาด กลายเป็นมลพิษในแม่น้ำ ทะเลสาบ หรือมหาสมุทร กลายเป็นสิ่งที่ฆ่าเต่า ปลา […]Read More

ความทรงจำวัยเด็กของเราหายไปไหน?

เคยสงสัยไหมว่า ทำไมพอโตขึ้นมาแล้ว เราถึงจำเรื่องในวัยเด็กไม่ได้ ซึ่งต่อไปนี้คือสมมุติฐานอยู่สองสามข้อที่อาจอธิบายได้ว่าทำไมคุณถึงจำช่วงเวลานั้นไม่ได้ คำตอบคือ… เมื่อลองนึกถึงความทรงจำในวัยเด็กคุณอาจจะจำอะไรไม่ได้เลยหรือจำได้เพียงเลือนลางเท่านั้น แม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับทุกคน หรือเป็นที่รู้จักกันในนาม ‘ภาวะเสียความจำในวัยทารก’ (Childhood Amnesia) แต่สาเหตุของมันกลับยังเป็นปริศนาอยู่ มีเพียงการตั้งสมมุติฐานไปต่างๆ นานา และนี่คือสมมุติฐานอยู่สองสามข้อที่อาจอธิบายได้ว่าทำไมคุณถึงจำช่วงเวลานั้นไม่ได้ สมมุติฐานแรก มีนักประสาทวิทยาหลายคนว่ากันว่าเป็นเพราะ ‘สมองยังพัฒนาไม่เต็มที่’ แต่ในความเป็นจริงทารกสามารถสร้างความทรงจำบางประเภทได้อย่างแน่นอน เพราะระบบสมองที่จำเป็นต่อการสร้างความทรงจำของมนุษย์มีสองระบบคือ ‘ฮิบโปแคมปัสง และ ‘สมองกลีบขมับส่วนใน’ และทั้งสองระบบนี้จะได้รับการพัฒนาค่อนข้างดีเมื่อเรามีอายุหนึ่งปี อย่างไรก็ตาม มีสมองส่วนหนึ่งที่จะไม่โตเต็มที่จนกว่าจะถึงวัยยี่สิบต้นๆ นั่นคือสมองส่วนหน้า (พัฒนาเต็มที่เมื่ออายุ 25 ปี) นักประสาทวิทยาจึงเชื่อว่าสมองส่วนนี้แหละที่สร้างความทรงจำที่เป็นฉากๆ เกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเราก่อนที่สมองส่วนหน้าจะได้รับการพัฒนา เราอาจสามารถเรียกคืนทักษะบางอย่างหรือจดจำเรื่องราวได้บ้างแต่เราไม่ใช่รายละเอียดทั้งหมด นอกจากนี้ ยังมีสมมุติฐานที่ว่าเป็นเพราะทารกไม่มีความรู้สึกถึงตนเอง (Sense of Self) โดยนักจิตวิทยาบางคนเชื่อว่าทารกจำเป็นต้องพัฒนาความรู้สึกของตัวเองก่อนถึงจะสามารถพัฒนาความทรงจำได้ หรือเรียกว่า ‘ความทรงจำเกี่ยวกับอัตชีวประวัติ’ (Autobiographical memories) ทารกที่ไม่เข้าใจว่าตนเองเป็นใครก็จำสิ่งต่างๆ ได้ตัวเองพบเจอได้ยากขึ้น สมมุติฐานข้อนี้มีการทดลองหนึ่งเกี่ยวกับการจดจำตนเองและหน่วยความจำ มาสนับสนุน โดยขั้นแรกนักจิตวิทยาได้ทำการทดสอบว่าทารกคนไหนสามารถจดจำตนเองในกระจกได้บ้าง จากนั้นก็ปล่อยให้เด็กเล่นกับตุ๊กตาสัตว์และบอกให้เด็กๆ นำไปใส่ไว้ในลิ้นชัก สองอาทิตย์ต่อมากนักจิตวิทยาก็นำเด็กๆ กลับมาในอีกครั้งและให้ไปหยิบตุ๊กตาที่ตัวเองเก็บไว้ในลิ้นชัก ซึ่งพบว่ามีเพียงทารกที่จำตัวเองในกระจกได้เท่านั้นที่สามารถจำได้ว่าพวกเขาเก็บของเล่นไว้ที่ไหน ส่วนสมมุติฐานสุดท้ายบอกว่าเป็นเพราะทารกไม่มีตัวกระตุ้นให้ระลึกถึง […]Read More

ถ่ายภาพ สถานที่ และความผูกพันนิทรรศการ SENSE OF PLACEโดย ADD พีรพัฒน์ วิมลรังครัตน์

ช่างภาพสตรีทหนุ่มมากฝีมือ ดีกรี Leica Ambassador กับ ‘SENSE OF PLACE’ นิทรรศการใหม่ล่าสุดที่กำลังจัดแสดง และแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์งานของเขา Reasons to Read ช่างภาพสตรีทหนุ่มมากฝีมือ ดีกรี Leica Ambassador กับ ‘SENSE OF PLACE’  นิทรรศการใหม่ล่าสุดที่กำลังจัดแสดง และแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์งานของเขา SENSE OF PLACE บางที่… เรียบง่ายถ่อมตน บางที่… แฝงพลัง เต็มไปด้วยความหวัง ความฝัน บางที่… มีความอิสระเสรี (ทางความคิด) บางที่… คือที่ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย และในบางที่ ต้องการการเปลี่ยนแปลง ไม่มีอะไรไร้ความหมาย หากว่าเราสามารถเรียนรู้ได้จากมัน แอ๊ด-พีรพัฒน์ วิมลรังครัตน์ ช่างภาพสายสตรีทที่เราผ่านตาฝีมือของเขามานาน ได้จัดนิทรรศการภาพถ่าย รวมผลงานเดี่ยว ‘SENSE OF PLACE’ ที่เขาถ่ายทอดภาพถ่ายในสถานที่ต่างๆ ที่เขาเลือกมาแล้วว่าตัวเองมีความผูกพัน มีความรู้สึกบางอย่างกับแต่ละภาพ เราจึงถือโอกาสมาชมภาพถ่ายและพูดคุยถึงเรื่องราวเบื้องหลังของชีวิตช่างภาพคนหนึ่งที่เลือกถือกล้องออกไปบันทึกความทรงจำให้กับทั้งตัวเขาเองและผู้คนรอบข้าง ใครที่ยังไม่ได้ไปชมภาพถ่ายของจริง ณ Leica […]Read More

ทำไมใส่เสื้อสีดำออกกลางแดด แล้วจึงร้อนกว่าเสื้อสีอื่น?

เฉลยให้เข้าใจตามหลักวิทยาศาสตร์ เมื่อเสื้อสีดำดูดซับความร้อนไว้ จึงทำให้เรารู้สึกร้อนตอนใส่เสื้อออกแดด แต่เสื้อสีขาวกลับให้ผลตรงกันข้าม หลายคนคงเคยได้ยินมาทั้งชีวิตว่าเสื้อสีดำจะดูดซับความร้อนไว้ทำให้รู้สึกร้อนตอนใส่เสื้อออกแดด ส่วนเสื้อสีขาวสะท้อนความร้อนออกไป จึงรู้สึกร้อนน้อยกว่าตอนใส่เสื้อสีดำ แต่จะจริงหรือไม่ เชื่อว่าหลายคนก็ยังไม่รู้เรื่องนี้ ถ้าอย่างนั้นลองมาดูวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้กันดีว่า ขอเริ่มด้วยการชี้แจงสิ่งที่ถูกดูดซับไว้และสะท้อนออกมาว่า สิ่งนั้นไม่ใช่ความร้อน แต่เป็นพลังงานรูปแบบหนึ่ง นั่นก็คือ ‘แสง’ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นความร้อนก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทีหลังเพียงเล็กน้อยเท่านั้น สีที่เรามองเห็นได้จากวัตถุต่างๆ เกี่ยวข้องกับความยาวคลื่นแสงที่สะท้อนออกมาจากวัตถุนั้น โดยการสะท้อนขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของอะตอมและโมเลกุลของวัตถุ โครงสร้างพื้นผิว มุมที่แสงกระทบกับวัตถุ และมุมที่เรามอง เช่น ที่เราเห็นแอปเปิ้ลเป็นสีแดงก็เพราะ ‘แสงสีขาว’ หรือ แสงสว่างๆ ที่เรามองเห็นนี่แหละ (จริงๆ แล้วในแสงสีขาวยังประกอบด้วยแสงสีอื่นๆ ที่รวมกันเรียกว่า สเปกตรัม (Spectrum) ประกอบด้วยสีม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง ส้ม แดง) เมื่อแสงสีขาวไปกระทบกับแอปเปิ้ล มวลภายในอะตอมของแอปเปิ้ลก็จะสะท้อนความยาวคลื่นสีแดงออกมากมากกว่าสีอื่นๆ และเด้งกลับมาที่ดวงตาของเรา ทำให้เรามองเห็นแอปเปิ้ลเป็นสีแดง ส่วนวัตถุสีดำ เช่น เสื้อยืดสีดำ มีลักษณะเป็นสีดำก็เพราะมันจะดูดซับความยาวคลื่นแสงในแสงสีขาวไว้ทั้งหมดและไม่สะท้อนแสงใดๆ ออกมาเลย ทำให้เกิดพลังงานสะสมและจะคายออกมาในรูปแบบของความร้อน ยิ่งวัตถุมืดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งปล่อยความร้อนได้ดีเท่านั้น ซึ่งมาจากคุณสมบัติการดูดซับแสงที่ดีนั่นเอง ทำให้การใส่เสื้อสีดำกลางแจ้งนั้นจะรู้สึกร้อนกว่าปกติได้ ในทางตรงกันข้าม วัตถุสีขาวจะสะท้อนความยาวคลื่นแสงทั้งหมดและดูดซับแสงไว้ได้น้อยถึงไม่ดูดซับเลย […]Read More

“แผ่นดินไหว” มีผลอะไรต่อเครื่องบินที่บินอยู่ไหม?

ถ้าพื้นดินด้านล่างกำลังไหวสั่น สร้างความเสียหายให้กับต้นไม้ อาคาร และผู้คนบนพื้นโลก แล้วคุณล่ะ? คิดว่าตัวเองจะได้รับผลกระทบอะไรไหมตอนอยู่บนเครื่องบิน ลองนึกภาพตัวเองนั่งจิบชาแล้วมองเมฆสีขาวเคลื่อนผ่านหน้าต่างเครื่องบินไป แต่จะเป็นอย่างไรถ้าพื้นดินด้านล่างกำลังไหวสั่น สร้างความเสียหายให้กับต้นไม้ อาคาร และผู้คนบนพื้นโลก แล้วคุณล่ะ? คิดว่าตัวเองจะได้รับผลกระทบอะไรไหมตอนอยู่บนเครื่องบิน คำตอบคือ… เมื่อเกิดแผ่นดินไหวขึ้น สิ่งที่อาจจะมีผลกระทบต่อเครื่องบินที่บินอยู่บนท้องฟ้าได้ก็คือ ‘คลื่นไหวสะเทือน’ โดยการเกิดแผ่นดินไหนจะปล่อยคลื่นไหวสะเทือนออกมาด้วยในรูปแบบของคลื่นความดัน (Pressure Wave) และคลื่นเฉือน (Shear Wave) หรือเรียกย่อๆ ว่าคลื่น P และคลื่น S เมื่อคลื่น P ถูกปล่อยออกจากเปลือกโลกก็จะเคลื่อนที่สู่ชั้นบรรยากาศในรูปของคลื่นเสียง ส่วนคลื่น S จะไม่สามารถเคลื่อนที่ผ่านของเหลวหรือก๊าซได้ เพราะฉะนั้น เราจะขอโฟกัสที่คลื่น P เท่านั้น คลื่น P จะมีความถี่ต่ำกว่า 20 เฮิร์ตซ ซึ่งอยู่นอกเหนือจากการได้ยินของมนุษย์ นักวิทยาศาสตร์เรียกว่า คลื่นใต้เสียง (Infrasound) นั่นหมายความว่าแม้ว่าคลื่น P ที่เกิดจากเหตุแผ่นดินไหวจะสามารถเดินทางผ่านชั้นบรรยากาศได้ แต่เราก็จะไม่ได้ยินมันอยู่ดี แต่จะได้ยินเสียงที่เกิดขึ้นตอนที่คลื่นเคลื่อนที่ผ่านของแข็ง เช่น สิ่งก่อสร้าง หรือสิ่งของต่างๆ […]Read More

ทำไมแข่งเทนนิส Wimbledon ต้องใส่ชุดสีขาว?

นั่นสิ ทำไมต้องชุดสีขาว?? ใส่สีอื่นแล้วจะมีผลอะไรกับการแข่งขันหรือเปล่า ว่าแต่ชุดชั้นในล่ะ ต้องขาวด้วยไหม??? คำตอบคือ… การแข่งขันเทนนิสวิมเบิลดัน (Wimbledon) เป็นการแข่งขันเทนนิสที่เก่าแก่ที่สุดในโลก เริ่มจัดมาตั้งแต่ ค.ศ. 1877 ที่คอร์ทเทนนิสในย่านวิมเบิลดัน กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร โดยจะจัดการแข่งขันขึ้นในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคมของทุกปี และเป็นการแข่งขันเทนนิสแกรนด์สแลม หรือการแข่งขันเทนนิสรายการใหญ่ที่สุดของโลกรายการเดียวในปัจจุบันที่แข่งขันบนคอร์ทหญ้า นอกจากประวัติศาตร์อันยาวนานแล้ว เมื่อพูดถึงวิมเบิลดัน คนจะต้องนึกถึงผู้เล่นที่แต่งกายด้วยชุดสีขาวทั้งตัวขณะลงแข่ง เพราะนั่นคือกฎที่เข้มงวดมากที่สุดข้อหนึ่งของวิมเบิลดัน โดยระบุไว้ว่า “ผู้เล่นจะต้องแต่งตัวด้วยชุดสีขาวเกือบทั้งชุด” กฎนี้เข้มงวดมากขนาดที่ว่า หากมีผู้เล่นคนไหนฝ่าฝืน ผู้ตัดสินสามารถบังคับให้ผู้เล่นไปเปลี่ยนชุดได้ ไม่อย่างนั้นก็จะถูกตัดสิทธิ์ในการลงแข่งไปเลย โดยในอดีตก็เคยมีนักเทนนิสแถวหน้าหลายคนที่เคยทำผิดกฎนี้ แล้วทำไมต้องสีขาว? กฎนี้มีที่มาอย่างไร? เชื่อกันว่ากฎดังกล่าวเริ่มขึ้นในยุค 1800 ยุคที่เทนนิสเป็นกีฬาสำหรับผู้ดี ส่วนใหญ่จะเล่นเพื่อเป็นการพบปะสังสรรค์ทางสังคม โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิง และพอเล่นจนได้เหงื่อคราบเหงื่อบนผ้าสีจะเห็นได้ชัดกว่าและถูกมองว่าไม่เข้าท่าเท่าไหร่ (โดยเฉพาะบริเวณรักแร้) เพราะฉะนั้นสาวๆ นักเทนนิสยุคนั้นก็เลยเลือกที่จะใส่เสื้อผ้าสีขาวซะส่วนใหญ่ เพื่อเลี่ยงความเขินอาย กระทั่ง ออล อิงแลนด์ คลับ (The All England Club) ซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันเทนนิสวิมเบิลดัน ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 1868 และได้เปิดตัวการแข่งขันกีฬาเทนนิสบนสนามหญ้าในปี 1875 และได้ถือว่าวัฒนธรรมการใส่ชุดสีขาวนี้เป็นกฎข้อหนึ่งของการแข่งขันเทนนิสวิมเบิลดัน […]Read More

ดร.อัจฉรา จุ้ยเจริญ กับมุมมองและวิถีการพัฒนาภาวะผู้นำในยุค THAILAND 4.0

เมื่อเร็วๆ นี้ ดร.มาร์แชล โกลด์สมิท (Dr. Marshall Goldsmith) บุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นปรมาจารย์ด้านการพัฒนาภาวะผู้นำของโลก โค้ชผู้บริหารที่มีชื่อเสียง และเป็นผู้เขียนหนังสือที่ได้รับรางวัลจากสถาบันต่างๆ มากมาย เช่นหนังสือที่ชื่อว่า What Got You Here Won’t Get You There ท่านได้เดินทางมาประเทศไทย และถือโอกาสนี้เยี่ยมเยือนผู้ที่ท่านได้เลือกให้เป็นผู้แทนอย่างเป็นทางการในด้านการพัฒนาภาวะผู้นำ ในประเทศไทย นั่นคือ ดร. อัจฉรา จุ้ยเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัทแอคคอมแอนด์อิมเมจ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (แอคคอมฯ) และโค้ชผู้บริหารที่ได้รับการรับรองจากสหพันธ์โค้ชนานาชาติ ในระดับ PCC (Professional Certified Coach) วันนี้ GM Live จึงสนใจมาพูดคุยกับ ดร. อัจฉรา จุ้ยเจริญ เกี่ยวกับมุมมองการทำงานในฐานะโค้ช และการทำงานร่วมกับ ดร.มาร์แชล โกลด์สมิท นอกจากนั้นยังมีประเด็นสำคัญที่จะมาพูดคุยกับ ดร.อัจฉรา ถึงสถานการณ์ของการเป็นโค้ชในการพัฒนาภาวะผู้นำท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของสังคมที่ได้ก้าวเข้าสู่ยุคดิจิตอล หรือที่เราคุ้นหูกันดีว่า “ไทยแลนด์ 4.0” […]Read More

คิดดูให้ดี!!Google เตือนสหรัฐฯ ถึงความเสี่ยงต่อความมั่นคงจากการแบน Huawei

ผู้บริหารระดับสูงของกูเกิลกำลังผลักดันให้การแบนหัวเว่ยได้รับการยกเว้น เพราะกังวลว่าการแบนหัวเว่ยเช่นนี้จะส่งผลให้สมาร์ตโฟนของหัวเว่ยไม่สามารถอัปเดตระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ของกูเกิลได้ในอนาคต ซึ่งนั่นหมายถึงภัยต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ ที่มีมากขึ้น Reasons to Read กูเกิลกังวลว่าการที่หัวเว่ยจะพัฒนาระบบปฏิบัติการของตัวเองในชื่อ ‘Hongmeng’ นั้น อาจเป็นช่องทางที่ง่ายต่อการเจาะระบบมากขึ้น และนั่นก็จะเป็นภัยต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ มากขึ้นด้วย ผู้บริการหัวเว่ยเผยว่ากูเกิลกำลังทำงานร่วมกับกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เพื่อหาแนวทางแก้ไข และจะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคหากกูเกิลและรัฐบาลสหรัฐฯ สามารถหาทางออกได้ ดูเหมือนจะยังไม่จบง่ายๆ สำหรับผลกระทบจากการที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ได้ออกคำสั่งห้ามบริษัทในสหรัฐฯ ใช้อุปกรณ์โทรคมนาคมที่เป็นภัยต่อความมั่นคง เพื่อปกป้องระบบอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยีสารสนเทศของสหรัฐฯ จากการคุกคามของเทคโนโลยีต่างชาติ ซึ่งส่งผลให้ชื่อของหัวเว่ย (Huawei) บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์เครือข่ายและอุปกรณ์โทรคมนาคมสัญชาติจีนและบริษัทในเครืออีก 67 แห่ง ถูกกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำในทันที และตามมาด้วยข่าวใหญ่ที่กูเกิล (Google) ประกาศตัดสัมพันธ์ทางธุรกิจหัวเว่ย และที่บอกว่าดูเหมือนจะยังไม่จบลงง่ายๆ ก็เพราะว่าไม่กี่วันที่ผ่านมาหนังสือพิมพ์ ไฟแนนเชียล ไทม์ (Financial Times) รายงานข่าวว่า ผู้บริหารระดับสูงของกูเกิลสามรายซึ่งไม่ประสงค์ออกนาม กำลังผลักดันให้การแบนหัวเว่ยได้รับการยกเว้น เพราะกังวลว่าการแบนหัวเว่ยเช่นนี้จะส่งผลให้สมาร์ตโฟนของหัวเว่ยไม่สามารถอัปเดตระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ของกูเกิลได้ในอนาคต และการที่หัวเว่ยจะพัฒนาระบบปฏิบัติการของตัวเองในชื่อ ‘Hongmeng’ นั้น อาจะเป็นช่องทางที่ง่ายต่อการเจาะระบบมากขึ้นและนั่นก็จะเป็นภัยต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ มากขึ้นด้วย ขณะเดียวกันสัปดาห์ที่ผ่านมา นายเหลียง หัว (Liang Hua […]Read More

ไปต่อไม่รอแล้วHuawei เริ่มจดทะเบียนการค้าHongmeng ทันใช้ปีนี้แน่

ระบบปฏิบัติการใหม่ของหัวเว่ยเคยมีข่าวว่าพร้อมเปิดตัวในช่วงเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ และล่าสุดหัววเว่ยได้จดเครื่องหมายการค้าหงเมิ่งในหลายประเทศแล้ว Reason to Read หัวเว่ยพัฒนาระบบปฏิบัติการใหม่ ‘หงเมิ่ง’ (HongMeng OS) เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ใช้งานที่ในอนาคตอาจจะไม่สามารถใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) ของกูเกิลได้อีก องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (World Intellectual Property Organization) หรือ WIPO บอกว่าตอนนี้หัวเว่ยได้จดเครื่องหมายการค้าหงเมิ่งในหลายประเทศ ช่วงที่ผ่านมาอาจจะเรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับหัวเว่ย (Huawei) ที่หลังจากถูกกูเกิล (Google) ประกาศยุติสัมพันธ์ทางธุรกิจตามคำสั่งประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ห้ามบริษัทในสหรัฐฯ ใช้อุปกรณ์โทรคมนาคมที่เป็นภัยต่อความมั่นคง เพื่อปกป้องระบบอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยีสารสนเทศของสหรัฐฯ ทำให้หัวเว่ยต้องพัฒนาระบบปฏิบัติการใหม่ ‘หงเมิ่ง’ (Hongmeng OS) เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ใช้งานที่จะไม่สามารถใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Androind) ของกูเกิลได้อีก ระบบปฏิบัติการใหม่ของหัวเว่ยเคยมีข่าวว่าพร้อมเปิดตัวในช่วงเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ และล่าสุดจากข้อมูลขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (World Intellectual Property Organization) หรือ WIPO บอกว่าตอนนี้หัวเว่ยได้จดเครื่องหมายการค้าหงเมิ่งในหลายประเทศ เช่น ออสเตรเลีย, แคนาดา, กัมพูชา, สหภาพยุโรป, อินโดนีเซีย, อินเดีย, […]Read More