‘ดินแดนที่ไร้ COVID-19’
เรื่อง : ปฐมพงษ์ ชัยเขื่อนขันธ์
– ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ปี 2020 จะเป็นปีที่ถูกจดจำในประวัติศาสตร์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เนื่องจากเป็นปีที่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธ์ุใหม่อย่าง COVID-19 หรือ Coronavirus สายพันธุ์ใหม่ ซึ่งผลกระทบของมันแพร่กระจายไปทั่วโลก
แต่คำว่าทั่วโลกก็ไม่ได้หมายถึงทั่วทุกพื้นที่ของโลกอย่างแท้จริง แน่นอนว่ามีบางประเทศที่ปลอดพ้นการโจมตีของโคโรนาไวรัส ช่วงต้นเดือนเมษายน 2020 มีรายงานว่า มีประเทศราว 18 ประเทศในโลกที่ไม่มีการระบาดของโคโรนาไวรัส ซึ่งอาจจะน้อยลงไปเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป
ในพื้นที่เหล่านี้ ประกอบไปด้วยประเทศหมู่เกาะแถบทะเลแปซิฟิกเป็นส่วนใหญ่ หลายประเทศเหล่านั้นอาจถือโอกาสนี้ในการประชาสัมพันธ์ว่า พวกเราเป็นประเทศน่าท่องเที่ยวที่โรคระบาดไปไม่ถึง และในเมื่อคำว่าแปซิฟิกได้มีความหมายว่าสงบสุข ดังนั้นเสน่ห์ของพื้นที่ปลอดโรคเหล่านี้อาจน่าสนใจกว่าที่เราคิด
เราอาจเคยได้ยินชื่อของสาธารณรัฐนาอูรู (Nauru) ในฐานะประเทศที่เล็กที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก ด้วยประชากรราวๆ 10,000 คน และมีชื่อเสียงในด้านการทำเหมืองแร่ฟอสเฟตรวมถึงยังเป็นประเทศในแถบหมู่เกาะแปซิฟิกใต้ที่เปิดสถานกงสุลในไทยเป็นประเทศแรกอีกด้วย (แถมยังมีนักท่องเที่ยวที่มาเยือนประเทศไทยอีกราวปีละ 200 คน)
ขึ้นชื่อว่าประเทศหมู่เกาะ สิ่งที่ทำให้ทุกคนคิดถึงคือความสวยงามของท้องทะเล และความสวยของชายหาด โดยที่นาอูรูจะมี Anibare Bay ที่สวยงามเอาไว้ท่องเที่ยว พักผ่อน ในเรื่องความเงียบสงบเป็นสิ่งที่ติดมากับประเทศนี้อยู่แล้ว เพราะประชากรหนึ่งหมื่นคนบนพื้นที่เท่าเกาะสีชัง ยากที่จะพบเจอความวุ่นวาย
อีกสถานที่หนึ่งคือ ทะเลสาบน้ำจืดหรือบึงน้ำจืดแห่งเดียวในเกาะ ที่มีชื่อว่า Buada Lagoon เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่น่าไปเยือน ห่างจากโรงแรมในหมู่บ้าน Aiwo เพียง 20 นาทีเท่านั้น ซึ่งจะได้พบกับความงามตามธรรมชาติของแหล่งน้ำจืดประเทศเขตร้อน
แต่สิ่งที่ทำให้นาอูรูเป็นสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจที่สุดคือ วิถีชีวิตบนประเทศที่มีโรงพยาบาลเพียงหนึ่งแห่ง แต่ไม่มีหมอประจำโรงพยาบาล หากมีคนป่วย จะต้องส่งออกไปรักษาประเทศเพื่อนบ้าน หรือไม่ก็รอให้หมอจากประเทศหมู่เกาะใกล้เคียงมารักษา หรือจะเป็นเรื่องของน้ำและไฟที่ยังมีอาการติดๆ ดับๆ ได้ตลอดเวลา คงทำให้กลับไปเพลินกับชีวิตที่มีรากฐานมาจากความไม่สมบูรณ์แบบได้โดยง่าย
ห่างจากกันไม่ไกล ประเทศที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสถานที่ทดลองอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐอเมริกา รวมถึงเป็นสมรภูมิรบแห่งหนึ่งในสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่วันนี้เป็นประเทศหมู่เกาะที่ห่างไกลจากโคโรนาไวรัส นั่นคือ สาธารณรัฐหมู่เกาะมาร์แชลล์ (Marshall Islands)
หมู่เกาะมาร์แชลล์นั้นประกอบไปด้วย 5 เกาะใหญ่ 29 หมู่เกาะ มีมาจูโรเป็นเมืองหลวง ที่มาจูโรจะมีจุดชมวิวสูงที่สามารถมองความสวยของทัศนียภาพรอบเมืองได้เป็นอย่างดี สถานที่เที่ยวสำคัญเช่น เกาะ Eneko อยู่ห่างจากเมืองมาจูโรไป 20 นาทีโดยการนั่งเรือออกไป กิจกรรมที่สำคัญที่สามารถทำได้ที่เกาะคือการดำน้ำดูความงามของทัศนียภาพใต้น้ำ ล่องเรือดูความสวยงามของปะการัง เนื่องจากทรัพยากรใต้น้ำของหมู่เกาะมาร์แชลล์ถือว่าอุดมสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
หนึ่งในเกาะที่น่าสนใจก็คือ เกาะ Bikini Atoll เป็นเกาะขนาดเล็กในหมู่เกาะมาร์แชลล์ สิ่งที่เป็นจุดขายของเกาะเล็กที่ล้อมรอบด้วยหาดก็คือ เกาะแห่งนี้เคยเป็นพื้นที่ทิ้งระเบิดของอเมริกา ทำให้ใต้น้ำยังมีซากเรือรบขนาดใหญ่อยู่หลายลำ เครื่องบินรบขนาดเล็ก มีลูกระเบิดของจริงที่ถูกแช่อยู่ในน้ำกับเรืออีกด้วย เช่น เรือ Prinz Eugen ที่อับปางมาตั้งแต่หลายสิบปีก่อน แต่มีบางส่วนของเรือพ้นออกมาเหนือน้ำจนถึงทุกวันนี้ โดยเราสามารถดำน้ำลงไปดูส่วนที่เหลือ หรือดูจากภาพถ่ายทางอากาศ ก็สามารถเห็นโครงของเรือได้จากมุมสูง
– การเดินทางไปยังประเทศห่างไกลไม่ถือเป็นทางเดียวที่จะได้ท่องเที่ยวพักผ่อน เมื่อสถานการณ์ไวรัสระบาดสงบลง ก็ยังคงอยากไปสถานที่ที่ดูปลอดภัยแต่ใกล้บ้านเกิดไว้ก่อน ประเทศหนึ่งที่โด่งดังด้านการท่องเที่ยวมาอย่างยาวนานในเวทีโลกก็คือประเทศไทย จนถึงตอนนี้ ยังมีพื้นที่หลายจังหวัดที่ไม่ได้รับรายงานว่ามีผู้ติดเชื้อ แต่หนึ่งในจังหวัดที่เรียกความสนใจให้กับผมได้ คือ บึงกาฬ
จนถึงทุกวันนี้ บึงกาฬยังเป็นจังหวัดที่เรียกร้องความสนใจได้น้อยที่สุดอยู่เสมอ เพราะถูกบดบังจากจังหวัดท่องเที่ยวหลักๆ ที่อยู่ในกระแสมาตลอด อันที่จริง บึงกาฬดีกว่าที่เราคิด
บึงกาฬเป็นจังหวัดที่แยกตัวออกมาจากจังหวัดหนองคายเมื่อปี 2011 ความพยายามแยกตัวมาเป็นจังหวัดเริ่มตั้งแต่ปี 1994 แต่เนื่องจากปัญหาด้านนโยบายและงบประมาณ จึงใช้เวลากว่า 10 ปี จังหวัดบึงกาฬจึงได้แยกตัวออกมา และเป็นจังหวัดที่อยู่สุดแดนอีสาน สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจที่สุดขอยกให้เป็นภูทอก ภูใหญ่ที่อยู่ในวัดเจติยาศรีวิหาร (วัดภูทอก) ซึ่งจุดเด่นของวัดก็คือ พุทธวิหาร ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ โดยเป็นหินที่แยกตัวออกมาจากหินก้อนใหญ่ เหมือนลอยอยู่ไม่ตกลงสู่พื้น และภูทอกยังมีสะพานไม้ให้เดินชมวิวได้โดยรอบภูอีกด้วย
ด้วยประชากรราว 4 แสนคนในจังหวัด อาจพบเจอได้จากสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติ เช่น น้ำตกถ้ำพระ ที่มีแอ่งน้ำขนาดใหญ่เหมาะแก่การเล่นและพักผ่อน และเป็นมุมที่ผมคิดว่าถ่ายรูปได้อย่างสวยงาม หรือจะเป็นน้ำตกเจ็ดสี ที่มีแหล่งกำเนิดน้ำจากห้วยกะอาม ด้วยความสูงกว่า 30 เมตร ถือเป็นสถานที่ที่ชาวบึงกาฬนิยมไปพักผ่อน หรือจะเป็นบึงโขงหลง บึงน้ำขนาดใหญ่ที่เป็นสถานที่อนุรักษ์พันธุ์นกที่สำคัญ
ท่ามกลางไวรัสระบาด ยังมีสถานที่สวยงามและเงียบสงบอีกมากที่โรคร้ายยังเข้าไปไม่ถึง ประหนึ่งธรรมชาติย่อมมีข้อยกเว้นเสมอ ทำให้เราไม่สิ้นหวังที่จะได้เดินทางอีกครั้งอย่างปลอดภัย และค้นพบสถานที่ใหม่ๆ ที่เราอาจหลงลืม หากไม่มีภัยร้ายมาสะกิดเตือนให้เราเหลียวมอง