fbpx

Recent News: สรุปข่าวประจำวันที่ 10 เมษายน 2023

เซ็นทรัลเวิลด์ เปิดโซนใหม่ ‘Comma And’ มัลติแบรนด์คอนเซ็ปสโตร์แห่งใหม่ใจกลางเมือง

ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ไลฟ์สไตล์เดสติเนชั่นแลนด์มาร์กระดับโลกใจกลางกรุงเทพฯ เปิดโซนแฟชั่นใหม่ล่าสุด “Comma And” (คอมม่าแอนด์) เนรมิตพื้นที่ Zone I (โซนไอ) ชั้น 1 ให้กลายเป็น  มัลติแบรนด์คอนเซ็ปต์สโตร์ คัดสรรแบรนด์ชั้นนำจากไทยและต่างประเทศกว่า 70 แบรนด์ทั้งแฟชั่น เครื่องประดับ ของตกแต่งบ้าน แกดเจ็ต และสกินแคร์ โดย “Comma And” (คอมม่าแอนด์) จะเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ที่ตอบโจทย์ทุกแฟชั่นไลฟ์สไตล์อย่างลงตัว มอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่สนุก และหลากหลายด้วย Exclusive Collection ล่าสุดจากหลายแบรนด์ดังฝีมือ Thai designer  ภายใต้การตกแต่งคอนเซ็ปต์ Analog Future ในบรรยากาศความเป็นแฟชั่น ดึงร้านค้าไลฟ์สไตล์อื่นๆ อีกมากมายที่ทุกคนชื่นชอบและคิดถึงกลับมาในโฉมใหม่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม

เลิศวิทย์ ภูมิพิทักษ์ Head of Property Management บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา เผยว่า ในฐานะที่เซ็นทรัลเวิลด์ เป็นเดสติเนชั่นที่รวมทุกไลฟ์สไตล์และความหลากหลายตอบโจทย์ผู้คนทุกเจเนอเรชั่น เราพร้อมมอบประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมาย (Unexpected experiences) และ Newness ให้กับผู้คนมาโดยตลอด โดยโซนแฟชั่นใหม่อย่าง Comma And จะกลายเป็นอีกหนึ่ง Magnet ดึงดูด คนไทยและชาวต่างชาติที่ชื่นชอบการแต่งตัว งาน Art & Culture ด้วยความพิเศษที่ไม่เหมือนใคร ด้วยการร่วมมือกับแบรนด์ไทยชื่อดังนำเสนอคอลเลคชั่นล่าสุด เปิดตัว Exclusive Collection อาทิ S.V.S.S., Outcast Store, DRYCLEANONLY, PAINKILLER Atelier, PONY STONE, Moo.Moo.Things, INTERFVCE, USEMEREPEAT และ PITTDAR & BHUR รวมไปถึงเอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์ที่มีแห่งเดียวที่นี่เท่านั้น อาทิ

Richcast of Character แบรนด์รองเท้าบูทสัญชาติไทยดีไซน์จัดจ้านที่ดังไกลถึงฮอลลีวู้ด นำเสนอตัวตนผ่านร้านค้าจริงบนพื้นที่ใน Comma And เป็นครั้งแรก

Meticulous plus Wisharawish เอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์เปิดตัวครั้งแรก จากการคอลแลบกันของ Meticulous สูทเทเลอร์เมดสไตล์อังกฤษ และ Wisharawish ไทยดีไซน์เนอร์ชื่อดังของเมืองไทย 

Vanity Club แบรนด์สุดชิคที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง สะท้อนถึงความสนุกสนานไร้ขอบเขตและไร้กฎเกณฑ์ ได้รังสรรค์คอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดมาเปิดตัวที่โซน Pop-Up Space ของ Comma And

NEVERSAYCUTZ คอนเซปต์ร้านใหม่ล่าสุดและเป็นร้านบาร์เบอร์แห่งแรกในเซ็นทรัลเวิลด์

พื้นที่ Art Exhibition ที่โชว์ผลงานของศิลปิน gen ใหม่ และพื้นที่ free space workshop โดยแบรนด์ในโซนจะผลัดกันมาทำกิจกรรมทุกเดือนตลอดทั้งปี

Comma And นำเสนอประสบการณ์ที่เป็นมากกว่าการช้อปปิ้ง โดยเป็นมากกว่ามัลติแบรนด์คอนเซปต์สโตร์ แบบเดิมๆ แต่เป็นเสมือนคอมมูนิตี้สำหรับคนที่ชื่นชอบการแต่งตัว ศิลปะ และยังเป็นศูนย์รวมผู้คนที่มีความชอบและไลฟ์สไตล์คล้ายคลึงกัน ภายในโซน ตกแต่งในคอนเซ็ปต์ “Analog Future” ที่นำคาแรคเตอร์อันเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละแบรนด์มารวมกัน เพดานด้านบนถูกเปิดออกให้กว้างขึ้นเพื่อความโปร่งสบาย โครงผนังกลายเป็นดิสเพลย์ไอเท็มใหม่ล่าสุด สำหรับโซนสกินแคร์ แกดเจ็ต และไลฟ์สไตล์ ตกแต่งอย่างมีลูกเล่นด้วยการแทรกกิมมิกของเลโก้เข้าไป และสำหรับโซนจิวเวอรี่ กระเป๋า และรองเท้า ได้นำดีไซน์ของรถเข็นในโรงแรมบูติค ตู้ยาเก่า บันได และป้ายไฟในโรงหนังมาแต่งแต้มเป็นสีสันให้กับโซน

Comma And คือหนึ่งในโลกแห่งแฟชั่นภายใต้นิยาม centralwOrld fashiOn citizens 3 รูปแบบ ได้แก่ Runway to Real way : ตามโลกของแฟชั่นในแบบฉบับของแต่ละคน แม้แฟชั่นจะอัปเดตทุกวินาที แต่ความสนุกมีได้ทุกวันกับการเลือกแต่งตามสไตล์ New Adventures : แฟชั่นที่นำไปสู่เรื่องราวที่พิเศษยิ่งขึ้นเพียงแค่เลือกหยิบเสื้อผ้าตามสไตล์ของคุณ ก็อธิบายตัวตนได้แบบไม่มีที่สิ้นสุด อาทิ แบรนด์แฟชั่นไทยดีไซน์เนอร์ และแบรนด์ชื่อดัง Making Statement : สไตล์การแต่งตัวที่ไร้ข้อจำกัด รู้จักตัวตน และความต้องการของตัวเองอย่างชัดเจน สนุกกับการทดลองและกล้า Mix & Match สิ่งใหม่ๆ เพื่อแสดงตัวตน รวมถึงสะท้อนความรักสิ่งแวดล้อม reused recycle 

พบกับเอ็กซ์คลูซีฟคอลเลคชั่น ไอเท็มเด็ดของร้าน โปรโมชั่นที่มีเฉพาะที่นี่ที่เดียวเท่านั้นที่สาวกและเหล่าแฟชั่นนิสต้าตัวจริงต้องไม่พลาด  สัมผัสประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ได้ที่ Comma And zOne I (โซนไอ) ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เปิดให้บริการแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: Comma And และ CentralWorld

ประชุมเตรียมความพร้อมผู้แสดงสินค้างาน THAIFEX – ANUGA ASIA 2023

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ (DITP) พร้อมด้วย หอการค้าไทย และ โคโลญเมสเซ่ ประเทศเยอรมนี จัดประชุมผู้ประกอบการที่เข้าร่วมแสดงสินค้าในงานแสดงสินค้าอาหาร 2566 (THAIFEX – ANUGA ASIA 2023) เพื่อชี้แจงรายละเอียดภาพรวมของการเข้าร่วมงาน การก่อสร้างและตกแต่งคูหา บริการต่าง ๆ รวมถึงระเบียบข้อบังคับการเข้าร่วมงาน โดยงาน THAIFEX – ANUGA ASIA 2023 ปีนี้จะจัดภายใต้คอนเซ็ปต์ Beyond Food Experience ระหว่างวันที่ 23–27 พฤษภาคม 2566 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ยิ่งใหญ่กว่าเดิมบนพื้นที่กว่า 130,000 ตร.ม. มีผู้ประกอบการนำสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มมาจัดแสดงกว่า 2,700 ราย จากไทยและกว่า 40 ประเทศในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก อาทิ เอเชียตะวันออก อาเซียน ยุโรป อเมริกาเหนือ ลาตินอเมริกา และแอฟริกา นับเป็นงานที่ช่วยผลักดันการค้าระหว่างประเทศ ตลอดจนเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการได้พบปะเจรจาการค้ากับผู้ซื้อโดยตรง

สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับงาน THAIFEX-ANUGA ASIA 2023 ได้ที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) โทร.1169 หรือ www.ditp.go.th และลงทะเบียนเข้าชมงานได้ที่ www.thaifex-anuga.com เจรจาธุรกิจวันที่ 23–27 พฤษภาคม 2566 เวลา 10.00-18.00 น. จำหน่ายปลีกวันที่ 27 พฤษภาคม 2566 เวลา 10.00-20.00 น. ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 และอิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น เซ็นเตอร์ ฮอลล์ 5-12 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี

ทาเคดา ประเทศไทย มุ่งมั่นสร้างความตระหนักรู้ “โรคหายาก” พร้อมสนับสนุนทุกความร่วมมือเพื่อมาตรฐานการดูแลผู้ป่วยในประเทศไทย

“โรคหายาก” เป็นปัญหาด้านสาธารณสุขระดับโลก รวมทั้งประเทศไทย เดิมเป็นกลุ่มโรคที่ตรวจเจอได้ยากเนื่องจากไม่มีเครื่องมือที่เหมาะสม แต่โดยรวมแล้วมีผู้ป่วยจำนวนไม่น้อย ซึ่งในปัจจุบันมีผู้ป่วยโรคหายากประมาณ 400 ล้านคนทั่วโลก1 โดยกว่า 3.5 ล้านคนเป็นผู้ป่วยในประเทศไทย แต่มีเพียง20,000คนเท่านั้นที่ได้รับการวินิจฉัยและเข้าสู่กระบวนการรักษาอย่างถูกวิธี

โรคหายากเป็นโรคทางพันธุกรรมที่จัดอยู่ในกลุ่มโรคที่มีอุบัติการณ์และมีจำนวนผู้ป่วยน้อยเมื่อเทียบกับจำนวนประชากร งานวิจัยที่เกี่ยวข้องและข้อมูลทางการแพทย์ก็มีอยู่อย่างจำกัด ทำให้การศึกษาเกี่ยวโรคเหล่านี้มีน้อย จำนวนของโรคหายากมีจำนวนมากถึง6,000-8,000โรค อาทิ โรคฮีโมฟีเลีย (Hemophilia) โรคโกเช่ร์ (Gaucher) โรคแฟเบรย์ (Fabry) และโรคHereditary angioedema หรือHAEเป็นต้น โรคโกเช่ร์เป็นโรคทางพันธุกรรมที่เกิดจากการผิดปกติของการถ่ายทอดยีนแบบยีนด้อยซึ่งผู้ป่วยได้รับจากทั้งพ่อและแม่ ทำให้เกิดความผิดปกติทางร่างกายจากการสะสมของสารในไลโซโซม (Lysosomal storage disorder หรือ LSD)  โรค โกเช่ร์แบ่งออก เป็น 3 ชนิด ได้แก่ ชนิดที่ 1 ไม่มีอาการทางระบบประสาท ชนิดที่ 2 มีอาการทางระบบประสาทเฉียบพลัน ผู้ป่วยจะเสียชีวิตอย่างรวดเร็วจากผลแทรกซ้อนทางระบบประสาท และชนิดที่ 3 ผู้ป่วยมีอาการทางระบบประสาท โดยจะมีความผิดปกติทางพัฒนาการด้านสติปัญญา หรือมีอาการลมชัก เป็นต้น โรคนี้มักพบอาการของโรคได้ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวัยผู้ใหญ่ ซึ่งแต่ละรายจะมีอาการไม่เหมือนกัน  ผู้ป่วยเด็กบางรายอาจมีปัญหาเรื่องการเจริญเติบโตช้า บางรายพ่อแม่สามารถสังเกตได้จากรูปร่างที่เริ่มผิดปกติ และแสดงอาการเจ็บป่วย เช่น ท้องโตเพราะตับ ม้ามโต มีอาการทางระบบเลือด เกิดภาวะซีด เกล็ดเลือดต่ำ ทำให้เป็นแผล
ฟกช้ำและเลือดออกง่ายกว่าปกติ ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการปวดกระดูก มีภาวะกระดูกบาง กระดูกหักง่าย  สามารถอ่านข้อมูลของโรคโกเช่ร์ได้ที่ https://www.knowgaucher.info/และข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคหายากหรือโรคพันธุกรรมแอลเอสดีได้ที่ http://www.lsdthailand.com

ทาเคดา ประเทศไทย ในฐานะบริษัทชีวเภสัชภัณฑ์ระดับโลก เดินหน้าสร้างความตระหนักรู้เพื่อส่งเสริมมาตรฐานการดูแลผู้ป่วยโรคหายาก ในงาน “Embrace the Differences, Unite for Rare Diseases” บอกเล่าเรื่องราว   แรงบันดาลใจจากผู้ป่วยโรคโกเช่ร์ หนึ่งในโรคหายาก ผ่านนิทรรศการนิทาน “เจ้าโกเช่ร์กับพลังวิเศษแห่งความลับ” พร้อมรับฟังถึงความก้าวหน้าด้านนวัตกรรมทางการแพทย์ที่จะช่วยยกระดับการดูแลผู้ป่วยและการรักษา เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าของผู้ป่วยและครอบครัว ซึ่งเป็นความหวังของผู้ป่วยโรคหายากที่มีอยู่นับพันโรค ในขณะที่เสียงของผู้ป่วยหนึ่งคนจะเป็นตัวเชื่อมสำคัญไปสู่ผู้ป่วยคนอื่นๆ และกระจายต่อไปในสังคมวงกว้างให้รับรู้ถึงคุณค่าและความต้องการของพวกเขาได้ อีกทั้งภายในงานยังจัดเวิร์คช็อปจัดดอกไม้ที่จะทำให้รู้ว่าดอกไม้ที่เห็นอยู่รอบตัวต่างซ่อนความหมายดีๆ เอาไว้เพื่อช่วยสร้างพลังบวกและความผ่อนคลายให้ทั้งผู้ป่วยและผู้ดูแล

มร. ปีเตอร์ สไตรเบิล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทาเคดา (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า“ทาเคดายึดมั่นพันธกิจในการแสวงหาสุขภาพที่ดีกว่าและอนาคตที่สดใสให้กับผู้คนทั่วโลก ผ่านการพัฒนานวัตกรรมการรักษาที่จะส่งเสริมการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งโรคหายากเป็นหนึ่งในกลุ่มโรคที่เราให้ความสำคัญ โดยเราทำงานร่วมกับหน่วยงานด้านสาธารณสุข องค์กรทางการแพทย์ รวมทั้งกลุ่มตัวแทนผู้ป่วยเพื่อร่วมกันสนับสนุนให้เกิดการสร้างโอกาสและความเท่าเทียมให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาและนำไปสู่อนาคตที่ดีขึ้นของชุมชนโรคหายากต่อไป”

ศ.นพ.วรศักดิ์ โชติเลอศักดิ์ ผู้อำนวยการศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านเวชพันธุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกล่าวว่า “แต่ละโรคในกลุ่มโรคหายากมีจำนวนผู้ป่วยน้อย แต่เนื่องจากกลุ่มโรคนี้มีกว่า 7,000 โรค โดยรวมแล้วจึงมีผู้ป่วยเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ เดิมเรายังไม่มีเครื่องมือที่เหมาะสม ทำให้การวินิจฉัยโรคหายากยิ่งยากขึ้นไปอีก แต่ในปัจจุบัน มีเครื่องมือที่ล้ำสมัย เรียกว่า “Next Generation Sequencing” หรือ“NGS”  ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการถอดลำดับสารพันธุกรรมได้ทั้งจีโนมในเวลาอันรวดเร็ว ทำให้สามารถตรวจพบความผิดปกติของสารพันธุกรรมอันเป็นสาเหตุหลักของกลุ่มโรคหายาก แพทย์จึงสามารถให้การวินิจฉัยโรคได้อย่างรวดเร็ว นำไปสู่การรักษาที่ตรงเหตุอย่างทันท่วงที ทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสรอดชีวิตและมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น บ่อยครั้งที่เปลี่ยนจากการที่ต้องมีผู้ดูแลไปตลอดชีวิต กลายมาเป็นกำลังของสังคมได้”

ขณะที่คุณบุญ พุฒิพงศ์ธนโชติ ประธานมูลนิธิโรคพันธุกรรมแอลเอสดี คุณพ่อผู้ดูแลลูกที่ป่วยเป็นโรคโกเช่ร์ กล่าวว่า “น้องฝ้ายเป็นโรคโกเช่ร์มาตั้งแต่เกิด ในตอนนั้น โรคนี้เป็นสิ่งใหม่มากสำหรับพวกเรา จากวันแรก ผมรู้แค่ว่าผมต้องทำทุกอย่างที่สามารถทำได้เพื่อช่วยให้ลูกมีชีวิตรอด ยิ่งไปกว่านั้นกระบวนการรักษามีความซับซ้อนและราคาสูง เป็นความท้าทายครั้งหนึ่งในชีวิต แต่เราก็ผ่านมันมาได้ เลยมองย้อนว่าแล้วผู้ป่วยรายอื่นๆ ที่ต้องเจอความยากลำบากนี้เค้าจะทำอย่างไร เลยเป็นแรงบันดาลใจในการก่อตั้งมูลนิธิโรคพันธุกรรมแอลเอสดีขึ้นในประเทศไทย รวบรวมผู้ป่วยโรคโกเช่ร์และโรคหายากในกลุ่มโรคพันธุกรรมแอลเอสดีอื่นๆ ให้มารวมตัวกัน พร้อมผลักดันให้เกิดสิทธิที่ให้ภาครัฐเข้ามาดูแล สุดท้ายจากความพยายามของพวกเราทุกคน ยารักษาโรคโกเช่ร์ ประเภทที่ 1 ได้ถูกบรรจุอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ช่วยสนับสนุนทางด้านการเงินและการเข้าถึงการรักษาสำหรับผู้ป่วยและผู้ดูแล เราจะเดินหน้าทำงานกับทุกภาคส่วนเพื่อขับเคลื่อนให้การรักษาโรคหายากได้รับการรักษาอย่างเท่าเทียมกันในอนาคต”

Digiqole ad

บทความที่น่าสนใจ