เมืองไทย พร้อมหรือไม่ สำหรับการมี ‘Casino แห่งแรก’?
มันเป็นความจริงข้อหนึ่งทางสถาปัตยกรรมที่ว่า การเกิดขึ้นของอาคารใดๆ ก็ตาม ย่อมส่งผลต่อพื้นที่โดยรอบ ที่จะมีอิทธิพล และเปลี่ยนแปลงไปตามลักษณะของการใช้งานและการดำรงอยู่ของมัน นั่นทำให้การสร้างสิ่งหนึ่งสิ่งใดลงในพื้นที่นั้นๆ ต้องผ่านการพิจารณาบริบทด้านต่างๆ อย่างรอบคอบ และรอบด้าน ไม่ใช่แค่เพียงระยะสั้น แต่คิดไปถึงระยะยาวอีกหลายสิบปี ที่สถานที่แห่งนั้นตั้งอยู่
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าหากมันเป็นอาคารที่มีลักษณะการใช้งานแบบ ‘กึ่งพื้นที่สีเทา’ เช่น ‘คาสิโน’….
จากข่าวคราวการก่อสร้าง ‘คาสิโนแห่งแรกของประเทศไทย’ ภายใต้ชื่อ ‘The Royal Siam Haven’ ที่ดำเนินการโดยราชตฤณมัยสมาคม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ที่เป็น Mega Project ขนาดใหญ่ ศูนย์รวมความบันเทิงครบครัน และจะกลายสภาพเป็น ‘ย่านใหม่’ ที่ยังไม่ได้ข้อสรุป ว่าโปรเจ็กต์ดังกล่าว จะไปสร้างหรือตั้งอยู่ ณ ที่แห่งใดนั้น
แต่ก็ชวนให้ตั้งคำถามถึงความเหมาะสม ทั้งในแง่ของการใช้งาน การดำเนินการ และผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับพื้นที่ที่มันจะไปตั้งคงดำรงอยู่ อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
ในส่วนของรายละเอียดโครงการโดยสังเขปนั้น The Royal Siam Haven จะเป็นโครงการที่ดำเนินงานโดย ราชตฤณมัยสมาคมฯ โดยมีการลงนาม MOU ร่วมกับกลุ่มบริษัท เค โกลบอล ผู้บริหารสนามม้ารายใหญ่แห่งเกาหลีใต้ รวมถึงบรรดาพันธมิตรทางธุรกิจอีกจำนวนมากมาย แบ่งออกเป็นสามเฟสใหญ่ โดยเฟสแรก จะเป็นการปรับปรุงในส่วนของสนามม้า เฟสที่สอง จะสร้างสาธารณูปโภคเพื่อรองรับการเป็น Casino Complex และเฟสที่สาม จะสร้างในส่วนของที่พักอาศัย ให้กลายเป็นย่าน High-End อย่างสมบูรณ์แบบ
กระบวนการก่อสร้างทั้งสามเฟสนี้ มีการกะประมาณการคร่าวๆ ว่า จะใช้เวลาถึงปี 2570 จึงจะเริ่มเห็นโครงการอย่างเป็นรูปเป็นร่าง แน่นอนว่า ย่อมจะตามมาด้วยสาธารณูปโภคสำคัญอย่างระบบขนส่งทางราง ทางเรือ เพื่อสร้างการเชื่อมต่อของพื้นที่ เข้ากับส่วนอื่นๆ ของกรุงเทพมหานคร และให้สะดวกต่อบรรดานักท่องเที่ยว ที่จะเดินทางมายังย่านแห่งนี้
อนึ่ง โดยนิยามของคำว่า ‘คาสิโน’ แล้วนั้น รูปแบบการใช้งาน ก็ย่อมหนีไม่พ้นการเป็น ‘สถานบันเทิงเพื่อการพนัน’ ซึ่งเป็นลักษณะที่เป็นปัญหาประการแรกในแง่ของตัวบทกฎหมาย ที่ยังต้องผ่านการพิจารณาเห็นชอบจากทางภาครัฐ ที่จะออกกฎหมาย เพื่อมาควบคุมการดำเนินงานของสถานที่ดังกล่าว
แม้ในประวัติศาสตร์ของสยามประเทศ จะเคยมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอาการบ่อนเบี้ยการพนัน แต่มันก็ถูกยกเลิก และจัดให้เป็น ‘พื้นที่สีเทา’ ที่จะมากหรือน้อย ก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงการเข้ามาของภาคส่วนที่ ‘อาจจะไม่ถูกกฎหมายนัก’ ในทางปฏิบัติ
การก่อสร้าง Casino Complex ขนาดใหญ่ ที่ดำเนินการโดยภาครัฐในครั้งนี้ คำถามสำคัญจึงไม่ได้อยู่ที่ว่า โครงการจะสร้างแล้วเสร็จได้หรือไม่ (เพราะมีการดำริขึ้นมาแล้ว การจะสร้างให้เสร็จอย่างเป็นรูปเป็นร่าง จึงไม่ใช่ปัญหาสำคัญนัก….)
แต่คงจะอยู่ที่ ภาครัฐ และภาคส่วน Stakeholder ที่เกี่ยวข้อง จะสามารถ ‘ใช้ประโยชน์’ และ ‘สร้างประโยชน์’ ให้กับผู้คน สังคม และบริบทของพื้นที่ได้มากน้อย ถูกต้องเหมาะสมเพียงใด
มันน่าสนใจอย่างยิ่งว่า ประเทศไทย ไม่เคยมีพื้นที่สำหรับการพนันอย่างจริงจังที่เป็น ‘พื้นที่เปิด’ เช่นนี้มาก่อน การดำเนินงานและการควบคุมให้ถูกกฏหมาย จึงนับว่าเป็นความท้าทายที่ไม่อาจมองข้าม
ไม่นับรวมการก่อสร้างในเฟสสุดท้าย ที่จะเปลี่ยนแปลงย่านที่ตั้งของคาสิโน ให้กลายเป็น ‘ชุมชนใหม่’ ขนาดใหญ่ นี่เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่น่าคิดพิจารณา เพราะการกำเนิดของชุมชนแห่งใหม่ มูลค่าของที่ดินที่สูงขึ้น การมีส่วนร่วมของคนในชุมชนที่อยู่มาแต่ดั้งเดิม จึงดูริบหรี่ และยากอย่างมีนัยสำคัญ
ซึ่งเมื่อนานวันเข้า คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่จะถ่างขยายความไม่เท่าเทียม และกลายเป็น ‘ชุมชนปิด (Walled Community)’ ที่ดูแปลกแยก และแตกต่างจากบริบทรอบข้าง ซึ่งนั่นคือผลลัพธ์ที่น่ากังวลอยู่ไม่น้อย
ท้ายที่สุดนี้ เราอาจจะต้องดูกันต่อไป ว่าการดำเนินงานเพื่อสร้างโปรเจ็กต์ ‘Casino แห่งแรกของประเทศไทย’ จะให้ผลลัพธ์สุดท้ายในทางใด ยังไม่นับรวมความพยายามเพื่อผ่านกฎหมายสำคัญ เพื่อให้โครงการนี้ได้เดินหน้า แต่ถ้าจะมีสิ่งหนึ่งสิ่งใด ที่เมืองที่มีคาสิโนตั้งอยู่ได้แสดงให้เห็นเป็นประจักษ์จากที่ต่างๆ ทั่วโลกนั้น คงหนีไม่พ้นความจริงที่ว่า ….
‘มันคือโครงการที่เป็นดาบสองคม ที่ในทางหนึ่ง อาจจะสร้างเม็ดเงินและรายได้จำนวนมหาศาลให้กับประเทศ แต่มันก็เป็นโครงการที่ควบคุมได้ยาก ที่จะเอื้อประโยชน์ให้กับประเทศได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ถ้าขาดซึ่งความพร้อมและความเข้าใจในแนวคิดของสิ่งเหล่านี้อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว….’