fbpx

The Bonding between Watch and Military

หนุ่มๆ ผู้นิยมและคลั่งไคล้นาฬิกาแนวมิลิแทรีหรือแนวทหารนั้นคงพอทราบดีถึงความเชื่อมโยงระหว่างนาฬิกาและกองทัพ  ซึ่งเรียกได้ว่าเกิดมาเคียงคู่ในการทำหน้าที่รับใช้ “เวลา” และ “ชาติ” เหมือนกัน

ขอยกตัวอย่างหนึ่งของแบรนด์นาฬิกาที่มีประวัติศาสตร์การผลิตนาฬิกาเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงมากับกองทัพและสงคราม อย่าง ลองจินส์ (Longines) ก็แล้วกัน โดยเฉพาะตำนานการสร้างสรรค์นาฬิกาที่อยู่ในช่วงคาบเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 2  ซึ่งวันนี้ แบรนด์ยังได้นำตำนานเหล่านั้นกลับมาปัดฝุ่นเพื่อผลิตทายาทนาฬิการุ่นใหม่สไตล์วินเทจมิลิแทรีได้อย่างน่าชมไม่น้อย 

ว่ากันตามจริงแล้วลองจินส์มีความเชี่ยวชาญในการผลิตนาฬิกามาอย่างยาวนานนับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในปี 1832 จึงกล่าวได้ว่ามีนาฬิกาของแบรนด์ออกสู่ตลาดมากมายหลายรุ่น โดยแต่ละรุ่นล้วนมีเอกลักษณ์และรายละเอียดเฉพาะตัวไม่เหมือนใคร ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความคิด ความนิยม ตลอดจนนวัตกรรมของนาฬิกาในแต่ละช่วงสมัยได้เป็นอย่างดี เช่นเดียวกับนาฬิกาที่ผลิตขึ้นในปี 1938 หรือ 1 ปีก่อนที่ประเทศเยอรมนีตัดสินใจบุกประเทศโปแลนด์ ซึ่งกลายมาเป็นชนวนสงครามโลกครั้งที่ 2 และก่อให้เกิดความขัดแย้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์โลก

แม้ว่านาฬิกาจะได้รับการออกแบบและผลิตออกมาก่อนสงครามจะปะทุขึ้น แต่รูปแบบและสมรรถนะของสไตล์นาฬิกาแห่งกองทัพนี้ยังมีอิทธิพลมาจนถึงช่วงเวลาดังกล่าว เห็นได้ชัดจากการบรรจุด้วยตัวเลขอารบิกขนาดใหญ่ ไปจนถึงการเคลือบฝังด้วยสารเรืองแสงเพื่อช่วยในการดูเวลาในสภาพแสงไม่เอื้ออำนวยได้อย่างชัดเจน พร้อมทั้งหน้าปัดย่อยบอกวินาทีที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา รวมถึงหน้าปัดสีดำ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นการออกแบบเพื่อช่วยให้ทหารสามารถสวมใส่ ใช้งาน และอำพรางตัวได้ง่าย ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของนาฬิกากองทัพแทบทั้งสิ้น

จากนาฬิการุ่นตำนานในปี 1938 ลองจินส์ ได้ปลุกความเป็นนาฬิกากองทัพนี้ขึ้นมาใหม่ในผลงานรุ่นปัจจุบัน อย่าง The Longines Heritage Military 1938 ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากรุ่นมรดกปี 1938 แต่มีการปรับเปลี่ยนดีไซน์ของตัวเลขอารบิกและวัสดุของนาฬิกาใหม่ เพื่อให้ทันสมัยยิ่งขึ้น โดยรุ่นใหม่นี้บรรจุอยู่ในตัวเรือนสเตนเลสสตีลขนาด 43 มม. ซึ่งใหญ่กว่าตัวเรือนของนาฬิกาในช่วงก่อนและหลังยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มักจะอยู่ราวๆ 32-36 มม. ออกแบบขอบตัวเรือนให้ลาดเอียงลง และหูสายคงความโค้งรับไปกับข้อมือ ส่วนเม็ดมะยมยังคงรูปทรง ‘หอยเม่น’ ไว้เช่นเดิม เพื่อช่วยให้สามารถปรับหมุนได้ง่าย ถือเป็นการรักษาสมดุลระหว่างความคลาสสิกและความทันสมัยได้อย่างลงตัว

หน้าปัดสีดำแบบด้านของรุ่นติดตั้งด้วยเข็มชี้ทรง Baton สีเงินขัดเงา รับกับตัวเลขอารบิกสีครีม 11 ตัวเคลือบด้วยสารเรืองแสงซูเปอร์ลูมิโนวา และสเกลนาทีแบบรางรถไฟสไตล์วินเทจ โดยปกป้องด้วยกระจกหน้าปัดคริสตัลแซฟไฟร์ทรงโดมช่วยกันแสงสะท้อน ส่วนภายในติดตั้งด้วยกลไกไขลานด้วยมือCalibre L507.2 สำรองพลังงานนาน 53 ชั่วโมง และยังกันน้ำได้ลึก 30 เมตร ประกอบคู่มากับสายนาฬิกาสไตล์วินเทจ 2 แบบได้แก่ สายหนังสีชาร์โคลเกรย์ และสาย NATO สีคอนยัก พร้อมอุปกรณ์การเปลี่ยนสายที่ส่งมอบมาพร้อมกันภายในกล่องนาฬิกา โดยจิตวิญญาณแห่งอดีตอันทรงคุณค่านี้ผลิตขึ้นในจำนวนจำกัดพิเศษเพียง 1,938 เรือน

#GMLive #Life #Watch #Longines #Longines #Heritage #Military #1938 #MilitaryWatches #History #Legend #Revival #gmwmagazine

Digiqole ad

บทความที่น่าสนใจ