fbpx

จ่ายเงินผ่านผิวหนังชาวสวีเดนฝังไมโครชิปแทนเงินสดลงในมือ

ถ้าหากไปเที่ยวสวีเดนแล้วเห็นคน ‘จ่ายเงินด้วยมือ’ ก็ไม่ต้องตกใจไป เพราะตอนนี้ประเทศสวีเดนกำลังพยายามเข้าสู่สังคมไร้เงินสดแบบล้ำสมัย ด้วยการฝังไมโครชิปจิ๋วที่ใช้แทนเงินสดลงในมือ ทำให้ชาวสวีเดนสามารถซื้อของและจ่ายเงินได้ทันทีเพียงแค่ยกมือขึ้นมาสแกนแทนการควักบัตรเครดิตขึ้นมารูดจ่าย …ฟังดูเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยและน่าสนใจไม่น้อย เห็นด้วยไหม?

Reason to Read

  • นอกจากไมโครชิปที่ฝังจะใช้แทนเงินสดและบัตรเครดิตแล้ว ก็ยังสามารถตรวจสอบสุขภาพให้เราได้เหมือนกับนาฬิกาอัจฉริยะที่ใส่บนข้อมือ หรือทำหน้าที่เป็นคีย์การ์ด ใช้สแกนเข้าออกอาคารหรือที่ทำงานได้เช่นกัน

หลายประเทศกำลังมุ่งหน้าสู่สังคมไร้เงินสด เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ที่ผู้คนใช้ชีวิตผูกพันกับเทคโนโลยี ซึ่งประเทศสวีเดนก็เป็นหนึ่งในหลายประเทศเหล่านั้นเช่นกัน ทว่าในขณะที่คนประเทศอื่นๆ นิยมควักการ์ดออกมารูดจ่าย หรือจิ้มโอนเงินผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ ชาวสวีเดนกลับมีวิธีที่ล้ำสมัยกว่านั้นคือ การฝังไมโครชิปใช้แทนเงินสดลงใต้ผิวหนังเสียเลย

ปัจจุบันมีชาวสวีเดนประมาณ 4,000 คน ที่เข้ารับการฝังไมโครชิปลงใต้ผิวหนังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และคาดว่าอีกหลายล้านคนก็กำลังจะตามมาด้วยความตั้งใจเป็นผู้บุกเบิกเพื่อทำให้วิธีนี้ได้รับความนิยมไปยังประเทศอื่นๆ ด้วย โดยชิปจิ๋วที่มีขนาดประมาณเมล็ดข้าวสารจะถูกฝังลงใต้ผิวหนังบริเวณมือระหว่างนิ้วชี้และนิ้วโป้ง เมื่อผู้ฝังชิปทำการซื้อของในร้านค้า ก็สามารถชำระเงินได้ทันทีเพียงแค่ยกมือขึ้นมาสแกนแทนการหยิบบัตรขึ้นมารูดจ่าย

ทว่าประโยชน์ของชิปจิ๋วยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะนอกจากใช้แทนเงินสดหรือบัตรเครดิต มันก็ยังสามารถคอยตรวจสอบสุขภาพของเราได้เหมือนกับนาฬิกาอัจฉริยะที่ใส่บนข้อมือ หรือกระทั่งทำหน้าที่เป็นคีย์การ์ดใช้สแกนเข้าอาคารหรือออฟฟิศ โดยอดีตช่างเจาะร่างกาย โจวาน เอสเตอร์ลุนด์ (Jowan Österlund) ที่ปัจจุบันเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทเกี่ยวกับเทคโนโลยี Biohax International เป็นผู้ริเริ่มเทคโนโลยีการฝังไมโครชิป และตั้งชื่อให้เทคโนโลยีนี้ว่า ‘Moonshot’ ซึ่งเขาบอกว่ามีนักลงทุนจำนวนไม่น้อยที่ติดต่อเข้ามาด้วยความสนใจ

แต่สิ่งหนึ่งที่หลายคนกังวลก็คงไม่พ้นเรื่อง ‘ความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัว’ ที่แม้ว่าผู้ริเริ่มเทคโนโลยีจะยืนยันว่า ‘ปลอดภัย’ แต่หากเหตุอาชญากรรมไซเบอร์ที่มีให้เห็นกันบ่อยๆ ในช่วงหลายปีมานี้ ก็ทำให้เทคโนโลยีฝังชิปน่าเป็นกังวลไม่น้อย เนื่องจากเราไม่รู้เลยว่าใครเป็นผู้ดูแลข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ และข้อมูลการทำกิจกรรมต่างๆ จะถูกเก็บเป็นความลับจริงหรือไม่ เพราะอย่าลืมว่าไม่ใช่เพียงประวัติการใช้จ่าย แต่ประวัติสุขภาพ รวมถึงการเดินทางเข้าออกจากสถานที่ต่างๆ ก็อาจถูกบันทึกเอาไว้ด้วยเช่นกัน

Digiqole ad

บทความที่น่าสนใจ