ช่วงปลายปีที่แล้ว ขณะที่การเมืองกำลังร้อนระอุข่าวหนังสือพิมพ์พาดหัวเรื่องของผู้สมัครพรรคการเมืองไม่เว้นแต่ละวัน แลดูเหมือนสายตาทุกคู่ของคนประเทศนี้จับจ้องอยู่อย่างไม่คลาดสายตา ทว่าในช่วงเวลาเดียวกัน เสียงอื้ออึงเล็กๆ ดังอยู่หน้าโรงหนัง เสียงเริ่มดังจนกลบเสียงป๊อปคอร์นที่กำลังแตกเม็ด และดูจะดังขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นวาระแห่งชาติของคนดูหนังบ้านเราอีกครั้ง ‘รักแห่งสยาม’ คือหนังเรื่องที่ว่า จากหนังที่ดูจะเงียบเชียบกลายเป็นเรื่องที่ใครๆ ต่างพูดถึง ในเว็บบอร์ดพันทิป กระทู้ที่เกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นเกือบพันกระทู้ ไม่ใช่เพียงเท่านั้น ‘รักแห่งสยาม’ ยังกลายเป็นหนังไทยในรอบหลายปีที่มีคนกลับไปดูซ้ำแล้วซ้ำอีก บางคนดูซ้ำ 2 รอบในวันเดียว ทั้งๆ ที่หนังมีความยาวกว่า 2 ชั่วโมงครึ่ง ที่ว่ากันว่าอาจเป็นหนังไทยที่ยาวที่สุดเรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่ออกฉาย (หากไม่นับรวมหนังตำนานสมเด็จพระนเรศวรและสุริโยไท) เรียกว่าเข้าฉายแบบไม่กลัวขาดทุน เพราะด้วยความยาวขนาดนี้ และจำนวนโรงที่ไม่ได้มากมายนัก แต่กลายเป็นว่ารักแห่งสยาม ถึงตอนนี้พูดได้เต็มปากว่าเป็นหนังที่ไม่ขาดทุน เบื้องหลังความสำเร็จของหนังเรื่องนี้ จำต้องเอ่ยถึงผู้กำกับ คนเขียนบท คนทำเพลงประกอบ และทำทุกๆ อย่างให้หนังเรื่องนี้เกิดขึ้นมา นั่นคือ มะเดี่ยว (1) – ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล หนังเรื่องล่าสุดก่อน ‘รักแห่งสยาม’ ก็คือ ‘13 เกมสยอง’ หนังที่ประสบความสำเร็จอย่างดีในตลาดต่างประเทศ (แต่ในบ้านเราขาดทุน) จนฮอลลีวู้ดขอซื้อลิขสิทธิ์บทหนังเพื่อเตรียมการสร้างในอนาคต มะเดี่ยวเป็นที่รู้จักกันดีในเหล่าคนรักหนังอินดี้ เขาเคยทำหนังประกวดหลายต่อหลายเรื่อง […]Read More
วสันต์ ภัยหลีกลี้ เป็นคนอ่อนนอกแข็งใน แม้บุคลิกภายนอกดูเหมือนเป็นคนประนีประนอม แต่เมื่อพิจารณาจากประวัติชีวิตการทำงานแล้ว เขาเลือกที่จะแตกหักอย่างนุ่มนวลมากกว่าต่อกรแบบแข็งกร้าว เราจึงไม่เคยเห็นข่าวคราวความขัดแย้งกับองค์กรที่เขาเข้าไปทำงานด้วยในช่วงหลังปรากฏต่อสาธารณะ แม้บางกรณีเขาเลือกที่จะเดินจากมาเพื่อรักษาหลักการ มากกว่าจะอยู่เฝ้าห้องทำงานเพื่อรักษาตำแหน่ง 3 ปีกับโครงการวิทยุผู้จัดการเป็นการจากลาด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจ 4 ปีกับช่อง 7 เป็นการจากลาตามธรรมดาโลก แต่ 2 ปี 7 เดือนที่ไอทีวีไม่อาจนับเป็นการจากลาในสถานการณ์ปกติ แม้เจ้าตัวจะไม่เคยเอื้อนเอ่ย แต่เป็นที่รู้กันในวงการข่าวว่า สาเหตุหลักมาจากการรายงานข่าวของสถานีโทรทัศน์แห่งนั้น ที่ไปกระทบกับธุรกิจหลักของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่างชินคอร์ปอย่างจัง คำสัญญาว่าจะให้อิสระจึงเป็นหมัน และการจากลาอีกครั้งของวสันต์ก็ถูกบันทึกไว้ในประวัติการทำงาน วสันต์กลับบ้านเก่าผู้จัดการในยุค ‘เปลี่ยนไป’ ในตำแหน่งโค้ชเพื่อฝึกซีอีโอคนใหม่ จิตตนาถ ลิ้มทอง-กุล ให้พร้อมสำหรับการขึ้นสังเวียนกุมบังเหียนธุรกิจต่อจากผู้พ่อ โดยมีหนังสือพิมพ์ผู้จัดการและเว็บไซต์ www.manager.co.th เป็นเรือธง แต่ในเวลาเพียง 1 ปี 7 เดือน วสันต์ในฐานะต้นหนก็ตัดสินใจสละเรืออีกครั้ง ด้วยเหตุผลว่าเสร็จสิ้นภารกิจแล้ว กระนั้นคอลัมนิสต์มติชนสุดสัปดาห์อย่างหนุ่มเมืองจันทน์กลับเรียกขานกรณีดังกล่าวว่า ‘ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น’ ไม่ว่าจะเป็นด้วยเหตุผลกลใด วสันต์เลือกที่จะใช้ชีวิตการทำงานอย่างสงบ โดยเฉพาะเมื่อธงรบถูกชักขึ้นในยุคหลังรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ถูกปิด และ สนธิ ลิ้มทองกุล ประกาศสู้กับ ทักษิณ ชินวัตร โดยมีชีวิตและกิจการเป็นเดิมพัน นับเป็นการ […]Read More
The Man Behind ‘The Marketing of Nations’ ในแวดวงวิชาการด้านการตลาด ไม่มีใครไม่รู้จักชื่อของ ฟิลิป ค็อตเลอร์ (Philip Kotler) แห่งมหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น สหรัฐอเมริกา ผู้ซึ่งหนังสือการตลาดของเขาถูกใช้เป็นตำราเรียนในวิชาบริหารธุรกิจทั่วโลกในประเทศไทย ดร. สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ศิษย์เอกของ ฟิลิป ค็อตเลอร์ ได้ใช้วิชาการตลาดพลิกโฉมการเมืองไทยจนพรรคไทยรักไทยสามารถเอาชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายถึงสองสมัย ส่งให้ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยเป็นรัฐบาลพรรคเดียวกุมเสียงข้างมากในสภาแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในสมัยที่สอง ส่วนตัว ดร. สมคิดก็ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยถือเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลไทยรักไทยที่ได้รับการยอมรับอย่างสูงจากนักธุรกิจและมิตรประเทศ ด้วยความวุ่นวายจากงานประจำทำให้ ฟิลิป ค็อตเลอร์ แทบจะไม่รับเป็นที่ปรึกษาให้นักศึกษาปริญญาเอก จนกระทั่ง ดร. สมคิดส่ง สุวิทย์ เมษินทรีย์ ลูกศิษย์จากนิด้าซึ่งกำลังเตรียมโครงการเขียนหนังสือ The Marketing of Nations ร่วมกันไปเรียนที่นั่น พลังสามประสานศิษย์-อาจารย์จึงเกิดขึ้น จนค็อตเลอร์ถึงกับเคยเอ่ยปากว่า “ถ้ามีศิษย์อย่างสุวิทย์ ให้ส่งมาอีก” จากเล่มแรก สุวิทย์ได้เขียนหนังสือเล่มที่สอง […]Read More
สองสามเดือนที่ผ่านมา มีข่าวฮือฮาพอสมควรเกี่ยวกับผู้ชายคนหนึ่งที่เดินเท้าจากเชียงใหม่ ไปเกาะสมุยที่ว่าฮือฮา เพราะเขาเดินด้วยปณิธานว่า ‘จะไม่ใช้เงินและไม่ไปหาคนรู้จัก’สิ่งที่น่าร่วมแสดงความยินดีคือเขาทำสำเร็จแล้ว บรรลุเป้าประสงค์ทุกอย่างประมวล เพ็งจันทร์ คือผู้ชายคนนั้นเขาอาจค่อยๆ ถูกลืมเลือน ไป ถ้าการกระทำดังกล่าวเป็นแค่ความสะใจ อยากเท่ อยากดัง หรือถ้าเพี้ยน ถ้าบ้า-ป่านนี้คงมีคนหวังดีจับไปรักษา ประมวลยังมีชีวิตอยู่ดี อยู่ในใจผู้คนจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ต้องการแสวงหาความหมายของชีวิตจากชีวิตสงบเงียบ สู่เวทีสื่อสาธารณะรายการทีวีเชิญเขาไปสนทนา หนังสือพิมพ์และนิตยสารตามตัว ขอสัมภาษณ์ตามประวัติ ประมวล เพ็งจันทร์ เกิดที่เกาะสมุย จบ ป.4 แล้วออกมาเป็นคนงานกรีดยาง ทำงานและสำมะเล-เทเมาตามประสาไอ้หนุ่มบ้านนอก ชีวิตเขาเปลี่ยนแปลงมากเมื่อตัดสินใจบรรพชาเป็นสามเณรตอนอายุ 17 ปี เรียนบาลีสอบได้เปรียญ 5 ประโยค และต่อมาได้ไปเรียนต่อที่อินเดีย เรียนจนจบปริญญาเอก ก่อนจะกลับมาเป็นอาจารย์ประจำภาควิชาปรัชญาที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สอนอยู่เกือบ 2 ทศวรรษ และ ลาออกเมื่อปี 2548 เป็นผู้ชายที่มีชีวิตครอบครัวน่าอิจฉา เป็นนักวิชาการที่มีกัลยาณมิตรระดับหัวกะทิของประเทศเป็นครูที่คนหนุ่มสาวเคารพรัก ทำงานเพื่อสังคมมาไม่น้อย ฯลฯ แน่นอนว่าเขาไม่น่าจะบ้า ! เรื่องราวอันน่าอัศจรรย์ ‘66 วัน จากเชียงใหม่ไปเกาะสมุย’ ถูกบันทึกไว้อย่างละเอียดแล้วในหนังสือ ‘เดินสู่อิสรภาพ’ […]Read More
ฤดูร้อนมาถึงอีกแล้ว คุณคิดว่า ปีนี้ฤดูร้อนจะร้อนร้ายสักแค่ไหน เมื่อเราอยู่ใน ‘ภาวะโลกร้อน’ ที่พูดกันเกร่อสังคมไทย • ในช่วงที่ผ่านมา ใครๆ ก็พูดกันถึงภาวะโลกร้อน โดยเฉพาะหลังจากหนังเรื่อง An Inconvenient Truth ออกมา ทำให้เรารู้สึก inconvenient หรือตะครั่นตะครอเนื้อตัว ไม่รู้ว่าภัยพิบัติต่างๆ จะเกิดขึ้นกับเราเท่าไหร่ • เหมือนถูกวางระเบิดเวลาเอาไว้ • ปีที่แล้วเกิดลานีญา ทำให้ฝนตกหนัก แผ่นดินถล่มอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มาปีนี้ ลานีญาเปลี่ยนฉับพลันกลายเป็นเอลนีโญ เหมือนโลกกำลังพลิกฝ่ามือ ทำเอามนุษย์ที่เปรียบเสมือนลูกไก่ในกำมือ โลกก็หวาดผวา • ภาพน้ำแข็งขั้วโลกกำลังจะละลาย น้ำทะเลจะท่วมสูง อากาศจะแปรปรวน แถมผีซ้ำด้ำพลอยด้วยแผ่นดินไหวถี่กระชั้น • ทั้งหมดนี้คือชะตากรรมที่มนุษย์ต้องเผชิญหรือ? ดร. อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา คือ ผู้เชี่ยวชาญด้านผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ เขาเป็นผู้อำนวยการศูนย์เครือข่าย งานวิเคราะห์ วิจัย และฝึกอบรมการเปลี่ยนแปลง ของเปลือกโลกแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หรือที่เรียกว่า START อันเป็นองค์กรที่มีเครือข่ายอยู่ทั่วโลก • […]Read More
หลายคนบอกว่า การกลับมาของ วาสนา วีระชาติพลี บนหน้าปัดวิทยุคลื่น 99.5 ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 5 ทุ่มถึงตี 1 คือปรากฏการณ์ทางดนตรีที่ดีที่สุดแห่งปี คนวัย 30 ขึ้นไป ไม่มีใครไม่รู้จักเธอ เพราะ วาสนา วีระชาติ-พลี คือชื่อของดีเจแห่งยุคไนท์สปอต ที่ทั้งเฉียบขาด คมคาย เปิดเพลงดี แน่น หนัก มีสาระ เพลงของเธอเป็นเพลงที่ไม่เหมือนใคร ไม่มีใครเหมือน เพราะคอลเลกชั่นเพลงของวาสนา เป็นคอล-เลกชั่นที่เธอสะสมเองด้วยความคลั่งไคล้ใหล-หลงในดนตรีประเภทที่ ‘ไม่เหมือนใคร’ ซึ่งยากจะให้นิยามว่าเป็นดนตรีประเภทไหน เพราะทั้งที่มันก็เป็นร็อค เป็นป๊อป เป็นเพลงจากฝั่งอังกฤษบ้าง อเมริกาบ้าง แต่เมื่อผ่านวิธีการเลือกสรรและคัดเปิดในแบบของเธอ รายการ Radio Active กลับออกมามีเอกลักษณ์ และเพลงทั้งหมดก็ร้อยเรียงกันออกมามี ‘ซาวนด์’ ที่เป็นตัวของตัวเอง จนอาจกล่าวได้ว่า นี่คือเพลงแบบ ‘วาสนา’ หรือที่เด็กรุ่นหลังเรียกเธอว่า ‘ป้าแต๋ว’ ซึ่งแทนที่จะฟังดูเชย เฉิ่ม พ้นสมัย เพลงของ ‘ป้าแต๋ว’ กลับเป็นเพลงที่ให้ความรู้สึกใหม่ […]Read More
ถ้าคุณอ่าน GM อย่างน้อยที่สุด คุณก็คงรู้สึกบ้างว่าโลกเราก้าวเข้าสู่ยุคดิจิตอลแบบเต็มตัวมาสักพักแล้ว ทั้งสิ่งที่เรียกว่าอินเตอร์เน็ต อี-เมล์ สมาร์ท การ์ด ดีวีดี อี-คอมเมิร์ซ โทรศัพท์มือถือ และอะไรต่อมิอะไรใกล้ๆ ตัวที่ช่วยกันทำให้โลกหมุนเร็วขึ้นกว่าในอดีตมากมายหลายเท่า ถ้าคุณเป็นคนที่สนใจเรื่องหนังเรื่องเพลงอยู่บ้าง ก็คงเคยได้ยินว่าเดี๋ยวนี้เรามีวิธีดูหนังฟังเพลงโดยที่ไม่ต้องไปซื้อเทป-ซีดีกันแล้ว ทั้งวิธีดาวน์โหลดหรือฟังฟรีในเว็บไซต์ หยิบยืมของเพื่อนมาไรท์แผ่น หรือไม่ก็ยอมเสียเงินนิดๆ หน่อยๆ ด้วยการซื้อแผ่นผิดกฎหมายที่วางขายกันเกลื่อนกลาดให้เลือกซื้อกันไม่หวาดไม่ไหว และถ้าคุณเป็นคอบันเทิงที่ติดตามแวดวงนี้อย่างจดจ่อ ก็ย่อมทราบดีว่าผลกระทบจากเทคโนโลยีและพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคใน 2-3 ปีที่ผ่านมา ถึงกับทำให้ค่ายบันเทิงลำบากกันถ้วนหน้า ค่ายเพลงเล็กๆ ทยอยปิดตัว ค่ายขนาดกลางก็ควบรวมกัน ส่วนค่ายใหญ่นั้นยิ่งน่าหวั่นไหว ไหนจะผลประกอบการที่ตกต่ำ มีข่าวลือเรื่องการเลย์ออฟพนักงานจำนวนมาก และยังมีข่าวคราวการพยายามปรับเปลี่ยนองค์กรกันออกมาเรื่อยๆ หลังจากขาดทุนย่อยยับมา 2 ปี (131 ล้านในปี 2547 และ 433 ล้านในปี 2548) ของค่ายใหญ่ย่านลาดพร้าว บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ก็เริ่มตั้งหลักได้ในปี 2549 จากข่าวในเชิงรุกต่างๆ ที่ออกมา อย่างการเปิดตัวบริษัทลูก อาร์เอสไอ ดรีม เอ็นเตอร์- […]Read More
หัวหน้างาน dtac Business ของดีแทคกับเป้าหมายช่วยธุรกิจไทยพิชิตเป้าหมายพร้อมฝ่าวิกฤติ COVID-19 ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เรื่อง : กองบรรณาธิการ ภาพ : กองบรรณาธิการ “ในยุคที่ความไม่แน่นอนและความท้าทายอุบัติขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น Technology Disruption หรือแม้กระทั่งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ส่งผลกระทบอย่างรวดเร็วและรุนแรง แสดงให้เห็นว่าความสามารถในการปรับตัวคือสิ่งสำคัญของการทำธุรกิจยุคนี้” ราจีฟ บาวา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค ฉายภาพของพลวัตในการทำธุรกิจยุคดิจิทัล จะเห็นได้ว่า แม้ช่วงวิกฤติโควิด-19 สิ่งที่ช่วยพยุงให้ภาคธุรกิจและกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมยังดำเนินต่อไปได้ ก็คือ เทคโนโลยีการสื่อสารและดิจิทัล ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า Business Continuity ซึ่งวันนี้ได้สะท้อให้เห็นแล้วว่า ‘การลงทุนกับเทคโนโลยีเป็นสิ่งจำเป็น’ประเทศไทยมีจำนวนองค์กรธุรกิจอยู่ประมาณ 3 ล้านบริษัท ทั้งขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ ในยุคสมัยที่ความท้าทายและอุปสรรคเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ‘การเตรียมความพร้อมขององค์กรธุรกิจ’ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะด้านการลงทุน ‘ด้านเทคโนโลยี’ ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ภาคธุรกิจ บริษัท และห้างร้านต่างๆ […]Read More