Make It Green : แบรนด์น้องใหม่ Ranraที่เชื่อว่านวัตกรรมช่วยให้วงการแฟชั่น ‘เขียว’ ขึ้นมาได้
เรื่อง: Santichai Apornsri
สิ่งหนึ่งที่กลายมาเป็นเหมือนไกด์บุ๊กของการทำงานแฟชั่นในปัจจุบันก็คือเรื่องของ ‘ความยั่งยืน’ ทางสิ่งแวดล้อม ด้วยเพราะอุตสาหกรรมแฟชั่นนั้นเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมอันดับต้นๆ ที่สร้างผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยก๊าซเรือนกระจก น้ำเสีย หรือขยะที่กลายมาเป็นมลพิษ แบรนด์น้องใหม่หลายแบรนด์จึงมาพร้อมด้วยแนวทางการสร้างสรรค์แฟชั่นที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม
เช่นเดียวกันกับ Ranra แบรนด์น้องใหม่จากลอนดอน ที่โดดเด่นด้วยการสร้างสรรค์เสื้อผ้าสไตล์สปอร์ตด้วยมะเทียเรียลที่มาจากธรรมชาติและเส้นใยเชิงเทคนิคที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มากไปกว่านั้น Ranra ยังพยายามใช้นวัตกรรมใหม่ในการสร้างสรรค์เนื้อผ้า และกรรมวิธีในการทำเสื้อผ้าเพื่อลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
ทั้งหมดนี้เห็นได้จากผลงานในคอลเลกชั่นฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว 2023 สิ่งหนึ่งที่ทำให้กระบวนการรีไซเคิลเกิดความยากลำบากและไม่มีประสิทธิภาพก็คือ การที่ไอเท็มๆ หนึ่งมีส่วนประกอบที่หลากหลายและต้องนำมาแยกออกก่อนจะส่งเข้าสู่ขบวนการรีไซเคิล เช่น เสื้อมีทั้งกระดุม ฮาร์ดแวร์ ผ้าที่ไม่เหมือนกัน พลาสติก โลหะ หรือไวนิล หรือยาง เป็นส่วนประกอบ ซึ่งการจะต้องแยกมะเทียเรียลทั้งหมดนี้เพื่อที่จะได้ เฉพาะมะเทียเรียลที่สามารถนำไปเข้าระบบรีไซเคิลได้เลย เป็นการยาก เสียเวลา และเสียทรัพยากรอย่างมาก
Ranra จึงร่วมกับโรงงานที่ทำเครื่องรีไซเคิลผ้า ช่วยกันพัฒนาเนื้อผ้าที่สามารถนำไปใช้เป็นส่วนประกอบต่างๆ ในการทำเสื้อผ้าชิ้นหนึ่งได้ ดังนั้น เสื้อแจ็กเก็ตในคอลเลกชั่นนี้ของ Ranra จึงเกิดจากการใช้ มะเทียเรียลชิ้นเดียว ไม่ว่าจะถูกนำมาใช้เป็นผ้าในการตัดเย็บ ส่วนต่อ ส่วนยึด ส่วนเสริมต่างๆ ล้วนมากจากผ้ารีไซเคิลชิ้นเดียว ซึ่งสางผลให้เมื่อแจ็กเก็ตตัวนี้เสื่อสภาพหรือไม่ถูกใช้งานในการสวมใส่แล้ว ก็จะสามารถเข้าสู่ระบบการรีไซเคิลได้เลย ไม่จำเป็นต้องมาแยกมะเทียเรียลออกจากกันให้ยุ่งยากเสียเวลา
ไม่เพียงแค่นั้น Ranra ยังใช้นวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาช่วยเสริมและเพิ่มเติมในกระบวนการผลิตเพื่อลดผล กระทบทางสิ่งแวดล้อมอีกด้วย เช่น เสื้อผ้ากันน้ำในคอลเลกชั่นนี้ใช้แป้งข้าวโพดเคลือบเพื่อทำให้กันน้ำ หรือเดนิมในคอลเลกชั่นซึ่งแทนที่จะถูกฟอกด้วยกระบวนการแบบเดิมๆ ซึ่งต้องใช้น้ำจำนวนมหาศาล ก็เลือกใช้การเลเซอร์แทนเพื่อให้เดนิมมีลักษณะพื้นผิวไม่ต่างจากกระวนการฟอกด้วยหิน ในขณะเดียวกันก็ไม่จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรน้ำมากมายขนาดนั้นด้วย
และทั้งหมดนี้คืออนาคตของอุตสาหกรรมแฟชั่น ที่ไม่ได้มองถึงแค่เทรนด์ หรือการสร้างสรรค์รูปทรงเสื้อผ้าเท่านั้น แต่ยังมองไปถึงทุกกระบวนการการสร้างสรรค์ที่นำเอานวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาช่วยเพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อม และทำให้อุตสาหกรรมแฟชั้นนั้นกรีนมากยิ่งขึ้น
