fbpx

ยะลา: ต้นแบบเมืองอัจฉริยะ เสน่ห์ปลายด้ามขวานไทย

เรื่องโดย: กบูร

บ่อยครั้งที่ได้ยินข่าวคราวของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เกี่ยวกับปัญหาความไม่สงบและความรุนแรงของการก่อการร้าย แน่นอนว่าต้องส่งผลกระทบต่อภาพรวมในทุกด้านไม่ว่าจะเป็นด้านความปลอดภัย ด้านเศรษฐกิจ ด้านชีวิตของผู้คน และด้านการท่องเที่ยว จนหลายคนผวาไม่กล้าไปเยือนถิิ่นปลายด้ามขวานของ

แต่เมื่อ GM Live ได้มีโอกาสไปเยือนเมืองยะลา  1 ใน 3จังหวัดดังกล่าว ภาพที่เห็นต้องบอกเลยว่าเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่น่าอยู่มากๆ ผู้คนก็น่ารัก ธรรมชาติก็สวยงาม อาหารการกินก็อร่อย มีร้านอาหารหลายร้านที่ห้ามพลาด แถมด้วยผลไม้ขึ้นชื่ออีกหลายหลายชนิด และยังได้เห็นบรรยากาศของงานวิ่ง ยะลามาราธอน อีกหนึ่งงานวิ่งที่ได้รับการปักหมุดระดับประเทศ และมีเป้าหมายมุ่งสู่ระดับสากล เพราะมีเหล่านักวิ่งทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงคนในพื้นที่ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก

ยิ่งได้มีโอกาสพูดคุยกับ คุณพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรียะลา ยิ่งทำให้เห็นภาพที่ชัดเจนของความเป็นเมืองอัจฉริยะ หรือ สมาร์ทซิตี้  (SMART CITY) จนน่าทึ่ง รวมถึงการบริหารจัดการระบบบริการเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการภาครัฐได้สะดวก รวดเร็ว ซึ่งคุณพงษ์ศักดิ์ บอกว่า “เป็นการเพิ่มช่องทางการมีส่วนร่วมของประชาชน รวมถึงการเปิดให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลทำให้เกิดความโปร่งใส ตรวจสอบได้”

ที่มา: https://www.facebook.com/YalaMarathon/photos/?ref=page_internal

และการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารจัดการเมืองนี่เองที่กลายเป็นเสน่ห์ของเมืองยะลา ทำให้ภาคส่วนต่างๆ พัฒนาควบคู่กันไปได้อย่างครอบคลุม ทำให้การมายะลาในครั้งนี้แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็รู้สึกประทับใจกับทุกสถานที่ที่ได้ไปเยือน…  มาดูกันครับว่า GM Live ไปที่ไหนมาบ้าง

มาทั้งที่ก็ต้องมาดูสถานที่สำคัญๆ ของเมืองเพื่อเป็นการทำความรู้จัก ทักทายกันก่อนนะครับ  และสถานที่สำคัญในเขตเทศบาลเมืองยะลา อ.เมือง จ.ยะลา ที่ต้องไปเคือ

ศาลหลักเมือง

ที่นี่เปรียบเสมือนแลนด์มาร์คของเมืองนะครับ เป็นจุดศูนย์กลางของผังเมืองรูปใยแมงมุม ซึ่งเป็นผังเมืองสวยที่สุดตั้งอยู่ใจกลางวงเวียนหน้าศาลากลางจังหวัด เป็นอาคารจตุรมุข ภายในประดิษฐานเสาหลักเมืองทำด้วยไม้ชัยพฤกษ์ ความสูง 1.25 เมตร ด้านบนเป็นรูปพรหมพักตร์และเปลวไฟ ส่วนบริเวณโดยรอบเป็นสวนสาธารณะบรรยากาศร่มรื่น และมีทัศนยีภาพที่สวยงาม ทั้งสวนหย่อม สระน้ำ  พร้อมทั้งมีพื้นที่สำหรับนั่งพักผ่อนหย่อนใจ  และจุดให้อาหารปลา และยังเป็นที่พบปะของชาวเมืองทุกเพศทุกวัย

วัดคูหาภิมุข หรือ วัดหน้าถ้ำ

ที่มา: https://yalacity.go.th/travel/detail/1/data.html

วัดแห่งนี้เป็นวัดสำคัญและเก่าแก่วัดหนึ่งของจังหวัดยะลา บรรยากาศโดยรอบวัดโอบล้อมไปด้วยธรรมชาติที่สวยงามดูร่มรื่น  ภายในวัดมีถ้ำขนาดใหญ่ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์หรือพ่อท่านบรรทมขนาดใหญ่ และพระพุทธรูปเก่าแก่หลายองค์รวมทั้งภาพเขียนสีพระพุทธรูปปางต่างๆ  รวมไปถึงรูปปั้นฤาษี รูปปั้นยักษ์พ่อท่านเจ้าเขา ซึ่งตามความเชื่อของชาวยะลาเชื่อว่าเป็นผู้ปกปักษ์รักษาและปัดเป่าความชั่วร้าย

ภายในถ้ำยังมี “สระแก้ว”  ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกนำไปประกอบพิธีทำน้ำอภิเษกเมื่อมีพิธีบรมราชาภิเษก ในวาระต่าง ๆ ของประเทศ

ที่มา: https://yalacity.go.th/travel/detail/1/data.html

นอกจากนี้ภายในบริเวณวัดยังเป็นจุดที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ศรีวิชัย ซึ่งเป็นที่เก็บวัตถุโบราณที่ขุดค้นได้จากถ้ำต่างๆ บนภูเขาวัดถ้ำและภูเขากำปั่น จึงนับว่าเป็นสถานที่อันทรงคุณค่าที่ประวััติศาตร์อย่างยิ่ง ก่อนกลับออกจากวัดอย่าลืมแวะร้านของฝากของกลุ่มชาวบ้านชุมชนตำบลหน้าถ้ำ หรือที่เรียกว่า กลุ่มสีมายา เป็นการรวมกลุ่มกันทำ “ผ้าสีมายา” ผ้ามัดย้อมจากสีของดินมายา ซึ่งเป็นดินท้องถิ่นของ จังหวัดยะลา  เรียกว่าเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่ช่วยสร้างรายได้ให้กับชุมชน รวมถึงไข่เค็มมายา” ที่นำไข่สดมาคลุกเคล้ากับดินมายาและเกลือ หมักเอาไว้จนได้ที่ ก็จะได้ไข่เค็มที่มีรสชาติกลมกล่อมเหมาะเป็นของฝากอย่างยิ่ง

ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว

ที่มา: https://yalacity.go.th/travel/detail/1/data.html

เป็นอีกหนึ่งสถานที่ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของชาวไทยทุกศาสนา ไม่ใช่เพียงแค่ชาวไทยเชื้อสายจีนเท่านั้น ภายในเป็นที่ประดิษฐานของเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์มากมาย ทั้งเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว พระหมอ แป๊ะกง เจ้าแม่กวนอิม และเทพองค์อื่นๆ  ก่อตั้งขึ้นก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยชาวจีนที่เข้ามาอาศัยในเมืองยะลา เดิมชื่อศาลทรงกู ที่เป็นสถานที่ยึดเหนี่ยวจิตใจและประกอบพิธีศาสนกิจของชาวจีนยะลาในสมัยนั้น ก่อนจะกลายมาเป็นมูลนิธิแม่กอเหนี่ยวในปัจจุบัน พร้อมทั้งเป็นศูนย์กู้ภัยเพื่อช่วยเหลือประชาชน โดยร่วมมือกับภาครัฐและเอกชน รวมถึงองค์กรสาธารณกุศลอีกหลายแห่ง และเมื่อถึงวันมูลนิธิแม่กอเหนี่ยว ก็จะมีพิธีแห่ลุยไฟ ที่จัดว่าเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ อีกงานหนึ่งของชาวใต้เลยทีเดียว

มัสยิดกลาง

ที่มา: https://thai.tourismthailand.org

มัสยิดเก่าแก่ซึ่งมีอายุกว่า 80 ปี ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวไทยมุสลิม เป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการละหมาด การปฏิบัติธรรม และยังเป็นสถานที่ในการทำพิธีการแต่งงาน การจัดเมาลิด รวมทั้งการจัดกิจกรรมการกวนขนมอาซูรอ ซึ่งเป็นประเพณีสำคัญท้องถิ่นของชาวไทยมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้

(ขนมอาซูรอ เป็นการนำวัตถุดิบทั้งคาวหวานมากวนผสมรวมกัน เช่น น้ำกะทิ ถั่ว เผือก ฟักทอง เนื้อสัตว์ กระเทียม ข่า ตะไคร้ เครื่องเทศ และอื่น ๆ เพื่อนำมาแจกจ่ายแบ่งกับรับประทาน ซึ่งเป็นวัฒนธรรมที่สื่อถึงความสมัครสามัคคีของผู้คนในท้องถิ่น)

ยะลา Street Art

ถูกใจสายแชะแอนด์แชร์แน่นอนกับสตรีทอาร์ตที่จังหวัดยะลา เพราะที่นี่เป็นอีกเมืองที่มีสตรีทอาร์ตเยอะมาก  ซึ่งอวดโฉมความสวยงามอยู่ตามสถานที่ต่างภายในเมือง โดยมีทั้งผลงานของศิลปินท้องถิ่น และศิลปินต่างถิ่นชื่อดังหลายหลายท่าน  อาทิ Alex Face กับน้องมาดีหรือกระต่ายสามตาอันโด่งดัง

อุทยานการเรียนรู้ TK Park

ที่มา: https://www.tkpark.or.th

เพราะการเรียนรู้ไม่มีคำว่าสิ้นสุด..ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่เมืองยะลาใส่ใจอย่างมาก จึงได้มีแหล่งการเรียนรู้มากมาย ที่นี่เป็นหอสมุดที่ใหญ่มากแห่งหนึ่ง และยังมีมุมความรู้เกี่ยวกับต่างประเทศอย่าง Swiss  Corner  โดยเอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิส ได้เสนอที่ในการจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 90 ปี ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ให้เป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมต่างชาติ และเปิดโลกทัศน์เกี่ยวกับประเทศสวิตเซอร์แลนด์ให้กับเด็กและเยาวชน  โดยเปิดให้บริการมาแล้วกว่า 15 ปี ที่คนยะลาทั้งไทยพุทธ และไทยมุสลิมใช้ประโยชน์ร่วมกันในการทำกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย รวมไปถึงนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมเยือนด้วย

ร้านอาหารห้ามพลาด มีคำกล่าวว่า “กองทัพเดินด้วยท้อง” เพราะฉะนั้น มาเติมพลังด้วยเมนูเด็ดจากร้านอาหารที่ควรแวะเวียนเข้าไปสัมผัสบรรยากาศและรสชาติกันซักหน่อยครับ มีทั้งร้านกิ๊บเก๋ และร้้านเก่าแก่ของท้องถิ่นที่น่าสนใจสุดๆ

Anna’s Garden

ร้านอาหารที่ชาวเมืองยะลาต่างให้ความสนใจในทุกมื้อ โดยเฉพาะมื้อเช้า นอกจากบรรยากาศสบายๆ ชวนนั่งแล้ว ราคาก็สบายกระเป๋า แต่รสชาติสุดล้ำและมีให้เลือกหลากหลายเมนูที่งที่เป็นอาหารท้องถิ่นและที่เจ้าของร้าน   คุณ อันวาร์ อุเซ็ง รังสรรค์ขค้นมาใหม่ ที่ห้ามพลาดเลยคือเมนูเครื่องดื่มอย่าง “ชาเบิกเนตร” ที่มีส่วนผสมของชา 9 ชนิด แต่มีรสชาติเดียวคือความอร่อย

Diggin Indian Café’ Yala (ดิ้กกิ้น ยะลา ฮาลาล)

ร้านอาหารอินเดียฮาลาลเล็กๆ แต่มีคาแรคเตอร์ชัดเจน ตกแต่งได้น่ารักในกลิ่นอายของความเป็นอินเดียสไตล์ แต่ที่ทำให้ต้องว๊าวคือเมนูอาหารที่ได้สั่งมาลิ้มรส โดยเฉพาะเซตมหาราชาหรือMaharaja Thaliที่เสิร์ฟมาเป็นถาดใหญ่เพร้อมอาหารคาวหวานในสำรับเดียวกัน หากมากัน2-3 คน เมนูเชตนี้เอาอยู่เลย ราคาก็สบายกระเป๋าสุดๆ  แต่เดี๋ยวเมนูอื่นๆ ก็น่าสนใจอร่อยไม่ด้อยไปกว่ากัน แต่ที่ผู้เขียนชื่นชอบคือ นานชีส บอกเลยต้องลอง

ซุปเนื้อในตรอก

ชื่อนี้ถูกใจสายคนรักเนื้อแน่นอน เพราะตลอดแนวในซอยมัสยิดกาโบหรือที่ชาวเมืองยะลา เรียกกันว่า ตรอกร้านซุป เป็นศูนย์รวมร้านซุปท้องถิ่นในตำนานที่เปิดมากว่า 60 ปี เดินเลือกลิ้มลองได้ตามสบาย

ร้านแลผา

ร้านอาหารใต้รสจัดจ้านแต่อร่อยทุกเมนู แถมให้ความรู้สึกเหมือนนั่งทานข้าวอยู่กับบ้าน เพราะนอกจากบรรยากาศสบายแล้วๆ วัตถุดิบที่ทางร้านเลือกสรรมาประกอบเป็นอาหารแต่ละจานนั้นก็เป็นวัตถุดิบท้องถิ่นที่มีคุณภาพ แต่ที่แนะนำเลย คือเมนู ต้มส้มหมูป่า ที่ต้องใช้หมูป่าที่มีน้ำหนักไม่เกิน 60 กก. มาต้มนาน 3-5 ชั่วโมง พร้อมการปรุงรสที่จัดครบจนกลมกล่อม

ร้านธารา

ร้านอาหารทะเลที่เน้นความสด และทำได้หลากหลายเมนู เสิร์ฟได้รวดเร็วทันใจ และเป็นอีกหนึ่งร้านที่คนยะลานิยมไปนั่งรัประทาน

ผลไม้เมืองยะลา ของที่ที่ไม่ควรพลาด

ยะลาได้ชื่อว่าเป็นจังหวัดที่สภาพแวดล้อมที่เหมาะแก่ภาคการเกษตร โดยเฉพาะไม้ผลที่ให้รสชาติอร่อยแต่ต่างจากผลไม้ภาพอื่นๆ  ไม่ว่าจะเป็น

ทุเรียน

จังหวัดยะลา ได้ชื่อว่าปลูกทุเรียนมากที่สุดของภาคใต้ตอนล่าง และเป็นแหล่งผลิตทุเรียนคุณภาพดี รสชาติเยี่ยมเพราะทำเลที่ปลูกสูงจากระดับน้ำทะเลระดับปานกลางตั้งแต่ 100เมตรขึ้นไป จึงระบายน้ำได้ดี มีการจัดการที่ดีและน้ำเพียงพอต่อการเจริญเติบโต ส่งผลให้ผลทุเรียนมีเนื้อแห้ง เนียนละเอียด หลุดจากเปลือกได้ง่าย ซึ่งเป็นอัตลักษณ์ทุเรียนประจำถิ่น ซึ่งเรียกว่า “ทุเรียนสะเด็ดน้ำยะลา”

ส้มโชกุน

เป็นผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่ขึ้นชื่อของจังหวัดยะลา โดดเด่นด้วยรสชาติหวานอมเปรี้ยว เนื้อนุ่ม เปลือกล่อนปอกง่าย มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว  เป็นพืชเศรษฐกิจ และเป็นของฝากที่ขึ้นของทางจังหวัดอีกด้วย

นอกจากนี้ ยังมี Hidden gems ผลไม้หายาก มีเฉพาะที่จังหวัดยะลาเท่านั้น อย่าง ลังแข จำปูลิง ละไม  กล้วยหินซึ่งเป็นพืช GI  รวมถึงกาแฟ ซึ่งผลิตผลทางการเกษตรอีกด้วย

และก่อนที่ผมจะเดินทางออกจากยะลา ยังพอมีเวลาให้ได้แวะไปชมผ้าสวยๆ ทำมือลายโบราณ ปะลางิง ที่ ศรียะลา บาติก  และการมาก็ไม่เสียเที่ยว เพราะได้พบและพูดคุยกับกรูรู ผู้พลิกฟื้น ผ้า ปะลางิง อาจารย์ปิยะ สุวรรณพฤกษ์ ซึ่งท่านให้ข้อมูลว่า “ผ้าปะลางิง เป็นผ้าใน ตำนาน แต่สูญหายไปร่วม 80 ปี มีลักษณะเป็นผ้านุ่ง มีการเห็นครั้งแรกเมื่อพ.ศ. 2472 ในขบวนรับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว

ปัจจุบัน ผ้าปะลางิง ของศรียะลา บาติกได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางด้วยจุดเด่นที่เป็นลวดลายโบราณ และการแกะบล็อกพิมพ์โดยใช้บล็อกไม้พร้อมกับการกดพิมพ์ด้วยมือทุกชิ้นงาน”

เสียดายที่การมาครั้งนี้มีเวลาน้อยเกินไป เพราะยังมีอีกหลากหลายแห่งในยะลาที่น่าสนใจ ถ้ามีโอกาสผมจะกลับมาอีกครั้งที่ปลายดามขวานนี้อีกครับ

Digiqole ad

บทความที่น่าสนใจ