fbpx

อยากซื้อปืนก็ปลูกต้นไม้สิ ชาวอินเดียต้องปลูกต้นกล้า ก่อนได้รับอนุญาตให้ซื้ออาวุธ

หลังจากเพาะต้นกล้าและถ่ายรูปยืนยันเป็นหลักฐานเท่านั้น ชาวอินเดียจึงจะได้เอกสารที่ใช้ยื่นคำร้องขอครอบครองอาวุธ และต้องดูแลต้นกล้าต่อไปอีก 1 เดือนจึงจะได้รับการพิจารณาเพื่อได้รับการอนุญาตให้ครอบครองปืน Reason to Read หลังจากเพาะต้นกล้าและถ่ายรูปยืนยันเป็นหลักฐานเท่านั้น ชาวอินเดียจึงจะได้เอกสารที่ใช้ยื่นคำร้องขอครอบครองอาวุธ และต้องดูแลต้นกล้าต่อไปอีก 1 เดือนจึงจะได้รับการพิจารณาเพื่อได้รับการอนุญาตให้ครอบครองปืน ตอนนี้หลายประเทศกำลังหาวิธีเพิ่มจำนวนต้นไม้และพื้นที่สีเขียว ไม่ว่าจะเป็นการออกแคมเปญร่วมด้วยช่วยกันปลูก หรือเป็นภาครัฐบาลที่ทุ่มเงินจำนวนมหาศาลเพื่อปลูกต้นไม้ครั้งละหลายล้านต้น ซึ่งประเทศอินเดียก็ขอร่วมเป็นหนึ่งในหลายประเทศเหล่านั้นที่ต้องการช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมเช่นกัน ด้วยการออกข้อบังคับที่ทำให้คนอยากมีปืนต้องยอมช่วยเหลือธรรมชาติเสียก่อน ตามกฎระเบียบใหม่ของประเทศอินเดียที่ตั้งใจเพิ่มจำนวนต้นไม้ในเขตปัญจาบ ทำให้ต่อจากนี้ชาวอินเดียคนใดที่ต้องการครอบครองอาวุธปืน ก่อนจะไปถึงขั้นตอนการขอเอกสารรับรองได้ คนผู้นั้นต้องเพาะต้นกล้าจำนวน 10 ต้น พร้อมถ่ายรูปคู่เพื่อเป็นหลักฐาน และนำมายื่นให้เจ้าหน้าที่เพื่อแลกกับใบคำร้องขออนุญาตครอบครองอาวุธเสียก่อน ซึ่งหากกำลังสงสัยว่าวิธีนี้ไม่ง่ายหรือฟังดูฉาบฉวยเกินไปหน่อยหรือ ก็อาจไม่ต้องห่วงนัก เพราะว่าหลังจากปลูกต้นกล้าและได้ใบคำร้องไปแล้ว ชาวอินเดียต้องรออีกประมาณ 1 เดือนถึงจะได้เข้าสู่ขั้นตอนถัดไป โดยหนึ่งเดือนหลังจากได้ใบคำร้อง ผู้ที่ (ยังคง) ต้องการครอบครองปืน ต้องถ่ายรูปคู่กับต้นกล้าที่เติบโตเพื่อเป็นหลักฐานว่าต้นไม้ที่ปลูกได้รับการดูแลใส่ใจ ไม่ใช่ปลูกเพื่อถ่ายรูปแลกเอกสารครอบครองปืนเท่านั้น และหลังจากยื่นหลักฐานยืนยันเรียบร้อยแล้ว เอกสารคำร้องจึงจะได้รับการพิจารณาด้วยขั้นตอนที่เข้มงวดเพื่อออกใบอนุญาตและดำเนินการตรวจสอบประวัติผู้ขอครอบครองปืนต่อไป  “ชาวปัญจาบคลั่งไคล้การมีสมาร์ตโฟน รถยนต์ และปืน ตอนนี้พวกเขาต้องคลั่งไคล้การปลูกต้นไม้บ้าง” แชนเดอร์ กายน์ด (Chander Gaind) ผู้ดูแลเขตเฟโรเซอร์เพอร์ในรัฐปัญจาบกล่าว โดยโครงการนี้เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 5 มิถุนายน ซึ่งตรงกับวันสิ่งแวดล้อมโลก ปัจจุบันมีใบคำร้องยื่นเข้ามามากกว่า 100 ใบ […]Read More

ถ่านดูดกลิ่นได้อย่างไร?

ถ่านก้อนสีดำๆ ที่ได้จากการการนำไม้ไปเผาไฟจนไหม้เกรียม เชื้อเพลิงชั้นดีที่พบเห็นได้ตามร้านปิ้งย่าง หลายคนคงรู้อยู่แล้วว่ามีประโยชน์อีกประการนั่นคือ ‘การดับกลิ่น’ ถ่านก้อนสีดำๆ ที่ได้จากการการนำไม้ไปเผาไฟจนไหม้เกรียม เชื้อเพลิงชั้นดีที่พบเห็นได้ตามร้านปิ้งย่าง หลายคนคงรู้อยู่แล้วว่ามีประโยชน์อีกประการนั่นคือ ‘การดับกลิ่น’ นอกจากจะเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีอย่างที่ว่าไปแล้ว ประสิทธิภาพในการดับกลิ่นของเจ้าถ่านสีดำๆ นี้ ก็ดีเลิศไม่แพ้กัน วางไว้ที่ไหน กลิ่นอับ กลิ่นเหม็นเป็นต้องหายไป เราจึงมักเห็นถ่านก่อนรูปแบบต่างๆ วางไว้ในตู้เย็น ตู้เสื้อผ้า หรือในรถยนต์ เพื่อกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ สาเหตุที่ถ่านสามารถกำจัดกลิ่นได้นั่นเป็นเพราะ ถ่านมีรูพรุนอยู่รอบก้อนถ่าน ซึ่งรูพรุนเหล่านี้จะมีกลไกในการดูดซับสารไฮโดรคาร์บอนได้เป็นอย่างดี ซึ่งกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่างๆ ก็จะมีสารไฮโดรคาร์บอนที่ว่านี้อยู่ด้ว เมื่อถ่านดูดซับสารไฮโดรคาร์บอนเข้าไปกลิ่นต่างๆ ก็จะถูกดูดเข้าไปติดอยู่ตามรูพรุนของก้อนถ่านด้วย ทำให้กลิ่นเหม็นอับต่างๆ จางหายไปในที่สุด นอกจากนี้ ถ่านจากไม้บางชนิดยังมีส่วนประกอบของจุลินทรีย์ชนิดที่สามารถดูดซับกลิ่นอับรวมไปถึงเชื้อโรคและแบคทีเรียได้อีกด้วย และด้วยคุณสมบัติอันโดดเด่นข้อนี้ก็ทำให้ความนิยมของถ่านไม่ได้อยู่แค่ในครัวเรือนเท่านั้น แต่ยังถูกนำไปใช้ในด้านอุตสาหกรรม โดยทำหน้าที่ช่วยบำบัดสารพิษต่างๆ ก่อนจะเทลงสู่บ่อขยะหรือทางระบายน้ำRead More

นักวิทยาศาสตร์กำจัด ‘ยีนตาบอด’ ด้วยการดัดแปลงพันธุกรรม

ยีนตาบอดอาจเป็นพันธุกรรมที่แอบแฝงอยู่ในสายเลือดของตระกูลและส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น แม้ที่ผ่านมาอาจไม่มีใครแสดงอาการให้เห็น ทว่าวันหนึ่งหากยีนด้อยที่แฝงอยู่ได้เจอคู่ของมัน เด็กที่เกิดใหม่จะมีโอกาสตาบอดได้ Reason to Read ยีนตาบอดอาจเป็นพันธุกรรมที่แอบแฝงอยู่ในสายเลือดของตระกูลและส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น แม้ที่ผ่านมาอาจไม่มีใครแสดงอาการให้เห็น ทว่าวันหนึ่งหากยีนด้อยที่แฝงอยู่ได้เจอคู่ของมัน เด็กที่เกิดใหม่จะมีโอกาสตาบอดได้  อาการตาบอดเป็นโรคที่สามารถถ่ายทอดสู่กันได้ผ่านพันธุกรรม แต่ด้วยกฎของวิทยาศาสตร์แห่งโครโมโซมและยีนในร่างกายมนุษย์ ทำให้แม้จะมียีนตาบอดอยู่ในตัวแต่ก็ไม่แสดงออกมา ทว่าหากยีนนั้นได้เจอคู่ที่เหมือนกันเมื่อไหร่ โอกาสที่เด็กแรกเกิดจะมีอาการตาบอดก็มีความเป็นไปได้ ด้วยเหตุนั้น นักวิทยาศาสตร์จึงหาทางกำจัดยีนนี้เพื่อให้ไม่มีโอกาสส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น การศึกษาครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่นักวิทยาศาสตร์จะรักษาผู้ป่วยอาการตาบอดด้วยวิธีการดัดแปลงพันธุกรรมที่มีชื่อเรียกว่า ‘CRISPR’ (อ่านว่า คริสเปอร์) โดยผู้ป่วยอาการตาบอดจะมีลักษณะดวงตาเป็นปกติ แต่จะขาดยีนซึ่งทำหน้าที่ในการแปลงแสงที่มองเห็นให้เป็นภาพผ่านกระบวนการทางสมอง ทำให้ผู้ป่วยอาจเห็นเพียงแสงสว่างหรือภาพเบลอๆ ก่อนจะมีโอกาสกลายเป็นอาการตาบอดสนิท ซึ่งพบว่าอาการนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับเด็กแรกเกิดทุกๆ 2 ใน 3 คน จากทั้งหมด 100,000 คน สาเหตุก็เนื่องมาจากพ่อและแม่มียีนตาบอดซึ่งเป็นยีนด้อยด้วยกันทั้งคู่ ทำให้เมื่อยีนทั้งสองจับคู่กันจึงแสดงเป็นอาการภายนอกให้ได้เห็น แม้อาการตาบอดจะมีโอกาสไม่เกิดขึ้น ทว่าก็ยังคงเป็นพันธุกรรมชนิดหนึ่งที่อาจแฝงอยู่ในสายเลือดของคนในตระกูล นักวิทยาศาสตร์จึงจะทดลองใช้วิธีดัดแปลงพันธุกรรมในการรักษา ด้วยการตัดต่อยีนที่ขาดหายไป โดยเริ่มแรกจะทดลองในผู้ป่วยชาวสหรัฐฯ จำนวน 18 คน และหากทำได้สำเร็จก็จะสามารถเปลี่ยนแปลงดีเอ็นเอของผู้ป่วยได้อย่างถาวร ซึ่งหมายความว่า เราสามารถหยุดการส่งต่อยีนตาบอดจากรุ่นสู่รุ่นได้ การดัดแปลงพันธุกรรมด้วยวิธี CRISPR เริ่มเป็นที่นิยมในหมู่นักวิทยาศาสตร์มากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเป็นวิธีตัดต่อพันธุกรรมที่ทำได้ง่าย แม้อาจมีความเสี่ยงแฝงอยู่ด้วยก็ตาม แต่นักทดลองหรือนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายก็เชื่อว่า ด้วยวิธีนี้จะทำให้การรักษาผู้ป่วยโรคทางพันธุกรรมเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นRead More

ทำไมท้องฟ้าเป็นสีฟ้า?

เธอเห็นท้องฟ้านั่นไหม? เห็นแล้วสงสัยเหมือนกันไหมว่าทำไมท้องฟ้าถึงเป็นสีฟ้า วันนี้เรามีคำตอบมาให้ แต่ก่อนจะไปฟังคำตอบ มีสองเรื่องที่เราต้องทำความเข้าใจ เธอเห็นท้องฟ้านั่นไหม? เห็นแล้วสงสัยเหมือนกันไหมว่าทำไมท้องฟ้าถึงเป็นสีฟ้า วันนี้เรามีคำตอบมาให้ แต่ก่อนจะไปฟังคำตอบ มีสองเรื่องที่เราต้องทำความเข้าใจ เรื่องแรก ต้องเข้าใจว่า ‘ท้องฟ้า’ ที่อยู่บนศีรษะเรานั้นอาจจะดูว่างเปล่า ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ความจริงแล้วท้องฟ้าเป็นชั้นบรรยากาศที่ประกอบไปด้วยโมเลกุลของต่างๆ ซึ่งเป็นอนุภาคขนาดเล็ก และโมเลกุลของฝุ่น ละอองน้ำ ผลึกเกลือ ฯลฯ ซึ่งเป็นอนุภาคขนาดใหญ่ล่องลอยอยู่เต็มไปหมด เรื่องที่สองก็คือ ‘แสง’ แสงที่ว่านี้คือแสงจากดวงอาทิตย์ที่เรามองเห็นเป็นแสงสีขาว ซึ่งในแสงสีขาวนี้จะประกอบไปด้วยแสงสีที่เรามองไม่เห็นอีกหลายสี ได้แก่ สีม่วง สีคราม สีน้ำเงิน สีเขียว สีเหลือง สีแสด และสีแดง ที่ต้องทำความเข้าใจก็เพราะว่าทั้งสองเรื่องนั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้เรามองเห็นท้องฟ้าเป็นสีฟ้า (และสีอื่นๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปตามช่วงเวลา) โดยเมื่อแสงสีขาวจากดวงอาทิตย์ส่องมายังพื้นโลกในรูปแบบของคลื่น ก็ต้องเดินทางผ่านสิ่งที่ล่องลอยอยู่ในท้องฟ้า นั่นคือโมเลกุลของแก๊สและฝุ่นละอองต่างๆ ทีนี้พอคลื่นแสงไปชนกับเจ้าโมเลกุลเล็กๆ ที่เรามองไม่เห็นเหล่านี้ก็จะเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า ‘การกระเจิงของแสง’ (Scattering) ซึ่งหมายถึงการที่คลื่นแสงเดินทางไปชนกับอนุภาคเล็กๆ ในอากาศ แล้วกระเด็นออกไปทุกทิศทาง ทำให้เราเห็นแสงเป็นสีต่างๆ ยกตัวอย่างให้เห็นภาพก็คือ เหมือนคลื่นบนผิวน้ำที่กระทบกับเขื่อนแล้วสะท้อนกลับในทิศทางต่างๆ ถามว่าทำไมเราถึงเห็นท้องฟ้าเป็นสีฟ้า ก็เพราะว่าคลื่นแสงทั้งเจ็ดสีที่รวมกันเป็นสีขาวจะมีคุณสมบัติในการกระเจิงแสงได้ต่างกัน ขึ้นอยู่กับความยาวคลื่น ถ้าเรียงลำดับความยาวคลื่นจากสั้นที่สุดไปหายาวที่สุดก็จะได้สีม่วง คราม […]Read More

น้ำยาบ้วนปากจำเป็นจริงหรือ?

บางคนถึงกับซื้อขนาดพกพาไปบ้วนหลังอาหารทุกมื้อ เพราะคิดว่าน้ำยาบ้วนปากจะช่วยให้ปากสะอาด ไม่มีกลิ่น ซึ่งจริง ๆ แล้วน้ำยาบ้วนปากจำเป็นมากขนาดนั้นเลยหรือ? แล้วถ้าใช้บ่อยๆ จะมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งช่องปากอย่างที่ได้ยินมาจริงไหม? ‘กลิ่นปากไม่ใช่เรื่องตลก’ วลีฮิตจากโฆษณายาสีฟันยี่ห้อหนึ่งที่เชื่อว่าหลายคนเห็นด้วยและให้ความสำคัญกับการดูแลช่องปากอยู่เสมอ เพราะกลัวว่าจะมีกลิ่นปากจนทำให้เสียภาพลักษณ์ และหนึ่งในวิธีที่การดูแลช่องปากของหลายๆ คนก็คือการใช้น้ำยาบ้วนปาก บางคนถึงกับซื้อขนาดพกพาไปบ้วนหลังอาหารทุกมื้อ เพราะคิดว่าน้ำยาบ้วนปากจะช่วยให้ปากสะอาด ไม่มีกลิ่น ซึ่งจริง ๆ แล้วน้ำยาบ้วนปากจำเป็นมากขนาดนั้นเลยหรือ? แล้วถ้าใช้บ่อยๆ จะมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งช่องปากอย่างที่ได้ยินมาจริงไหม? เรื่องนี้มีข้อมูลจากกรมอนามัยแนะนำว่า ถ้าสุขภาพช่องปากเราปกติดี ก็ไม่มีความจำเป็นต้องใช้น้ำยาบ้วนปาก เพราะการใช้ติดต่อกันนานๆ อาจทำให้เกิดเชื้อราในช่องปากเพิ่มขึ้นเพราะสมดุลในช่องปากเสียไป เพราะจริงๆ แล้วในปากเราไม่ได้มีแต่เชื้อโรคร้ายๆ อย่างที่หลายคนคิด แต่เชื้อโรคดีๆ ก็มีอยู่เหมือนกัน แล้วทีนี้การใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรคในช่องปากก็หมายถึงฆ่าไปหมดทั้งเชื้อโรคร้ายเชื้อโรคดี ส่วนประเด็นที่หลายคนอาจจะเคยได้ยินมาบ้างที่บอกว่าน้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งช่องปาก เรื่องนี้เองก็มีงานวิจัยในหลายประเทศรวมถึงประเทศไทยด้วยที่พยายามศึกษาหาคำตอบ แต่ก็ไม่สามารถหาข้อสรุปแบบฟันธงได้ มีเพียงข้อแนะนำว่าสำหรับคนที่สูบบุหรี่หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งช่องปากอยู่แล้ว ไม่ควรใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีแอลกอฮอล์ผสม เพราะสาเหตุของมะเร็งในช่องปากก็มาจากการสูบบุหรี่และแอลกอฮอล์ ซึ่งหากใช้น้ำยาบ้วนปากแบบที่ผสมแอลกอฮอล์ก็อาจจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงได้ ส่วนคนทั่วไปแนะนำว่าไม่ควรใช้น้ำยาบ้วนปากที่ผสมแอลกอฮอล์แทนการแปรงฟัน เพราแอลกอฮอล์จะแทรกซึมเข้าเยื่อบุในช่องปากจนอาจนำไปสู่การเกิดโรคมะเร็ง โดยเฉพาะผู้ที่มีเลือดออกตามเหงือกและผู้ที่ใส่ฟันปลอมจะมีความเสี่ยงสูง ที่สำคัญคือ เราไม่ควรตกเป็นเหยื่อของการโฆษณาที่มักชวนให้เราเข้าใจประสิทธิภาพของน้ำยาบ้วนปากแบบผิดๆ เช่น การทำให้เราเข้าใจว่าน้ำยาบ้วนปากสามารถลดกลิ่นปากได้เป็นเวลานาน โดยใช้คำว่า “ช่วยยับยั้งแบคทีเรีย สาเหตุของกลิ่นปาก” นานเท่านั้นเท่านี้ชั่วโมงก็ว่ากันไป แต่จากการศึกษาพบว่า ประสิทธิภาพของน้ำยาบ้วนปากจะช่วยลดกลิ่นปากได้ชั่วคราว ประมาณ 3 ชั่วโมงเท่านั้น […]Read More

ญี่ปุ่นใช้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ทำเหรียญรางวัลโอลิมปิกจากขยะรีไซเคิล

เพราะผลิตขึ้นจากการรีไซเคิลโทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ทำให้เหรียญรางวัลเหล่านี้มีความยั่งยืน 100% และสิ่งนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากไม่ใช่เพราะความกรุณาของประชาชนชาวญี่ปุ่น Reason to Read เพราะผลิตขึ้นจากการรีไซเคิลโทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ทำให้เหรียญรางวัลเหล่านี้มีความยั่งยืน 100% และสิ่งนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากไม่ใช่เพราะความกรุณาของประชาชนชาวญี่ปุ่น เหลือเวลาอีกแค่ 1 ปีเท่านั้น! เราก็จะได้ชมพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งที่ 32 ซึ่งครั้งนี้จัดขึ้น ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยล่าสุดคณะกรรมการจัดการแข่งขันก็ได้เผยโฉมหน้าตาของเหรียญรางวัลที่จะมอบให้นักกีฬาผู้ชนะแต่ละประเภทแล้ว ซึ่งความพิเศษที่ต้องนำมาพูดถึงก็คือ การใช้ขยะรีไซเคิลเป็นส่วนประกอบในเหรียญรางวัล เมื่อวันพุธที่ผ่านมา เจ้าภาพการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อนครั้งที่ 32 หรือเรียกอีกชื่อคือ ‘โตเกียว 2020’ ได้ปล่อยภาพเหรียญรางวัลที่จะใช้มอบให้นักกีฬาผู้ชนะการแข่งขันแต่ละประเภท โดยเจ้าของดีไซน์คือ จุนอิจิ คาวะนิชิ ที่เอาชนะผลงานออกแบบกว่า 400 ผลงานมาได้ ด้วยแบบเหรียญที่มีรูปเทพีไนกี้ของกรีกซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะประดับอยู่บนพื้นหลังที่เป็นสนามกีฬาพานาธิเนอิก ที่ใช้จัดกีฬาโอลิมปิกครั้งแรก โดยตัวเหรียญมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 85 มิลลิเมตร เหรียญทองทำจากทองกว่า 6 กรัม ชุบเงินบริสุทธิ์ เหรียญเงินทำจากเงินแท้ และเหรียญทองแดงที่มีทองแดงผสมอยู่ 95% สิ่งที่ทำให้เหรียญรางวัลครั้งนี้พิเศษกว่าปกติ ก็เพราะการนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่ใช้แล้ว (อาทิ โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์) มาใช้เป็นส่วนประกอบในการทำเหรียญด้วย โดยแคมเปญนี้มีชื่อว่า […]Read More

รู้หรือไม่ฟันปลอมเคยทำมาจากฟันจากศพ

สมัยนี้วิทยาการด้านทันตกรรมก้าวหน้าไปมาก ทำให้แทบแยกไม่ออกระหว่างฟันปลอมกับฟันแท้ แล้วถ้าเป็นยุคก่อนที่จะมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยอย่างทุกวันนี้ล่ะ มนุษย์แก้ปัญหานี้อย่างไร? ทุกวันนี้เราอาจจะเห็นคนใส่ฟันปลอมกันจนเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ซึ่งฟันปลอมนอกจากจะช่วยทำหน้าที่แทนฟันแท้ๆ ที่หลุดไปแล้วในการเคี้ยวอาหารแล้ว ยังช่วยเสริมความมั่นใจให้ผู้ที่ใส่ฟันปลอม ยิ่งสมัยนี้วิทยาการด้านทันตกรรมก้าวหน้าไปมาก ทำให้แทบแยกไม่ออกระหว่างฟันปลอมกับฟันแท้ แล้วถ้าเป็นยุคก่อนที่จะมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยอย่างทุกวันนี้ล่ะ มนุษย์แก้ปัญหานี้อย่างไร? เรื่องที่กำลังจะพูดถึงต่อไปนี้ อาจจะฟังดูสยองอยู่บ้าง แต่ก็ถือว่าเป็นความรู้ทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจไม่น้อยเลย โดย เมื่อปี ค.ศ.2010 ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยปิซา ประเทศอิตาลี ได้ทำการขุดค้นลึกลงไปที่ก้นสุสานของหอสวดมนต์ซานฟรานเซสโก ในเมืองลุกกา ประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นที่ฝังศพของตระกูลนักธุรกิจผู้มีอำนาจและมีบทบาทสำคัญทางการเมือง สิ่งที่นักวิจัยค้นพบในสุสานแห่งนี้ นอกเหนือจากโครงกระดูกกว่า 200 โครงแล้ว ยังพบแผงฟันชุดหนึ่ง ลักษณะเป็นฟันมนุษย์ 5 ซี่ติดอยู่กับแถบโลหะผสมระหว่างทองคำ เงิน และทองแดง คาดว่าเป็นฟันปลอมสำหรับสวมขากรรไกล่าง มีอายุอยู่ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 14-17 หรือที่เรียกว่าสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาการ ที่บอกว่าสยองก็เพราะแผงฟันปลอมที่ถูกค้นพบนั้นทำมาจากฟันของมนุษย์จริงๆ หรือฟันของศพ และนักวิจัยยังเชื่อกันว่าฟันเหล่านี้มีแหล่งที่มาต่างกันเพราะแต่ละซี่มีขนาดและความสมมาตรไม่เท่ากัน และเมื่อนำไปทำการตรวจด้วยการเอ็กซ์เรย์คอมพิวเตอร์ ก็พบว่ามีคราบหินปูนเกาะอยู่บนฟัน ซึ่งหมายความว่าแผงฟันปลอมนี้ถูกใช้งานจริงๆ มาเป็นเวลานาน ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้มีเพียงเอกสารที่กล่าวถึงการทำฟันปลอมในลักษณะดังกล่าว แต่ไม่เคยมีใครค้นพบหลักฐานจริงๆ เลยสักครั้ง จึงทำให้นักวิจัยยกให้การค้นพบครั้งนี้เป็นหลักฐานสำคัญของประวัติศาสตร์ทันตกรรมที่ประเมินค่าไม่ได้ จริงๆ แล้วในประวัติศาสตร์ มนุษย์ใช้ฟันปลอมที่ทำจากวัสดุต่างๆ มากมาย […]Read More

ยีนที่หายไปเมื่อ 3 ล้านปีก่อน คือต้นเหตุทำให้มนุษย์เป็นโรคหัวใจง่ายขึ้น

สาเหตุที่ยีนนี้หายไปก็เพราะมนุษย์เกิดการกลายพันธุ์หรือมีวิวัฒนาการ เพราะหากเป็นบรรพบุรุษของเราเมื่อ 2-3 ล้านปีก่อนจะยังคงพบยีนชนิดนี้อยู่ และในยีนจะมีโมเลกุลน้ำตาลกรดไซอะลิกที่เป็นตัวแปรสำคัญซึ่งทำให้โอกาสเกิดโรคหัวใจน้อยลง Reason to Read สาเหตุที่ยีนนี้หายไปก็เพราะมนุษย์เกิดการกลายพันธุ์หรือมีวิวัฒนาการ เพราะหากเป็นบรรพบุรุษของเราเมื่อ 2-3 ล้านปีก่อนจะยังคงพบยีนชนิดนี้อยู่ และในยีนจะมีโมเลกุลน้ำตาลกรดไซอะลิกที่เป็นตัวแปรสำคัญซึ่งทำให้โอกาสเกิดโรคหัวใจน้อยลง  โรคหัวใจเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของโลก โดยข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข เมื่อเดือนกันยายน 2561 ระบุว่าประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคหัวใจประมาณ 430,000 คน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับผู้ป่วยโรคหัวใจทั่วโลก ส่วนสาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยโรคนี้เพิ่มขึ้นก็อาจไม่ใช่เรื่องปัจจัยเสี่ยงเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเพราะยีนที่หายไปจากร่างกายมนุษย์เมื่อ 3 ล้านปีก่อน สิ่งที่ทำให้มนุษย์มีความเสี่ยงโรคหัวใจเพิ่มขึ้นก็คือ อายุ พฤติกรรมการใช้ชีวิต การสูบบุหรี่ โรคอ้วน หรือนิสัยการกินอาหาร ฯลฯ ทว่ามีผู้ป่วยโรคหัวใจครั้งแรกจำนวน 15% ที่ไม่มีความเสี่ยงดังที่กล่าวมาเลย กลุ่มนักวิจัยจึงทำการศึกษา โดยเทียบดูกับลิงชิมแปนซีที่มีลักษณะใกล้เคียงกับมนุษย์และมีโอกาสเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดเช่นเดียวกัน ทว่าลิงเหล่านั้นกลับพบโรคหัวใจได้น้อยมาก แม้บางตัวจะมีปัจจัยเสี่ยงอย่างคอเรสเตอรอลหรือความดันด้วยก็ตาม ซึ่งสาเหตุที่เป็นเช่นนั้น เชื่อว่าเนื่องจากยีน CMAH ที่ยังคงอยู่ในร่างกายลิง แต่ไม่พบในร่างกายของมนุษย์ปัจจุบัน สาเหตุที่ทำให้ยีนนี้หายไปเนื่องจากมนุษย์เกิดการกลายพันธุ์หรือมีวิวัฒนาการ หากเป็นบรรพบุรุษของเราเมื่อ 2-3 ล้านปีก่อนจะยังคงมียีนชนิดนี้อยู่ และในยีนก็จะมีโมเลกุลน้ำตาลกรดไซอะลิกที่ชื่อว่า Neu5Gc ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้โอกาสเกิดโรคหัวใจลดน้อยลง โดยนักวิจัยได้คำตอบจากการดัดแปลงหนูทดลองให้มียีนใกล้เคียงกับมนุษย์ ด้วยการนำโมเลกุลน้ำตาลดังกล่าวออก ผลลัพธ์ที่ได้คือ […]Read More

Alibaba จะชนะ Amazon ได้ไหม เมื่อยอมเปิดให้บริษัทอเมริกันลงขายสินค้าได้ในเว็บไซต์

หากเป็นเมื่อก่อน บริษัทสัญชาติอเมริกาจะสามารถซื้อของกับ Alibaba.com ได้เท่านั้น (ไม่อนุญาตให้ลงขาย) แต่ล่าสุด อาลีบาบาตัดสินใจเปิดแพลทฟอร์มให้กลุ่มธุรกิจจากสหรัฐฯ สามารถลงขายสินค้าได้แล้ว ซึ่งแน่นอนว่าคู่แข่งคนสำคัญก็คือ Amazon.com ที่เป็นแพลทฟอร์มขายสินค้าออนไลน์เช่นเดียวกัน แล้วเป็นดังนี้ใครจะชนะ? Reason to Read 1 ใน 3 ของผู้ซื้อสินค้าจากเว็บไซต์อาลีบาบาอยู่ในประเทศสหรัฐฯ ส่วนบริษัทผู้ขายกว่า 95% เป็นบริษัทสัญชาติจีน ซึ่งเหตุผลที่อาลีบาบายอมให้บริษัทสัญชาติอเมริกันมาขายสินค้าแข่งกับบริษัทจีนก็เนื่องมาจาก การเติบโตของธุรกิจแบบ B2C นั้นน้อยกว่าแบบ B2B ถึง 5 เท่า!! ต้องบอกเลยว่าเว็บไซต์แอมะซอน (Amazon) ที่ก่อตั้งโดย เจฟฟ์ เบโซส์ และเว็บไซต์อาลีบาบา (Alibaba) ที่ก่อตั้งโดย แจ็ก หม่า เป็นสองแพลตฟอร์มซื้อขายสินค้าออนไลน์ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ ของโลก จึงทำให้สองเว็บไซต์นี้เป็นคู่แข่งของกันและกันไปแบบกลายๆ ทว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ของเว็บไซต์อาลีบาบา ก็อาจทำให้เว็บไซต์แอมะซอนต้องเริ่มระวังตัวขึ้นมาสักหน่อยแล้ว เมื่อวันอังคาร (23 กรกฎาคม) ที่ผ่านมา เว็บไซต์อาลีบาบาประกาศว่า อนุญาตให้บริษัทสัญชาติอเมริกันขายสินค้าผ่านเว็บไซต์ของตนได้ จากเดิมที่บริษัทในอเมริกาสามารถซื้อสินค้าจากอาลีบาบาได้เพียงอย่างเดียว โดยอาลีบาบาจะเน้นการซื้อขายไปที่กลุ่มธุรกิจขนาดกลางถึงขนาดเล็ก เพื่อช่วยให้กลุ่มธุรกิจนี้ขายสินค้าได้มากขึ้น ซึ่งต่างจากแอมะซอนที่เน้นการขายสินค้าจากบริษัทขนาดใหญ่ไปสู่กลุ่มธุรกิจขนาดเล็กกว่าลงมา  […]Read More

ตามรอยพระพุทธเจ้าอีกครั้ง ในสารคดีทรงคุณค่า ไตรปิฎกคำสอนมีชีวิต

‘ชนินทร์ ชมะโชติ’ ซีอีโอบริษัท Documania ผู้ผลิตงานสารคดีมานานกว่า 35 ปี เกี่ยวกับสารคดีชุดล่าสุด ‘ตามรอยพระพุทธเจ้า 2 ไตรปิฎกคำสอนมีชีวิต’ ที่จะพาเราไปเปิดโลกของศาสนาพุทธใน 15 ประเทศ พร้อมชวนตั้งคำถามกับตัวเองว่า เรารู้จักศาสนาพุทธดีแค่ไหน? Reasons to Read สมัยหนึ่งพระเจ้าอโศกมาปกครองแคว้นมคธ เป็นยุคที่ศาสนาพุทธแพร่กระจายไปทั่วชมพูทวีป ความอยากรู้ว่าพระเจ้าอโศกเผยแผ่ศาสนาพุทธไป 9 สายนั้นไปไหนและเป็นอย่างไรบ้าง เป็นจุดเริ่มต้นของสารคดี ‘ตามรอยพระพุทธเจ้า 2 ไตรปิฎกคำสอนมีชีวิต’ บทสัมภาษณ์ ‘ชนินทร์ ชมะโชติ’ ซีอีโอบริษัท Documania ผู้ผลิตงานสารคดีมานานกว่า 35 ปี เกี่ยวกับสารคดีชุดล่าสุด ‘ตามรอยพระพุทธเจ้า 2 ไตรปิฎกคำสอนมีชีวิต’ ที่จะพาเราไปเปิดโลกของศาสนาพุทธใน 15 ประเทศ พร้อมชวนตั้งคำถามกับตัวเองว่า เรารู้จักศาสนาพุทธดีแค่ไหน? คุณเข้าวัดเพื่ออะไร? เชื่อว่าการเข้าวัดของคนไทยจำนวนไม่น้อยถูกผูกติดเข้ากับการทำบุญ และที่เราทำบุญไปก็เพื่อหวังความเป็นสิริมงคล หวังว่าชีวิตจะดีขึ้นจากการทำบุญ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่ออย่างแรงกล้าที่เรามีต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่จับต้องไม่ได้และขัดกับแก่นแท้ของศาสนาพุทธ GM Live ได้พูดคุยกับ ‘ชนินทร์ ชมะโชติ’ CEO บริษัท Documania ผู้ผลิตงานสารคดีมานานกว่า 35 […]Read More