‘อิซาโอะ เซคิกุจิ: นิสสัน กับพันธกิจสำคัญในฐานะประธาน นิสสัน ประเทศไทย’
มุมมองต่อตลาดรถยนต์ไทย?
เซคิกุจิซัง: ประเทศไทยเป็นหนึ่งใน ตลาด ที่มีความเฉพาะตัวตลาดหนึ่งในโลก ไม่ว่าจะเป็น 1) หนึ่งในสองของรถยนต์ที่ขายในประเทศไทยเป็นรถกระบะ และ 2) ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นเป็นผู้เล่นหลัก อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ดังกล่าวเริ่มเปลี่ยนไป เราเริ่มเห็นแบรนด์ใหม่จากจีน เกาหลี และอื่นๆ ซึ่งทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยคึกคักมาก
กับนาวาราเป็นอย่างไรมาก ผมรอนาวารารุ่นใหม่ครับ
เซคิกุจิซัง: ไม่ใช่แค่นาวาราเท่านั้นที่เรากำลังศึกษาและรับฟังลูกค้าอย่างถี่ถ้วนถึงคุณสมบัติ สเปค รวมถึงลักษณะเฉพาะที่ลูกค้าชาวไทยมองหาในรถยนต์ เรากำลังศึกษาและพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าชาวไทย
ช่วยเล่าถึงพันธกิจในประเทศไทย:
เซคิกุจิซัง: ผมมารับตำแหน่งที่ประเทศไทยเมื่อสองปีที่แล้ว ในขณะที่ทั่วโลกตกอยู่ในสถานการณ์โควิดขั้นวิกฤติ เรามีความท้าทายมากมายในการจัดหาเซมิคอนดักเตอร์ เช่น เราไม่สามารถผลิตหรือจัดหารถยนต์ได้ตามที่เราต้องการ นิสสันเป็นแบรนด์หนึ่งที่ประสบปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์มากที่สุด ความท้าทายหลักคือการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งและต่อสู้กับคู่แข่ง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการจัดหาชิ้นส่วนที่ใช้ในการผลิตเพื่อให้เราสามารถผลิตรถยนต์ให้กับลูกค้าของเราในประเทศไทยได้ เรามองว่าสถานการณ์จะดีขึ้นแต่ความท้าทายต่างๆนั้นจะดำเนินต่อไปอีกเล็กน้อย
คุณนำพาบริษัทก้าวผ่านจากสถานการณ์โควิดได้อย่างไร?
เซคิกุจิซัง: ผมคิดว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจะเปลี่ยนไป โดยการเปลี่ยนแปลงจะมาจากพฤติกรรมของลูกค้า วิธีที่ลูกค้าซื้อรถ วิธีที่ลูกค้าต้องการรับการบริการ รวมถึงวิธีที่ลูกค้ามองหารถใหม่จะไม่เหมือนกับช่วงก่อนโควิดแน่นอน และอย่างที่ผมได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ การแข่งขันได้เปลี่ยนไปอย่างมากในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ผู้คนอาจไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะเห็นรถยนต์ไฟฟ้าจำนวนมากบนท้องถนนในกรุงเทพฯ และที่อื่นๆ ผมคิดว่าเป็นช่วงเวลาที่น่าสนใจสำหรับตลาดรถยนต์ในประเทศไทย
สถานการณ์และความท้าทายของตลาดยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย
เซคิกุจิซัง: ผมคิดว่าเราอยู่ในช่วงเริ่มต้นที่มีผู้เล่นมากมายเข้ามาในตลาด หรือที่เรียกว่าผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นบุกเบิก นี่จะเป็นเพียงคลื่นลูกใหญ่ หรือจะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในการที่ลูกค้าจะซื้อ ใช้ และชื่นชอบรถยนต์ไฟฟ้า ผมคิดว่ายังเร็วไปที่จะคาดการณ์ในตอนนี้ รวมถึงแบรนด์จากสหรัฐฯที่คุณเพิ่งกล่าวถึง
กลยุทธ์การแข่งขันด้านรถยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทยและอินโดนีเซีย? เซคิกุจิซัง: หากดูภาพรวม รัฐบาลทั้งสองกำลังพยายามผลักดันให้ EV เป็นรถยนต์ประเภทต่อไปที่จะผลิตและส่งออก อินโดนีเซียมีทรัพยากรมากมายสำหรับการผลิตแบตเตอรี่ และประเทศไทยก็กำลังผลักดันให้เป็นศูนย์กลางด้านการผลิตยานยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า ตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าบริษัทใดมีการแข่งขันด้านการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อการส่งออกมากกว่ากัน ตอนนี้เราต้องเข้าใจสถานการณ์ก่อนว่าลูกค้ายอมรับการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้ามากน้อยเพียงใด เราจะค่อยๆเห็นภาพนั้นเพิ่มขึ้นในปีต่อ ๆ ไป
แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ตามที่เราเห็นในข่าว ยุโรปได้เปลี่ยนกลยุทธ์เล็กน้อย จากรถยนต์ไฟฟ้า 100% เป็นการผสมผสานระหว่างรถยนต์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ประเภทอื่น ๆ ดังนั้น จากมุมมองของผมคือลูกค้าจะเป็นผู้ตัดสินใจในที่สุด แต่เราจะดูว่าการยอมรับในภูมิภาคเราจะเป็นอย่างไร ไทย อินโดนีเซีย และกลุ่มประเทศอาเซียน และดูความพร้อมรวมถึง โครงสร้างพื้นฐานในการชาร์จไฟฟ้า จะเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญในอนาคต
โครงสร้างพื้นฐานของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เป็นอย่างไร?
เซคิกุจิซัง: แนวทางของเราสอดคล้องกับ Nissan Ambition 2030 ที่ประกาศเมื่อ 2-3 ปีก่อน คือ การมุ่งเน้นและวางกลยุทธ์ในสิ่งที่เราเรียกว่าการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า เมื่อนิสสันมีพลังงานไฟฟ้าสองแบบสำหรับเครื่องยนต์ แบบแรกคือ BEV (battery electric vehicle) นำโดยนิสสัน ลีฟ ซึ่งเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของนิสสัน โดยเริ่มจำหน่ายมาตั้งแต่ปี 2010 และอีกแบบหนึ่งเรียกว่า อี-พาวเวอร์ ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และเราผลิตและประกอบเครื่องยนต์ที่นี่ในประเทศไทย พลังในการขับเคลื่อนมาจากมอเตอร์ไฟฟ้า 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ไม่ต้องชาร์จเหมือน BEV เพียงแค่ต้องเติมน้ำมัน ซึ่งBEV และ อี-พาเวอร์นี้เป็นสองเสาหลักของกลยุทธ์ ที่ส่งเสริมเรื่องการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าของนิสสัน
จะมีรถรุ่นใหม่เข้ามาที่ Nissan Thailand หรือไม่? ขอบคุณที่เป็นแฟนนิสสัน ซึ่งเราให้ความสำคัญมากที่สุด คนไทยจำนวนมากรัก Nissan Cube นิสสันพึ่งฉลองในโอกาสครบรอบ 70 ปีในประเทศไทย จริงๆ แล้วเราดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2495 ซึ่งเรา เริ่มต้นด้วยรถกระบะ และวันนี้ เรามีรถยนต์นั่ง เรามี EV เรามีรุ่น e-Power และรถกระบะ มีบางช่วงที่เราที่การทำผลิตภัณฑ์ของเราไม่สอดคล้องต่อเนื่อง แต่เรากำลังปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์และกลยุทธ์ของแบรนด์เรา ผมคิดว่าความสอดคล้องของกลยุทธ์และการทำงานกับแบรนด์และ ความเข้าใจในแฟน ๆ ของนิสสันเป็นสิ่งสำคัญ เราเริ่มวางกลยุทธ์ของเราเมื่อสองสามปีที่แล้ว เรากำลังดำเนินการทีละขั้นตอน จะค่อย ๆ เห็นว่าแบรนด์ของเราแข็งแกร่งขึ้นทุกปี รุ่นที่เรามีในปัจจุบันคือ KICKS e-POWER, Terra Navara และเรามี GTR นอกจากนั้นเรายังมีแผนที่จะเพิ่มรุ่นใหม่ๆ ในประเทศไทยอีกด้วยครับ
สถานการณ์ GT-R เป็นอย่างไร?
เซคิกุจิซัง: เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมากจริงๆ ที่เรามีแฟนๆ GT-R ชาวไทยจำนวนมากในประเทศไทย ทันทีที่ GT-R เปิดจองในประเทศไทย ก็ถูกจองจนหมด ขณะนี้ด้วยการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ ปริมาณการผลิต GTR จึงมีอย่างจำกัดมากทั่วโลก แต่เราก็สามารถนำเข้ามาในประเทศไทยได้จำนวนหนึ่ง เพราะเรามีแฟน ๆ อยู่เป็นจำนวนมากครับ
การแข่งขันในธุรกิจยานยนต์เป็นอย่างไร
เซคิกุจิซัง: สำหรับในประเทศไทย ต้องขอขอบคุณสำหรับยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนจากภาครัฐ มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ตั้งแต่การนำเข้ารถยนต์ไปจนถึงการผลิตในประเทศ ผมคิดว่าทิศทางโดยรวมของการมุ่งเน้นที่พลังงานไฟฟ้าเนื่องจากนโยบายความเป็นกลางทางคาร์บอน และความพยายามในการลด PM 2.5 เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งที่รัฐบาลพยายามทำและประเทศไทยก็อยู่ในแนวทางนั้น สิ่งที่ผมกำลังมองคือ ความเร็วในการเปลี่ยนผ่าน ลูกค้าชาวไทยพร้อมไหมกับการเปลี่ยนผ่านนี้ ที่ผมกล่าวไปตอนต้นคือรถยนต์หนึ่งในสองเป็นรถกระบะและเป็นเครื่องดีเซลและ ณ เวลานี้ยังไม่มียี่ห้อไหนผลิตกระบะหรือ EV ยี่ห้อไหน ที่สามารถขึ้นดอยที่เชียงใหม่พร้อมผักหรือผลไม้ 3 ตัน นั่นยังไม่มี แม้ว่าเราจะเห็นรถยนต์ไฟฟ้า แต่ส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ หากมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้า ผมคิดว่าเมื่อนั้นการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้น ในวันนี้ เราได้เห็นผู้คนบุกเบิกการใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น และรถยนต์ไฟฟ้าก็เป็นที่ยอมรับมากขึ้น แม้ว่าทิศทางโดยรวมจะดีขึ้น แต่คำถามคือความเร็วและไทม์ไลน์ หรือช่วงเวลาในการเปลี่ยนผ่านนั้นจะเป็นอย่างไร นี่คือสิ่งที่เราเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด
ตรงกับวิสัยทัศน์ของคุณใน ปี 2030 หรือไม่?
เซคิกุจิซัง: สิ่งนี้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของนิสสันเป็นอย่างดี ด้วยปริมาณการใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น เรามิเพียงแต่โฟกัสที่ BEV เพียงอย่างเดียว เพราะเรายังมีอี-พาวเวอร์ที่เป็นจุดเชื่อมในการเปลี่ยนผ่านจากเครื่องยนต์สันดาปที่ใช้น้ำมันสู่ รถแบบ EV ก็เพราะมันขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100 เปอร์เซ็นต์เพียงแต่ไม่ต้องชาร์จ ตั้งแต่ผมย้ายมารับตำแหน่งที่ประเทศไทย ยอดขายของ KICKS e-power เพิ่มขึ้นถึง 270% และนั่นแสดงให้เห็นว่า e-power เป็นที่ยอมรับในตลาดไทยมากเพียงใด และวันนี้ก็ยังมี waiting list อยู่มาก ผมซาบซึ้งมากที่ e-power ได้รับการยอมรับในฐานะเทคโนโลยีและเป็นเทคโนโลยีที่ขับสนุก ดังนั้นเป็นการดีที่เรามีสองเทคโนโลยีให้ลูกค้าได้เลือกตัดสินใจ
การบริหารความเสี่ยงสำหรับประเทศไทย
เซคิกุจิซัง: ถ้ามองประเทศไทยกับประเทศที่ผมเคยทำงานมา ประเทศไทยมีจุดแข็ง เพราะนิสสันอยู่ในตลาดมากว่า 70 ปี เรามีฐานการผลิตที่แข็งแกร่งมากในประเทศ เรามีโรงงานถึงสองโรง และเรามีโรงงานเครื่องยนต์ เรามีบริษัทผลิตเครื่องมือและขึ้นแบบต่างๆ การลงทุนขนาดใหญ่เกิดขึ้นในประเทศไทย และเราจะยังลงทุนในไทยต่อไป โดยเฉพาะการมี minor change และนำรุ่นใหม่ ๆ เข้ามา และนั่นแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราที่มีต่อประเทศไทย และยังแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีเสถียรภาพมากซึ่งสามารถดึงดูดการลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง ข้อพิสูจน์อีกประการหนึ่งคือการที่คู่แข่งรายอื่นกำลังเข้ามาและลงทุนกันอย่างคึกคัก ผมคิดว่าโดยรวมแล้ว แน่นอน เราต้องวัดกันที่การจัดการที่เหลือ แต่ประเทศไทยเป็นประเทศที่มั่นคงมาก มีห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแกร่งมาก เพราะบริษัทรถยนต์เพียงอย่างเดียวไม่สามารถผลิตรถยนต์ได้ รถยนต์หนึ่งคันจะมีส่วนประกอบต่างๆถึง 30,000 ชิ้น เรามีซัพพลายเออร์ ใน Tier ที่ 2 ที่ 3 ที่แข็งแกร่ง มีซัพพลายเออร์ท้องถิ่นจำนวนมากที่มีความแข็งแกร่ง อยู่ใน Ecosystem ที่ เรามี
ผมมองว่าความเสี่ยงนั้นอยู่ที่การขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์และวิกฤตเช่นโควิด ชายแดนถูกปิด เราไม่สามารถนำเข้าชิ้นส่วนได้
ทีมงานของเราในประเทศญี่ปุ่นและในประเทศไทยและที่อื่น ๆ ได้รีวิวสถานการณ์อย่างต่อเนื่องและตามที่เราเห็นตามข่าว คงไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าสถานการณ์โควิดจะรุนแรง ดังนั้นทีมงานของเราในญี่ปุ่นและในประเทศไทยจึงเริ่มจำลองความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และจะจำกัดการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นได้อย่างไร และผมคิดว่าควรมีการรีวิว supply chain ของเราให้แข็งแกร่งขึ้น
ปัจจุบัน กลยุทธ์ของนิสสันในภูมิภาคนี้คือการรวบรวม การผลิตโดยใช้ชิ้นส่วนในท้องถิ่นซึ่งส่วนใหญ่มีอยู่ในประเทศไทย ผมคิดว่าเป็นกลยุทธ์ที่ชัดเจนมากและยังทำให้การจัดการของเราง่ายขึ้นโดยเฉพาะเมื่อเกิดสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด
ข้อความที่อยากฝากถึงลูกค้านิสสันในประเทศไทย
เซคิกุจิซัง: ผมคิดว่านิสสันยังคงเดินหน้าสร้างแบรนด์ของเราให้แข็งแกร่งขึ้น เรามีแฟนๆ มากมาย รวมถึงสมาชิก GT-R ที่รู้จักและชื่นชอบ GT-R Datsun ก็เป็นหนึ่งในชื่อที่หลายๆคนในประเทศไทยจำได้ว่าเป็นรถกระบะที่แข็งแกร่งและทนทาน และเรายังคงสืบทอดมรดกนั้นมาสู่ นาวารา ของเราจนถึงทุกวันนี้ แต่ความท้าทายอย่างหนึ่งที่ผมเจอและพยายามทำให้ดีขึ้นคือ คนรุ่นเราขึ้นไปจะจดจำนิสสันว่าเป็นแบรนด์ที่ดีมาก เป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งมาก คนรุ่นใหม่อาจไม่ค่อยมีความผูกกันกับแบรนด์นิสสันเท่าไหร่ และนี่คือสิ่งที่เรากำลังทำให้ดีขึ้น ทำอย่างไรให้ นิสสันเป็นแบรนด์สำหรับทุกคนรวมถึงคนรุ่นใหม่ เรายังมีภารกิจที่ต้องทำอีกมาก แต่เรามีความคืบหน้า และผมตั้งตารอที่จะใช้เวลากับประเทศไทยให้มากขึ้น และพยายามทำให้แบรนด์นิสสันเป็นที่รู้จักมากขึ้นและเป็นที่รักมากยิ่งขึ้น พร้อมสร้างแฟนนิสสันในประเทศไทยให้มากขึ้นอีกด้วยครับ