“สเปกเตอร์” อัลตรา-ลักชัวรี อิเล็กทริค ซูเปอร์คูเป้ รุ่นแรกของโลกยนตกรรมไฟฟ้า
ในแวดวงรถยนต์ชั่วโมงนี้ถ้าจะไม่พูดถึง โรลส์-รอยซ์ ก็ดูจะตกเทรนด์ไปสักนิด เพราะแบรนด์ระดับลักชัวรีในตำนานแบรนด์นี้ กำลังก้าวเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงด้วยการพาแบรนด์ไปสู่รถยนต์ไฟฟ้าอย่างแท้จริง กับการเปิดตัว โรลส์-รอยซ์ ‘สเปกเตอร์’ (SPECTRE) ยนตรกรรม อัลตรา-ลักชัวรี อิเล็กทริค ซูเปอร์คูเป้ รุ่นแรกของโลก ครั้งแรกในประเทศไทย
หากย้อนกลับไป ช่วงปี 2443 มร. ชาร์ลส์ โรลส์ (The Hon Charles Steward Rolls) นักบุกเบิก แห่งโลกยนตรกรรม และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์รถยนต์ โรลส์-รอยซ์ ได้เคยกล่าวในบทสัมภาษณ์ของนิตยสารฉบับหนึ่งไว้ว่า“รถยนต์ไฟฟ้านั้นปราศจากมลพิษและเสียงรบกวน รวมถึงไม่มีการสั่นสะเทือนหรือกลิ่นไอเสีย และน่าจะเป็นที่นิยมเมื่อสถานีชาร์จไฟฟ้าเริ่มแพร่หลาย” ซึ่งนับเป็นคำทำนายที่แม่นยำอย่างยิ่ง เพราะในเดือนกันยายน ปี 2564, โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส ได้ออกมายืนยันว่า ได้เริ่มดำเนินการทดสอบยนตรกรรมรุ่นแรกในประวัติศาสตร์ ที่ผ่านการออกแบบและกำเนิดมาเพื่อเป็นรถยนต์ไฟฟ้าอย่างแท้จริง โดยการทดสอบอย่างเข้มข้นรวมระยะทางกว่า 2.5 ล้านกิโลเมตร ในหลากหลายสภาพเส้นทางและอุณหภูมิสุดขั้ว และแล้ว โรลส์-รอยซ์ สเปกเตอร์ ก็เปิดตัวสู่สาธารณะ โดยเป็นรถที่ยังรักษาเอกลักษณ์ดั้งเดิมไว้ได้อย่างครบถ้วน ผสานความล้ำสมัยของเทคโนโลยีในแบบฉบับยนตรกรรมแห่งอนาคต
ทั้งนี้โรลส์-รอยซ์ ตั้งเป้าไว้ว่า จะยุติการผลิตเครื่องยนต์สันดาป และผลิตยนตรกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าทั้งหมดภายในปี พ.ศ. 2573
สำหรับ สเปกเตอร์ ยังคงคงคอนเซปต์ของการเป็น โรลส์-รอยซ์ พันธุ์แท้ ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ภายใต้หลักปรัชญา ‘A Rolls-Royce first, and an electric car second.’ พร้อมรักษาจุดเด่นด้านความสะดวกสบาย พื้นที่ห้องโดยสาร ความนุ่มนวลและสมรรถนะไว้อย่างครบถ้วน พร้อมปรับแต่งทุกรายละเอียดให้สมบูรณ์แบบผ่านสถาปัตยกรรมและวิศวกรรมอันเป็นเลิศ
สัดส่วนที่ลงตัวในสไตล์รถยนต์ฟาสแบคสองประตู สเปกเตอร์จึงเปรียบเสมือนผู้สืบทอดของยนตรกรรมระดับไอคอน ‘แฟนธอม คูเป้’ (Phantom Coupé) ขณะที่ห้องโดยสารนั้นพร้อมสำหรับการรังสรรค์รูปแบบตามสไตล์ของผู้ครอบครอง (Bespoke) ควบคู่ไปกับแดชบอร์ดเรืองแสง (Illuminated fascia) และครั้งแรกของ โรลส์-รอยซ์ ในสายการผลิต กับประตูดาวส่องแสงระยิบระยับ (Starlight Doors) ผสานความล้ำสมัยของระบบ Decentralised Intelligence จึงเป็นเสมือนจุดเริ่มต้นของ โรลส์-รอยซ์ 3.0
โดยสเปกเตอร์ นั้นนับเป็นยนตรกรรมรุ่นที่ 4 ที่ใช้แพลตฟอร์มสถาปัตยกรรมแห่งความหรูหรา (Architecture of Luxury) ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของ โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส และผ่านการออกแบบมาเพื่อรองรับกับขุมพลังไฟฟ้าอย่างลงตัว อีกทั้งเพิ่มความแข็งแกร่งของสเปซเฟรม อีก 30% เมื่อเทียบกับ โรลส์-รอยซ์ รุ่นอื่นๆ ส่วนแบตเตอรี่ได้รับการติดตั้งบริเวณพื้นรถ ที่นอกจากช่วยให้ห้องโดยสารมีพื้นเรียบ และเบาะนั่งอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำ ทำให้ช่วยลดจุดศูนย์ถ่วงและมีการทรงตัวดีขึ้น แถมยังทำหน้าที่เป็นแผ่นกันเสียงรบกวนที่มีน้ำหนัก 700 กิโลกรัมอีกด้วย
โรลส์-รอยซ์ สเปกเตอร์ จึงเป็นเครื่องยืนยันถึงความเชื่อมั่นของ โรลส์-รอยซ์ ว่ารถยนต์ไฟฟ้า คือ หนทางสู่อนาคต เหนือกว่าเทคโนโลยีไฮบริด ขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้าจาก 2 มอเตอร์ SSM (Separately Excited Synchronous Motors) ด้านหน้า 190 กิโลวัตต์ / 365 นิวตันเมตร ด้านหลัง 360 กิโลวัตต์ / 710 นิวตันเมตร หรือมีสมรรถนะใกล้เคียงกับรถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป พละกำลัง 430 กิโลวัตต์ (584 hp) แรงบิด 900 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 4.5 วินาที ซึ่งระยะทางสูงสุดที่สามารถขับได้ไกลถึง 530 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน WLTP) โดยสามารถชาร์จไฟจาก 10-80% ได้ใน 34 นาที ผ่านระบบชาร์จไฟกระแสตรง (195 กิโลวัตต์-DC) และสามารถวิ่งได้ไกล 100 กิโลเมตร เมื่อผ่านการชาร์จไฟเพียง 9 นาทีเท่านั้น ซึ่งทางผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการพร้อมให้ความช่วยเหลือในการติดตั้งระบบชาร์จไฟที่บ้านอีกด้วย นอกจากนั้นยังมาพร้อมระบบช่วยขับ คือ ระบบควบคุมรถให้อยู่ในเลน (Active Lane Centring) และอะแด๊ปทีฟครูสคอนโทรล เพื่อการขับที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
ในส่วนของแบตเตอรี่นั้น ติดตั้งแบตเตอรี่ลิเธียม-ไออน 102 กิโลวัตต์ชั่วโมง ผลิตจากแร่โคบอลต์และลิเธียมจากแหล่งผลิตที่มีการควบคุมเข้มงวดในออสเตรเลีย,โมรอคโค และ อาร์เจนตินา ซึ่งเซลล์ภายในแบตเตอรี่ผลิตขึ้นด้วยพลังไฟฟ้าที่มาจากธรรมชาติ 100% พร้อมทำการทดสอบภายใต้อุณหภูมิสุดขั้ว ตั้งแต่ -40 องศาเซลเซียส ไปจนถึงร้อนจัดกว่า 50 องศาเซลเซียส ควบคุมอุณหภูมิให้อยู่ในระดับเหมาะสมสำหรับการใช้งานทุกสภาวะ ผ่านระบบคอมพิวเตอร์
ซึ่งนอกจากนั้นแล้วยังมีไฮไลท์สำคัญส่วนอื่นที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น ระบบกักเก็บพลังงานจากการเบรก (Braking recuperation) โดยระบบจะทำงานเมื่อผู้ขับกดปุ่มที่มีสัญลักษณ์ ‘B’ บริเวณก้านควบคุม ซึ่งการใช้งานใน ‘Brake Mode’ รถยนต์จะมีการหน่วงอัตโนมัติเมื่อผู้ขับยกคันเร่ง จากการกักเก็บพลังงานที่มากขึ้น ส่งผลให้สามารถขับได้โดยแทบไม่ต้องแตะเบรก (Single-pedal driving) แต่หากผู้ขับเลือกใช้โหมด ‘low recuperation’ อาการหน่วงเมื่อยกคันเร่งจะมีไม่มากนัก ให้ความรู้สึกคล้ายการขับ โรลส์-รอยซ์ ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปมากกว่า
ทั้งนั้วิศวกรของ โรลส์-รอยซ์ ให้คำนิยามของ สเปกเตอร์ ไว้ว่าเป็น ‘โรลส์-รอยซ์ ในแบบอัลตรา-ไฮ เดฟินิชั่น’ ซึ่งมาจากการประมวลผลอันรวดเร็วของระบบ ‘Decentralised Intelligence’ โดยข้อมูลต่างๆ จะถูกนำมาประมวลผลแบบอิสระจากกัน ช่วยลดโอกาสผิดเพี้ยน ต่างจากรถยนต์ที่ใช้การประมวลผลโดยคอมพิวเตอร์ส่วนกลางเพียงจุดเดียว
สำหรับระบบช่วงล่างพลานาร์ (Planar Suspension System) ได้รับการพัฒนาต่อเนื่องจากที่ติดตั้งในรุ่น โกสต์ เป็นครั้งแรก โดยเป็นการทำงานร่วมกันหลายชิ้นส่วนที่ผ่านการพัฒนามาอย่างพิถีพิถัน เสมือนเป็น ‘ออเคสตร้า’ ที่ช่วยสร้างประสบการณ์เดินทาง ‘magic carpet ride’ ที่ให้ความรู้สึกราวกับล่องลอยอยู่บนพรมวิเศษ โดยการขับบนทางตรง ระบบช่วงล่างสามารถตัดการเชื่อมต่อของเหล็กกันโคลง ช่วยให้แต่ละล้อสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระขณะที่เมื่อเข้าโค้ง ระบบจะเพิ่มความหนืดโช้กอัพและเตรียมพร้อมสำหรับการเลี้ยว 4 ล้อ เพื่อให้สามารถเข้าและออกโค้งได้อย่างราบรื่นทั้งยังมีเซ็นเซอร์อิสระ วัดค่าต่างๆ ที่เกิดขึ้นขณะเลี้ยวโค้ง อาทิ องศาพวงมาลัย, การเบรก, การส่งกำลัง และการทำงานของระบบช่วงล่าง พร้อมปรับระดับการทำงานอย่างเหมาะสม เพื่อความสมบูรณ์แบบของประสิทธิภาพการทรงตัวและเกาะถนน
สปิริต (SPIRIT) เป็นสถาปัตยกรรมดิจิทัล ที่ช่วยให้ผู้ครอบครอง สเปกเตอร์ ได้เชื่อมต่อกับรถยนต์ของตนอย่างใกล้ชิดกว่าที่เคย นอกเหนือจากการควบคุมฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ ขณะใช้รถ สปิริต ก็เป็นส่วนหนึ่งของแอพพลิเคชั่น ‘วิสเปอร์ส’ (Whispers) ของ โรลส์-รอยซ์ ทำให้เจ้าของรถสามารถสั่งการได้จากระยะไกล
ประตูอิเล็กทรอนิกส์ (Effortless Doors)
สเปกเตอร์ มีประตูยาว 1.5 เมตร แบบไร้เสากลาง เชื่อมด้วยเลเซอร์ ซึ่งนับว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ โรลส์-รอยซ์ ควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์เพื่ออำนวยความสะดวกในการเปิด-ปิด พร้อมฟังก์ชั่นพิเศษที่มีเฉพาะ สเปกเตอร์ เมื่อผู้ขับเหยียบเบรก ประตูจะปิด โดยอัตโนมัติ
ในด้านแรงบันดาลใจในการออกแบบ โรลส์-รอยซ์ สเปกเตอร์ ไปไกลกว่าสิ่งที่มีอยู่ในโลกยนตรกรรม โดยได้นำรูปลักษณ์อันโดดเด่นและประณีตในทุกรายละเอียด ของ เรือยอชท์ทรงสปอร์ต มาปรับใช้อย่างชาญฉลาด ขณะที่กระจังหน้าที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเสาของวิหารแพนธีออน (Pantheon grille) ก็มีขนาดใหญ่ที่สุด เท่าที่เคยติดตั้งกับรถยนต์ โรลส์-รอยซ์ ซี่กระจังผลิตจากสเตนเลสปัดเงา พร้อมผิวสัมผัสนุ่มเรียบ เพิ่มความอลังการด้วยแอลอีดี 22 ดวง ที่ส่องแสงกระทบกับพื้นหลังเสาที่ผ่านการพ่นทราย เกิดเป็นมุมมองที่งดงามแบบ 3 มิติยามค่ำคืน
และสัญลักษณ์นางฟ้าบริเวณหน้ารถ (Spirit of Ecstacy) ถูกรังสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษสำหรับ สเปกเตอร์ โดยปรับให้มีลักษณะต่ำลงเล็กน้อย และดูลู่ลมยิ่งขึ้น ใช้เวลาในการออกแบบและทดสอบในอุโมงค์ลม รวมกว่า 830 ชั่วโมง หรือกว่า 1 เดือน ซึ่งมีส่วนช่วยให้ สเปกเตอร์ มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานต่ำมาก (drag coefifficient) เพียง 0.25cd ส่งผลให้ สเปกเตอร์ เป็นรถที่มีอากาศพลศาสตร์ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของ โรลส์-รอยซ์
สำหรับไฟหน้าแบบแยกส่วนนับเป็นเอกลักษณ์ของยนตรกรรม โรลส์-รอยซ์ มาช้านาน และเป็นการรำลึกถึงดีไซน์ของรุ่นพี่อย่าง แฟนธอม คูเป้ ลงตัวกับเส้นสายตัวถังอันเฉียบคม นำสายตาไปสู่ด้านหลังในสไตล์รถฟาสต์แบค ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากยนตรกรรมคลาสสิกและเรือยอชท์ที่ใช้ในการแข่งขัน ขณะที่เส้นตัวถังบริเวณข้างประตู (waft line) ให้ความรู้สึกเหมือนเรือที่ลอยเหนือผิวน้ำ สะท้อนถึงความนุ่มสบายของการขับเคลื่อนแบบ ‘magic carpet ride’ อันเลื่องชื่อ
อีกจุดเด่นคือ ไฟท้ายแบบใหม่ ออกแบบให้ปราศจากสีสันโดยสิ้นเชิง เพื่อให้สามารถเข้ากับสีของตัวถังที่มีให้เลือกไม่จำกัด ปิดท้ายด้วยล้อขนาดอลังการ 23 นิ้ว ซึ่งติดตั้งเป็นครั้งแรกในรถยนต์ โรลส์-รอยซ์ คูเป้ ในสายการผลิตในรอบเกือบ 100 ปี เติมเต็มสัดส่วนอันสง่างามของ สเปกเตอร์ อย่างลงตัว
ในส่วนภายในห้องโดยสารก็พรั่งพร้อมด้วยเทคโนโลยีและหลากหลายฟีเจอร์พิเศษแบบ Bespoke อาทิ ประตูดาว (Starlight Doors) ซึ่งติดตั้งเป็นครั้งแรกกับ โรลส์-รอยซ์ ในการการผลิต ส่องแสงอ่อนๆ เป็นประกายระยิบระยับ ผ่าน 4,796 ดวงดาว หรือหากลูกค้าต้องการ ก็สามาเลือกติดตั้งแผงไม้ คานาเดล (Canadel panelling) ที่ผลิตขึ้นด้วยมือจากไม้ชั้นเลิศ งดงามกับแดชบอร์ดเรืองแสง (Illuminated Fascia) บริเวณฝั่งผู้โดยสาร ผ่านการฉลุเป็นชื่อ ‘SPECTRE’ ล้อมรอบด้วยประกายดาวมากกว่า 5,000 ดวง ส่วนเบาะคู่หน้าก็สามารถเลือกสีบริเวณปีกเบาะ ให้เข้ากันกับบริเวณรองนั่ง หรือเลือกสีตัดกันได้ตามชอบในสไตล์เทเลอร์เมดตามแบบชาวอังกฤษ รวมไปถึงส่วนอื่นๆ ที่ โรลส์-รอยซ์ เปิดโอกาสให้ลูกค้ากำหนดรายละเอียดแบบ Bespoke ได้ตามจินตนาการไร้ขีดจำกัด
ทั้งหมดที่่ก่อเกิดเป็น สเปกเตอร์ คือ โรลส์-รอยส์ ที่ลงตัวกับทุกยุคสมัย พร้อมกับการเป็นผู้กำหนดทิศทางสู่อนาคต ภายใต้หลักปรัชญา ‘A Rolls-Royce first and an electric car second’.
โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก (พระราม 3) โทร. 02-670-6060
Facebook: Rolls-Royce Motor Cars Bangkok /LINE Official: Rolls-Royce Bangkok
Instagram: RollsRoyceThailand
https://www.rolls-roycemotorcars.com/bangkok/en_GB/showroom.htm