fbpx

ลูกแหง่ ที่ชื่อ ‘การบินไทย’

นาทีนี้ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) THAI สายการบินแห่งชาติ ดูจะใกล้คำว่า ‘ล้มละลาย’ เข้าไปทุกทีหากรัฐไม่เข้ามายื่นมือช่วยเหลือ

การบินไทย หรือในชื่อหุ้นว่า ‘THAI’ นั้น เป็นรัฐวิสาหกิจที่ประกอบกิจการด้านการบิน โดยมีกระทรวงการคลังถือหุ้นอยู่ 51% เป็นหุ้นที่อยู่ใน SET100 หรือก็คือ 100 บริษัทที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามตลาดมากที่สุด 100 อันดับแรก จะเรียกว่าเป็นหุ้นที่มีสภาพความคล่องสูง เสี่ยงต่ำในการลงทุน อะไรทำนองนี้ก็ได้

แต่สายการบินที่น่าจะเป็นความภาคภูมิใจของคนในชาตินั้น ที่ผ่านมาการบริหารงานในองค์กรการแห่งนี้ ดูจะไม่ได้สร้างความภาคภูมิใจให้กับคนในชาติเลยแต่อย่างใด 

ยิ่งช่วงเผชิญพิษภัยโควิด-19 ไล่ทุบอุตสาหกรรมการบินทั่วโลกให้ล้มละลายไปหลายราย ก็ยิ่งมีภาพที่ชัดขึ้นกับการบินไทย ว่ามีสิทธิ์เป็นหนึ่งในนั้น 

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ต่อให้ไม่เจอโควิด-19 การบินไทยก็อยู่ในทรงของนกปีกหัก และเป็น 1 ในรัฐวิสาหกิจของไทยที่ต้องเข้าสู่แผนฟื้นฟูมานานแล้ว

ก็เพราะการบินไทยมีปัญหาขาดทุนเรื้อรัง ตั้งแต่

ปี 2560 มีรายได้ 190,535 ล้านบาท ขาดทุน 2,107 ล้านบาท

ปี 2561 มีรายได้ 200,586 ล้านบาท ขาดทุน 11,625 ล้านบาท

ปี 2562 มีรายได้ 188,954 ล้านบาท ขาดทุน 12,042 ล้านบาท

และนั่นทำให้มีการเปรียบกันว่า หากในปี 2553 ใครได้ลงทุนในหุ้นนี้ไป 1 ล้านบาท ตอนนี้จะเหลือมูลค่าเพียง 54,000 หรือขาดทุนราว 95% กันเลยทีเดียว

ยิ่งสถานการณ์แบบนี้ด้วยแล้ว คนในไม่เดินทางออก คนนอกไม่เดินทางเข้า สายการบินก็ขาดรายได้ แต่ในเวลาเดียวกันก็ยังมีต้นทุนทางธุรกิจ เช่น ค่าจ้างพนักงาน ที่ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่, ค่าเช่าเครื่องบิน, ค่าซ่อมแซม, ค่าประกัน, ค่าดอกเบี้ย และอื่นๆ ซึ่งมันก็จะบวกให้การบินไทยขาดทุนหนักขึ้นกว่าเดิมไปอีก

หากบินไทย ‘ล้ม’ จะเละแค่ไหน?

แน่นอนว่าด้วยสถานะของการเป็นรัฐวิสาหกิจที่มีรัฐเป็นผู้ถือหุ้นหลัก และเป็นสายการบินที่ชอบอ้างว่าเป็นสายการบินของคนไทย (แต่คนไทยไม่มีปัญญาขึ้นนะ) ทำให้การบินไทย ก็ไม่น่าจะล้มได้ง่ายๆ 

แต่สมมติว่าถ้าไม่มีการอุ้มการบินไทยขึ้นมาล่ะ?

สิ่งที่คาดว่าจะเกิดขึ้น คือ คนก็แค่เปลี่ยนไปต่างประเทศด้วยสายการบินอื่นๆ เช่น ไปสิงคโปร์ ก็อาจต้องใช้สิงคโปร์แอร์ไลน์หรือไปฮ่องกง ก็ใช้คาเธ่ย์ แปซิฟิค เป็นต้น 

เรื่องนี้หากเป็นคนที่เดินทางไม่บ่อย ก็ไม่น่าจะได้รับผลกระทบอะไร แค่เปลี่ยนไปใช้สายการบินอื่นเท่านั้น แต่กับคนที่ซื้อตั๋วล่วงหน้าของการบินไทย อาจเริ่มเป็นกังวลว่าเงินที่จองไปแล้วจะทำยังไง แล้วยิ่งคนที่เดินทางบ่อย มีไมล์สะสมกับโปรแกรม Royal Orchid Plus ก็คงต้องเสียแต้มที่เก็บสะสมมานานเหล่านั้นใช่หรือไม่

ต่อมาในแง่ของพนักงานกว่า 20,000 ชีวิตในการบินไทย ที่ว่ากันว่ากว่า 70% เป็นลูกเรือบนเที่ยวบิน + หน่วยบริการภาคพื้น ส่วนที่เหลือก็จะเป็นฝ่ายช่างและอื่นๆ ซึ่งบางส่วนอาจจะต้องตกงานชั่วคราว และไปหางานต่อที่สายการบินอื่น แต่เดี๋ยวก่อน ตอนนี้สายการบินทุกแห่งก็พังเหมือนกันจากโควิด-19 การหางานใหม่ จึงคงไม่ได้ทำได้เหมือนในช่วงเวลาปกติ

นอกจากนี้เท่าที่พอทราบมา คือ การลงทุนในหุ้นของการบินไทย จากหลายๆ แหล่งเงินก็มีอยู่มาก ซึ่งไม่ขอระบุ แต่เป็นแหล่งเงินที่มีผลต่อคนไทยทั้งประเทศพอสมควร หากปล่อยให้ล้ม หน่วยงานที่ลงทุนไปเหล่านั้นจะได้เงินคืนจากไหน และอย่างไร อันนี้อาจจะเป็นวิกฤติใหญ่ที่แก้ยากกว่าวิกฤติการบินไทยด้วยซ้ำ

โอกาสสุดท้าย!!ของสายการบินแห่งชาติ (ใคร)

พอรวมๆ กันแล้ว มันก็เลยเป็นเหตุจำใจ ในการให้รัฐ หรือจะเรียกว่าประชาชนคนไทยด้วยก็ได้มั้ง ต้องเข้าไปแบกหนี้สินของการบินไทย ซึ่งหากพิจารณาจากตัวเลขเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2562 พบว่า การบินไทยมีทรัพย์สินรวม 256,665.15 ล้านบาท หนี้สินรวม 244,899.4 ล้านบาท ประกอบด้วยหนี้สินหมุนเวียน 84,367 ล้านบาท และหนี้สินไม่หมุนเวียนรวม 160,532.3 ล้านบาท 

แม้หนี้สินจะใกล้เคียงกับทรัพย์สิน แต่เป็นที่รู้กันดีว่าการบินไทยไม่ไหวแล้ว ขาดสภาพคล่อง ต้องวิ่งไปขอกู้เงินเร่งด่วน โดยให้รัฐบาลค้ำประกันในฐานะรัฐวิสาหกิจ พูดง่ายๆ ว่าต้องให้กระทรวงการคลังกู้เงินให้นั่นแหละ และคะเนกันว่าน่าจะต้องกู้มาประมาณ 5 หมื่นล้านบาทในรอบนี้ ซึ่งหากรัฐไม่ช่วยนั่นหมายความว่าการบินไทยได้ล้มจริง

ฉะนั้นหากมองดูเหตุการณ์ความล้มเหลวของการบินไทยในรอบหลายปีมานี้ มันก็ต้องร้อนไปถึงรัฐบาล ที่ต้องไปเร่หาเงินกู้มาโปะให้ ซึ่งเรื่องนี้ ‘ลุงตู่’ เอง ก็คงเอือมระอาเต็มทน ถึงขั้นยื่นคำขาดครั้งสุดท้ายในการพิจารณาแผนฟื้นฟูบริษัทแห่งนี้ ถึงขั้นเคยพูดเลยว่า “การบินไทยเป็นลูกที่เลี้ยงไม่โตเมื่อมีปัญหาร้องไห้หาแม่ให้แม่อุ้มกระเตงให้แม่ช่วยอยู่ตลอดเวลาแต่เมื่อแม่จะอบรมบ่มนิสัยเลิกทำนั่นทำนี่นะลูกมันฟุ่มเฟือยมันเสียหายต้องทำอย่างนี้นะลูกต้องขยันต้องอดทนต้องยอมเจ็บปวดบ้างนะลูกจะได้เรียนรู้เป็นคนใหม่กลับไม่ฟังออกลูกงอแง

พอสิ้นเสียงการคิดจะเข้ามาแบกและ ‘อุ้ม’ ของรัฐ ที่ดูจะขัดใจคนไทยส่วนมาก ฟากสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย ก็ออกมาเต้นอย่างไว โดยรีบแสดงจุดยืนในการดูแลการบินไทยให้ยังเป็นรัฐวิสาหกิจต่อไป และคัดค้านการแปรรูปบริษัท ตั้งแต่แยกหน่วยธุรกิจต่างๆ ของบริษัทออกจากกัน เพราะการบินไทย เป็นสายการบินแห่งชาติ และต้องเป็นหนึ่งเดียวเท่านั้น และต้องคุ้มครองสิทธิประโยชน์ รวมถึงสวัสดิการของสมาชิก และพนักงานบริษัทตามสภาพการจ้างที่มีอยู่เดิมตามกฎหมายว่าด้วยแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ และกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน

นี่แหละประเทศไทย!! พอจะต้องมีการปรับเปลี่ยน โดยเฉพาะเป็นการปรับเปลี่ยนเพื่อเก็บและยื้อชีวิตพวกคุณไว้ ซึ่งยังไม่ได้มีมาตรการอะไรออกมาชัดเจนด้วย ก็รีบออกมากันท่าเสียใหญ่ เรียกว่าอย่าหวังจะได้มาผ่าตัดองค์กรเลยยังไงยังงั้น เพราะแค่คิดจะให้ปรับแผนทำงาน ซึ่งมีโอกาสกระทบคนในการบินไทย ก็เซย์โนว์… 

แต่อย่าลืมนะว่านี่คือโอกาสสุดท้ายที่คนในการบินไทยควรต้องสำนึก เพราะว่ากันตรงๆ แผนการอุ้มครั้งนี้ มันก็ดึงเงินภาษีคนไทยมานั่นแหละ ในขณะที่มีคนอีกมากมายในวิกฤติโควิด-19 ที่ลำบากกว่ามาก ตกงานก็เพียบ 

ฉะนั้นถ้ามันมีปรับเปลี่ยนเพื่อให้องค์กรเดินต่อไปและดีขึ้น เฟ้นหามืออาชีพในการบริหารงาน มากกว่าปล่อยให้เกิดการสืบทอดอำนาจเก่า เป่าระบบเด็กเส้นเก่าๆ ทิ้งไป และดำเนินธุรกิจด้วยจิตสำนึกด้วยว่าการบินไทยเข้าใกล้สถานะใกล้ล้มละลายเต็มที!! เชื่อว่าคนไทยก็อภัยให้ไหว…

ทว่านาทีนี้คนการบินไทย อย่าได้อ้างความเป็นสายการบินแห่งชาติอีกเลย เพราะถ้าบอกว่าการบินไทยเป็น ‘สายการบินแห่งชาติ’ เป็นสิ่งที่คนไทยโดยรวมภาคภูมิใจแล้ว คนเขาจะอ๊วกเอา!! ลองเดินไปถามคนไทยทุกวันนี้ดูก็ได้ มั่นใจเลยว่า ใครภูมิใจกับการบินไทยบ้างให้ยกมือขึ้น คำตอบที่ได้กลับมา คือ ไม่รู้สิ ทุกวันนี้ นั่งแต่โลว์คอสแอร์ไลน์ 

หมดเวลาทำตัวเป็น ‘ลูกแหง่’ ได้แล้ว…

ที่มา: ฐานเศรษฐกิจ / ลงทุนแมน / แนวหน้า / Moneybuffalo

#GMLive #Vision #TG #การบินไทย

Digiqole ad

บทความที่น่าสนใจ