fbpx

‘New Normal’ เรื่องแปลกในวันนี้อาจเป็นเรื่องปกติในวันข้างหน้า

เรื่อง : แป๊ะตี๋

เมื่อ 90 ปีก่อน เรานิยมใช้หลอด Incandescent หรือที่เรียกกันว่า หลอดไส้ ตามบ้านเรือนและโรงงานอุตสาหกรรม 

แต่ตอนนี้เราทุกคนหันมาใช้ หลอด LED เพราะให้แสงสว่างได้ดีกว่า ทนทานกว่า และกินไฟน้อยกว่า 

ประโยชน์ที่มันเกิดขึ้นอย่างเด่นชัดของอะไรใดๆ ก็ตามในโลก มันเป็นเรื่องปกติของความแปลกใหม่หรือที่เรียกว่า New Normal

New Normal เริ่มจะหวนกลับมาให้คุ้นหูอีกครั้ง จากการมาของโควิด-19 

New Normal คืออะไรเกี่ยวเนื่องอะไรกับโควิด-19?

ตอนนี้การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังไม่มีวี่แววจะสิ้นสุดในเร็ววัน ได้ก่อให้เกิดพฤติกรรมหลายอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปแบบอัตโนมัติ เช่น ซื้อของออนไลน์ ทำงานอยู่บ้าน หรือเรียนที่บ้าน 

ที่น่าสนใจ คือ หากเหตุการณ์กลับเข้าสู่สภาวะปกติ สิ่งที่เปลี่ยนไปนี้ ก็อาจจะกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาของพฤติกรรมผู้คนไปเลย ซึ่งเราเรียกสิ่งนี้แหละว่า ‘ความปกติแบบใหม่’ หรือ ‘New Normal’ 

อันที่จริงแล้วโลกเรามีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญมาหลายเรื่อง และทุกครั้งก็กระทบต่อชีวิตคนเสมอ นับตั้งแต่การปฏิวัติอุตสาหกรรม มาจนถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล รวมทั้งโมเดลธุรกิจแบบใหม่ที่เรียกว่า Digital Disruption 

การก่อตัวของวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในแต่ละประเทศ ทั้งวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ในอเมริกา วิกฤติเศรษฐกิจในยุโรป หรือแม้แต่ในประเทศไทยก็เคยเจอต้มยำกุ้งตอนปี 2540

โรคภัยที่เกิดขึ้น และสร้างทำให้คนในโลกต้องจดจำ ตั้งแต่ เอดส์ ซาร์ส อีโบล่า หวัดนก และตอนนี้ก็โควิด-19

เหตุการณ์ด้านลบ ที่สร้างผลกระทบต่อผู้คนในโลกครั้งแล้วครั้งเล่า ส่งผลความรุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจ และทำลายสุขภาพกายและสุขภาพจิตของมวลมนุษยชาติแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้

และนั่นก็ทำให้หลายๆ คนที่ผ่านช่วงเวลาเหล่านั้น ได้ ‘ปรับเปลี่ยน’ พฤติกรรมตัวเอง เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงใหญ่ๆ เช่นเดียวกันกับวิกฤติโรคระบาดหนนี้ ที่ผู้คนก็อาจจะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมบางอย่างของตนเองไปแบบตลอดกาลเลยด้วย

โควิด-19 ผู้เร่งโลกให้เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล

ตอนนี้หันไปดูแทบทุกบริษัทเริ่มปล่อยนโยบายการทำงานที่บ้าน หรือ Work from home ซึ่งแต่ก่อนก็คงมีแนวคิดนี้กันมาบ้าง จากการที่มีปัญหาต่างๆ เข้ามากระทบชีวิตคน ทั้ง PM2.5 หรือการเดินทางที่สร้างความลำบากต่อการทำงาน แต่ก็ไม่ได้เกิดขึ้นจริงจัง ทว่าตอนนี้ โควิด-19 ได้จัด Work from home ให้ทุกคนนำไปเป็นมาตรการที่ถูกใช้อย่างแพร่หลายภายในเวลาไม่ถึงเดือน

ก่อนหน้านี้ ตามสถาบันการศึกษาชั้นนำ เริ่มมีการนำแนวคิดเรียนออนไลน์มาปรับใช้ควบคู่กับระบบการเรียนการสอนเดิม เพื่อหวังรับมือ Digital Transformation แต่ตอนนี้โรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย ต้องเปลี่ยนมาสอนผ่านช่องทางออนไลน์ในทันที เมื่อโควิด-19 มาเยือน

หันไปดูพ่อแม่ที่ไม่เคยเล่นสมาร์ทโฟนแบบเป็นกิจวัตร แต่ตอนนี้พวกท่านกลับช้อปปิ้งสินค้าต่างๆ จากช่องทางออนไลน์ แถมยังเข้าไปเรียนรู้แอพลิเคชั่นเกี่ยวกับการช้อปปิ้ง และรวมถึงแพลตฟอร์มการสั่งสินค้าออนไลน์หลากรูปแบบได้โดยอัตโนมัติ 

บางคนมีรสนิยมในการรับประทานอาหารปรุงสดและนั่งในร้านที่มีบรรยากาศดีๆ ไม่นิยมซื้ออาหารมารับประทานที่บ้านสักเท่าไร ก็เริ่มเปิดใจรับอาหารแบบเดลิเวอรี่ที่มาจากไลน์แมน เก็ท และแกร็บมาแกะก่อที่บ้านได้แบบไม่ตะขิดตะขวงใจ 

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้จะบอกว่าเพราะโควิด-19 เป็นตัวเร่งให้บีบให้พฤติกรรมคนเปลี่ยนก็ไม่ผิด แต่หลายคนอาจจะคิดว่าเมื่อวิกฤติโรคระบาดนี้จบลง สิ่งต่างๆ ที่เหมือนความแปลกปลอมในช่วงชีวิตสั้นๆ ก็จะจางหายไปพร้อมลมหายใจของโควิด-19 

แต่ในความเป็นจริงอาจจะไม่เป็นเช่นนั้นเหมือนสายน้ำที่ไหลผ่านจะไม่มีวันย้อนกลับคืนอีกต่อไป

…เพราะสิ่งที่น่าสนใจคือหลังจากเหตุการณ์ในครั้งนี้พฤติกรรมที่ว่าอาจจะติดตัวผู้คนไปตลอดกาลและจะส่งผลให้หลายธุรกิจที่ปรับตัวหรือธุรกิจที่เกิดใหม่จากการนำวิกฤตินี้ไปปรับจะได้ประโยชน์จากสิ่งที่เรียกว่า New Normal นี้

หลายธุรกิจที่รอผลัดวันและรอเวลาในการ Disruption ตัวเอง จะถูกเร่งให้ต้อง Disrupt เร็วขึ้น ส่วนหลายธุรกิจที่คิดว่าหลังเหตุการณ์นี้ ทุกอย่างจะกลับมาเหมือนเดิม อาจจะพังพินาศถ้ายังจะเดินธุรกิจตามรอยเก่า 

เพราะคุณพ่อคุณแม่ของเราอาจจะไม่กลับไปเดินซื้อสินค้าที่ตลาดหรือซุปเปอร์มาร์เก็ตอีกแล้ว ไม่ใช่ว่าเพราะกลัวโรค แต่เพราะมันสบายและประหยัดเวลาชีวิตที่จะเอาไปทำเรื่องอื่นได้มากกว่า

เด็กๆ รุ่นหลัง GEN Y ลงไป อาจจะไม่อยากเรียนหนังสือในสถาบันการศึกษาชั้นนำอีกแล้ว เพราะเขาไม่ต้องการไปเรียนเพื่อการแข่งขัน แต่ต้องการเรียนสิ่งที่อยากรู้ และคอร์สออนไลน์สารพัดศาสตร์การศึกษา จะเข้ามาทำให้พวกเขากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ไร้ใบปริญญา และพร้อมเข้าสู่ตลาดงานด้วยทักษะเฉพาะด้านแบบที่บริษัทไหนก็ไม่กล้าปฏิเสธ

บรรดาธุรกิจดั้งเดิมอาจจะต้องหวาดกลัว ‘แบรนด์สินค้า’ ที่เกิดขึ้นจากผู้เล่นหน้าใหม่ ที่มีสถานะเป็น ‘ประชาชนคนธรรมดา’ ที่จะเรี่มหันหลังให้ชีวิตการทำงานกินเงินเดือนแบบเดิมๆ และมาเลือกสร้างธุรกิจให้ตัวเอง เพราะไม่อยากฝากอนาคตให้กับนายจ้างมากำหนดชีวิตในยามวิกฤติต่างๆ เกิดขึ้น

เราจะเห็นคนจะใช้ออนไลน์ในการซื้อของใช้ในบ้าน อาหาร หรือสิ่งของที่จำเป็นในชีวิตประจำวันมากขึ้น จึงคาดการณ์ได้ว่ายอดขายจากธุรกิจอีคอมเมิร์ซจะเพิ่มสูงขึ้น

สังคมไร้เงินสดที่เกิดขึ้นมาระยะหนึ่งจะยังคงดำเนินต่อไป และจะเป็นภาพปรากฏการณ์ที่ชัดขึ้น ธุรกิจผู้ให้บริการธุรกรรมทางการเงินผ่านโลกดิจิทัล การใช้ดิจิทัลแบงกิ้ง แอพลิเคชั่น e-Wallet จะโดดเด่น และถ้าทำระบบได้ดี มีความปลอดภัยสูง ก็จะเป็นประตูเบิกทางไปสู่การทำธุรกรรมทุกอย่างในโลกออนไลน์ได้อย่างมากโข แถมทำให้คนไม่ต้องกังวลเรื่องเชื้อโรคบนธนบัตรและลดการพิมพ์ที่ใช้ทรัพยากรธรรมชาติไปได้อีกทางหนึ่งด้วย

คนจะวิตกเรื่องสุขภาพ โดยหันมารักษาสุขภาพตนเองให้ดีแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ส่วนหนึ่งก็เพื่อป้องกันตนเองจากโรคใหม่ๆ ที่อาจะเกิดขึ้นได้อีก พวกเขาจะเริ่มใส่ใจตัวเองตั้งแต่การทานอาหารที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันต่อร่างกาย และการออกกำลังกายจะเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน ฉะนั้นกลุ่มธุรกิจอาหารที่เข้าข่าย และธุรกิจที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพ (ฟิตเนส / อาหารเสริม / สมาร์ทวอช) จะเติบโตยิ่งกว่าเดิม

พลังของการสื่อสารทางสังคมจะเกิดขึ้นและแข็งแกร่งกว่าที่เคย เพื่อนำไปสู่การลดความแตกแยก ข่าวปลอมจะลดน้อยลง ความรู้สึกรักชอบใครเป็นการส่วนตัวจะลดทอน ผู้คนจะยินยอมให้ข้อมูลส่วนตัว หากเป็นประโยชน์ในการนำไปพัฒนาพื้นฐานชีวิตให้คนหมู่มากได้รับคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน

นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่มีความเป็นไปได้ ภายใต้บริบทของ New Normal และไม่แน่ในวันข้างหน้าเราอาจจะต้องกลับไปย้อนขอบคุณโควิด-19 ที่เร่งให้มันเกิด ก็เป็นได้…

#GMLive #Vision #NewNormal #COVID-19 #โควิด-19 #Disruption #Workformhome

Digiqole ad

บทความที่น่าสนใจ