โลกของสวนน้ำความพินาศด้วยน้ำมือเด็กๆ
เรื่อง : Mr. Lens
ในระหว่างที่โลกดิจิทัลเข้ามามีบทบาทต่อการสร้างรายได้ใหม่ๆ ในอีกมุมก็แอบสร้างปัญหาที่น่ากังวลต่ออุตสาหกรรมบางอย่าง และอาจจะรวมถึงอนาคตของคนเจเนอเรชันถัดไปควบคู่ไปด้วย
อย่างเอาใกล้ตัวเลย ในบางครั้งก็แอบสงสัย เวลาชวนลูกหลาน (วัยเฉลี่ยไม่เกิน 11 ขวบ) ไปวิ่งเล่นแถวหมู่บ้าน ชวนไปเดินห้างฯ ไปซื้อของเล่น หรือหลายๆ สถานที่เที่ยวที่แต่ก่อนวัยเราชอบไป แต่เด็กยุคนี้มัน Say No ว่ะแฮะ พอเหลียวมองไปที่กิจกรรมของมันก็เก็ตซะ เพราะชีวิตของเจ้าตัวน้อย มันอยู่กับการจับๆ ลูบๆ สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต แบบไม่คิดจะวางห่างตัว
สิ่งเหล่านี้กลายเป็นความบันเทิงของเด็กที่จะเรียกว่าเป็นตัวเลือกที่ทดแทนทุกตัวเลือกแบบที่อดีตเคยมีมา ข้อมูลจาก ETDA ระบุว่า เด็กไทยอายุต่ำกว่า 20 ปี ในวัยเรียนหนังสือใช้เวลาในโลกออนไลน์เฉลี่ยที่ 5 ชั่วโมง 48 นาที ส่วนวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ใช้เวลา 7 ชั่วโมง 12 นาที พูดง่ายๆ คือ วันหยุด 1 วัน เด็กๆ ใช้เวลาบนโลกออนไลน์เกือบ 1 ใน 3 ของเวลาทั้งหมด
ที่น่ากังวล คือ พอเราเห็นเวลาว่างในวันหยุดถูกแทนที่ด้วยความบันเทิงในโลกออนไลน์ มันทำให้พฤติกรรมของเด็กเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง อย่างที่บอกในอดีตวันหยุดของเด็กๆ ที่มีภาพการอ้อนวอนให้พ่อแม่พาไปเที่ยว โดยเฉพาะแหล่งยอดฮิตอย่าง ‘สวนน้ำ’ และ ‘สวนสนุก’ ต่างๆ กลับกลายเป็นว่าพวกเขาเลือกจะใช้เวลาอยู่บ้านมองหน้าจอมือถือแทน
จิตวิญญาณของสวนสนุก โดยเฉพาะตามห้างฯ จากในอดีตที่บรรดาเครื่องเล่นของเด็กจะเต็มเอี้ยดกันแบบแย่งกันสนุก ตอนนี้ดูจะกลายเป็นแค่โซนเล็กๆ ไม่ว่าจะตามห้างฯ และเงียบเหงาตามสวนสแตนด์อโลน ลูกไม่ไป พ่อแม่ไม่พามา อัตราความถี่ในการไปเที่ยวสวนน้ำสวนสนุกขนาดใหญ่ จึงหายใจอย่างแผ่วเบา
ธุรกิจประเภทนี้ หลายแห่งประสบปัญหาขาดทุน แม้รายได้จะมาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่รายได้ลูกค้าคนไทยก็ไม่ใช่ฮีโร่เหมือนเคย โดยย้อนดูตัวเลขช่วงปี 2561
• สวนน้ำวานา นาวา ขาดทุน 237 ล้านบาท
• สวนน้ำสวนสนุก ซีนิคอลเวิลด์ ขาดทุน 84 ล้านบาท
• สวนน้ำรามายณะ ขาดทุน 21 ล้านบาท
• ซานโตรินี พาร์ค วอเตอร์เว็นเจอร์ ขาดทุน 115 ล้านบาท
อย่างไรเสีย ไม่ว่าธุรกิจเหล่านี้จะมีลูกค้าจำนวนมากหรือน้อย แต่ต้นทุนค่าใช้จ่ายหลายอย่างแทบจะคงที่ เมื่อเรื่องเป็นเช่นนี้ หากเราเป็นเจ้าของธุรกิจสวนน้ำ สวนสนุก ก็ย่อมต้องลดราคาค่าบัตรผ่านประตู หรือคิดราคาพิเศษสำหรับกรุ๊ปทัวร์ ทัศนศึกษา แต่นั่นก็อาจจะไม่ใช่ทางออกที่ดี
หลายๆ สวนสนุกและสวนน้ำปรับตัวด้วยวิธีให้เช่าพื้นที่ รับจัด Event ต่างๆ ทั้งรับจัดประชุม, สัมมนา, งานแต่งงาน หรืองานปาร์ตี้ เป้าหมายก็เพื่อหารายได้เพิ่มขึ้นมากกว่าจะรอเก็บแค่บัตรเครื่องเล่นต่างๆ เพียงอย่างเดียว เรียกว่าเป็นการดิ้นเพื่ออยู่ในยามที่พ่อแม่พาเด็กๆ ไปเที่ยวน้อยลง
นั่นคือเรื่องของโลกธุรกิจในอีกอุตสาหกรรมที่ต้องประสบกับผลกระทบทางอ้อมของดิจิทัล แต่สิ่งที่น่ากังวลที่สุด คือ เด็กบางคนอาจหลงลืมและไม่ใส่ใจคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ตัวเอง บางคนหูตึงก่อนวัยอันควร (พ่อแม่เรียกไม่มา)
ตรงนี้ก็คงเป็นหน้าที่อันท้าทายของคนในครอบครัวที่จะต้องบริหารโลกแห่งความเป็นจริงและโลกจริงๆ ให้พวกเขามากขึ้น เพราะชีวิตในโลกของความเป็นจริง มันไม่ได้รีเซตได้ใหม่เหมือนในมือถือหรอก เชื่อดิ!!
