fbpx

Recent News: สรุปข่าวประจำวันที่ 22 มีนาคม 2024

เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ กวาดยอดขายกว่า 3,400 ล้านบาท จากโครงการมิวนีค พร้อมพงษ์

เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ (MJD) ประกาศความสำเร็จโครงการมิวนีค พร้อมพงษ์ (MUNIQ Phrom Phong) เปิดขายรอบ VVIP และพรีเซลในช่วงต้นปี กวาดยอดขายไปกว่า 90% มูลค่ากว่า 3,400 ล้านบาท มั่นใจพร้อมเปิดขายโครงการระดับลักชัวรีทำเลใจกลางเมืองเพิ่มอีกเร็ว ๆ นี้

ดร. สุริยา พูลวรลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ “MJD” กล่าวว่า ท่ามกลางสภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ยังคงชะลอตัวอย่างต่อเนื่องในปี 2567 โครงการมิวนีค พร้อมพงษ์ เป็นคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรีมูลค่าโครงการ 3,700 ล้านบาท ที่มีกระแสตอบรับดีที่สุดในตอนนี้ สามารถทำยอดขายในช่วงพรีเซลได้อย่างถล่มทลายในเวลาเพียงแค่ 2 เดือนเท่านั้น

“ความสำเร็จของมิวนีค พร้อมพงษ์ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ในการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ๆ ในปีนี้ สะท้อนให้เห็นถึงการเลือกทำเลที่ตั้งโครงการที่ดีที่สุดและหาไม่ได้อีกแล้วในกรุงเทพ ในขณะที่คอนโดมิเนียมมีการออกแบบพัฒนามาเป็นอย่างดี เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย” ดร. สุริยา กล่าว

โครงการมิวนีค พร้อมพงษ์ เป็นคอนโดมิเนียมสูง 34 ชั้น จำนวน 106 ยูนิต ตั้งอยู่บนที่ดิน 1 ไร่ 91 ตารางวา ติดริมถนนสุขุมวิทปากซอยสุขุมวิท 39 ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า BTS พร้อมพงษ์เพียง 20 เมตร และใกล้กับศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ (The EmQuartier) เพียงแค่ 100 เมตร ซึ่งถือเป็นสุดยอดทำเลใจกลางเมืองย่านพร้อมพงษ์และจัดเป็นหนึ่งในทำเลที่ดีที่สุดของกรุงเทพฯ โครงการถูกออกแบบด้วยแนวคิด “Class is Permanent” พร้อมการดีไซน์อาคารในรูปแบบ “Manhattan Motif” ที่สะท้อนงานสถาปัตยกรรมอาคารสวยๆ ใจกลางเมืองนิวยอร์ค โดยมีจุดเด่นการออกแบบ layout ห้องหน้ากว้างที่เพิ่มมิติและมุมมองการอยู่อาศัยที่เหนือกว่าด้วยกระจกโค้งเข้ามุมและโปร่งสบายด้วยความสูงห้องจากพื้นถึงเพดานสูงสุด 3.4 เมตร นอกจากนี้โครงการยังคำนึงถึงความส่วนตัวในการอยู่อาศัย ด้วยจำนวนยูนิตสูงสุดเพียง 5 ยูนิต ต่อชั้นเท่านั้น รูปแบบห้องมี 4 แบบ ได้แก่ 1, 2, 3 และ 4 ห้องนอน ราคาตั้งแต่ 15.9 ล้านบาท พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ได้แก่ สระว่ายน้ำ ฟิตเนส ห้องโยคะ ห้องซาวน่าและสตรีม ห้องจัดเลี้ยงส่วนตัวในแบบ Chef’s Table และที่จอดรถมากถึง 141 คัน

ปัจจุบัน มิวนีค พร้อมพงษ์ ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมโครงการที่ 3 ภายใต้แบรนด์มิวนีค ได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างแล้ว หลังจากรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment: EIA) ได้รับการอนุมัติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ คาดว่าการก่อสร้างทั้งหมดจะแล้วเสร็จในไตรมาส 3 ปี 2570

“กระแสตอบรับที่ดีของมิวนีค พร้อมพงษ์ ทำให้เรามั่นใจในศักยภาพของตลาดและความต้องการของผู้ซื้อที่อยู่อาศัยมากยิ่งขึ้น และพร้อมเปิดตัวโครงการใหม่ Luxury Condominium opposite Shrewsbury โครงการ Muniq เจริญกรุง ที่กำลังจะเปิดขายเร็วๆนี้” ดร สุริยา กล่าว

ซึ่งในปี 2567  บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่เจาะหลายเซ็กเมนท์ เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโครงการภายใต้แบรนด์ Mayfield (เมย์ฟิลด์) พรีเมียมทาวน์โฮมระดับไฮเอนด์ที่ออกแบบให้ใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติ แบรนด์ Mayfield Lane (เมย์ฟิลด์ เลน) แบรนด์บ้านเดี่ยวระดับลักชูรีทำเลใจกลางเมือง  แบรนด์ Muniq คอนโดพรีเมียมในกลางเมือง และแบรนด์ใหม่ที่เน้น Super Luxury เพื่อให้สินค้าครอบคลุมทุกพื้นที่ ตั้งแต่ใจกลางย่านธุรกิจ (CBD) ไปจนถึงพื้นที่ใจกลางธุรกิจส่วนต่อขยาย (Extended CBD)

 ‘นีโอ โมบิลิตี้ เอเชีย’ คว้าสิทธิ์เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย XPENG ผู้เดียวในไทย รายแรกของอาเชียน

บริษัท นีโอ โมบิลิตี้ เอเชีย จำกัด (นีโอ โมบิลิตี้ เอเชีย) บริษัทร่วมทุนระหว่างกลุ่ม MGC-ASIA และกลุ่มอรุณ พลัส ได้รับการแต่งตั้งจาก XPENG Motors (เอ็กซ์เผิง มอเตอร์ส) ให้เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้า XPENG อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย โดยมี ดร. สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ   ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) (MGC-ASIA) และ นายเอกชัย ยิ้มสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อรุณ พลัส จำกัด เป็นผู้แทน นีโอโมบิลิตี้ เอเชีย รับมอบสิทธิ์ จาก มร. เจมส์ วู, รองประธานฝ่ายบัญชีและการเงิน, เอ็กซ์เผิง มอเตอร์ส อย่างเป็นทางการ  ณ สำนักงานใหญ่ สาธารณรัฐประชาชนจีน การได้รับแต่งตั้งครั้งนี้ เป็นหนึ่งความภาคภูมิใจของ นีโอ      โมบิลิตี้ เอเชีย ที่ได้นำ XPENG ยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะชั้นนำ มาสู่ผู้ใช้รถในไทยให้ได้สัมผัสกับนวัตกรรมด้านการขับสุดล้ำ ก่อนประเทศใดในอาเซียน ผู้สนใจสัมผัสประสบการณ์ไปกับ XPENG ที่พร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ได้ที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม ถึง 7 เมษายน 2567 บูธ A5 ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3  ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพค  เมืองทองธานี

สตาร์บัคส์ ประเทศไทย เปิดตัวแคมเปญ LITTLE CHOICES. BIG CHANGES.ใช้แก้วส่วนตัว ตั้งเป้าลดขยะลงครึ่งหนึ่งภายในปี 2573

สตาร์บัคส์ ประเทศไทย เปิดตัวแคมเปญ LITTLE CHOICES. BIG CHANGES. สนับสนุนให้ลูกค้ามีส่วนร่วมกับแบรนด์ในด้านความยั่งยืน ด้วยการนำแก้วส่วนตัวมาใช้ที่ร้านสตาร์บัคส์ทั่วประเทศ เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนร่วมกัน สอดคล้องกับเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมของสตาร์บัคส์ที่จะลดขยะลงครึ่งหนึ่งภายในปีพ.ศ. 2573

ด้วยความมุ่งมั่นที่จะดำเนินงานตามคำมั่นสัญญาของแบรนด์ต่อพาร์ทเนอร์ (พนักงาน) ลูกค้า ชุมชน ชาวไร่กาแฟ และโลกของเรา ผ่านกาแฟทุกๆ แก้ว โดยแคมเปญ LITTLE CHOICES. BIG CHANGES. ถือเป็นวาระที่สำคัญต่อเป้าหมายด้านความยั่งยืนของสตาร์บัคส์ในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ การใช้น้ำ และขยะลง 50% ภายในปี 2573 และในปีนี้ สตาร์บัคส์ ประเทศไทย ตั้งเป้าลดขยะใช้ครั้งเดียวทิ้ง (เช่น แก้วพลาสติก) ลง 50%  ด้วยการมอบส่วนลด  10 บาทสำหรับลูกค้าที่นำแก้วส่วนตัวมาใช้ที่ร้านสตาร์บัคส์ทุกสาขาทั่วประเทศทั้งนี้ ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2541 ที่สตาร์บัคส์ได้เปิดตัวในประเทศไทย ลูกค้าสตาร์บัคส์มีส่วนร่วมในการลดขยะแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งไปแล้วกว่า 29 ล้านใบจากการใช้แก้วส่วนตัว

นอกจากนี้ได้เปิดตัวโปรแกรม Grounds for Your Garden เพื่อให้ลูกค้าสามารถนำกากกาแฟที่สตาร์บัคส์กลับไปผสมดินเพื่อปลูกต้นไม้หรือทำสวนที่บ้านได้ โดยในปีพ.ศ. 2566 สตาร์บัคส์ได้แจกกากกาแฟไปแล้วกว่า 4,000 กิโลกรัมทั่วประเทศ นอกจากนี้ในปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ร้านกาแฟของสตาร์บัคส์ในประเทศไทยยังได้รับการรับรองเป็นร้านกาแฟสีเขียว หรือ Greener Stores จำนวน 12สาขา โดย Greener Stores คือร้านกาแฟของสตาร์บัคส์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า ควบคุมด้วยระบบการบริหารจัดการพลังงานที่จัดเก็บข้อมูลแบบเรียลไทม์ เพื่อการคงสถานะการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด รวมไปถึงการระบุการใช้พลังงานที่บกพร่อง เพื่อปรับปรุงการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพดีขึ้นในครั้งต่อไป

มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ ประสบการณ์สตาร์บัคส์ ไปพร้อมกันเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง: สตาร์บัคส์ ประเทศไทย ขอเชิญชวนให้ลูกค้าทุกท่านเข้าร่วมในแคมเปญ LITTLE CHOICES. BIG CHANGES. ด้วยการเลือกทำสิ่งเล็กๆ ที่จะช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ เช่น การเลือกใช้แก้ว ForHere เมื่อสั่งเครื่องดื่มเพื่อดื่มในร้าน หรือใช้แก้วส่วนตัว (Personal Cup) เมื่อสั่งเครื่องดื่มกลับบ้าน เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญให้กับสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ลูกค้าจะได้รับส่วนลด 10 บาทเมื่อนำแก้วส่วนตัวมาใช้ที่ร้าน โดยแบรนด์ได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตของการใช้แก้วส่วนตัวกว่า 50% หรือกว่า  3 ล้านแก้วภายในปีพ.ศ. 2567 นี้

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแคมเปญ LITTLE CHOICES. BIG CHANGES.  สามารถดูได้จากวิดีโอนี้

Digiqole ad

บทความที่น่าสนใจ