fbpx

‘สิงโต นำโชค’ ชายที่อยากจะใช้ทุกช่วงเวลาในชีวิตให้คุ้มค่าที่สุด

เรื่อง: ตติยา แก้วจันทร์ ภาพ: พิชญุตม์ คชารักษ์

เราอาจรู้จักผู้ชายหน้าเข้ม ไว้หนวดเคราและสวมหมวกตลอดเวลาอย่าง ‘สิงโต นำโชค’ หรือ สิงโต-นำโชค ทะนัดรัมย์ ในฐานะศิลปินชื่อดังของเมืองไทย ภายใต้สังกัดค่ายเพลง What The Duck แต่หลังม่านหน้าที่การงานบนถนนสายดนตรีอันเป็นที่ประจักษ์ต่อสาธารณะแล้ว เขายังมีบทบาทเป็นสามีของภรรยาสาวชาวอเมริกันและเป็นคุณพ่อของลูกๆ ที่น่ารักทั้ง 3 คน

ช่วงต้นปีที่ผ่านมาสิงโตได้ปล่อยเพลงรักแสนอบอุ่น ‘เธอยังสวยเหมือนเดิม’ เพื่อมอบเป็นของขวัญวันเกิดให้แก่ภรรยา แต่ภายใต้เมโลดี้หวานๆ ฟังไพเราะนี้ กลับซ่อนนัยความนุ่มลึกที่ผ่านการตกตะกอนทางความคิดเรื่องกฎของเวลาและความสัมพันธ์ ซึ่งเขาบอกว่าเมื่ออายุเริ่มเพิ่มมากขึ้น เรื่องเหล่านี้ก็แวะเวียนเข้ามาในหัวเองโดยอัตโนมัติ

“เวลามันผ่านไปเร็ว เร็วมากจริงๆ ผมเลี้ยงหมาตัวหนึ่งชื่อ ‘โมก้า’ ผ่านไปแป๊ปเดียวก็ 7 ปีแล้ว มานั่งคิดว่าหมาอายุสั้นกว่าเราอีก บางทีเราทำงานไม่ค่อยมีเวลาพาไปเดินเล่น ทีนี้ผมก็นึกถึงภรรยาเลย (หัวเราะ) นึกแล้วก็ใจหายเหมือนกันนะ แต่เราปฏิเสธกฎของเวลาไม่ได้ มันเดินไปข้างหน้า เด็กก็ต้องโต วัยรุ่นก็ต้องเป็นผู้ใหญ่ ส่วนผู้ใหญ่ก็ต้องแก่”

เพลง ‘เธอยังสวยเหมือนเดิม’ จึงเป็นการครุ่นคิดถึงกาลเวลาที่ผ่านพ้นมา ซึ่งศิลปินคนนี้ใช้เตือนตัวเองให้ระลึกไว้เสมอว่าเหตุใดเราจึงควรใช้ทุกเวลาให้มีประสิทธิภาพที่สุด ขณะเดียวกันก็ได้ย้อนสำรวจสิ่งที่เวลาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ นั่นคือ ‘ความรัก’ ที่เขามีต่อลูกๆ และภรรยาhttps://www.youtube.com/embed/j9WD4-rUUAk?feature=oembed

“สิ่งที่เรายังรู้สึกว่าสวยงามอยู่ก็คือภรรยาของเรา ความรักของเรา ครอบครัวของเรา จะให้รักภรรยาตอนที่สาวๆ อย่างเดียวก็คงไม่ใช่ กฎของเวลาเดินไปข้างหน้าก็จริง แต่ผมมองลึกเข้าไปจากข้างในนะ ไม่ได้มองที่รูปลักษณ์ภายนอกแล้ว สำหรับผมต่อให้ในวันที่เธออายุ 40 ปี ก็ยังสวยเหมือนเดิม”

ระหว่างที่เรากำลังฟังชายหนุ่มคมเข้มคนนี้เล่าถึงความเชื่อมโยงระหว่างบทเพลงและชีวิตส่วนตัว พร้อมถ่ายทอดมุมมองความคิดที่ทำให้รู้สึกว่า “เวลาผ่านไปเร็วจนน่าใจหาย” จู่ๆ ทีมงานคนหนึ่งก็เปิดรูป ‘โมก้า’ สุนัขแสนรักของสิงโตให้ดู เขาถึงกับหยุดพูดกะทันหันและหันมาชี้ภาพโมก้าด้วยสีหน้าอารมณ์ดี

“ผมเซนซิทีฟเรื่องหมามากนะ จริงๆ แล้วผมไม่ใช่คนชอบเลี้ยงหมา แต่ภรรยาชอบ เคยเลี้ยงหมาตัวแรกอยู่ด้วยกัน 4 วันมันตาย ตอนนั้นสะเทือนใจมาก แต่อย่างเจ้าโมก้าที่เลี้ยงตอนนี้ก็อายุเยอะแล้ว หมาอายุสั้นกว่าเรา พยายามไม่นึกถึงวันที่เขาจะจากเราไป เออ…แต่ไม่รู้เหมือนกันนะว่าใครจะไปก่อนใคร (หัวเราะ)”

สิงโตยังคงพูดหยอกล้อสลับกับหัวเราะว่าจริงๆ แล้วความผูกพันกับสัตว์เลี้ยงอาจเป็นจุดเริ่มต้นแรกที่ทำให้เขาอยากแต่งเพลงนี้ขึ้นมาก็ได้ ซึ่งเป็นบทเพลงที่ถ่ายทอดความรู้สึกที่อยากใช้เวลากับคนรอบตัวให้มากขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว ภรรยา หรือลูกก็ตาม

“คำว่า ‘เวลา’ มันทรงอิทธิพลกับเรามากเลยนะครับ ทุกคนมี 24 ชั่วโมงเท่ากัน แต่เราใช้ไม่เท่ากัน บางคนใช้เหมือนมีเหลือเฟือ แต่จริงๆ แล้วมันมีน้อยมาก ปฏิเสธไม่ได้ว่าผมก็คงไม่ได้อยู่กับภรรยาตลอดไป วันหนึ่งเราต้องจากกัน เพราะเวลามันหมด ลูกเรา เราก็ไม่ได้อยู่เห็นเขาจนอายุ 80 ปีหรอกมั้ง วันหนึ่งเราก็ต้องแยกห่างกัน เพราะฉะนั้นระหว่างนี้ที่เส้นเวลาของเราเดินทางมาชนกันเนี่ย เราก็ต้องใช้ชีวิตให้คุ้มค่าที่สุด”

แม้สีหน้าเป็นมิตรยังคงปรากฏบนใบหน้าตลอดการพูดคุย แต่แววตาเขากลับนิ่งสงบเหมือนจะบอกว่าเจ้าของแววตาคู่นี้คือชายที่เก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิตมาพอสมควรในระดับหนึ่ง เพราะเบื้องหลังตัวโน๊ตของเพลงนี้ล้วนผ่านการสังเกตชีวิตและกลั่นกรองความคิดผ่านเรื่องราวส่วนตัว จนบทเพลง ‘เธอยังสวยเหมือนเดิม’ กลายเป็นเพลงส่วนรวมที่คนฟังสามารถเชื่อมโยงตีความคำว่า ‘เธอ’ ในเนื้อเพลงไปยังใครก็ได้ที่เรารัก นอกจากนี้เพื่อนรักของสิงโตอย่าง ‘โจ๊ก-โซคูล’ และ ‘ว่าน-ธนกฤต’ ก็ยังนำเพลงนี้มาถ่ายทอดในมุมมองของตัวเองโดยมอบให้ภรรยาและคุณแม่อีกด้วย

“ถ้าใครฟังเพลงแล้ว ‘อยู่’ กับเพลงจริงๆ ผมว่าเขาจะเข้าใจได้ บางคนอาจนึกถึงคนที่ไม่ได้อยู่แล้วในตอนนี้ก็ได้ ผมไม่ได้คาดหวังว่าคนฟังฟังแล้วจะต้องรู้สึกแบบนั้นแบบนี้ เราไปบังคับเขาไม่ได้ เพียงแต่พอผมอยู่มาจนอายุเยอะประมาณหนึ่ง สภาพแวดล้อมและเวลามันสะกิดเราว่า เฮ้ย! ไม่ได้แล้วนะ เราต้องใช้ชีวิตและใช้เวลากับครอบครัวให้ดีขึ้น ที่ผ่านมาไม่ใช่ไม่ได้ใช้นะ แต่ต้องใช้ได้ดีกว่านี้และเยอะกว่านี้”

“เพราะฉะนั้นแล้วเพลงมันอาจไม่ได้บรรยายความรู้สึกถึงขั้นเสียดายเวลา แต่มันคือความรู้สึกใจหายมากกว่า เพราะเวลาผ่านไปเร็วมาก เวลาที่ได้ยินเพลงนี้เหมือนเป็นการเตือนตัวผมเองด้วย บางทีเราเผลอสนุกกับการทำงาน สนุกกับการไขว่คว้าหาความสำเร็จ มีเป้าหมายของเราที่อยากไปให้ถึง ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่การงาน ความสำเร็จหรือเงินทอง ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ดี แต่บางทีเราก็ลืมใช้เวลากับครอบครัว เพราะมัวแต่โฟกัสกับเรื่องอื่น ทั้งที่ความจริงชีวิตเราควรอยู่กับปัจจุบัน”

เราเปลี่ยนบทสนทนามาพูดถึงบทบาทคุณพ่อบ้าง แน่นอนว่าการทำงานในวงการบันเทิงนั้นแม้จะได้ชื่อเสียงเงินทอง แต่ก็ต้องแลกกับ ‘เวลาส่วนตัว’ ที่เสียไป คุณพ่อวัย 36 คนนี้มีมุมมองต่อเรื่องนี้อย่างไรบ้างนั้น สิงโตบอกว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือการบาลานซ์เวลาเพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมืออาชีพ ขณะเดียวกันเมื่ออยู่กับครอบครัวก็จะได้ใช้เวลาให้มีประสิทธิภาพที่สุด ซึ่งอย่างหลังเป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลยอย่างเด็ดขาด

“บางคนบอกว่าไปให้ถึงเป้าหมายก่อน แล้วค่อยกลับไปอยู่กับคนที่เรารัก บางทีวันนั้นมันไม่มีอยู่จริงนะ อย่างบางคนบอกให้แยกห้องนอนกับลูกเลย แต่ผมไม่แยก เพราะผมรู้สึกว่าอีก 10 ปี ลูกก็คงไม่อยากนอนกับเราแล้ว หรืออีก 5 ปีข้างหน้า เวลาเรากอด เราหอมลูก ลูกอาจเริ่มอายเพื่อนแล้ว หรือวันหนึ่งเมื่อลูก 15-16 ปี เราจะได้ไม่ต้องนึกเสียดายว่าทำไมตอนเด็กๆ ไม่ได้อยู่กับเขาเลย “

“สมมติบางคนหน้าที่การงานทำให้ต้องแยกกันอยู่กับลูก หวังว่าวันหนึ่งประสบความสำเร็จแล้วจะได้อยู่ด้วยกัน มันไม่เคยเกิดขึ้นนะครับ ไม่เคยเกิดขึ้นเลย ผมเองด้วย แยกกับพ่อแม่ หวังว่าวันหนึ่งจะได้อยู่ด้วยกัน ไม่ได้อยู่นะครับ ไม่ได้อยู่… เพราะเวลามันผ่านไป ผมก็มีครอบครัว การที่จะได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้านั้นไม่มีจริง เราจึงต้องใช้ช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกันให้คุ้มค่าที่สุด”

เมื่อถามถึงเป้าหมายในชีวิตของเขา ณ วันนี้ สิงโตยิ้มอย่างอบอุ่น ก่อนตอบกลับว่า “เหมือนอย่างในเพลงนี้เลยครับ” นั่นคือการที่อยากอยู่กับครอบครัวให้เต็มที่ที่สุด แม้จะฟังดูเป็นเรื่องธรรมดา ทว่ากลับเป็นประเด็นที่เขาเริ่มตั้งคำถามอย่างจริงจังในวัยที่อายุเพิ่มมากขึ้น

“เออหรือว่าผมกลัวตายวะ แต่ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ถ้าเมื่อก่อนไม่กลัวนะ สมัยวัยรุ่นเรารู้สึกชีวิตเป็นอมตะ เราสุดโต่งเลย อยากไปไหนก็ไป ตังค์ไม่มีก็ไป ไขว่คว้าอย่างเดียวเลยคือต้องออกเทปและมีเพลงเป็นของตัวเองให้ได้ มันก็สนุกในตอนนั้น แต่ตอนนี้เรากลับอยากใช้เวลาที่มีให้คุ้มค่าด้วยดีกว่า”

เป็นเวลากว่า 10 ปีแล้วที่สิงโตโลดแล่นอยู่ในวงการเพลงไทย หลายบทเพลงจากปลายปากกาของเขากลายเป็นเพลงฮิตติดชาร์ตที่ทำหน้าที่เป็นกำลังใจให้ใครหลายๆ คนผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกวันนี้สิงโตคือศิลปินระดับแนวหน้าของเมืองไทย แต่เบื้องหลังกว่าจะได้แต่ละเพลงนั้นก็มีที่มาที่เรียบง่าย เกิดจากความรู้สึกและมุมมองต่างๆ ในแต่ละช่วงเวลาของชีวิต

“ถ้าถามว่าผมเคยมีช่วงที่เขียนเพลงไม่ออกบ้างไหม โอ้ย…มีประจำครับ เป็นปกติเลย คิดไม่ออกก็คือไม่ออก เหมือนคนจะขี้อ่ะครับ เรารู้ตัวว่าปวด เลยไปห้องน้ำ แต่ถ้าไม่ปวดก็ไม่ไป งานเพลงก็เหมือนกัน ถ้ายังเขียนไม่ออก แสดงว่ายังไม่มีวัตถุดิบอะไรเข้าไป ผมไม่ใช่นักแต่งเพลง นักเขียน หรือผู้วิเศษวิโสอะไร เราแค่มีหน้าที่หยิบเรื่องหนึ่งที่มันมากระทบเรา แล้วถ่ายทอดมันออกมาเป็นเพลง ผมไม่ใช่อัจฉริยะที่อยู่เฉยๆ แล้วก็เขียนเพลงขึ้นมาแล้วเพราะเลย ต้องรอจังหวะที่มีเรื่องอะไรมากระทบเราจริงๆ มากกว่า ”

ก่อนจะจบบทสนทนาในครั้งนี้ เรานึกสนใจคำว่า “นำโชค” ซึ่งอยู่ในชื่อของ ‘สิงโต นำโชค’ การใช้ชีวิตผ่านร้อนผ่านหนาวมากว่า 36 ปีของเขา อะไรคือสิ่งที่นำโชคมาให้ผู้ชายคนนี้ แม้จะฟังดูเป็นคำถามชวนคุยทั่วไป ทว่าเขากลับครุ่นคิดอย่างจริงจังอยู่พักใหญ่ ก่อนจะยิ้มและตอบกลับอย่างอารมณ์ดีเหมือนเช่นเคยว่า

“ไม่รู้เหมือนกันสิ จะบอกว่า ‘โชคดี’ ก็ไม่น่าใช่ เพราะผมซื้อหวยไม่เคยถูกเลย ชีวิตผมตั้งแต่เด็กๆ เจอแต่คำว่าไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ ทุกอย่างยากหมด ถ้าอยากได้ ต้องลงมือทำ พออยากได้ก็จะเอาให้ได้ (หัวเราะ) คงเป็นความมึนของตัวเองในส่วนนี้มั้งครับที่ทำให้ผมโชคดีได้ทำงานที่ตัวเองรัก มีภรรยาสวย ซึ่งถ้าตอนนั้นผมไม่ลงมือไปจีบเขา ก็อาจไม่ได้เป็นแฟนเขาก็ได้ รวมๆ แล้วคงเป็นความไม่เจียมตัวและกล้าลงมือทำนี่แหละครับ”

เบื้องหลังความโชคดีในเรื่องต่างๆ ของ ‘สิงโต นำโชค’ มาจาก ‘ความพยายาม’ นี่เอง…

Digiqole ad

บทความที่น่าสนใจ