กลุ่ม Extinction Rebellion และการประท้วงในโรงเรียนที่นำโดย ‘เกรตา ธุนเบิร์ก’ นักกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมชาวสวีเดน วัย 15 ปี ได้สร้างผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ นำไปสู่การประกาศภาวะฉุกเฉินระดับชาติ Reasons to Read กลุ่ม Extinction Rebellion และการประท้วงในโรงเรียนที่นำโดย ‘เกรตา ธุนเบิร์ก’ นักกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมชาวสวีเดน วัย 15 ปี ได้สร้างผลกระทบที่ยิ่งใหญ่โดยแรงขับเคลื่อนที่นำไปสู่การประกาศภาวะฉุกเฉินระดับชาติ การประท้วงเหล่านี้เป็นเพียงแค่ ‘ปลายภูเขาน้ำแข็ง’ เพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีแรงกดดันมากมายถูกสร้างขึ้น สหราชอาณาจักรควรพยายามอย่างจริงจังที่จะไปให้ถึงเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ให้ได้ภายใน 10 ปี รัฐสภาอังกฤษมีมติประกาศภาวะฉุกเฉินการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก หรือ ภาวะโลกร้อน เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการสนับสนุนข้อเรียกร้องของ ‘เจเรมี คอร์บีน’ (Jeremy Corbyn) หัวหน้าพรรคแรงงาน พรรคฝ่ายค้าน ที่เรียกร้องให้ใช้แผนปฏิบัติการเร่งด่วนและรวดเร็วเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อม ทำให้รัฐสภาอังกฤษเป็นรัฐสภาแรกที่ประกาศภาวะโลกร้อนเป็น ‘สถานการณ์ฉุกเฉิน’ ซึ่ง เจเรมี คอร์บีน หวังว่าจะเป็นการจุดประกายให้ทั่วโลกปฏิบัติตาม และในขณะที่การประกาศภาวะฉุกเฉินทางสภาพภูมิอากาศเป็นประเด็นที่คนสนใจ รัฐบาลก็กำลังดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อมุ่งสู่นโยบายด้านสิ่งแวดล้อมที่แข็งแกร่งขึ้น […]Read More
รัฐบาลในกรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย ปรารถนาจะสร้างภาพลักษณ์ประเทศให้ดูทันสมัย ขณะเดียวกันกลับยังใช้บทลงโทษประหารอย่างเหี้ยมโหด สำหรับมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมานแล้ว เขาไม่ได้มองว่านั่นคือความขัดแย้ง หากแต่เป็นหนทางสู่อำนาจที่แท้จริง Reasons To Read: ผู้มีอำนาจในซาอุดีอาระเบียพูดถึง ‘วิถีการเปลี่ยนแปลงประเทศ’ ไปสู่ความเป็นชาติสมัยใหม่ที่ทันยุคสมัย มีการเชิญชวนต่างชาติเข้าไปลงทุน และมุ่งหวังให้การท่องเที่ยวเป็นรายได้สำคัญของประเทศ อนุญาตให้ผู้หญิงขับรถได้ ในทางกลับกัน พวกเขาก็ลงโทษกลุ่มผู้หญิงที่เคยต่อสู้ เรียกร้องสิทธิเสมอภาคในการขับรถ ด้วยการทรมานอย่างทารุณ รัฐบาลเฝ้าจับตามองพลเมืองซาอุฯ ฝ่ายนิกายชีอะห์อยู่ตลอดเวลา เนื่องจากเกรงว่าจะเป็นฝ่ายสนับสนุนอิหร่าน ซึ่งเป็นศัตรูตัวฉกาจของราชอาณาจักร กษัตริย์ซัลมาน และพระโอรสองค์โปรด มกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ซึ่งโดยพฤตินัยแล้วเป็นผู้บริหารแผ่นดิน ต้องการจะครองอำนาจ และปรารถนาจะนำพาซาอุดีอาระเบียให้พ้นจากสภาวะล้มละลายทางเศรษฐกิจ รัฐบาลในกรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย ปรารถนาจะสร้างภาพลักษณ์ประเทศให้ดูทันสมัย ขณะเดียวกันกลับยังใช้บทลงโทษประหารอย่างเหี้ยมโหด สำหรับมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมานแล้ว เขาไม่ได้มองว่านั่นคือความขัดแย้ง หากแต่เป็นหนทางสู่อำนาจที่แท้จริง ใครที่ติดตามความเปลี่ยนแปลงของซาอุดีอาระเบียตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา คงต้องตั้งคำถามว่า ทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในประเทศนี้มีความสอดคล้องกันอย่างไร ผู้มีอำนาจพูดถึง ‘วิถีการเปลี่ยนแปลงประเทศ’ ไปสู่ความเป็นชาติสมัยใหม่ที่ทันยุคสมัย มีการเชิญชวนต่างชาติเข้าไปลงทุน และมุ่งหวังให้การท่องเที่ยวเป็นรายได้สำคัญของประเทศ ยินยอมให้จัดคอนเสิร์ตดนตรีป๊อป อนุญาตให้ผู้หญิงขับรถได้ ในทางกลับกัน พวกเขาก็ลงโทษกลุ่มผู้หญิงที่เคยต่อสู้ […]Read More
นาซ่าทดลองส่งหนู 20 ตัวไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ ใน ‘แหล่งอาศัยของสัตว์ฟันแทะแห่งนาซ่า’ ซึ่งการทดลองนี้นำโดย เอพริล รอนกา ของศูนย์วิจัยนาซ่าอาเมส เพื่อศึกษาว่าพฤติกรรมของพวกหนูจะเปลี่ยนไปอย่างไรในช่วงระยะเวลาที่ยาวนานของการเดินทางในอวกาศ Reasons to Read องค์การนาซ่ากำลังหาวิธีส่งมนุษย์ไปยังดาวอังคาร การทำความเข้าใจปฏิกิริยาของมนุษย์อวกาศต่อการใช้เวลานานในอวกาศจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง หนูที่ถูกส่งไปยังอวกาศมีพฤติกรรมทั่วไปของสายพันธุ์อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งการกินอาหาร การทำความสะอาดขนด้วยตัวเอง การจับกลุ่มและการปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ภายใน 7-10 วัน หลังจากการปล่อยตัวสู่อวกาศ พบว่าหนูตัวเล็กจะเริ่มแสดงพฤติกรรมซ้ำๆ อย่างเห็นได้ชัด โดยการเคลื่อนที่ไปรอบๆ กรงด้วยความเร็ว นาซ่าทดลองส่งหนู 20 ตัวไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ ใน ‘แหล่งอาศัยของสัตว์ฟันแทะแห่งนาซ่า’ ซึ่งการทดลองนี้นำโดย เอพริล รอนกา (April Ronca) ของศูนย์วิจัยนาซ่าอาเมส (NASA Ames Research Center) เพื่อศึกษาว่าพฤติกรรมของพวกหนูจะเปลี่ยนไปอย่างไรในช่วงระยะเวลาที่ยาวนานของการเดินทางในอวกาศ เนื่องจากขณะนี้องค์การนาซ่ากำลังหาวิธีส่งมนุษย์ไปยังดาวอังคาร การทำความเข้าใจปฏิกิริยาของมนุษย์อวกาศต่อการใช้เวลานานในอวกาศจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ในการศึกษาที่ตีพิมพ์ในนิตยสาร Scientific Reports เอพริล รอนกา และเพื่อนร่วมงานอธิบายว่า พวกเขาส่งหนูเพศเมียจำนวน 20 ตัว ไปที่สถานีอวกาศนานาชาติ […]Read More
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก เป็นพระราชพิธีที่มีมาตั้งแต่ครั้งบรรพกาล การประกอบพระราชพิธีแต่ละขั้นตอนล้วนมีความความศักดิ์สิทธิ์ แสดงถึงวัฒนธรรมอันดีงามและการเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งหนึ่งในขั้นตอนสำคัญในการประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกคือการถวาย ‘เครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์’ ซึ่งเป็นเครื่องหมายแห่งความเป็นพระราชา และ ‘เครื่องราชูปโภค’ 4 อย่าง ที่ออกแบบมาอย่างประณีตสวยงาม ให้เหมาะสมเป็นไปตามพระราชอิสริยยศของพระมหากษัตริย์ เครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ เป็นเครื่องหมายแห่งความเป็นพระราชา ซึ่งพราหมณ์ผู้ทำพิธีจะนำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายในวันที่ประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เป็นเครื่องแสดงว่าได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นพระเจ้าแผ่นดินถูกต้องสมบูรณ์แล้ว ประกอบด้วยพระมหาพิชัยมงกุฎ, พระแสงขรรค์ชัยศรี, ธารพระกร, วาลวิชนี (พัดและแส้) และฉลองพระบาทเชิงงอน ซึ่งแต่ละอย่างมีลักษณะและความหมายดังนี้ พระมหาพิชัยมงกุฎ เป็นพระมหาพิชัยมงกุฎทองคำลงยาราชาวดีประดับเพชร สูง 66 เซนติเมตร น้ำหนัก 7.3 กิโลกรัม สร้างขึ้นเป็นเครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ในรัชกาลที่ 1 ในครั้งนั้นยอดพระมหาพิชัยมงกุฎยังเป็นพุ่มข้าวบิณฑ์ประดับเพชรเม็ดเล็กๆ จนถึงรัชกาลที่ 4 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผู้ที่ทรงไว้วางพระราชหฤทัยไปเลือกสรรหาซื้อเพชรขนาดใหญ่มาจากประเทศอินเดีย นำมาประดับยอดมงกุฎแทนพุ่มข้าวบิณฑ์ พระราชทานเพชรเม็ดนี้ว่า ‘พระมหาวิเชียรมณี’ เพชรเม็ดนี้มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1.6 เซนติเมตร สูงประมาณ 1.4 เซนติเมตร พระแสงขรรค์ชัยศรี เป็นพระขรรค์โบราณ เชื่อกันว่าเป็นพระราชศาสตราคู่บ้านคู่เมืองเขมร สมัยพระเจ้าปทุมสุริยวงศ์ จมอยู่ในทะเลสาบเมืองนครเสียมราฐ มาเป็นเวลานานเท่าใดไม่มีใครทราบ ชาวประมงไปทอดแหติดขึ้นมา […]Read More
กระบวนพยุหยาตราทางสถลมารค เป็นโบราณพิธีที่มีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย ตามหลักฐานโบราณกล่าวว่า การจัดกระบวนแห่เสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครจัดเป็นกระบวนพยุหยาตราอย่างมโหฬาร เพียบพร้อมด้วยกำลังทหารเหล่าต่างๆ กระบวนพระบรมราชอิสริยยศอึงมี่ด้วยเสียงประโคม กลองชนะ แตร และสังข์ พระมหากษัตริย์จะเสด็จพระราชดำเนินทั้งไปจนกว่าจะรอบมณฑลราชธานี เพื่อบำรุงสวามิภักดิ์และแสดงพระเดชานุภาพ กระบวนพยุหยาตราทางสถลมารค เป็นอีกหนึ่งพระราชพิธีสำคัญในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ถือเป็นโบราณพิธีที่มีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย สืบทอดต่อกันจนสมัยกรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี และกรุงรัตนโกสินทร์ในปัจจุบัน โดยเป็นการเสด็จพระราชดำเนินทางบกของพระมหากษัตริย์ กระทำโดยเสด็จเลียบพระนครเพื่อให้ราษฎรได้มีโอกาสเข้าเฝ้าชมพระบารมีและแสดงความจงรักภักดีแด่พระมหากษัตริย์องค์ใหม่ แต่เดิม การเสด็จพระราชดำเนินโดยกระบวนพยุหยาตราสถลมารค นอกจากเพื่อให้ราษฎรมีโอกาสเข้าเฝ้าพระมหากษัตริย์ ก็กระทำเพื่อเป็นการแสดงพระเดชานุภาพให้ผู้ใดคิดร้ายได้หวั่นเกรง โดยตามหลักฐานโบราณกล่าวว่า การจัดกระบวนแห่เสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครจัดเป็นกระบวนพยุหยาตราอย่างมโหฬาร เพียบพร้อมด้วยกำลังทหารเหล่าต่างๆ แห่นำและตามเสด็จองค์พระมหากษัตริย์ กระบวนพระบรมราชอิสริยยศอึงมี่ด้วยเสียงประโคม กลองชนะ แตร และสังข์ พระมหากษัตริย์จะเสด็จพระราชดำเนินทั้งทางชลมารค (ทางน้ำ) และสถลมารค (ทางบก) ไปจนกว่าจะรอบมณฑลราชธานีเพื่อบำรุงสวามิภักดิ์และแสดงพระเดชานุภาพแก่พสกนิกรทั้งปวง ทว่ากาลสมัยที่เปลี่ยนไป จุดมุ่งหมายของพิธีนี้ก็เปลี่ยนเหลือเพียงเพื่อให้พระราชพิธีเป็นไปโดยถูกต้องตามโบราณราชประเพณีเท่านั้น อีกทั้งทรงเห็นว่าเป็นการลำบากโดยไม่จำเป็น จึงมีการย่นระยะทางเหลือเพียงเลียบพระนครราชธานี และต่อมาก็ย่อลงอีก เหลือเพียงเสด็จเลียบพระนครทางเรือ ส่วนทางบกนั้นแห่เสด็จเพียงรอบพระบรมมหาราชวัง กระบวนพยุหยาตราสถลมารค ตามพระราชพงศาวดารสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ในสมัยนี้ ได้มีการแห่กระบวนพยุหยาตราสถลมารคเนื่องในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกมาแล้วทั้งสิ้น 7 ครั้งด้วยกัน ดังนี้ สมัยรัชกาลที่ 1 บันทึกการเสด็จเลียบพระนครไว้ เมื่อ พ.ศ. 2328 […]Read More
การปกครองโดยพระมหากษัตริย์ หรือราชาธิปไตย (Monarchy) เป็นหนึ่งในระบอบการปกครองที่เก่าแก่ที่สุด ซึ่งสืบทอดมาจากระบบการปกครองแบบมีหัวหน้าเผ่า ปัจจุบันมี 43 ประเทศที่ยังคงมีระบอบกษัตริย์ จากทั้งหมด 196 ประเทศทั่วโลก หรือคิดเป็น 22 เปอร์เซ็นต์ Reasons to Read การปกครองโดยพระมหากษัตริย์ หรือราชาธิปไตย (Monarchy) เป็นหนึ่งในระบอบการปกครองที่เก่าแก่ที่สุด ซึ่งสืบทอดมาจากระบบการปกครองแบบมีหัวหน้าเผ่า ปัจจุบันมี 43 ประเทศที่ยังคงมีระบอบกษัตริย์ จากทั้งหมด 196 ประเทศทั่วโลก หรือคิดเป็น 22 เปอร์เซ็นต์ และนี่คือรายพระนามพระมหากษัตริย์จากทั่วโลกที่เสด็จขึ้นครองราชย์ในรอบทศวรรษที่ผ่านมา การปกครองโดยพระมหากษัตริย์ หรือราชาธิปไตย (Monarchy) เป็นหนึ่งในระบอบการปกครองที่เก่าแก่ที่สุด ซึ่งสืบทอดมาจากระบบการปกครองแบบมีหัวหน้าเผ่า ปัจจุบันมี 43 ประเทศที่ยังคงมีระบอบกษัตริย์ จากทั้งหมด 196 ประเทศทั่วโลก หรือคิดเป็น 22 เปอร์เซ็นต์ ในบรรดาประเทศเหล่านี้ อำนาจของพระมหากษัตริย์ก็จะแตกต่างกันไป โดยแบ่งเป็น 4 ลักษณะคือ ประเทศที่กษัตริย์ปกครองแบบมีอำนาจเต็มที่, ประเทศที่กษัตริย์ปกครองแบบมีอำนาจกึ่งหนึ่ง, ประเทศที่กษัตริย์เป็นสัญลักษณ์ของรัฐ และประเทศในเครือจักรภพ […]Read More
รัฐบาลญี่ปุ่นได้ประกาศชื่อยุคใหม่อย่างเป็นทางการ และเตรียมสิ้นสุดยุคเฮเซ ที่เริ่มต้นใช้ครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2532 Reasons to Read รัฐบาลญี่ปุ่นได้ประกาศชื่อยุคใหม่อย่างเป็นทางการ และเตรียมสิ้นสุดยุคเฮเซ ที่เริ่มต้นใช้ครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2532 สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ จะทรงสละราชสมบัติ ในวันที่ 30 เมษายนนี้ จากนั้น เจ้าชายนารุฮิโตะ มกุฎราชกุมาร จะทรงขึ้นครองราชย์สืบต่อ ในวันที่ 1 พฤษภาคม ญี่ปุ่นเป็นประเทศเดียวในโลกที่ยังคงใช้ปฏิทินแบบจีน และมีธรรมเนียมการนับศักราชตามการขึ้นครองราชย์ของจักพรรดิ ทำให้จนถึงทุกวันนี้ญี่ปุ่นมียุคสมัยมาแล้วเกือบ 250 ศักราช และวันนี้ (1 เมษายน พ.ศ. 2562) ก็เป็นวันประวัติศาสตร์สำคัญของญี่ปุ่นอีกหนึ่งวัน เนื่องจากรัฐบาลญี่ปุ่นได้ประกาศชื่อยุคใหม่อย่างเป็นทางการ คือ ‘เรวะ’ (Reiwa) และเตรียมสิ้นสุดยุคเฮเซ ที่เริ่มต้นใช้ครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2532 หลังสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะจะทรงสละราชสมบัติในวันที่ 30 เมษายนนี้ จากนั้นเจ้าชายนารุฮิโตะ มกุฎราชกุมาร […]Read More
4 มีนาคม 2562 – เทคซอส มีเดีย (Techsauce Media) และ ฮับบ้า ไทยแลนด์ (Hubba Thailand) ร่วมกับพันธมิตรและองค์กรชั้นนำแถลงข่าวเผยความพร้อมงาน Techsauce Global Summit 2019 สุดยอดงานประชุมด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมชั้นนำแห่งเอเชียกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ อัดแน่นด้วยเนื้อหาเทคโนโลยีที่ครอบคลุมทุกมิติบน 12 เวที โดยวิทยากรด้านเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพชั้นนำระดับโลกร่วม 400 ชีวิต พร้อมปรับโฉมจากงานประชุมองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ไปสู่เทศกาลวัฒนธรรมที่ครบสมบูรณ์ทั้งความรู้และความบันเทิงในหนึ่งเดียวตั้งเป้าผู้ร่วมงานกว่า 20,000 คน ในวันที่ 19-20 มิถุนายน ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ อรนุช เลิศสุวรรณกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท เทคซอส มีเดีย จำกัด เปิดเผยว่า “Techsauce Global Summit เป็นเวทีแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ใหม่ด้านเทคโนโลยีในอุตสาหกรรม ต่างๆ ที่ช่วยส่งเสริมและยกระดับระบบนิเวศด้านเทคโนโลยีของประเทศไทยและภูมิภาคโดยรอบ ซึ่งสำหรับในปี 2019 นี้ได้หยิบยกประเด็น Celebrating World […]Read More
กลุ่มนักวิจัยชาวอิสราเอลสร้างหัวใจมนุษย์แบบสามมิติสำเร็จเป็นครั้งแรกของโลก โดยมีครบทั้งเซลล์ หลอดเลือด และโพรงห้องหัวใจ ซึ่งอาจช่วยให้ผู้ป่วยที่รอปลูกถ่ายอวัยวะไม่ต้องรออวัยวะจากผู้อื่นอีกต่อไป ในยุคที่เทคโนโลยีพัฒนาอย่างรวดเร็ว มนุษย์เราก็ได้ก้าวล้ำไปอีกขั้น เพราะล่าสุดกลุ่มนักวิจัยชาวอิสราเอลประกาศว่า ได้สร้างหัวใจมนุษย์จากการใช้เทคโนโลยีการพิมพ์สามมิติสำเร็จเป็นครั้งแรกของโลก โดยหัวใจชิ้นดังกล่าวมีอวัยวะส่วนอื่นครบถ้วนเหมือนของจริง ซึ่งการทดลองนี้จะเป็นประโยชน์ด้านการแพทย์สำหรับผู้ป่วยที่ต้องรักษาด้วยการปลูกถ่ายอวัยวะ นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเทลอาวีฟ (Tel Aviv University) ในประเทศอิสราเอล ประสบความสำเร็จกับการสร้างชิ้นหัวใจที่มีอวัยวะครบถ้วนทั้งเซลล์ หลอดเลือด และโพรงห้องหัวใจ ซึ่งต่างจากครั้งก่อนๆ ที่ทำได้เพียงโครงสร้างของอวัยวะเท่านั้น ทำให้ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่นักวิทยาศาสตร์สร้างอวัยวะด้วยเทคโนโลยีสามมิติและมีส่วนอื่นๆ ของอวัยวะครบถ้วนได้สำเร็จ ด้วยการใช้เซลล์จากเนื้อเยื่อไขมันมาจัดเรียงใหม่ให้เป็นสเต็มเซลล์ ก่อนจะทำให้อยู่ในรูปของไฮโดรเจล ซึ่งทำหน้าที่เป็นหมึกในการพิมพ์หัวใจ จนเกิดเป็นหัวใจจิ๋วสามมิติขนาดเท่าหัวใจกระต่ายขึ้นมา แม้นักวิทยาศาสตร์ยังต้องหาวิธีทำให้หัวใจสามมิตินี้สามารถเต้นและสูบฉีดเลือดได้ ทว่าการวิจัยที่สำเร็จมาครึ่งทางก็ทำให้เห็นโอกาสที่เทคโนโลยีนี้จะเข้ามาช่วยเหลือผู้ป่วยที่รอการปลูกถ่ายอวัยวะ เพราะเราสามารถสร้างอวัยวะขึ้นมาแทนชิ้นเดิมได้จากการใช้เซลล์ของร่างกายตัวเอง ทำให้ไม่ต้องรออวัยวะจากร่างกายของผู้อื่น ซึ่งต้องมาลุ้นกันอีกว่าจะเข้ากันกับร่างกายของเราได้หรือไม่Read More
แทนการบูรณะให้ยอดแหลมของมหาวิหารนอเทรอดามกลับมาเป็นดั่งเดิม ประเทศฝรั่งเศสตัดสินใจมองหายอดแหลมชิ้นใหม่ โดยเปิดให้นักออกแบบจากทั่วโลกร่วมส่งผลงานออกแบบกันเข้ามา มหาวิหารนอเทรอดามที่มีอายุกว่า 850 ปี เกิดเพลิงไหม้เมื่อวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา และเกิดความเสียหายหลายส่วน รวมถึงยอดแหลมอันเป็นเอกลักษณ์ของมหาวิหารก็ได้โค่นลงจากเพลิงครั้งนี้เช่นกัน โดยมีผู้บันทึกภาพขณะเกิดเหตุเอาไว้ได้และนั่นก็สร้างความสะเทือนใจให้หลายคนทั่วโลกไม่น้อย แต่แทนที่จะบูรณะใหม่ให้คงเดิม ประเทศฝรั่งเศสตัดสินใจเชิญให้นักออกแบบจากทั่วโลกได้มีส่วนร่วมในการซ่อมแซมครั้งนี้ด้วยการร่วมออกแบบยอดแหลมใหม่ให้กับมหาวิหาร แม้ตัวมหาวิหารนอเทรอดามจะมีอายุกว่า 850 ปี ทว่ายอดแหลมที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของมหาวิหารแห่งนี้กลับไม่ใช่ยอดดั้งเดิมที่มีมาแต่ครั้งเริ่มสร้างเมื่อประมาณศตวรรษที่ 13 เนื่องจากยอดแหลมชิ้นแรกถูกทำลายเพราะกระแสลม ทำให้ต้องมีการสร้างใหม่เมื่อประมาณศตวรรษที่ 19 โดยเป็นผลงานออกแบบของ เออแฌน วียอแล-เลอ-ดุก สถาปนิกคนสำคัญของประวัติศาสตร์ชาติฝรั่งเศส ซึ่งก็คือยอดแหลมที่เพิ่งถูกโค่นลงจากเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้ ถึงกระนั้น รัฐบาลฝรั่งเศสก็ตัดสินใจให้ออกแบบยอดแหลมใหม่แทนการซ่อมแซมให้กลับมาใกล้เคียงหรือคงเดิม โดยการเปิดให้สถาปนิกจากทั่วโลกร่วมกันแข่งขันออกแบบยอดแหลมให้มหาวิหารนอเทรอดาม เพื่อให้มีความเข้ากับยุคสมัยมากขึ้น นายเอดัวร์ ฟีลิป นายกรัฐมนตรีประเทศฝรั่งเศส เผยว่า พวกเขาต้องการงานออกแบบใหม่ที่มีความท้าทายและมีการปรับใช้เทคนิคจากยุคสมัยปัจจุบัน เพราะนี่ถือเป็นวิวัฒนาการของมรดกชิ้นนี้ ส่วนประธานาธิบดีประเทศฝรั่งเศส นายแอมานุแอล มาครง ก็ได้กล่าวว่าการบูรณะซ่อมแซมจะใช้เวลาประมาณ 5 ปี และมหาวิหารแห่งนี้จะออกมาสวยงามยิ่งกว่าเดิม ทว่าผู้เชี่ยวชาญหลายคนต่างบอกว่าอาจเป็นไปไม่ได้ในระยะเวลาดังกล่าว เพราะการบูรณะมหาวิหารแห่งนี้อาจใช้เวลานานร่วมสิบปี ยอดแหลมของมหาวิหารนอเทรอดามถือเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์อันโด่งดังของกรุงปารีส หากนักออกแบบคนใดหรือสถาปนิกคนไหนสร้างผลงานได้เข้าตา ก็อาจได้คว้าโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะได้สร้างผลงานประดับไว้บนหลังคาของมหาวิหาร ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญระดับมรดกโลกแห่งนี้Read More