fbpx

Recent News: สรุปข่าวประจำวันที่ 12 กรกฏาคม 2023

“เนอวานา” เดินหน้าขยายพอร์ตโฟลิโอ พร้อมเปิดประสบการณ์ใช้ชีวิตรูปแบบใหม่ กับโครงการ “The MOST Rattanathibet” ไฮไรส์คอนโดมิเนียม

บริษัท เนอวานา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยระดับ High End และเป็นผู้นำในการสร้างที่อยู่อาศัยมีดีไซน์ในสไตล์ Natural Modern ทันสมัยเหมาะกับการใช้ชีวิตของ คนรุ่นใหม่ ในรูปแบบใหม่ภายใต้แนวคิด Living Revolution สะท้อนผ่านการสร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยแบบสมดุล (Life Balancing) ผสมผสานระหว่าง Modern Living Design และ Modern Living Innovation เข้าด้วยกันอย่างลงตัว

โดยมรครั้งนี้ เนอวานา ดีเวลลอปเม้นท์ พลิกโฉมคอนโดมิเนียมให้แตกต่างไม่ซ้ำใครกับโครงการ “The MOST Rattanathibet” ไฮไรส์คอนโดมิเนียม แลนด์มาร์คใหม่แห่งการอยู่อาศัยในย่านรัตนาธิเบศร์ นนทบุรี ด้วยดีไซน์แบบดับเบิลสเปซ สูงตระหง่าน 45 ชั้น มูลค่าโครงการ 5,400 ล้านบาท ราคาเริ่มต้นเพียง 1.79 ล้านบาท พร้อมเปิดการขายอย่างเป็นทางการ 5 สิงหาคมนี้    

นายศรศักดิ์ สมวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เนอวานา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (NVD) กล่าวว่า การที่บริษัทฯ จะเปิดขายโครงการเดอะโมส รัตนาธิเบศร์  “The MOST Rattanathibet” อย่างเป็นทางการนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญของการขยายการลงทุนและพอร์ตโฟลิโอครั้งสำคัญ จากก่อนหน้านี้ บริษัทฯ เน้นการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบในตลาดลักชัวรี รวมถึงโครงการบันยันทรี เรสซิเดนซ์ ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพ มาสู่คอนโดมิเนียมในราคาที่สามารถจับต้องได้มากขึ้น ในเซ็กเม้นท์โมเดิร์น พรีเมียม ที่จับต้องได้ (Affordable modern premium)

“การพัฒนาโครงการเดอะโมส รัตนาธิเบศร์ ถือเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่เนอวานาต้องการสร้างการเติบโตในธุรกิจอสังหาฯ อย่างก้าวกระโดด และเปิดตัวโครงการใหม่ให้ครอบคลุมทุกเซ็กเมนท์ ซึ่งจะเห็นได้ว่าย่านรัตนาธิเบศร์ เป็นอีกหนึ่งทำเลที่มีศักยภาพและเติบโตอย่างรวดเร็ว หลังจากมีการเปิดให้บริการโครงการรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกทำเลบนถนนรัตนาธิเบศร์จะเหมาะกับการพัฒนาคอนโดมิเนียม ซึ่ง เดอะโมส รัตนาธิเบศร์ ตั้งอยู่ห่างจากเซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์ เพียง 98 เมตร และสามารถเดินถึงสถานีรถไฟฟ้าสายสีม่วงได้อย่างปลอดภัยเพียง 420 เมตร เดินทางเข้าออก-เมืองอย่างสะดวก และครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยสำหรับคนรุ่นใหม่” นายศรศักด์ กล่าวย้ำ

โครงการเดอะโมส รัตนาธิเบศร์ เป็นอาคารชุดสูง 45 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 1,832 ยูนิต บนเนื้อที่ 5-0-84 ไร่ ริมถนนรัตนาธิเบศร์ มูลค่าโครงการ 5,400 ล้านบาท ประกอบด้วยห้องชุดขนาด 1 ห้องนอน 24 ตารางเมตร, 1 ห้องนอน 28 ตารางเมตร, 1 ห้องนอนพลัส 35 ตารางเมตร, 1 ห้องนอนดับเบิลสเปซ 24 ตารางเมตร, 1 ห้องนอนดับเบิลสเปซ 28 ตารางเมตร และ 1 ห้องนอนพลัส ดับเบิลสเปซ 35 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 1.79 ล้านบาท โดยโครงการผ่านรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เรียบร้อยแล้ว มีแผนจะดำเนินการก่อสร้างในช่วงปลายปี 2566 และมีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2569

นายรณชัย ไตรยสุนันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานปฎิบัติการ บริษัท เนอวานา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแนวคิดการออกแบบว่า โครงการ เดอะ โมส  รัตนาธิเบศร์ เป็นโครงการคอนโดมิเนียมที่พัฒนาด้วยแนวคิด ‘สุขที่สุด.. ทุกการใช้ชีวิต’ ครบครันทุกความสะดวกสบาย ตั้งแต่ทำเลที่ตั้ง ไปจนถึงตัวโครงการ ทั้งพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่กว่า 5,000 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวกกว่า 100 ฟังก์ชัน รองรับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ตามาสโลแกน “100 ฟังก์ชัน 1,000 ไลฟ์สไตล์” และด้วยห้องชุดดีไซน์ใหม่ ฟังก์ชันดับเบิลสเปซ (Double Space) ที่มีฝ้าเพดานสูงถึง 4.3 เมตร สามารถเพิ่มพื้นที่การใช้ชีวิตให้มากขึ้น ด้วยพื้นที่ดับเบิลสองชั้น

“จุดเด่นของคอนเซปต์ดับเบิลสเปซ คือ เราให้พื้นที่เยอะกว่า โดยคุณจะได้พื้นที่เพิ่มขึ้นมาถึง 50-70% ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันการใข้งานได้มากกว่าและสะดวกสบายยิ่งขึ้น”

พร้อมกันนี้ ภายในโครงการมีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน เริ่มจากบริเวณ ชั้นล่างของโครงการ ประกอบด้วยสนามแบดมินตัน, สนามบาสเก็ตบอล, จอกกิ้งแทรค (Jogging track)  ภายในล็อบบี้รองรับการต้อนรับเพื่อนและการทำงาน ทั้งโคเวิร์คกิ้ง สเปซ และห้องประชุม ในส่วนบริเวณชั้น 44 และ 45 ยังมีพื้นที่สวนหย่อม, ห้องสมุด, สกายเล้าจน์, สกายเธียรเตอร์, ฟิตเนส, เวทีมวย, กีฬาปีนเขา, โยคะฟลาย, สระว่ายน้ำ, บาร์และปาร์ตี้รูม, โคคิทเช่น, ห้องเกมส์, ห้องไลฟ์ และอื่นๆอีกมากมาย โดยโครงการมีที่จอดรถถึง 737 คัน ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดโครงการได้ที่คอลเซ็นเตอร์ โทร 1787

รพ. วิมุต เปิดศูนย์ส่องกล้องและหน่วยเฉพาะทางการเคลื่อนไหวระบบทางเดินอาหาร ENDOSCOPY & GI MOTILITY UNIT เดินหน้ากลยุทธ์การยกระดับมาตรฐานการรักษาโรคยาก-ซับซ้อนให้ตรงจุดและครอบคลุม

โรงพยาบาลวิมุต ตอกย้ำความเป็น Trusted Healthcare Platform ของไทย เดินหน้าเปิดศูนย์ส่องกล้องและหน่วยเฉพาะทางการเคลื่อนไหวระบบทางเดินอาหาร (ENDOSCOPY & GI MOTILITY UNIT) เร่งผลักดันการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคยากและซับซ้อนที่ตรงจุดและมีประสิทธิภาพ พร้อมชู 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ การยกระดับการรักษาที่ครอบคลุมด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ การใช้นวัตกรรมที่ทันสมัยเพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่แม่นยำและมีประสิทธิภาพสูง และการมอบบริการที่ครอบคลุมทั้งที่โรงพยาบาลและทางออนไลน์ผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์ม เสริมแกร่งระบบบริการของโรงพยาบาล ทั้งการป้องกันโรค ตรวจวินิจฉัย ติดตามอาการ รายงานผล และรักษาให้สะดวกรวดเร็ว เพื่อตอบโจทย์สังคมและไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ พร้อมรองรับผู้ใช้บริการทั้งกลุ่มคนไทยและคนต่างชาติ ภายใต้สโลแกน “เพราะความใส่ใจ…ไม่ใช่แค่คําพูด” พร้อมก้าวสู่การเป็นโรงพยาบาลที่มีศูนย์การแพทย์เฉพาะทางครบครันที่เพียบพร้อมด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญผู้มอบการตรวจและรักษาได้อย่างตรงจุดตามมาตรฐานสากล ภายใต้วิสัยทัศน์ในการดูแลและส่งเสริมสุขภาพที่ดีของคนไทย ด้วยบริการการดูแลสุขภาพที่ครอบคลุมในแบบองค์รวม (Holistic Care) ตั้งแต่การป้องกันจนถึงการรักษาที่เปี่ยมประสิทธิภาพ ตั้งเป้าลดการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตจากโรคยาก-ซับซ้อนในสังคมไทย

นายแพทย์สมบูรณ์ ทศบวร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวิมุต กล่าวว่า “รพ.วิมุต ตระหนักถึงสถานการณ์ของโรคระบบทางเดินอาหารและตับที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยเกิดจากหลากหลายปัจจัยเสี่ยง ทั้งพฤติกรรมการใช้ชีวิต สิ่งแวดล้อม รวมถึงพันธุกรรม ในวันนี้เราจึงเดินหน้าเปิดศูนย์ส่องกล้องและหน่วยเฉพาะทางการเคลื่อนไหวระบบทางเดินอาหาร เพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ในการมุ่งมั่นใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางของบุคลากรทางการแพทย์ ผสานเข้ากับการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีการแพทย์ที่ทันสมัยภายใต้อัตราค่าบริการที่สมเหตุสมผล ให้ทุกคนสามารถเข้าถึงบริการตามมาตรฐานสากล ด้วยบริการที่สะดวกสบายและไร้รอยต่อทั้งในโรงพยาบาลและผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลทางแอปพลิเคชั่น “ViMUT App” เพื่อการดูแลผู้ป่วยอย่างครอบคลุมทุกมิติภายใต้แนวคิด “อีกระดับของการรักษา…ด้วยความใส่ใจ” โดยเทคโนโลยีที่นำมาใช้ที่ศูนย์ฯ จะสามารถให้การรักษาและการวินิจฉัยปัญหาที่เกี่ยวกับโรคทางเดินอาหารและตับต่าง ๆ ซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพของคนไทยจำนวนมาก เช่น โรคกรดไหลย้อน ท้องผูก โรคลำไส้แปรปรวน กลั้นอุจจาระไม่ได้ กลืนลำบาก โรคกระเพาะ โรคนิ่วในถุงน้ำดี โรคไวรัสตับอักเสบ โรคไขมันเกาะตับ โรคตับแข็ง รวมไปถึงมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งตับ และมะเร็งลำไส้ เราพร้อมเดินหน้าส่งเสริมสุขภาพของประชาชนคนไทย ด้วยการตรวจที่ช่วยให้ตรวจเจอโรคได้ไว การรักษาที่ตรงจุด ให้ผู้ป่วยมีโอกาสหายและกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติโดยเร็ว”

“จุดแข็งของศูนย์ทางเดินอาหารและตับของโรงพยาบาลวิมุต คือ ความลงตัวและความเชี่ยวชาญในการรักษาโรคทางเดินอาหารด้วยการตรวจหาสาเหตุตั้งต้นของโรค และการรักษาในเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการรักษาโรคระบบทางเดินอาหารและตับที่มีความยากและซับซ้อน รวมถึงโรงพยาบาลวิมุตมีทีมงานในทุกศูนย์เฉพาะทางพร้อมประสานงานกันเพื่อร่วมดูแลผู้ป่วยอย่างครบครันและส่งต่อการรักษาได้อย่างราบรื่น ทำให้สามารถรักษาโรคทางเดินอาหารต่างๆที่ซับซ้อนได้อย่างมั่นใจ”

ด้าน นายแพทย์กุลเทพ รัตนโกวิท แพทย์ผู้ชำนาญการโรคระบบทางเดินอาหารและตับ ระบบประสาทและการเคลื่อนไหวทางเดินอาหาร หัวหน้าศูนย์ทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลวิมุต กล่าวถึงความท้าทายในการรักษาโรคระบบทางเดินอาหารและตับว่า “โรคทางเดินอาหารและตับถือเป็นอีกหนึ่งภัยเงียบที่อาจมาเยือนทุกคนได้อย่างไม่รู้ตัว อาการเจ็บป่วย อย่างเช่น แสบยอดอก กลืนลำบาก ปวดท้อง ท้องอืด อาหารไม่ย่อย หรือการขับถ่ายที่ไม่ปกติ หากเราไม่สังเกตและเข้าปรึกษาแพทย์ทันแล้ว อาการอาจเรื้อรัง ก่อให้เกิดผลแทรกซ้อน หรือ มีความรุนแรงขึ้นจนอันตรายถึงชีวิตได้ หรือทำให้ผู้ป่วยพบโรคในวันที่สาย โรคบางชนิดมีอาการแทรกซ้อนอยู่มากมาย จึงจำเป็นต้องได้รับการรักษาที่ละเอียดแม่นยำเพื่อความปลอดภัย แนวทางการรักษาของทีมแพทย์ที่โรงพยาบาลวิมุต เน้นการตรวจอย่างละเอียดและตรงจุด นำเทคโนโลยีการรักษาที่ทันสมัยมาดูแลทุกคนในครอบครัวอย่างมีประสิทธิภาพ

อาทิ Anorectal Manometry และ Biofeedback Therapy ในผู้ป่วยท้องผูก หรือ กลั้นอุจจาระไม่ได้ Esophageal Manometry ในผู้ป่วยที่มีภาวะ กลืนลำบาก เจ็บหน้าอกที่ไม่ได้มาจากโรคหัวใจ หรือก่อนการผ่าตัดรักษาหูรูดหลอดอาหาร การวัดกรดในหลอดอาหาร (PH Monitoring) ในผู้ป่วยที่รักษาด้วยยาแล้วไม่ดีขึ้นหรือ อาการไม่ชัดเจน การส่องกล้องระบบทางเดินอาหาร, การตรวจ colonic transit study ในผู้ป่วยที่สงสัยภาวะลำไส้เคลื่อนตัวช้า การตรวจหาภาวะพังผืดในเนื้อตับและตรวจวัดปริมาณไขมันสะสมในตับ (Fibro Scan) ตลอดจนการคัดกรองมะเร็งทางเดินอาหาร เนื่องด้วยปัจจุบันมะเร็งลำไส้ใหญ่ในประเทศไทยพบมากเป็นอันดับ 2 ในเพศหญิง และอันดับ 3 ในเพศชาย และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้จะสามารถป้องกันหรือช่วยให้ตรวจพบมะเร็งระยะเริ่มต้นได้เพื่อการรักษาที่ทันท่วงที

โรงพยาบาลวิมุตยังตั้งเป้าหมายเป็นโรงพยาบาลเอกชนทางเลือกชั้นนำสำหรับผู้ป่วยโรคยากและซับซ้อน เพื่อลดช่องว่างในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ของประชาชนคนไทย พร้อมเผยแผนการขยายธุรกิจจับกลุ่มลูกค้าต่างชาติมากขึ้นในอนาคต พร้อมมีแผนขยายฐานไปสู่กลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ โดยปัจจุบันมีกลุ่มลูกค้าจากประเทศต่างๆ เดินทางมารักษา ได้แก่ กัมพูชา พม่า จีน อินเดีย และอื่นๆ รวมถึงกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติที่อาศัยและทำงานอยู่ในประเทศไทย เข้ามาใช้บริการในศูนย์ทางเดินอาหารและตับ โดยมีอัตรากลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติเติบโตสูงขึ้นคิดเป็น 20% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และคาดว่าหลังจากเปิดศูนย์ส่องกล้องและหน่วยเฉพาะทางการเคลื่อนไหวระบบทางเดินอาหารอย่างเป็นทางการแล้ว จะมียอดเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นอีก โดยทางเราพร้อมเดินหน้าและขับเคลื่อนการเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา เพื่อลดอัตราการสูญเสีย พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคมแบบองค์รวมได้ดียิ่งขึ้น

รายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ชั้น 5 โรงพยาบาลวิมุต สามารถโทรนัดหมายได้ที่ 02 079 0054 เวลา 8.00 – 20.00 น. ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรงพยาบาลได้ทางเว็บไซต์ www.vimut.com เฟซบุ๊ก: www.facebook.com/vimuthospital  อินสตาแกรม: vimut_hospital ไลน์: @vimuthospital TikTok: @vimuthospital  YouTube: youtube.com/c/ViMUTHospital

Digiqole ad

บทความที่น่าสนใจ