Recent News: สรุปข่าวประจำวันที่ 3 พฤษภาคม 2023
นันยาง ประกาศจุดยืนพร้อมเป็นแนวร่วมเด็กไทยทุกคน ยุติปัญหาการบูลลี่ในโรงเรียน ด้วยแคมเปญ “BULLY NO MORE”
นันยาง เจาะลึกอินไซต์เด็กนักเรียนไทย พบว่าฝันสูงสุดคือต้องการหยุดปัญหาและพฤติกรรม “การบูลลี่ในโรงเรียน” ให้หมดไป หลังกรมสุขภาพจิตเผย ไทยกลายเป็นประเทศที่มีปัญหาการบูลลี่ในโรงเรียนสูงสุดเป็นอันดับ 2 ของโลก เดินหน้าประกาศจุดยืนเป็นแนวร่วมเด็กไทยยุติปัญหาด้วยแคมเปญ “BULLY NO MORE”
ดร.จักรพล จันทวิมล กรรมการผู้จัดการ บริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด อธิบายว่า “ในปีนี้ นันยางได้จัดทำสื่อที่นำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับ ‘คำขอโทษจากนันยาง’ ที่ไม่เพียงแต่ต้องการแสดงให้สังคมเห็นถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งที่นันยางได้เคยสื่อสารไปในอดีต ซึ่งบางครั้งอาจมีเนื้อหาบางส่วนเข้าข่ายการบูลลี่โดยไม่ได้ตั้งใจ และการออกมาขอโทษของเราในครั้งนี้จะเป็นตัวอย่างที่ดีที่จะจุดประกายแนวคิดให้แก่นักเรียนที่เคยมีพฤติกรรมการบูลลี่คนอื่น ทั้งที่ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตามได้เกิดการฉุกคิดและปรับเปลี่ยนมุมมองต่อเรื่องนี้เช่นเดียวกับนันยางตระหนัก นอกจากนี้ ยังได้พัฒนา รองเท้าผ้าใบนักเรียนรุ่นพิเศษ “Nanyang ‘BULLY NO MORE’ Special Edition” ที่สละพื้นที่โลโก้นันยางบนรองเท้า ให้เป็นข้อความเชิงสัญลักษณ์ BULLY NO MORE เพื่อประกาศจุดยืนในเรื่องนี้ให้ชัดเจน พร้อมเชิญชวนนักเรียนทั่วประเทศมาเป็นแนวร่วมทุกครั้งที่ได้เห็นข้อความบนรองเท้า โดยนันยางเปิดโอกาสให้นักเรียนนำรองเท้าคู่เก่ามาแลกรองเท้ารุ่นพิเศษนี้ ซึ่งรองเท้าคู่เก่าของพวกเขา จะถูกนำไปเป็นส่วนหนึ่งของชิ้นงาน Art Installation ที่ประกอบขึ้นเป็นข้อความเชิงสัญลักษณ์ BULLY NO MORE ที่สำคัญที่สุดคือทุกคนที่เข้าร่วมกิจกรรมนี้ จะได้ทำการประทับรอยเท้าแสดงจุดยืนร่วมกันเป็นข้อความเชิงสัญลักษณ์ BULLY NO MORE ที่จะทำให้จุดยืนการยุติปัญหาการบูลลี่ในโรงเรียนนี้ค่อยๆ ชัดเจนมากยิ่งขึ้น และนันยางจะใช้โอกาสของการร่วมกันประกาศจุดยืนนี้ ตอกย้ำให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในการยุติปัญหาการบูลลี่ในโรงเรียนให้หมดไปผ่านแนวคิด ‘ย่ำให้เต็มที่ แต่ไม่ย่ำยีใคร’
ด้านภาพรวมตลาดรองเท้านักเรียนในไทยนั้น ดร.จักรพล กล่าวว่า นันยางคาดว่าตลาดรวมในปี 2566 จะดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา เพราะกำลังซื้อเริ่มกลับมาหลังจากการประกาศให้โควิด-19 กลายเป็นโรคประจำถิ่น ทำให้ผู้คนกลับมาดำเนินชีวิตตามปกติ และเม็ดเงินที่ไหลเข้าสู่ระบบทำให้เศรษฐกิจโดยรวมเกิดความคล่องตัวเพิ่มขึ้นกว่าช่วง 3 ปีที่ผ่านมามาก ซึ่งสัญญาณบวกเหล่านี้จะหนุนให้ตลาดรองเท้านักเรียนของไทยในปีนี้ กลับมาคึกคักรับช่วงเปิดเทอมใหม่ในเดือนพฤษภาคมนี้ได้อย่างแน่นอน โดยคาดว่าในปีนี้ รองเท้าผ้าใบนักเรียนของ นันยางจะมีอัตราการเติบโตขึ้นประมาณ 8-10% ซึ่งเติบโตสูงกว่าตลาดรวมที่คาดว่าจะอยู่ประมาณ 3-5%
“ปัจจุบันตลาดรองเท้านักเรียนทุกประเภทในไทยมีมูลค่ารวมประมาณ 5,000 ล้านบาท หากพิจารณาเฉพาะตลาดรองเท้าผ้าใบนักเรียนพบว่า นันยางครองส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับหนึ่งอยู่ที่ 43-44% ซึ่งในปี 2566 นอกจากรองเท้าผ้าใบไซส์ใหญ่ของนันยางที่สามารถสร้างส่วนแบ่งการตลาดให้เพิ่มขึ้นแล้ว บริษัทฯ ยังได้กำหนดกลยุทธ์เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มรองเท้านักเรียนไซส์เล็กให้มากขึ้นด้วยเช่นกันจากการรุกทำการตลาดของรองเท้าผ้าใบนักเรียนรุ่น นันยาง Have Fun ที่มีคุณสมบัติ เบา นุ่ม สบาย ไม่ต้องผูกเชือก ลดการสัมผัสเชื้อโรค ที่ปัจจุบันผู้ปกครองรู้จักเป็นอย่างดี และเป็นกระแสนิยมอย่างมากของกลุ่มเด็กนักเรียนในระดับประถมศึกษาทั่วประเทศ โดยมียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นในทุกๆ ปี ด้านช่องทางการขายต่างประเทศนั้น นันยางยังคงมียอดขายเพิ่มขึ้น จากกลยุทธ์การร่วมมือกับภาครัฐนำสินค้าไทยไปขยายตลาดในต่างประเทศ มีการออกบูธแสดงสินค้าในต่างประเทศ ส่งผลให้รองเท้าผ้าใบนันยางเป็นที่รู้จักในระดับสากลมากขึ้น เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายสำคัญอย่างในวงการกีฬาตะกร้อ และเทคบอลที่กำลังเป็นกระแสในปัจจุบันด้วย จนได้รับการกล่าวขานว่าเป็นหนึ่งใน Soft Power ของในปัไทยจจุบัน” ดร.จักรพล กล่าวสรุป
B2S ร่วมมือกับ Mercular เปิด New Retail แห่งแรกในไทย ที่จะได้สัมผัสประสบการณ์ O2O แบบไร้รอยต่อ
บีทูเอส ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ผนึกความร่วมมือกับ เมอร์คูลาร์ เปิด New Retail แห่งแรกในประเทศไทย ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Gadget ที่ใช่… ยังไงก็ Mercular” ไลฟ์สไตล์ฮับแห่งใหม่ สำหรับคนรักแกดเจ็ต ต่อยอดจากธุรกิจ E-commerce โดยใช้เทคโนโลยีเป็นตัวกลางในการเชื่อมต่อสร้างประสบการณ์ ช้อปปิ้งแบบไร้เส้นแบ่งโลกออนไลน์และออฟไลน์ แค่เช็คสินค้าออนไลน์ที่ mercular.com/store ก็รู้ว่ามีของพร้อมให้ลองทันที เปิดให้บริการแล้ว ณ บีทูเอส ชั้น 2 เมกา บางนา
นับเป็นความร่วมมือที่ยิ่งใหญ่ของ2 พันธมิตรทางธุรกิจระหว่างB2S X Mercular ที่ได้ร่วมกันเนรมิตร้านแกดเจ็ตแห่งใหม่ เพื่อมอบปรากฏการณ์การช้อปที่สมบูรณ์แบบให้กับผู้บริโภคในโซนกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก พร้อมเติมเต็มความสมบูรณ์แบบ ให้กับทุกไลฟ์สไตล์ของคนรักแกดเจ็ต โดยเมอร์คูลาร์ สตาร์ทอัพไทยไฟแรงที่มียอดขายออนไลน์มากที่สุดในกลุ่มสินค้าแกดเจ็ต ซี่งในปัจจุบันบริษัทมีสินค้าแกดเจ็ตมากกว่า 20,000 ประเภท (ข้อมูล ณ วันที่ 1 กันยายน 2564) อีกทั้ง บริษัทได้รับการลงทุนจาก เซ็นทรัล รีเทล และการจับมือครั้งนี้ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นในการต่อยอดธุรกิจ New Retail ต่อไปในอนาคต ตั้งเป้าเพิ่มยอดขายขึ้นอีกกว่า30%
B2S X Mercular คือร้านแกดเจ็ตแห่งแรกในไทย ที่ถูกออกแบบมาอย่างโดดเด่น ทันสมัย เพิ่มความสบายตาด้วยโทนสีฟ้า ทุกพื้นที่ถูกเชื่อมโยงกันด้วยการจัดเลย์เอาท์ภายในร้านและการเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์ให้เป็น New Retail อย่างแท้จริง โดยมุ้งเน้นในการคัดสรรสินค้าเพื่อช่วยลูกค้าในการหาแกดเจ็ตที่ใช่เหมาะกับการใช้งานของ Lifestyle ลูกค้ามากที่สุด ประกอบด้วยสินค้าประเภทหูฟัง ลำโพง อุปกรณ์ เกมมิ่ง เช่น เมาส์และคีย์บอร์ด โดยแต่ละโซน มีสินค้าให้ทดลองจริงทุกชิ้น พร้อมระบบการเชื่อมต่อที่สะดวกต่อการลองแบบไรกังวล นอกจากนี้ยังมี Realtime Data เช็คสินค้าที่ต้องการทดลองผ่านออนไลน์ และเข้ามาทดลอง พร้อมเลือกซื้อสินค้าที่ร้านได้ทันที แบบไม่มีพลาด หรือจะร่วมพูดคุยหรือขอคำแนะนำจาก“Hobby Expert” ที่จะช่วยค้นหาสินค้าที่จะเป็น “Best of” ของคุณเพื่อตอบโจทย์ ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าแต่ละคนอีกด้วย พบกับ “B2S X Mercular” ร้านแกดเจ็ตแห่งแรกในไทยได้แล้ววันนี้ ที่ร้าน บีทูเอส ชั้น 2 เมกาบานา พร้อมมอบความสุขให้กับลูกค้าทุกเจนเนอเรชั่นสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/mercular/และhttps://www.facebook.com/B2SThailand/