หลากหลายยานยนต์ บนหนทางแห่ง ‘EV’
เรื่อง: ธนา เศรษฐพานิช
การมาถึงของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าไม่ใช่เป็นเพียงแค่อนาคตสำหรับคนใช้รถยนต์ดีไซน์ใหม่ที่ช่วยประหยัดพลังงานเท่านั้น แต่ยังเป็นความหวังดุจโอเอซิสของคนที่ชื่นชอบรถยนต์คลาสสิกนับล้านคนทั่วโลก เพราะปัญหาของคนที่ดูแลรถยนต์เก่าอายุร่วมครึ่งศตวรรษต้องเจอคือค่าบำรุงรักษา และความจุกจิกของเครื่องยนต์สันดาปที่พร้อมจะสามวันดีสี่วันไข้ได้ตลอดเวลา นั่นจึงทำให้รถถูกจอดมากกว่านำมาขับ
ซึ่งจริงๆ แล้ว สำหรับคนที่ใช้รถคลาสสิกนั้นไม่ใช่คนขับรถเร็ว แต่ต้องการแค่ขับรถที่ตัวเองรักออกไปอวดบนถนนได้อีกครั้ง การนำรถคลาสสิกมาดัดแปลงเป็นพลังไฟฟ้าจึงเป็นทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจกับเงินลงทุนไม่กี่หมื่นเหรียญ ไม่ต้องตามหาอะไหล่ให้ยุ่งยาก แถมยังได้ความแรงของพละกำลังและแรงบิดที่มากกว่าเครื่องยนต์เดิมติดไม้ติดมือมาด้วย ด้วยเหตุนี้จึงมีเวิร์กช้อปหลายสำนักหันมาจับธุรกิจดัดแปลงรถคลาสสิกเป็นยานยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างมากหน้าหลายตา ดังที่ GMจะชวนคุณไปรู้จักกับระดับท๊อปของโลกกันครับ
Charge Cars: Electric Mustang
ฟอร์ด มัสแตงยุคแรก เป็นรถยนต์ที่ขับยากเหมือนม้าพยศ แต่มาพร้อมเครื่องยนต์ใหญ่โต พละกำลังสูง และหน้าตาเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งพอเจอกับอัตราซดน้ำมัน เจ้าของรถหลายคันจึงเริ่มสตาร์ทเครื่องกันอย่างกระมิดกระเมี้ยน จนกระทั่งบริษัทเทคโนโลยีในลอนดอนอย่าง Charge Cars ได้นำFord Mustang Fastback รุ่นปี 1967 มาปรับโฉมใหม่ให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าสุดหรูร่วมสมัย ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าสี่ตัว ที่มีแรงม้าถึง 536 ตัว ขับเคลื่อนสี่ล้อ ที่สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 3.9 วินาทีแล่นได้ไกล 320 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งรอบด้วยระบบ DC ของชุดแบตเตอรี่ 62 kWh สามารถชาร์จจาก 20 ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ในหนึ่งชั่วโมง Charge Cars’ Electric Mustangพร้อมให้จองแล้ว ในราคาเริ่มต้นที่ 460,000 เหรียญสหรัฐฯ
Totem Automobili: Alfa Romeo
อีกหนึ่งบริษัทจากเมืองเวนิส อิตาลี ที่รับดัดแปลงรถคลาสสิกเป็นพลังงานไฟฟ้า Totem Automobili เลือกจับคู่สปอร์ตอิตาลีอย่าง Alfa Romeo Giulia GT ปี 1970 มาบูรณะใหม่ ด้วยการถอดและแยกชิ้นส่วนเจ้า GT ทุกชิ้น ก่อนปรับปรุงช่วงล่างและปรับปรุงเฟรมรถแบบแฮนด์เมดให้มีความแข็งแรงขึ้น ติดตั้งชุดขับเคลื่นไฟฟ้าใหม่ทำให้รถมีพละกำลังถึง 518 แรงม้าในขณะที่เครื่องยนต์น้ำมันเดิมมีกำลังเพียง 192 แรงม้าเท่านั้น
ทีมงานของ Totem Automobili สร้างหลังคาใหม่ทั้งหมดด้วยคาร์บอนไฟเบอร์เพื่อให้รถมีน้ำหนักเบาที่สุดโดย 3D printer ไฟหน้าทันสมัยด้วยเทคโนโลยี LED ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรถแรลลี่และกระจังหน้าคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งหมดนี้ใช้กระบวนการงานหัตศิลปของช่างชาวอิตาเลียนกว่า 8.000 ชั่วโมง
Lunaz Classic: British Classic EV
บริษัทสตาร์ทอัพสัญชาติอังกฤษ Lunaz ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2018 โดย เดวิด ลอเรนซ์ นักธุรกิจที่มีวิสัยทัศน์ ซึ่งต้องการที่จะหยุดวงจรการซื้อรถยนต์ใหม่ที่มีส่วนในการใช้ทรัพยากรสิ้นเปลือง ด้วยการนำรถเก่าเพื่อการพาณิชย์ขนาดใหญ่ เช่น รถขนขยะ รถดับเพลิง รถในสนามบิน มาดัดแปลงให้เป็นพลังงานไฟฟ้า และล่าสุดได้เปิดไลน์ปรับปรุงรถยนต์คลาสสิกสำหรับนักสะสม ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมาก มีรถคลาสสิกของเกาะอังกฤษหลายสิบคันมาเข้าคิวให้ Lunaz ติดมอเตอร์ไฟฟ้าให้ อาทิ Rolls-Royces, Jaguars, Range Rovers และ Aston Martins
รถยนต์คันแรกที่เสร็จสมบูรณ์คือโรลส์-รอยซ์ แฟนธอม วี ซึ่งได้รับการบูรณะใหม่ทั้งหมด และติดตั้งระบบส่งกำลังไฟฟ้าที่ลูนาซพัฒนาขึ้นเอง โดยมีแบตเตอรี่ขนาด 80 kWh ที่ทำให้รถแล่นได้มากกว่า 300 ไมล์ (483 กม.) นอกจากนี้ยังติดตั้งงระบบอินโฟเทนเมนท์ ระบบนำทาง จอ LCD ขนาดใหญ่ ที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ฯลฯ โดยลูนาซจะเน้นที่การใช้วัสดุรีไซเคิล 100% ในการตกแต่งห้องโดยสาร โดยไม่ใช่หนังและขนสัตว์ในการตกแต่ง ด้วยความเนี้ยบที่คิวยาวแบบนี้ เดวิด เบ็คแฮม จึงไม่ลังเลที่จะเข้าไปเป็นหนึ่งในผู้ร่วมลงทุนของ Lunaz
eClassics: Volkswagen e-Bulli
รถโพล์ค คาราเวล รุ่นแรกนั้นได้รับความนิยมจากนักสะสมไม่มีวันเสื่อมคลาย แม้เครื่องยนต์จะวิ่งแทบไม่ไหว และมีอายุการใช้งานนานกว่า60 ปี แต่ด้วยความช่วยเหลือของ eClassics สำนักแต่งยานยนต์พลังงานไฟฟ้าจากเยอรมันได้ทำให้รถตู้หัวแตงโม กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้งด้วยการถอดเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 4 สูบแบบเก่าที่มีแรงม้า 43 ตัวออกไป แล้วแทนที่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 82 แรงม้า ขับเคลื่อนล้อหลัง เชื่อมต่อกับแบตเตอรี่ขนาด 45kWh ซึ่งให้ระยะการเดินทางได้มากกว่า 220 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และสามารถชาร์จได้อย่างรวดเร็วจากแบตเตอรี่ 0- 80% ในเวลาเพียง 40 นาที โดย Volkswagen e-Bulli จำกัดความเร็วสูงสุดไว้ที่ 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งแค่นี้มันก็ดีกว่าเดิมมากแล้วจริงๆ
Zero Labs: Land Rover
อีกหนึ่งสตาร์ทอัพพลังงานสะอาดในแคลิฟอร์เนีย บริษัทที่รวมวิศวกร นักออกแบบ นักวิจัย ผู้ที่ชื่นชอบรถมาไว้ด้วยกัน Zero Labs ชำนาญด้านการออกแบบแพลตฟอร์มไฟฟ้าที่มาเป็นชุดคิทของแชลซีที่สามารถยกไปประกอบกับตัวถังของรถยนต์เครื่องยนต์เบนซินและดีเซลเดิมได้อย่างง่ายดาย โดยได้ทดลองติดตั้งใน Land Rover Series III ด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบมอเตอร์คู่ กันสะเทือนด้านหน้าและด้านหลังแบบอิสระ แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 85 -100kWh สามารถแล่นได้ไกลถึง 380 กิโลเมตร และมีพละกำลังสูง 600 แรงม้า นอกจากการเปลี่ยนเครื่องยนต์สันดาปภายในเป็นแบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้าแล้ว Zero Labs ยังได้ปรับโครงสร้างเครื่องยนต์ 4×4 แบบเก่าใหม่ทั้งหมด ในราคาประมาณ 185,000 เหรียญสหรัฐ
Electrogenic Citroën DS
เกาะอังกฤษดูเหมือนจะมีบริษัทรับดัดแปลงรถยนต์เป็นพลังงานไฟฟ้าอยู่หลายแห่งมาก Electrogenic ก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ด้วยความมันส์ คือการไปหยิบเอาคลาสสิกคาร์สระดับไอคอนของเมืองน้ำหอม Citroën DS ปี 1971มารีบิวซ์ใหม่
Electrogenic เริ่มต้นด้วยการถอดเครื่องยนต์เบนซินและแทนที่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีพละกำลัง 120 แรงม้าและแรงบิด 173 ปอนด์-ฟุต โดยยังคงเชื่อมระบบส่งกำลังเข้ากับชุดเกียร์เดิมและระบบขับเคลื่อนล้อหน้า โดยใช้แหล่งพลังงานจากแบตเตอรี่ขนาด 48.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง ให้ระยะทางประมาณ 225 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ซึ่งการแปลงนี้ยังคงรักษาระบบกันสะเทือนแบบ Hydro-pneumatic อันเป็นเอกลักษณ์ของ DS แต่แทนที่ปั๊มไฮโดรลิคด้วยปั๊มไฟฟ้าแทน ซึ่งบริษัทอ้างว่าเสียงเงียบกว่าเดิมด้วย
Retro Go EV @ Thai
ในส่วนของประเทศไทยการนำรถเก่ามาสวมหัวใจใหม่เป็นพลังงานไฟฟ้า เริ่มมีการทดลองกันในหมู่ช่างอยู่ไม่น้อย ส่วนใหญ่จะเริ่มจากจักรยานยนต์ก่อนเพราะความซับซ้อนน้อยกว่า แต่ที่เป็นรถยนต์คลาสสิกจริงจังตอนนี้น่าจะมีสองอู่ที่สร้างรถออกมาวิ่งได้จริงแบบไร้ปัญหา นั่นคือ บริษัท อี วี คาร์ (ไทยแลนด์ ) จำกัด ย่านปทุมธานี ที่ปรับตัวจากธุรกิจติดตั้งแก๊สรถยนต์ และซ่อมรถยนต์ทั่วไป หันมาให้บริการดัดแปลงรถเก่าให้เป็นรถพลังงานไฟฟ้า โดยรุ่นที่ทำเสร็จออกมาแล้ว คือ BMW 700 Coupeและ Volvoรุ่นปี1960 ซึ่งเมื่อแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้าสามารถทำความเร็วได้ดีกว่าเครื่องยนต์เดิม โดยมีงบเริ่มต้นคันละประมาณ 300,000 บาท รายละเอียดเพิ่มเติม https://evcar.co.th/th/
ส่วนอีกแห่งคือ อู่รถไฟฟ้าลำพูน WP. WPEV อำเภอแม่ทา ลำพูน ที่มีผลงานด้วยการนำ Volkswagen beetle หรือโฟล์คเต่ามาดัดแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้า 35 กิโลวัตต์ ทำความเร็วได้ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง วิ่งได้ไกล 300 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง รายละเอียดเพิ่มเติม https://web.facebook.com/WPEV -อู่รถไฟฟ้าลำพูน