fbpx

ชีวิตนี้บอกให้รู้ว่า…… สุขก็ไม่ถาวร…ทุกข์ก็ไม่จีรัง ไม่มีสิ่งใดที่จะคงอยู่ตลอดไป ของผู้หญิงที่ชื่อวิชญา บุณยเกตุ

ชีวิตในแต่ละช่วงยื่นบททดสอบให้เราต่างกัน ในวัยเด็ก เราไม่รู้หรอกว่าชีวิตจะบอกอะไรกับเรา อาจเป็นเพราะว่าเราไม่เคยคิดหรือสงสัย ก็แค่ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ ได้กินอิ่มนอนหลับ เล่นกับเพื่อนๆ ก็มีความสุขแล้ว ชีวิตไม่ได้หยิบยื่นแบบทดสอบที่โหดหินมาให้นัก หรืออาจเป็นเพราะเรายังไม่รู้เดียงสา เลยไม่มีเรื่องไหนที่หนักหนาจนต้องเก็บมาคิดให้หนักสมอง ตื่นมาก็ลืมแล้วด้วยซ้ำว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้น ที่สำคัญยังมีคนรอบข้างคอยปลอบประโลมในยามที่ทุกข์ใจ…

ชีวิตในช่วงเวลานั้นก็ไม่ต่างอะไรกับการวิ่งเล่นอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ที่สวยงาม เราเลยไม่หวาดเกรงต่อสิ่งที่จะได้พบเจอ  มีเพียงรอคอยที่จะตื่นมาเพื่อเจอแต่ความสุขในวันถัดๆ ไป ความทุกข์ การเปลี่ยนแปลง และความผิดหวังเป็นเหมือนคนแปลกหน้าที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป

ทว่า..เมื่อเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ชีวิตเริ่มไม่ใจดีกับเราเหมือนก่อน ปัญหาเล็กๆ ที่เคยเจอเมื่อตอนเด็กๆ กลับไม่เล็กเหมือนแต่ก่อน บททดสอบที่ชีวิตหยิบยื่นให้ก็ยากขึ้นและหนักหนาขึ้นจนบางครั้งเกินจะรับไหว ผู้ช่วยคนสำคัญในชีวิตเริ่มหายไปจากชีวิต เหลือคนที่คอยโอบอุ้มเราน้อยลงเต็มที ตอนนั้นแหละที่ชีวิตปลุกเราให้ตื่น และบอกเว่า…ไม่มีใครที่จะอยู่ช่วยเราไปได้ตลอดชีวิต และบางปัญหาก็ไม่มีใครช่วยได้ นอกจากตัวเราจะหาทางออกจากปัญหานั้นให้ได้เอง

เราเริ่มมองเห็นแล้วว่าทุ่งลาเวนเดอร์ที่เคยโตมานั้นไม่ได้สวยงามเสียทีเดียว  บางทีก็มีขวางหนามแทรกมาเป็นระยะ ถ้ายังอยากจะวิ่งเล่นในทุ่งลาเวนเดอร์นี้ต่อ ก็ต้องผ่านขวางหนามนั้นไปให้ได้ แต่ถึงผ่านมาได้ขวางหนามเหล่านั้นก็ฝากรอยแผลไว้เป็นอนุสรณ์

ขวางหนามในชีวิตแต่ละคนมาในรูปแบบที่แตกต่างและในช่วงเวลาที่ต่างกัน ถ้าใครมีสติและเข้มแข็งพอ ก็อาจก้าวผ่านไปได้ และชีวิตจะให้รางวัลที่เรียกว่าประสบการณ์เป็นภูมิคุ้มกันแก่เรา แต่มุมมองในชีวิตของเราจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป เราจะใช้ชีวิตอย่างหวาดระแวง ระแวดระวังมากขึ้น จนการวิ่งเล่นอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ชักเริ่มไม่เพลิดเพลินอีกต่อไป นั่นเพราะเราเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองแล้วว่า….ชีวิตโยนเราให้มาวิ่งเล่นอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์นี้ทำไม

เราเริ่มเห็นวงจรชีวิตของเราซึ่งซ้ำไปซ้ำมาทุกวัน จนทำให้เกิดความสงสัยว่าการ…ที่มีชีวิตอยู่เพียงแค่ทำสิ่งที่ไร้ความหมายแบบนี้ ซ้ำไปซ้ำมาอย่างนี้ทุกวันจริงๆเหรอ ?

แตมเชื่อว่าหลายคนเริ่มมองหาความหมายของการมีชีวิตและการมีคุณค่าของการมีชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ และในขณะที่เริ่มไตร่ตรองกับความหมายของชีวิต คนรอบตัวก็เริ่มล้มหายตายจากมากขึ้นจนน่าใจหาย ความตายที่ไม่เคยนึกถึงกลับกลายเป็นเรื่องใกล้ตัวเข้ามาทุกที มีคำถามที่ดังขึ้นซ้ำๆ ในใจเกิดขึ้น คือ ถ้าอยากพบความหมายของการมีชีวิตที่เหลืออยู่นี้ เราจะค้นหามันได้จากที่ไหน ?

ชีวิตไม่ได้เร่งเร้าให้เรารีบหาความหมายของการมีชีวิตเสียทีเดียว แต่ถ้ายังมีชีวิตอยู่ ชีวิตก็ยังคงยื่นบททดสอบที่แย้มคำตอบของสิ่งเหล่านี้ให้แก่เราทีละนิด  อาจมีบางคนที่เข้าใจสิ่งที่ชีวิตที่กำลังกระซิบบอก หรือไม่ก็อาจจะตายไปโดยยังไม่ทันจะทำความเข้าใจกับมัน

เราต่างมีชีวิตอยู่กับความไม่รู้ ความไม่แน่นอน และควบคุมชีวิตไม่ได้เลย แต่สิ่งหนึ่งที่ช่วยให้รับมือกับชีวิตได้มากขึ้นก็คือ การอยู่กับปัจจุบัน  ยอมรับกับความทุกข์และความสุขที่เกิดขึ้นด้วยใจที่ยอมรับความจริงและปล่อยวาง

สุขก็ไม่ถาวร…ทุกข์ก็ไม่จีรัง ไม่มีสิ่งใดที่จะคงอยู่ตลอดไปแม้แต่ตัวเราเอง นี่อาจจะเป็นคำตอบของทุกบททดสอบในชีวิต และเป็นสิ่งที่ชีวิตพยายามจะบอกกับเราก็เป็นได้

Digiqole ad

บทความที่น่าสนใจ