fbpx

รู้หรือไม่ฟันปลอมเคยทำมาจากฟันจากศพ

สมัยนี้วิทยาการด้านทันตกรรมก้าวหน้าไปมาก ทำให้แทบแยกไม่ออกระหว่างฟันปลอมกับฟันแท้ แล้วถ้าเป็นยุคก่อนที่จะมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยอย่างทุกวันนี้ล่ะ มนุษย์แก้ปัญหานี้อย่างไร?

ทุกวันนี้เราอาจจะเห็นคนใส่ฟันปลอมกันจนเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ซึ่งฟันปลอมนอกจากจะช่วยทำหน้าที่แทนฟันแท้ๆ ที่หลุดไปแล้วในการเคี้ยวอาหารแล้ว ยังช่วยเสริมความมั่นใจให้ผู้ที่ใส่ฟันปลอม ยิ่งสมัยนี้วิทยาการด้านทันตกรรมก้าวหน้าไปมาก ทำให้แทบแยกไม่ออกระหว่างฟันปลอมกับฟันแท้ แล้วถ้าเป็นยุคก่อนที่จะมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยอย่างทุกวันนี้ล่ะ มนุษย์แก้ปัญหานี้อย่างไร?

เรื่องที่กำลังจะพูดถึงต่อไปนี้ อาจจะฟังดูสยองอยู่บ้าง แต่ก็ถือว่าเป็นความรู้ทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจไม่น้อยเลย โดย เมื่อปี ค.ศ.2010 ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยปิซา ประเทศอิตาลี ได้ทำการขุดค้นลึกลงไปที่ก้นสุสานของหอสวดมนต์ซานฟรานเซสโก ในเมืองลุกกา ประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นที่ฝังศพของตระกูลนักธุรกิจผู้มีอำนาจและมีบทบาทสำคัญทางการเมือง

สิ่งที่นักวิจัยค้นพบในสุสานแห่งนี้ นอกเหนือจากโครงกระดูกกว่า 200 โครงแล้ว ยังพบแผงฟันชุดหนึ่ง ลักษณะเป็นฟันมนุษย์ 5 ซี่ติดอยู่กับแถบโลหะผสมระหว่างทองคำ เงิน และทองแดง คาดว่าเป็นฟันปลอมสำหรับสวมขากรรไกล่าง มีอายุอยู่ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 14-17 หรือที่เรียกว่าสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาการ

ที่บอกว่าสยองก็เพราะแผงฟันปลอมที่ถูกค้นพบนั้นทำมาจากฟันของมนุษย์จริงๆ หรือฟันของศพ และนักวิจัยยังเชื่อกันว่าฟันเหล่านี้มีแหล่งที่มาต่างกันเพราะแต่ละซี่มีขนาดและความสมมาตรไม่เท่ากัน และเมื่อนำไปทำการตรวจด้วยการเอ็กซ์เรย์คอมพิวเตอร์ ก็พบว่ามีคราบหินปูนเกาะอยู่บนฟัน ซึ่งหมายความว่าแผงฟันปลอมนี้ถูกใช้งานจริงๆ มาเป็นเวลานาน

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้มีเพียงเอกสารที่กล่าวถึงการทำฟันปลอมในลักษณะดังกล่าว แต่ไม่เคยมีใครค้นพบหลักฐานจริงๆ เลยสักครั้ง จึงทำให้นักวิจัยยกให้การค้นพบครั้งนี้เป็นหลักฐานสำคัญของประวัติศาสตร์ทันตกรรมที่ประเมินค่าไม่ได้

จริงๆ แล้วในประวัติศาสตร์ มนุษย์ใช้ฟันปลอมที่ทำจากวัสดุต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเขี้ยว งา กระดูกสัตว์ หรือวัสดุเนื้อแข็งอื่นๆ เช่น หิน เปลือกหอย ก่อนจะพัฒนามาใช้เรซินอะคริลิก (พลาสติก) เซรามิก และโลหะ เหมือนในปัจจุบัน แต่ถึงทุกวันนี้จะไม่มีเรื่องฟันปลอมที่ทำมาจากฟันของศพแล้ว ก็ไม่ได้ช่วยให้เรื่องของการทำฟันดูสยองน้อยลงไปเลย เห็นด้วยไหม?

Digiqole ad

บทความที่น่าสนใจ