Recent News: สรุปข่าวประจำวันที่ 15 ธันวาคม 2023
Dusit Central Park ตอกย้ำนิยาม ‘Here for Bangkok’ เตรียมเปิดเฟสแรกกลางปี 2567
บริษัท วิมานสุริยา จำกัด เปิดเผยความคืบหน้าของโครงการ Dusit Central Park (ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค) โครงการมิกซ์ยูสชั้นนำใจกลางกรุงเทพฯ ในงานแถลงข่าวปลายปี 2566 ภายใต้ชื่อ “Here for Bangkok” Press Conference with Dusit Central Park ที่จัดขึ้น ณ Sales Gallery ของโครงการ Dusit Central Park โดยภายในงาน คุณละเอียด โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิมานสุริยา จำกัด และผู้พัฒนาโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค มาร่วมเสวนาและเปิดเผยความคืบหน้าล่าสุดก่อนเตรียมพร้อมเปิดตัวเฟสแรกในปี 2567
โครงการ Dusit Central Park เป็นโครงการร่วมทุนมูลค่า 46,000 ล้านบาท ขนาด 23 ไร่ บนที่ดินผืนประวัติศาสตร์และทำเลศักยภาพใจกลางเมือง ประกอบด้วย 4 ส่วน ได้แก่ 1) โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ระดับ 5 ดาว บนตึกความสูง 39 ชั้น 257 ห้อง พร้อมการตกแต่งที่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของดุสิตธานีเดิม 2) โครงการที่พักอาศัย The Residences at Dusit Central Park (เดอะ เรสซิเดนเซส แอท ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค) อาคารสูง 69 ชั้น 406 ห้อง ในสองลิฟวิ่งคอนเซ็ปต์ ประกอบไปด้วย Dusit Residences (ดุสิตเรสซิเดนเซส) และ Dusit Parkside (ดุสิตพาร์คไซด์) 3) ศูนย์การค้า Central Park Retail (ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพาร์ค) และ 4) สำนักงาน Central Park Offices (สำนักงานเซ็นทรัลพาร์ค) จากความร่วมมือระหว่าง บมจ.ดุสิตธานี และบมจ.เซ็นทรัลพัฒนา ที่นำเอาความเชี่ยวชาญของทั้งสองบริษัทมาผนวกรวมกันเพื่อพัฒนาโครงการให้มีองค์ประกอบต่าง ๆ อย่างสมบูรณ์ครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นในด้านการบริการ และการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
Dusit Central Park ตั้งอยู่ในย่านพระราม 4 และสีลมอันมีชีวิตชีวา ผสมผสานแนวทาง “Legacy meets Luxury” โดยให้นิยามใหม่ของไลฟ์สไตล์ระดับไฮเอนด์ผ่านการอนุรักษ์ และการผลักดันนวัตกรรมร่วมสมัย ด้วยรากฐานจากวิสัยทัศน์ “Here for Bangkok” ที่สื่อถึงความมุ่งมั่นในการอยู่คู่กับชาวกรุงเทพมาตลอดระยะเวลากว่า 70 ปี และความตั้งใจที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นให้กับผู้อยู่อาศัยในเมืองด้วยประสบการณ์ที่เหนือระดับ และการอำนวยความสะดวกครบครันผ่านโครงการมิกซ์ยูสแห่งนี้ต่อไปในอนาคต โดยโครงการ Dusit Central Park มีจุดมุ่งหมายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยใน 4 มิติ ได้แก่
Dusit Thani Bangkok – Here for grace and vibrancy ที่คงไว้ซึ่งมรดกของความเป็นเอกลักษณ์แห่งโรงแรมดุสิตธานี ก่อนนำมาผนวกและประยุกต์เข้ากับดีไซน์ที่ทันสมัย เพื่อตอกย้ำความหรูหราอันสง่างามที่อยู่คู่โรงแรมดุสิตธานีมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2513
The Residences at Dusit Central Park – Here for exceptional parkside living ที่ต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ด้วยการใช้ชีวิตแบบคนเมืองแต่อยู่ท่ามกลางพื้นที่สีเขียวและแหล่งธรรมชาติ พร้อมระบบสาธารณะและสถานประกอบการต่าง ๆ อย่างครบครัน
Central Park Retail – Here for curated experiences and inspiration ผ่าน The New Luxury คอนเซ็ปต์แบบใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยคัดสรรสิ่งที่ดีที่สุดร่วมกับแบรนด์ชั้นนำในไทยและแบรนด์ระดับโลก เพื่อมอบประสบการณ์อันน่าตื่นตาตื่นใจ พร้อมกับสร้างแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ให้กับคนเมือง
Central Park Offices – Here for creativity and productivity เสริมความแข็งแกร่งทางความคิดสร้างสรรค์และประสิทธิภาพการทำงานของคนเมืองที่รายล้อมด้วยตึกออฟฟิศและนวัตกรรมที่ทันสมัย
ในแง่ของการลงทุนจากต่างประเทศ Dusit Central Park คาดว่าจะได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นจากผู้ซื้อจากต่างประเทศหลังสถานการณ์โควิด-19 โดยเน้นย้ำความน่าดึงดูดของกรุงเทพฯ ด้วยระบบสาธารณะที่ครอบคลุม ใกล้ตัว และคุณภาพสูง เช่น สถานพยาบาลและสถานศึกษาชั้นนำในระดับประเทศและระดับภูมิภาค ทั้งหมดนี้จึงเป็นปัจจัยที่น่าดึงดูดสำหรับชาวต่างชาติ และยังสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ประเทศไทยได้อีกด้วย
จากความตั้งใจที่จะผลักดันความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม Dusit Central Park ได้รวบรวมคุณลักษณะที่ยั่งยืนไว้ด้วยกัน เช่น การใช้คอนกรีตรีไซเคิล และระบบกรองอากาศครอบคลุมทั้งโครงการ นอกจากนี้ Roof Park (รูฟ พาร์ค) สวนสาธารณะลอยฟ้าขนาด 7 ไร่ ยังเป็นโอเอซิสสีเขียวขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อทั้ง 4 โครงการภายใต้ Dusit Central Park ที่มีทั้งอัฒจันทร์ ลู่วิ่ง และฟาร์มปลูกผักใจกลางเมือง (urban farm) ซึ่งสะท้อนถึงความทุ่มเทของโครงการต่อระบบนิเวศและสุขภาพของคนในเมืองอย่างยั่งยืน
การเปิดตัวโครงการ Dusit Central Park ทั้ง 4 ส่วนจะแบ่งออกเป็น การเปิดตัวโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ในครึ่งหลังของปี 2567 การเปิดตัวสำนักงาน Central Park Offices และ การเปิดตัวศูนย์การค้า Central Park ภายในปี 2568 และเริ่มส่งมอบ The Residences at Dusit Central Park ในช่วงปลายปี 2568
ทั้งนี้ ตัวเลขยอดขายล่าสุดของ The Residences at Dusit Central Park แสดงให้เห็นการยอมรับของตลาด โดยขณะนี้กำลังก้าวเข้าสู่ยอดขาย 80% ในอีกไม่ช้า จากการขายยูนิตจำนวนกว่า 300 ห้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าเผยให้เห็นถึงความสนใจอย่างมากในห้องพักบางประเภทซึ่งถือเป็นปัจจัยช่วยวางแผนเชิงกลยุทธ์ในอนาคต ปัจจุบันลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวไทยโดยคิดเป็นสัดส่วน ลูกค้าชาวไทย 75% และชาวต่างชาติ 25% อย่างไรก็ตามด้วยเครือข่ายที่แข็งแกร่งและการคลี่คลายของสถานการณ์โควิด Dusit Central Park มั่นใจว่าจะสามารถดึงดูดผู้ซื้อชั้นนำจากต่างประเทศได้มากขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
คุณละเอียด โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิมาน สุริยา จำกัด และผู้พัฒนาโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค กล่าวว่า “Dusit Central Park เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของเราในการสร้างนิยามใหม่ของการใช้ชีวิตของผู้คนยุคปัจจุบัน และการสร้างแลนด์มาร์คที่ผสมผสานมรดกทางวัฒนธรรมเข้ากับนวัตกรรมได้อย่างลงตัว โครงการนี้สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ “Here for Bangkok” ของเรา โดยการนำเสนอความเป็นเลิศในด้านของการบริการ และการพัฒนาที่ยั่งยืนมารวมกันไว้ในหนึ่งเดียว ในขณะที่เราก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของกรุงเทพฯ Dusit Central Park ไม่เพียงแต่จะเป็นโครงการแบบมิกซ์ยูสเท่านั้น แต่เราจะสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ณ ตำแหน่งที่ตั้งประวัติศาสตร์อันเป็นจุดตัดระหว่างความคึกคักของเมือง และพื้นที่สีเขียวของสวนลุมพินีด้วยการพัฒนาโครงการแบบผสมผสานที่ไม่เหมือนใครเพื่อสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับการท่องเที่ยว พักผ่อน ชอปปิง การทำงาน เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนเมืองในทุกด้าน
สุดท้ายนี้ ในปี 2567 ที่ใกล้เข้ามาถึง Dusit Central Park ได้กำหนดเป้าหมายการขายเพื่อสร้างความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นไปที่การเปิดตัวของ Residential Sales Office แห่งใหม่ รวมถึงการเปิดตัวของ Penthouse (เพนต์เฮาส์) สุดพิเศษที่มีเอกลักษณ์เฉพาะที่ได้รับความสนใจอย่างมาก เรารู้สึกตื่นเต้นกับการเปลี่ยนแปลงที่โครงการ Dusit Central Park จะมีต่อกรุงเทพ และประเทศไทยในไม่ช้านี้”
Metthier จับมือ SC Asset ยกระดับความปลอดภัย เสริมเทคโนโลยี AI อัจฉริยะบนแอปพลิเคชัน “รู้ใจ” (RueJai App) ดูแลลูกบ้านอยู่สบายไร้กังวล
“Metthier” จับมือ “SC Asset” เสริมแกร่งความปลอดภัยและความสะดวกสบายสูงสุดให้แก่ลูกบ้านทุกระดับเซ็กเมนต์ พร้อมให้บริการด้านความปลอดภัย (Security as a Service) หนึ่งในบริการหลักของระบบ Smart Facility Management ด้วยการติดตั้งกล้องวงจรปิดอัจฉริยะและเทคโนโลยี AI ตรวจจับการบุกรุก เชื่อมศูนย์รวมระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ MIOC เข้ากับแอป RueJai ดูแลความปลอดภัยได้อย่างไร้รอยต่อ นำข้อมูลมาวิเคราะห์ช่วยคาดการณ์เหตุการณ์ล่วงหน้า พร้อมเจ้าหน้าที่คอยดูแลตลอด 24 ชม.
นายขยล ตันติชาติวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมทเธียร์ จำกัด (Metthier) ผู้ให้บริการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์อัจฉริยะ (Smart Facility Management) แบบครบวงจร กล่าวว่า บริษัทได้ร่วมกับบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เดินหน้ายกระดับความปลอดภัยและมอบความสะดวกสบายสูงสุดให้กับลูกบ้าน SC Asset ด้วยการให้บริการด้านความปลอดภัย (Security as a Service) หนึ่งในบริการหลักของ Metthier ผสานความเชี่ยวชาญจากทีมงานมืออาชีพและเทคโนโลยีขั้นสูง ตามแนวคิด “RISE ABOVE ORDINARY ที่เมทเธียร์เราเหนือกว่าด้วยเทคโนโลยี” เข้ามาดูแลความปลอดภัยภายในโครงการบ้านในเครือ SC Asset อาทิ เดอะ เจนทริ, แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด, บางกอก บูเลอวาร์ด
“Metthier” ได้ติดตั้งระบบกล้องวงจรปิดอัจฉริยะสามารถตรวจจับการบุกรุกได้แบบเรียลไทม์ พร้อมเทคโนโลยี AI ขั้นสูง วิเคราะห์และคาดการณ์เหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นล่วงหน้าเพื่อวางแผนป้องกัน โดยเชื่อมการทำงานร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการอัจฉริยะเมทเธียร์ (Metthier Intelligent Operation Center: MIOC) ที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งยังเชื่อมระบบเข้ากับแอปพลิเคชัน “รู้ใจ” (RueJai App) ได้อย่างไร้รอยต่อ สามารถดูความเคลื่อนไหวภายในโครงการได้สะดวกยิ่งขึ้น เพื่อสร้างความอุ่นใจให้กับลูกบ้าน SC Asset พร้อมมีผู้คอยดูแลและให้ความช่วยเหลือในทุกสถานการณ์” นายขยล กล่าว
นายดิเรก ตยาคี Head of Tech Solutions บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC Asset กล่าวว่า “นอกจากคุณภาพของสินค้าและบริการที่ดีแล้ว ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อพฤติกรรมการตัดสินใจเลือกซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภค ก็คือ ความปลอดภัย เพราะบ้านต้องเป็นที่อยู่อาศัย ที่อยู่ได้อย่างสบายใจไร้กังวล ซึ่ง SC ได้รับความไว้วางใจ จากลูกค้ามาโดยตลอด ด้วยบริการระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชม.
การร่วมมือในครั้งนี้ จะช่วยยกระดับประสบการณ์ความปลอดภัยของการอยู่อาศัยของลูกบ้าน ตอกย้ำการเป็น Living Solution Provider ตามแนวคิด Human-Centric ที่มีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เพื่อค้นหาความต้องการและโซลูชันต่างๆ ด้านที่อยู่อาศัย โดย SC จะเริ่มคิกออฟ ระบบ Smart Facility Management ในปี 2567 ทุกระดับเซกเมนต์ ซึ่งจะติดตั้งเป็นเทคโนโลยีพื้นฐานมาพร้อมกับบ้านทุกหลัง ลูกบ้านสามารถใช้บริการ ผ่านแอปพลิเคชัน RueJai ภายใต้แนวคิด ช่วยเรื่องบ้าน จัดการเรื่องชีวิต”