fbpx

Recent News: สรุปข่าวประจำวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2024

ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย และ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย ส่งแคมเปญ “มันส์ ไม่ ทิ้ง”นำรายได้จัดซื้ออุปกรณ์มอบให้ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด นำโดย นางสาววิภาวรรณ ทัศนปรีชาชัย  ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายบรรษัทสัมพันธ์ และ บริษัท เป๊ปซี่โค เซอร์วิสเซส เอเชีย จำกัด (เป๊ปซี่โค ประเทศไทย) โดยนางสาวบุษบา วงศ์นภาไพศาล ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์และรัฐกิจ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ส่งท้ายความสำเร็จของแคมเปญ “มันส์ ไม่ ทิ้ง” การจัดการขยะเต็มรูปแบบ (Entire Waste Management) ในงานเทศกาลดนตรี “เป๊ปซี่พรีเซนต์บิ๊กเมาน์เท่นมิวสิคเฟสติวัล ครั้งที่ 13” โดยนำรายได้จากการขายขยะรีไซเคิล ได้แก่ขวดพลาสติก PET และกระป๋องอะลูมิเนียม ไปจัดซื้ออุปกรณ์ที่จำเป็น ได้แก่ เปลมุ้ง ฟลายชีทกันฝน เตาแก๊สสนาม และแก๊สกระป๋อง รวมมูลค่ากว่า 69,000 บาท ให้แก่ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ โดยมีนายชัยยา ห้วยหงส์ทอง (ที่ 4 จากซ้าย) หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นผู้รับมอบ เพื่อสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ในการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติในเขตพื้นที่อุทยาน

นอกจากนี้ ยังส่งมอบถังคัดแยกขวดพลาสติก PET จำนวน 50 ถัง ที่ใช้ในงาน “เป๊ปซี่ พรีเซนต์ บิ๊กเมาน์เท่นมิวสิคเฟสติวัล ครั้งที่ 13” ให้แก่ทางสมาคมการท่องเที่ยวเขาใหญ่ โดยมีนางสาวพันชนะ วัฒนเสถียร  นายกสมาคมฯ เป็นผู้รับมอบเพื่อส่งต่อให้กับองค์กรในพื้นที่ อาทิ โรงเรียน วัด ร้านอาหาร มุ่งส่งเสริมการคัดแยกขวดพลาสติก PET เพื่อการรีไซเคิล โดยสามารถคัดแยกขยะเพื่อนำไปรีไซเคิลหรือใช้ประโยชน์อย่างเหมาะสมได้ทั้งสิ้น 5,035กิโลกรัมประกอบด้วยขวดพลาสติกPETใช้แล้ว1,795กิโลกรัม กระป๋องอะลูมิเนียม 1,075 กิโลกรัม ขยะเศษอาหาร705กิโลกรัม และขยะทั่วไปอีก1,460กิโลกรัม

เคทีซี-กรมบังคับคดี จัดมหกรรมไกล่เกลี่ยชั้นบังคับคดีที่กรุงเทพฯ ดีเดย์ 17-18 กุมภาพันธ์นี้

นายพีระพงศ์ พิตรพิบูลพาทิศ ผู้บริหารสูงสุดสายงานสำนักกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม บริษัท กรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง จำกัด (KTBL)  และบริษัท วินเพอร์ฟอร์มานซ์ จำกัด จะจัดมหกรรมไกล่เกลี่ยชั้นบังคับคดี วันที่ 17-18 กุมภาพันธ์ 2567 ระหว่างเวลา 09.00 น. – 15.00 น. ณ ห้องประชุมวิวัฒนไชย ชั้น 8 อาคารไทยซัมมิท ทาวเวอร์ กรุงเทพฯ เพื่อเปิดเวทีให้ลูกหนี้เคทีซีและ KTBL ได้มีโอกาสเจรจาชำระหนี้ โดยมีผู้ไกล่เกลี่ยจากกรมบังคับคดีเป็นคนกลางในการหาแนวทางยุติคดี โดยลูกหนี้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เพียงเตรียมเอกสารประกอบการเจรจาในวันงาน ได้แก่ สำเนาบัตรประชาชนพร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง หรือหากมอบอำนาจไกล่เกลี่ยแทน ขอให้จัดเตรียมสำเนาบัตรประชาชนผู้ใช้บัตรและผู้รับมอบอำนาจพร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง และหนังสือมอบอำนาจ หรือติดต่อแผนกประนอมหนี้ โทร. 02-631-3399 ,02-631-3668หรือสแกน QR Code

True IDC ทุ่มทุนกว่าหมื่นล้านลงธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ ตอบรับบิ๊กเทคและการมาของ AI

 บริษัท ทรู อินเทอร์เน็ต ดาต้าเซ็นเตอร์ จำกัด หรือ ทรู ไอดีซี ผู้นำการให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์และระบบคลาวด์ของประเทศไทยลงทุนเพิ่มกว่า 10,000 ล้านบาท ในการขยายศักยภาพธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์และคลาวด์ครั้งใหญ่ โดยการลงทุนนี้จะประกอบไปด้วยหลายโครงการขนาดใหญ่ เช่น โครงการขยายดาต้าเซ็นเตอร์ที่ ทรู ไอดีซี อีสต์ บางนา แคมปัส และทรู ไอดีซี นอร์ท เมืองทอง โครงการพัฒนาธุรกิจสู่ความยั่งยืนเพื่อก้าวเป็น Green Data Center เต็มรูปแบบ และโครงการพัฒนาความเป็นเลิศในการดำเนินงาน ตลอดระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่ปี 2567 ถึงปี 2570 โดยโครงการทั้งหมดจะเพิ่มขีดความสามารถให้กับบริษัทฯ ในการรองรับธุรกิจของไฮเปอร์สเกลเลอร์ ผู้ให้บริการโอทีที และผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีชั้นนำจากต่างประเทศที่กำลังยกขบวนเข้ามาในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน

ขึ้นแท่นดาต้าเซ็นเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดของไทย  : การลงทุนหลักจะเน้นการขยายดาต้าเซ็นเตอร์โครงการทรู ไอดีซี อีสต์ บางนา แคมปัส และโครงการ ทรู ไอดีซี นอร์ท เมืองทอง โดยมุ่งเน้นการยกระดับมาตรฐานดาต้าเซ็นเตอร์ให้กับประเทศไทยในการรองรับการเข้ามาของธุรกิจระดับโลก เช่น ผู้ให้บริการระบบคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ (Hyperscaler) อย่างระบบคลาวด์และระบบโซเชียลมีเดีย ผู้ให้บริการสื่อผ่านอินเทอร์เน็ต (Over-the-Top; OTT) อย่างระบบคอนเทนต์สตรีมมิง ตลอดจนธุรกิจในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่มีการปรับใช้และพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อส่งมอบสินค้าและบริการดิจิทัลออกสู่ตลาดโดยเฉพาะด้าน AI ที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยทั้งสองโครงการจะมีพื้นที่ให้บริการกว่า 60,000 ตารางเมตร ก่อสร้างตามมาตรฐาน Uptime และ TIA-942 ส่งมอบความยืดหยุ่นให้กับธุรกิจด้วยรูปแบบการให้บริการแบบ Build-to-Suit ซึ่งเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถออกแบบการวางอุปกรณ์คอมพิวเตอร์รูปแบบต่าง ๆ เช่น ระบบคอมพิวเตอร์ประเภทเน้นการประมวลผลขั้นสูงที่รองรับเทคโนโลยี AI (High Density Computing) ระบบคอมพิวเตอร์ประเภทใช้ของเหลวเพื่อปรับอุณหภูมิ (Liquid Cooling Computing) ตลอดจนลูกค้าสามารถกำหนดการใช้พลังงานไฟฟ้าในพื้นที่ของตนเองได้ในปริมาณที่สูงและมีความอิสระมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีการขยายปริมาณไฟฟ้าอีกจำนวน 41 เมกะวัตต์

ซึ่งส่งผลให้ทรู ไอดีซีสามารถให้บริการด้วยกำลังไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเมื่อรวมกับกำลังไฟฟ้าเดิม อีกทั้งยังมีการควบคุมประสิทธิภาพการใช้ไฟฟ้า (Power Usage Effectiveness: PUE) ไว้ที่ระดับต่ำที่สุดในไทย ดาต้าเซ็นเตอร์แห่งใหม่มีการเชื่อมต่อโครงข่ายเสรีด้วยระบบเน็ตเวิร์ก 4 เส้นทางแบบอิสระจากกัน การันตีการเข้าถึงและส่งผ่านข้อมูลอย่างไร้รอยต่อ พร้อมบริการเชื่อมต่อตรงไปยังระบบคลาวด์ต่างประเทศและบริการ Internet Exchange ที่สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตได้อย่างฉับไวกว่าการเชื่อมต่อแบบทั่วไป โครงการขยายดาต้าเซ็นเตอร์ดังกล่าวคาดว่าจะทยอยแล้วเสร็จและพร้อมเปิดให้บริการในตั้งแต่ช่วงปี 2568

ยกระดับความยั่งยืนตั้งแต่รากฐานดิจิทัล : การลงทุนส่วนถัดมาจะเป็นโครงการพัฒนาธุรกิจสู่ความยั่งยืนเพื่อก้าวเป็น Green Data Center เต็มรูปแบบ ซึ่งทรู ไอดีซีเล็งเห็นว่าความยั่งยืนทางดิจิทัลต้องเริ่มพัฒนาตั้งแต่ระดับโครงสร้างพื้นฐาน โดยจะดำเนินการควบคู่ไปกับการก่อสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ ตั้งแต่การออกแบบอาคารสีเขียวตามมาตรฐาน Leadership in Energy & Environmental Design (LEED) เน้นการใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การใช้ระบบและอุปกรณ์ที่สนับสนุนความยั่งยืน เช่น อุปกรณ์ที่ปราศจากสารซัลเฟอร์เฮกซาฟลูออไรด์ (SF-6) การใช้แบตเตอรี่แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน เป็นต้น ในด้านของพลังงานไฟฟ้าที่มีการนำร่องติดตั้งระบบโซลาร์เซลส์ไปในดาต้าเซ็นเตอร์เฟสก่อนหน้า จะนำเอาพลังงานสะอาดรูปแบบอื่นอย่างพลังงานลมและเซลส์เชื้อเพลิงมาใช้ควบคู่ในเฟสใหม่ด้วย และภายนอกดาต้าเซ็นเตอร์จะมีการติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าโดยจะผลิตไฟฟ้าจากแผงโซลาร์เซลส์ที่ติดตั้งบริเวณหลังคาของพื้นที่จอดรถเพื่อสนับสนุนการใช้งานพลังงานสะอาดให้กับผู้ใช้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ นอกจากนี้ทรู ไอดีซีได้ตั้งเป้าหมายให้สอดคล้องกับเครือเจริญโภคภัณฑ์ที่จะผลักดันธุรกิจสู่การเป็นองค์กร Carbon Neutral ที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายในปี 2,573 อีกด้วย

ผนึกความอัจฉริยะคู่กับการบริหารจัดการแบบฉบับสากล : ทรู ไอดีซีให้ความสำคัญกับการดำเนินงานของดาต้าเซ็นเตอร์ให้มีความเป็นเลิศมากยิ่งขึ้น จะเพิ่มการใช้งานซอฟต์แวร์จัดการข้อมูลดาต้าเซ็นเตอร์อัจฉริยะ (AI Data Center Infrastructure Management) ผสานการทำงานร่วมกับอุปกรณ์ไอโอทีและเซนเซอร์เพื่อการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลของอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น สามารถเฝ้าระวังแบบเรียลไทม์พร้อมการวิเคราะห์ผลจากศูนย์กลางแห่งเดียว เพิ่มการกำกับดูแลและรักษาสมดุลอุณหภูมิภายในดาต้าเซ็นเตอร์ให้อุปกรณ์และระบบคอมพิวเตอร์ที่มีความร้อนให้สูงทำงานได้อย่างราบรื่น
การดำเนินงานทั้งหมดของดาต้าเซ็นเตอร์ได้ถูกกำหนดให้อยู่ภายใต้แนวทางปฎิบัติของมาตรฐาน Uptime ระดับ
Tier III Gold ซึ่งทางทรู ไอดีซีได้รับการรับรองเพียงหนึ่งเดียวในไทยและอินโดไชน่า ครอบคลุมในเรื่องการบำรุงรักษาเชิงรุก การสำรองอุปกรณ์ซัพพอร์ตระบบ การตรวจสอบระบบอย่างถี่ถ้วน ปฎิบัติงานโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะและประสบการณ์สูง ช่วยให้การดำเนินงานด้านไอทีของลูกค้าเป็นไปอย่างไร้กังวล

นายธีรพันธุ์ เจริญศักดิ์ ผู้จัดการทั่วไปของทรู ไอดีซี เปิดเผยว่า “การเติบโตของตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ในเอเชียตะวันออกฉียงใต้ในปี 2024 นั้นมีการคาดการณ์จาก USDC Technology ว่าจะเติบโตสูงถึง 12.9% และมีมูลค่าตลาดถึง 3,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเทียบเท่า 122,500 ล้านบาท ประกอบกับการคาดการณ์การเติบโตของการใช้งานเทคโนโลยี AI ในเอเชียจาก Statista ในปี 2023 ถึง 2030 ว่าจะเติบโตสูงสูงถึง 19.5%  เราจึงตระหนักและเล็งเห็นว่าการลงทุนในโครงการดาต้าเซ็นเตอร์ครั้งนี้จะสร้างโอกาสใหม่ให้กับเศรษฐกิจของไทยและอาเซียน ตลอดจนสนับสนุนชีวิตดิจิทัลของผู้คนในสังคมให้ดียิ่งขึ้นและยั่งยืนขึ้น เพราะธุรกิจเราเป็นรากฐานที่จะรองรับการต่อยอดทางเทคโนโลยีของธุรกิจต่าง ๆ โดยเฉพาะในยุคดิจิทัลและยุคของ AI ที่ผู้เล่นจากต่างประเทศก็ต่างพากันเข้ามาทำธุรกิจ ถึงแม้ว่าเราจะเป็นผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์อันดับหนึ่งของไทยและดำเนินธุรกิจมาแล้วกว่า 20 ปี เรายังคงต้องเพิ่มศักยภาพและพัฒนาบริการให้ครอบคลุมตอบโจทย์ของทุกธุรกิจให้มากที่สุด”

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.trueidc.com/th/contact หรือ โทรฯ 02-494-8300

ฮุนได จัดทริปตะลุยเขาใหญ่สุดเอ็กซ์คลูซีฟ “Hyundai Campiness Trip” มอบประสบการณ์การเดินทางที่สะดวกสบายและสไตล์ที่หรูหรา เพื่อสาวก Staria และ Stargazer

ฮุนได โมบิลิตี้ ประเทศไทย (HMT) ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ฮุนไดอย่างเป็นทางการในประเทศไทย จัดกิจกรรมการเดินทางสุดเอ็กซ์คลูซีฟสู่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ “Hyundai Campiness Trip” สำหรับลูกค้า Hyundai Staria และHyundai Stargazer เป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยกิจกรรมพิเศษครั้งนี้ ลูกค้าได้เดินทางไปสัมผัประสบการณ์แคมปิ้งที่สนุกสนานรูปแบบใหม่พร้อมยานยนต์คู่ใจท่ามกลางความงดงามตามธรรมชาติของเขาใหญ่อย่างที่ลูกค้าฮุนไดยังไม่เคยสัมผัสมาก่อน

ซีลวาเนีย ฉลองครบรอบ 30 ปี การดำเนินธุรกิจในประเทศไทย พร้อมประกาศแผนรุกตลาดรอบใหม่ทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์

นายแดนนี่ หม่า ผู้จัดการประจำประเทศไทย และนายประภัทร์ ศรีธนานุรักษ์ รองผู้จัดการประจำประเทศไทย  บริษัท เฟโล ซีลวาเนีย (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมด้วย นายลีโอ ลี่ ที่ปรึกษา  นายไมเคิล เหมิง ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน  และ นางสาวรีเบคก้า ลี่ รองประธาน  บริษัท เฟโล ซีลวาเนีย เอเชีย แปซิฟิก จำกัด ร่วมกันจัดงานฉลองครบรอบ 30 ปี แบรนด์ ซีลวาเนีย ในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย พร้อมเลี้ยงขอบคุณกระชับความสัมพันธ์คู่ค้าและร้านค้าทั่วประเทศ รวมถึงประกาศแผนการเดินหน้ารุกตลาดครั้งใหม่ในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์       

เพิ่มเติมข้อมูลได้ที่ www.sylvania-lighting.com

เมืองไทยประกันชีวิต จัดงาน “MTL Bancassurance Kick Off 2024”

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เป็นประธานจัดงาน “MTL Bancassurance Kick Off 2024” ภายใต้ธีม The Glory of Fighter ท้าทายทุกขีดจำกัดด้วยใจ เพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย แก่ผู้บริหารและฝ่ายขายช่องทางธนาคาร หรือ Bancassurance (แบงก์แอสชัวรันส์) ทั่วประเทศ เพื่อปลุกพลังและสร้างความเชื่อมั่น ในการก้าวข้ามทุกขีดจำกัด สู่เส้นชัยของเป้าหมายที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน  พร้อมมอบนโยบายแนวทางการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์และวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ  ในปี 2567  โดยมีนายเคียม เคียว โฮ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส นายเกศพงษ์ นาทะสิริ  รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)  พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและฝ่ายขายช่องทาง Bancassurance เข้าร่วมงาน  ณ  โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว.

FTREIT เปิดผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 67 สร้างอัตราการเช่าระดับสูง เตรียมลงทุน 2,500 ล้านบาทเพิ่มพื้นที่ดันพอร์ตโต

FTREIT ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปีงบการเงิน 2567 (ต.ค. – ธ.ค. 2566) ทำรายได้รวม 989.7 ล้านบาท เติบโต 6.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน กำไรจากการลงทุนสุทธิ 636.8 ล้านบาท เตรียมจ่ายปันผลรอบไตรมาส 1/2567 อัตรา 0.1870 บาทต่อหน่วย กำหนดจ่ายในวันที่ 7 มี.ค. 67 พร้อมเล็งทุ่มงบเกือบ 2,500 ล้านบาทเข้าลงทุนพื้นที่เช่าใหม่ราว 100,000 ตร.ม

นายธนะรัชต์ บุญญะโกศล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล รีท แมนเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ “FIRM” ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ หรือ “FTREIT” กล่าวว่า ด้วยความสามารถในการบริหารจัดการอย่างแข็งแกร่ง และการขยายพื้นที่เช่าเพิ่มขึ้นจากการลงทุนเมื่อปีก่อนหน้า ส่งผลให้ในไตรมาส 1 ปีงบการเงิน 2567 (ตุลาคม – ธันวาคม 2566) FTREIT มีผลการดำเนินงานมั่นคง ด้วยอัตราการเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ 85.5% โดยในปีนี้บริษัทฯ เตรียมงบลงทุน 2,000 – 2,500 ล้านบาท และตั้งเป้าขยายพอร์ตโฟลิโอของกองทรัสต์เติบโตกว่า 50,000 ล้านบาท ซึ่งเน้นเข้าลงทุนในทรัพย์สินคุณภาพสูงจากกลุ่มบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) และบุคคลนอกกลุ่มที่มีที่ตั้งอยู่บนทำเลยุทธศาสตร์ด้านการขนส่งและอุตสาหกรรม มีศักยภาพการเติบโตสูง เพื่อสร้างรายได้ของ FTREIT ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหน่วยทรัสต์

ทั้งนี้ FIRM คาดว่าทิศทางเศรษฐกิจไทยปี 2567 จะปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้นตามการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว การส่งออก และการบริโภคภายในประเทศ โดยต้องติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านต่าง ๆ จากรัฐบาล ทั้งโครงการดิจิทัลวอลเล็ต และการดึงดูดการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติ เป็นต้น ซึ่งล้วนเป็นแรงหนุนที่ขับเคลื่อนความต้องการเช่าพื้นที่โรงงานและคลังสินค้าเพิ่มสูงขึ้น

“BRAVO BKK” ลงนาม MOU 2 พันธมิตรยักษ์ใหญ่ระดับเอเชีย ASEAN Retail-Chains Franchise Federation  และ IME Group ผู้จัดงานอีเวนท์ คอนเสิร์ต ชั้นนำ ปักหมุดจุดหมายปลายทางความบันเทิงแห่งใหม่ ใจกลางกรุงเทพฯ

Bravo BKK ศูนย์การค้าแห่งใหม่ สุดยอดแหล่งรวมความบันเทิงที่เปี่ยมด้วยชีวิตชีวา จุดหมายปลายทางสำหรับการสร้างช่วงเวลาที่น่าจดจำ ใจกลางพระราม 9 กรุงเทพมหานคร กับสถานที่ที่เป็นเอกลักษณ์และมีชีวิตชีวาที่สุด จัดพิธีลงนามความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง ASEAN Retail-Chains Franchise Federation (ARFF) และ IME Group ผู้จัดงานอีเวนท์ คอนเสิร์ต ชั้นนำของเอเชีย

นายโกห์ ซู ซิง CEO ของ BRAVO BKK และ ผู้ก่อตั้งรวมทั้งเป็น CEO ของกลุ่ม BON GROUP กล่าวว่า ด้วยจุดแข็งของ Bravo BKK ซึ่งตั้งอยู่ในสุดยอดทำเลของกรุงเทพฯ สามารถเดินทางได้สะดวก ขนาดพื้นที่รวมประมาณ 180,000 ตารางเมตร และมีพื้นที่ให้เช่ามากกว่า 70,000 ตารางเมตร ครอบคลุม 6 ชั้น และพร้อมด้วยที่จอดรถที่รองรับได้ถึง 1,200 คัน โดยมีไฮไลท์สำคัญที่แตกต่างจากค้าปลีกรายอื่นๆ คือ การเป็นศูนย์รวมของ “สถานที่จัดงาน” ที่สามารถรองรับทั้งการจัดงานสัมมนา งานปาร์ตี้ การประชุม และอื่นๆ อีกมากมาย พร้อมรองรับทุกความสร้างสรรค์ สำหรับการแสดงหลากหลาย เพื่อสร้างช่วงเวลาพิเศษใดๆ ให้น่าจดจำไม่รู้ลืม

ล่าสุดได้จัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่าง ASEAN Retail-Chains Franchise Federation (ARFF), IME Group โดย ARFF ถือเป็นพันธมิตรที่สำคัญที่จะช่วยเชิญชวนพันธมิตรด้านค้าปลีกจากประเทศจีน เข้ามาให้บริการที่ Bravo Bangkok มากขึ้น โดยมีสถานประกอบการยอดนิยม อาทิ Loong Mala, Boom Shake Entertainment Club และ Aion Electric Car ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ในขณะที่ IME Group เป็นกลุ่มธุรกิจบันเทิงชั้นนำในเอเชีย จะเข้ามาปฏิวัติวงการจัดงานอีเวนท์ของ BRAVO BKK ยกระดับสู่การเป็นแลนด์มาร์กพื้นที่จัดงานอีเวนท์ คอนเสิร์ต ที่ครบครันและทันสมัยที่สุด เพื่อก้าวสู่จุดหมายปลายทางความบันเทิงแห่งใหม่ ใจกลางกรุงเทพฯ 

นายโกห์ ซู ซิง ยังกล่าวอีกว่า BRAVO BKK มีภารกิจที่ชัดเจนเพื่อตอบสนองความต้องการแบบไดนามิกของผู้คนด้วย แนวคิด “Fit by Day, Fun by Night” โดยภายใต้คอนเซ็ปต์ Fit by Day คือ การสร้างระบบนิเวศแห่งการสร้างสุขภาวะที่ดีอย่างยั่งยืน ซึ่งมีความโดดเด่นและครบครันที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่ทุกคนสามารถยกระดับคุณภาพชีวิต ส่งเสริมปัจจัยที่ทำให้เกิดความรู้สึกดีๆ ผ่านการตระหนักถึงการรับประทานเพื่อสุขภาพ การออกกำลังกาย การคงความสดใสมีชีวิตชีวาอยู่เสมอ และเข้าถึงภาวะแห่งการมีสติและความสงบภายใน

ขณะที่ Fun by Night เป็นการนำเสนอแนวคิดสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่แปลกใหม่และน่าตื่นตาตื่นใจจากทั่วเอเชีย โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับความบันเทิงและสถานบันเทิงยามค่ำคืนของกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นผลจากความร่วมมือกับกลุ่มธุรกิจชั้นนำ เช่น IME Group และ Boom Shake Club จากประเทศจีน โดยตั้งแต่ไตรมาส 2 ของปีนี้ IME Group จะเริ่มเข้ามาใช้พื้นที่ของ BRAVO BKK  6,000 ตารางเมตรในการจัดงานอีเวนต์ นอกจากนี้ IME Group ยังเตรียมจัด 2 อีเวนท์ใหญ่ ได้แก่ คอนเสิร์ต 2024 IU H.E.R. World Tour Concert in Bangkok ในวันที่ 29-30 มิถุนายน 2567 ณ IMPACT Challenger Hall 1 และเทศกาลดนตรี FANS LAND WEB 3.0 Music Festival ในวันที่ 4-5 พฤษภาคม 2567 ณ IMPACT Exhibition Hall 5-8 ซึ่งจากแผนงานทั้งหมดทำให้มั่นใจได้ว่า BRAVO BKK จะนำประสบการณ์ที่ดีที่สุดและสร้างสรรค์ที่สุดมาสู่ลูกค้าทุกคน

ทั้งนี้ จากความร่วมมือกับ 2 พันธมิตรในครั้งนี้ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับ BROVO BKK เปิดสุดยอดประสบการณ์ให้กับลูกค้า ผู้ร่วมงาน และผู้บริโภคทุกคน ขับเคลื่อนประเทศไทยก้าวสู่ศูนย์กลางการค้า และความบันเทิงระดับเอเชีย พร้อมรองรับนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและคนต่างชาติที่จะหลั่งไหลเข้ามา ซึ่งจะช่วยผลักดันอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยให้เติบโตมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน หลังจากประเทศไทย และสาธารณรัฐประชาชนจีน มีแผนประกาศใช้มาตรการ “วีซ่าฟรี” ระหว่างกันแบบถาวร ตั้งแต่ 1 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป ซึ่งจะทำให้ทั้งคนไทยและคนจีนสามารถเดินทางไป-กลับได้ทั้ง 2 ประเทศแบบไม่ต้องมีวีซ่าซึ่งกันและกัน เชื่อว่าจะยิ่งส่งเสริมให้จำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยเติบโตยิ่งขึ้น และไปสู่เป้าหมายที่กระทรวงการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวจีน ที่จะเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 8 ล้านคนในปีนี้ 

Bravo BKK เป็นส่วนหนึ่งของ BON Group ซึ่งยืนหยัดในฐานะบริษัทที่โดดเด่นในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และมีประวัติที่โดดเด่นมาตลอดสามทศวรรษภายใต้การนำเสนอโซลูชั่นที่ครอบคลุม ด้วยการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในพื้นที่เชิงยุทธศาสตร์ เช่น อาบูดาบี เวียดนาม ไทย และมาเลเซีย BON Group ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการตอบสนองต่อความต้องการด้านอสังหาริมทรัพย์ที่หลากหลาย Bravo BKK ซึ่งเป็นอีกเสาหลักสำคัญของ BON Group ที่จะมีบทบาทสำคัญในการดำเนินงานและมุ่งมั่นดำเนินการตามปณิธานของกลุ่มด้วยการสนับสนุนของ Bravo BKK ซึ่ง BON Group ยังคงแน่วแน่ในการแสวงหาโอกาสในการขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ

Digiqole ad

บทความที่น่าสนใจ