มัดรวมบรรยากาศงาน Motor Expo 2023
เมอร์เซเดส-เบนซ์ สื่อสารความเท่าเทียมผ่านดีไซน์บูธ “FUTURE FOR ALL” ส่ง 4 ยนตรกรรมรุ่นล่าสุด ในงาน Motor Expo 2023
เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จัดแสดงรถยนต์ภายใต้คอนเซ็ปต์ “FUTURE FOR ALL” สะท้อนถึงความเท่าเทียมของลูกค้าที่มีความหลากหลาย ด้วยการออกแบบบูธที่ไร้ทาง ต่างระดับแบบ Universal Design ให้ทุกคนเข้าถึงบูธเมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้อย่างไร้รอยต่อ พร้อมรับประสบการณ์ที่เหนือระดับผ่านทัพยนตรกรรมหลากหลายรุ่น นำโดย 4 รุ่น GLC 220 d 4MATIC Avantgarde, EQE 350 4MATIC SUV Electric Art, GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic, C 220 d AMG Line และยนตรกรรมอีกกว่า 15 รุ่น ที่มาพร้อมข้อเสนอสุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับลูกค้าคนพิเศษทุกคน
GLC 220 d 4MATIC Avantgarde อีกหนึ่งทางเลือกเครื่องยนต์จาก The new GLC “GLC 220 d 4MATIC Avantgarde” ยนตรกรรมที่พร้อมก้าวสู่โลกแห่งอนาคตอย่างเต็มรูปแบบด้วยเครื่องยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล รหัส OM654M แบบ 4 สูบเรียง ขนาด 1,993 ซีซี พร้อมระบบอัดอากาศ turbochargers ที่ระบายความร้อนด้วยระบบ Water-cooled turbocharger ทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ ISG (Integrated starter generator) พร้อมแบตเตอรี่แบบ 48V on-board electrical system ซึ่งมอเตอร์ไฟฟ้านี้จะสามารถชาร์จแบตเตอรี่ในขณะเบรก สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์แบบเงียบ ช่วยเพิ่มความนุ่มนวลและลดการสั่นในการสตาร์ทเครื่องยนต์ขณะใช้งาน Eco Start/Stop และยังช่วยเพิ่มแรงบิดและรอบเครื่องยนต์ขณะที่เครื่องยนต์มีอุณหภูมิต่ำ โดยมอบพละกำลังได้สูงถึง 17 กิโลวัตต์ ทำให้รถยนต์คันนี้มีกำลังแรงม้ารวมสูงสุด 197 แรงม้า ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลาเพียง 8 วินาที จับคู่กับระบบส่งกำลังแบบ 9G-TRONIC ช่วยให้การขับขี่นุ่มนวลแต่ยังทรงพลัง และสามารถช่วยประหยัดน้ำมันได้ถึง 6.5%
EQE 350 4MATIC SUV Electric Art EQE SUV รถเอสยูวีพลังงานไฟฟ้า 100% ที่เปิดตัวในประเทศไทยทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ รุ่นเริ่มต้น “EQE 350 4MATIC SUV Electric Art” รุ่นกลาง “EQE 350 4MATIC SUV AMG Line” และรุ่นท็อป “EQE 350 4MATIC SUV AMG Dynamic” มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่แบบ PSM (Permanently Excited Synchronous Motors) ติดตั้งบริเวณเพลาขับหน้าและหลัง มอบกำลังแรงม้ารวมสูงสุด 292 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุด 765 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพียง 6.6 วินาที ติดตั้งแบตเตอรี่แรงดันสูง 396V แบบ Lithium-ionที่มีความจุมากถึง 89 kWh ช่วยให้สามารถขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าได้ไกลกว่า 558 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP รองรับการชาร์จพลังงานไฟฟ้าแบบกระแสตรง (DC Charge) สูงสุด 170 kWh ใช้เวลาชาร์จจาก 10 – 80% เพียง 32 นาที ส่วนการชาร์จแบบกระแสสลับ (AC Charge) รองรับสูงสุด 11 kWh ใช้เวลาชาร์จจาก 0 – 100% ในระยะเวลา 9 ชั่วโมง 30 นาที
GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic ตัวแทนด้านขุมพลังแห่งสมรรถนะและความสะดวกสบายอันเหนือระดับ สะท้อนตัวตนความเป็นรถยนต์สไตล์ออฟโรดดีไซน์เฉียบคมได้อย่างลงตัว ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล OM654M แบบ 4 สูบเรียงขนาด 1,993 ซีซี พร้อมระบบอัดอากาศแบบ turbochargers ที่ระบายความร้อนด้วยระบบ Water-cooled turbocharger ทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ ISG (Integrated starter generator) พร้อมแบตเตอรี่แบบ 48V on-board electrical system ให้พละกำลังสูงถึง 15 กิโลวัตต์ ทำให้ The new GLE มีกำลังแรงม้ารวมสูงสุดถึง 269 แรงม้าที่ 4,200 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 550 นิวตันเมตร ที่ 1,800-2,200 รอบต่อนาที สามารถสร้างอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 6.9 วินาที ผสานการทำงานกับระบบส่งกำลังแบบ 9G-TRONIC ช่วยให้การขับขี่นุ่มนวลแต่ยังทรงพลังในทุกโมเมนต์
C 220 d AMG Line C 220 d AMG Line ถือเป็นรถยนต์ซีดานดีไซน์โฉบเฉี่ยวที่ได้รับความนิยมสูงสุดตลอดกาล โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยขั้นสูงสุด มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซล รหัส OM654M แบบ 4 สูบเรียง ขนาด 1,993 ซีซี พร้อมระบบอัดอากาศแบบ turbochargers ที่ระบายความร้อนด้วยระบบ Water-cooled turbocharger ผสานการทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ ISG (Integrated starter generator) พร้อมแบตเตอรี่แบบ 48V on-board electrical system ให้พละกำลังสูงถึง 17 กิโลวัตต์ ทำให้รถยนต์คันนี้มีกำลังแรงม้ารวมสูงสุด 197 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร ที่ 1,800 – 2,800 รอบต่อนาที สามารถสร้างอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 7.3 วินาที พร้อมจับคู่กับระบบส่งกำลังแบบ 9G-TRONIC ที่ช่วยให้การขับขี่นุ่มนวลอย่างเหนือระดับ และสามารถช่วยประหยัดน้ำมันได้ถึง 6.5% พร้อมนำเสนออีกขั้นของเครื่องยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและนวัตกรรมที่ล้ำสมัยเข้ากับยุคแห่งดิจิทัล
สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ รถยนต์รุ่นต่าง ๆ ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้ที่ www.mercedes-benz.co.th หรือที่ศูนย์บริการ เมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการ ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือติดตามข่าวสารอัพเดทผ่านทาง Facebook: Mercedes-Benz Thailand IG: @MercedesBenzThailand และ LINE: @mercedesbenzth
EM มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า สัญชาติไทย เปิดตัวรุ่นใหม่ City EV Scooter “OWEN” EV Gentleman กำลังมอเตอร์ไฟฟ้า 2,500 watts
สิ่งที่น่าตื่นตา ตื่นใจ ในบูธ EM Motor Expo 2023 คือมิติใหม่ของยานยนต์ไฟฟ้า ในสไตล์ City EV Scooter ที่ EM ได้พัฒนา พร้อมนำเสนอเส้นสายการดีไซน์ อันบ่งบอกถึงความเป็นผู้นำของมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ที่ออกแบบได้อย่างเหมาะสมกับทุกสภาพการขับขี่ ทั้งในเมือง บนถนนที่การจราจรคับคั่ง ในชุมชนที่ถนนซอกซอยคับแคบ มิติของการขับขี่ที่สอดรับกับสรีระของชาวเอเชีย โดดเด่นด้วยดีไซค์ชุดไฟหน้า Projector แถบเส้น สัญญานไฟเลี้ยว ซ้าย-ขวา ไฟท้ายที่มีลายเส้น สว่างเห็นเด่นชัด ชุดเรือนไมล์แบบสปอร์ต ครบทุกฟังก์ชั่นสำคัญ
บอกสถานะความเร็ว ระดับคงเหลือของแบตเตอรี่ Mode การขับขี่ เกียร์ และสำคัญยิ่งที่มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ายุคใหม่ ต้องมี ทั้งระบบ CBS (Combine Brake System) ที่เพิ่มความปลอดภัยเมื่อทำการเบรก ลดระยะการเบรกที่สั้นลง และระบบควบคุมแบตเตอรี่ตามมาตรฐาน UNR 136 แบตเตอรี่แบบ ลิเธียม อิออน ที่เก็บกักพลังงานไฟฟ้าได้มากกว่า และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า
นอกเหนือจากรูปทรงที่สวยงามทันสมัย และฟังก์ชั่นที่ครบถ้วน EM “OWEN” EV Gentleman สมรรถนะกำลังมอเตอร์ไฟฟ้า ขนาด 2,500 watts ให้ความเร็ว 70-75 กม./ชม. ระยะทางต่อการชาร์จไฟฟ้า/ครั้ง ที่ 80-100 กม. (45 กม./ชม.) รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า EM รุ่น “OWEN” EV Gentleman นับเป็มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ที่ตอบรับกับประชาชนยุคใหม่ ที่ไฝ่หายานยนต์พลังงานที่สะอาด รูปลักษณ์ทันสมัย ขับขี่ได้อย่างสะดวกสบาย และให้ความปลอดภัย เมื่อยามขับขี่ในชีวิตประจำวัน
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติม ได้ที่ WWW: https://www.em-bike.com/ Facebook : EM – EV BIKE Thailand มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ครบวงจร / Line Official : @emevbike
Youtube : EM ศูนย์บริการครบวงจร
เอ็มจี เผยโฉม MG CYBERSTER และ IM LS6 ครั้งแรกในอาเซียน พร้อมยกขบวนยนตรกรรมครบทุกรุ่น บุก Motor Expo 2023
เป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญของ เอ็มจี โดยได้นำนวัตกรรมยานยนต์ที่สะท้อนความก้าวล้ำของเทคโนโลยีและงานดีไซน์แห่งโลกอนาคตมาจัดแสดงเป็นยนตรกรรมไฮไลท์ครั้งแรกในประเทศไทยและในภูมิภาคอาเซียนของ MG CYBERSTER รถสปอร์ตโรดสเตอร์พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกซึ่งสร้างสรรค์ ให้มีความลงตัวของงานดีไซน์และสมรรถนะอันทรงพลัง รังสรรค์เป็นโรดสเตอร์พลังงานไฟฟ้าแบบเปิดประทุน 2 ที่นั่ง โดดเด่นด้วยประตูปีกนก (Scissor Doors) แบบปุ่มสัมผัสเปิด-ปิด ภายในห้องโดยสารให้ลุคสปอร์ตด้วยการใช้สีแดง Wine-red วัสดุคุณภาพระดับพรีเมียม พร้อมระบบการเชื่อมต่อด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะมากมาย มอบความความรู้สึกแห่งการขับขี่รถสปอร์ตสไตล์ Convertible โดยรุ่นที่ปรากฏตัวภายในงานเป็นรุ่นพวงมาลัยซ้าย มอเตอร์คู่ 544 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 725 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 3.2 วินาที แบตเตอรี่ความจุ 77 kWh ช่วงล่างด้านหน้าอิสระปีกนกคู่และหลังอิสระมัลติลิงค์ ทั้งนี้ เอ็มจี ได้เปิดโอกาสให้ผู้สนใจสามารถจองสิทธิ์ ภายใต้แคมเปญ MG CYBERSTER Prestige Reservation ผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้น* ที่ bit.ly/MGPrestigeReservation ถึง 31 ธันวาคม 2566 ด้วยเงื่อนไข จอง 10,000 บาท สามารถแลกรับส่วนลดได้ 50,000 บาท
และอีกหนึ่งรุ่นที่สร้างสีสันให้กับบูธของ เอ็มจี ในครั้งนี้ คือ IM LS6 รถเอสยูวีคูเป้ไฟฟ้า อีกแบรนด์ภายใต้การ ร่วมทุนระหว่าง SAIC Motor กับ Alibaba และ Shanghai Zhangjiang Hi-Tech โดดเด่นด้วยงานออกแบบภายนอกตัวรถภายใต้คอนเซ็ปต์ “Gentle Sculpture” ที่พลิ้วไหว และงานออกแบบภายในที่ล้ำสมัย ผนวกกับฟีเจอร์ที่ใช้เทคโนโลยี Ai Cabin ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่จาก SAIC Motor ตอกย้ำให้เห็นถึงการพัฒนาของเทคโนโลยีอย่างไม่หยุดนิ่งในการสร้างสรรค์นวัตกรรมยานยนต์ใหม่ๆ ของบริษัทแม่ของ เอ็มจี โดย IM LS6 นี้ มีขนาดมิติตัวถังที่ 4.9 เมตร ฐานล้อกว้าง 2.950 เมตร สมรรถนะของรถคันนี้มาพร้อมกับ มอเตอร์คู่ 579 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุดที่ 800 นิวตันเมตร วิ่งในระยะทาง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 3.48 วินาที
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ MG CALL CENTRE โทร. 1267 และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมของ เอ็มจีได้ที่ Website: www.mgcars.com / Line: @MGThailand
Facebook: www.facebook.com/MGcarsThailand / Twitter: @mg_thailand
I-Motor บุกตลาดรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าไทย เปิดตัวรุ่น Vapor CBS มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่า พร้อมตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
I-Motor Manufacturing Co., Ltd. หรือ บริษัท ไอ-มอเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด เปิดตัวรถ I-Motor รุ่น Vapor CBS ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Modern Simplicity Design” ให้ผู้ใช้รถสัมผัสประสบการณ์การขับขี่อย่างปลอดภัยและสมรรถนะสูงสุด ด้วยเทคโนโลยีและประสบการณ์การผลิตชิ้นส่วนตามมาตรฐานอุตสาหกรรมรถมอเตอร์ไซค์ญี่ปุ่นมากว่า 60 ปี
สำหรับรถรุ่น Vapor ออกแบบโดยเน้นความทันสมัย โดดเด่น และเหมาะสมกับทุกไลฟ์สไตล์ ให้ได้สัมผัสกับประสบการณ์ Intelligent Mobility โดย Vapor มีจำหน่ายในรุ่น Vapor Standard, Vapor CBS และ Vapor S (Limited Edition เพียง 99 คัน) โดยแต่ละรุ่นของ Standard และ CBS มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย มีสีให้เลือกถึง 6 สี ได้แก่ สีส้ม (Summer Orange), สีขาว (Nimbus White), สีดำ (Onyx Black), สีเหลือง (Party Yellow),
สีฟ้า (Aero Blue) และ สีแดง (Corsa Red)
โดยรุ่นไฮไลต์ที่เปิดตัวในงานอย่าง Vapor CBS มาพร้อมสมรรถนะในการขับขี่ที่เหนือกว่าในระดับเดียวกัน ด้วยล้อแม็กซ์หน้าลายพิเศษ 14 นิ้วและหลังขนาด 12 นิ้ว ดิสเบรค CBS หน้า-หลัง ขนาด 220 มม. ควบคุมการขับขี่ได้อย่างคล่องแคล่ว ตอบโจทย์ทุกการเดินทางทั้งในเมืองและเดินทางไกล ผสานกับมาตรฐานความปลอดภัยกับระบบเบรค CBS (Combined Braking System) ที่จะช่วยกระจายแรงเบรคหน้า-หลัง เพื่อการหยุดรถในทุกสภาพถนนอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ขับขี่อย่างปลอดภัย มีสไตล์ ไม่ว่าจะขับขี่คนเดียวหรือมีผู้ร่วมเดินทาง
ติดตามข้อมูลข่าวรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก I-Motor Thailand: www.facebook.com/imotorthailandbkk และเว็บไซต์ www.imotorthailand.com หรือ Line: @imotor
GAC AION เปิดตัว AION Y Plus 490 Premium พร้อมเผยโฉม Hyper GT, Hyper HT และ Hyper SSR แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าระดับไฮเอนด์ของ GAC AION รวมถึง AION ES รถยนต์ซีดานไฟฟ้ารุ่นแรกในอุตสาหกรรมรถโดยสารสาธารณะของประเทศไทย
งาน Motor Expo ครั้งนี้ บริษัทได้เปิดตัว AION Y Plus 490 Premium โฉมใหม่ โดยได้รับการอัปเกรดออปชัน อย่างเต็มรูปแบบทั้งหมด 24 รายการ ภายนอกมาพร้อมกับระบบไฟสูงอัจฉริยะ พร้อมประตูฝาท้ายระบบไฟฟ้า และฟังก์ชัน VTOL ภายใน มีการเพิ่มระบบระบายอากาศเบาะที่นั่งคนขับ เบาะผู้โดยสารตอนหน้าสามารถปรับได้ 4 ทิศทางด้วยระบบไฟฟ้า กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ ไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสารสามารถปรับได้ตามจังหวะดนตรี เบาะหลังมีการติดตั้งพนักพิงศีรษะและที่วางแขนตรงกลาง รวมถึงระบบการขับขี่อัจฉริยะและระบบความบันเทิง มีการอัปเกรดเพิ่มขึ้นถึง 12 รายการ ไม่ว่าจะเป็น ระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะระดับ L2+ ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ นอกจากนี้เรายังได้แถมสาย Emergency Charging ให้กับลูกค้าที่ซื้อ AION Y Plus 490 Premium อีกด้วย
ในส่วนของเทคโนโลยี ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มรถยนต์ไฟฟ้า AEP ซึ่งมาพร้อมกับคุณสมบัติที่โดดเด่นและทำให้มีพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง มาพร้อมอัตราส่วนการกระจายน้ำหนักแบบ 50:50 ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมรถได้อย่างมั่นใจและได้รับประสบการณ์การขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น อีกทั้งตำแหน่งการวางแบตเตอรี่ไว้ที่จุดศูนย์กลางของตัวรถ ทำให้มีความปลอดภัยสูง ส่งผลให้ตัวรถทำงานควบคู่กับระบบอัจฉริยะได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวแบตเตอรี่ขนาด 63.2 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ให้ระยะทางวิ่งสูงสุดมากถึง 490 กม. พร้อมด้วยเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่มีความปลอดภัยมากที่สุดในโลกอย่าง Magazine Battery ที่ผ่านการทดสอบโดยการใช้กระสุนปืนยิงทะลุแบตเตอรี่มากกว่า 980,000 ครั้ง ซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลางของรอยกระสุนที่ใหญ่กว่าการทดสอบแบบทั่วไปมากกว่า 7-8 เท่า ผลลัพธ์คือแบตเตอรี่ไม่มีการติดไฟหรือเกิดการระเบิดเลยแม้แต่ครั้งเดียว
แนวคิดการออกแบบ AION Y Plus 490 Premium ได้คำนึงถึงความสะดวกสบายและการใช้งานจริงเป็นหลัก ในขณะเดียวกันก็ได้รวมเอาความทันสมัย และฟังก์ชั่นการขับขี่อัจฉริยะเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อสร้างประสบการณ์การขับขี่ที่ไม่เหมือนใคร AION Y Plus 490 Premium มีระยะฐานล้อที่ยาวถึง 2,750 mm พร้อมด้วยพื้นที่วางขาด้านหลัง 1,022 mm ทำให้มั่นใจได้ถึงความสะดวกสบายของผู้โดยสาร เบาะนั่งคู่หน้าสามารถพับราบเป็นเตียงขนาดใหญ่ได้ 1.8 เมตร มอบทางเลือกในการพักผ่อนที่มากกว่าและเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเดินทางระยะไกล เบาะโดยสารด้านหลังสามารถพับลงกลายเป็นพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายที่มากถึง 1,200 ลิตร สามารถรองรับสัมภาระจำนวนมากได้เป็นอย่างดี ตอบโจทย์ผู้ที่มีสัมภาระเป็นจำนวนมาก
Hyper GT รถสปอร์ตซีดานไฟฟ้า ที่มาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่ดูดุดันและสง่างาม แฝงไว้ด้วยเส้นสายที่ดูสปอร์ต ผสานกับความหรูหราไว้ได้อย่างลงตัว พร้อมด้วยประตูแบบปีกผีเสื้อ (Butterfly Doors) ที่สามารถเปิด-ปิด ได้ด้วยการกดปุ่มเพียงครั้งเดียว รวมถึงสปอยเลอร์หลังแบบแอคทีฟ ที่จะทำงานเมื่อถึงความเร็วที่กำหนด หรือเลือกเปิด – ปิด ได้ตามความต้องการของผู้ขับขี่
ขุมพลังของ Hyper GT จะมาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว มอบพละกำลังสูงสุด 340 แรงม้า พร้อมด้วยแรงบิด320 นิวตัน-เมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 4.9 วินาที ขับเคลื่อนล้อหลัง จับคู่กับแบตเตอรี่ขนาด 80 kWh ให้ระยะทางวิ่งสูงสุด 710 กิโลเมตร (มาตรฐาน CLTC) นอกจากนี้ยังได้ระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ NDA ทำงานควบคู่กับกล้อง LIDAR 3 ตัวที่สามารถปรับโฟกัสสำหรับการตรวจหาวัตถุได้ทั้งในระยะใกล้และระยะไกล พร้อมด้วยชิปประมวลผล AI คุณภาพสูงจาก Huawei มอบประสบการณ์การขับขี่ที่สะดวกสบาย และปลอดภัยสูงสุดให้กับผู้ขับและผู้โดยสาร
Hyper HT เอสยูวีขุมพลังไฟฟ้า 100% ระดับไฮเอนด์ รุ่นแรกจาก Hyper แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงจาก GAC AION ที่มาพร้อมกับดีไซน์ สมรรถนะ และออปชั่น ที่เหนือกว่า โดยสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม AEP 3.0 ที่ทาง GAC AION วิจัยและพัฒนาขึ้นมาสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ พร้อมด้วยระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะ Xingling ซึ่งจะมาพร้อมกับเซ็นเซอร์มากถึง 39 ตัว, ทำงานควบคู่กับกล้อง LIDAR 3 ตัว ให้ความปลอดภัยสูงสุดแก่ผู้ขับและผู้โดยสาร โดยได้ชูจุดเด่น 4 ประการได้แก่ ดีไซน์และการออกแบบที่หรูหรา, วัสดุและการตกแต่งระดับพรีเมียม, สมรรถนะการขับที่ยอดเยี่ยม และระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่ชาญฉลาด มอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้ขับและผู้โดยสาร สอดคล้องกับ DNA ของแบรนด์ Hyper ได้แก่ Advanced , Trendy , Fun , High-grade
Hyper SSR ซูเปอร์คาร์ไฟฟ้า 100% มาพร้อมกับดีไซน์ที่ดูโฉบเฉี่ยวและเป็นเอกลักษณ์ ตัวถังภายนอกผลิตขึ้นจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์คุณภาพสูง 100% ให้ความแข็งแรงและมีน้ำหนักที่เบากว่าเหล็กทั่วไปมากถึง 2.5 เท่า โดดเด่นด้วยประตูแบบปีกผีเสื้อ (Butterfly Doors) ที่สามารถเปิดหรือปิดเพียงแค่กดปุ่มบริเวณประตู, หรือเหยียบแป้นเบรกให้ลึกขึ้นในขณะจอดรถ ประตูก็จะเปิดโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบ Active Spoiler ซึ่งสามารถสร้างแรงกดบริเวณท้ายรถได้มากถึง 100 กิโลกรัม และไม่น่าเชื่อว่า Hyper SSR มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน (cd) เพียงแค่ 0.146 เท่านั้น
ทั้งยังมาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ที่ให้พละกำลังสูงสุดมากถึง 1,225 แรงม้า ทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในเวลา 1.9 วินาที ให้ผู้ขับได้สัมผัสแรงกระชากในระดับ 1.7 G ตัวรถ ถูกคิดค้น วิจัย และพัฒนา โดยทีมวิศวกรของ Hyper ทั้งหมด และสร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีการผลิตระดับสูง
เพิ่มเติมรายละเอียด
Official website: https://www.aionauto.com/th
Facebook:https://www.facebook.com/AIONthailand/
Twitter: https://twitter.com/AION_TH
YouTube: https://www.youtube.com/channel/UC53FSx0wR6jRoMgkqJNMqDw
ฟอร์ด ขนทัพรถยอดนิยม-ชุดแต่ง จัดเต็มโปรเด็ดในมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2023
ภายในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2023 จะได้พบกับรถฟอร์ดยอดนิยม นำโดย
ฟอร์ด เรนเจอร์ รถกระบะที่โดดเด่นด้วยสมรรถนะเหนือระดับ อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกครบครัน และฟังก์ชันที่ตอบโจทย์การใช้งานได้ครอบคลุมทุกความต้องการ นำโดย ฟอร์ด เรนเจอร์ สตอร์มแทรค ที่มาพร้อมชุดแต่งแท้จากฟอร์ด และฟอร์ด เรนเจอร์ XLS ที่มาพร้อมชุดแต่งจาก Ford x Hamer
ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ รถกระบะสมรรถนะสูง DNA ฟอร์ด เพอร์ฟอร์มานซ์ เจ้าของฉายา ‘ดุดัน ไม่เกรงใจใคร’ ที่พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่เต็มพิกัดให้กับคอออฟโรดตัวจริง
ฟอร์ด เอเวอเรสต์ นำทัพโดยฟอร์ด เอเวอเรสต์ ไวลด์แทรค ที่ออกแบบมาเพื่อลูกค้าที่รักความท้าทายและการผจญภัย พร้อมฟอร์ด เอเวอเรสต์ สปอร์ต ที่ติดตั้งชุดแต่งแท้จากฟอร์ดให้ทุกการเดินทางมีสีสันมากขึ้น
ฟอร์ด มัสแตง รถสปอร์ตระดับตำนาน มาพร้อมแคมเปญสุดเร้าใจ ดอกเบี้ยพิเศษ 0% นาน 48 เดือน ดาวน์ 25% พร้อมแพ็คเกจฟอร์ด พรีเมี่ยม แคร์ นาน 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน และฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง
ข้อมูลเพิ่มเติมและเงื่อนไขข้อเสนอพิเศษของแคมเปญส่งเสริมการขายจากฟอร์ดได้ที่เว็บไซต์ http://www.ford.co.th และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ Call Center โทร 1383
ฮุนได สุดยิ่งใหญ่ธีมบูธ PIXEL CLOUD พร้อม เปิดตัวรถไฟฟ้ารุ่นแรก
ฮุนได โมบิลิตี้ ประเทศไทย (HMT) เขย่าวงการยานยนต์ไทยใน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40” (Motor Expo 2023) ด้วยธีมบูธสุดล้ำ “PIXEL CLOUD” ภายใต้แนวคิด “Exploring the Future” ชูไฮไลต์ทั้งรถยนต์ไฟฟ้า IONIQ 5 และเอสยูวีอย่าง Hyundai Santa Fe รวมถึงสุดยอดยานยนต์สมรรถนะสูง Hyundai N เสริมทัพด้วยยนตรกรรมยอดนิยมครบทุก Line-up และ Segment อาทิ Staria S พร้อม Body Kit เฉพาะรุ่น, Stargazer รถ MINI-MPV ยอดนิยมซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบ 6 และ 7 ที่นั่ง รวมถึงรุ่น Stargazer X ที่เหนือกว่าด้วยอุปกรณ์พิเศษหลายรายการ, Creta รถ B-SUV อันโดดเด่นด้วยออปชั่นครบครัน และ H-1 Elite FE ลิมิเต็ดอิดิชันผลิตจำนวนจำกัด และอีกหลากหลายรุ่น
IONIQ 5 – รถยนต์ไฟฟ้าอีวี 100%ผสานเสน่ห์รถคลาสสิกเข้ากับนวัตกรรมรถไฟฟ้าแห่งอนาคต ชูคอนเซ็ปต์การผสมผสานดีไซน์ยานยนต์คลาสสิกอย่าง Hyundai Pony เข้ากับ Parametric Pixels Design ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ พร้อมเส้นสายที่สะอาดตาและเฉียบคม เน้นเส้นเหลี่ยมสันสร้างรูปลักษณ์ที่เพรียวบาง นับเป็นการผสานความล้ำสมัยเข้ากับความคลาสสิกอย่างลงตัว ด้านหน้ารถออกแบบเป็นรูปตัว V กระจังหน้าทรงปิดทึบ ฝากระโปรงหน้าแบบ Clamshell Bonnet มือเปิดประตูด้านข้างแบบซ่อนเก็บได้ในตัว ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือการออกแบบของ จิออเกตโต จูเจียโร่ (Giorgetto Giugiaro) นักออกแบบชื่อดังชาวอิตาลี ซึ่งกลับมาร่วมมือกับฮุนไดอีกครั้ง
ทั้งยังสมบูรณ์แบบด้วยระบบวิศวกรรมและฟีเจอร์อัจฉริยะอันล้ำสมัย มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 2 ล้อที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า Permanent magnet พลังงานจากแบตเตอรี่ Lithium-Ion ติดตั้งระบบชาร์จเร็ว 350 kW Ultra-fast Charging สามารถชาร์จไฟจาก 10-80% ได้ภายใน 17 นาทีเท่านั้น มอบความสะดวกสบายได้มากกว่ารถไฟฟ้าแบรนด์อื่น ๆ พร้อมฟีเจอร์ไฮเทคครบครันทั้ง ระบบเครื่องเสียงชั้นนำระดับโลกจาก BOSE และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ Hyundai SmartSense ท้งยังพร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการด้วยสองทางเลือก
- แบตเตอรี่แรงดันสูงสุด 58 กิโลวัตต์-ชั่วโมง กำลังสูงสุด 170 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 8.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 185 กม./ชม. ระยะทางขับเคลื่อนไฟฟ้าสูงสุด 384 กม. ตามมาตรฐาน WLTP
- แบตเตอรี่แรงดันสูงสุด 72.6 กิโลวัตต์-ชั่วโมง กำลังสูงสุด 217 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 7.4 วินาที ความเร็วสูงสุด 185 กม./ชม. ระยะทางขับเคลื่อนไฟฟ้าสูงสุด 481 กม. ตามมาตรฐาน WLTP
การันตีคุณภาพด้วยการคว้ารางวัลจากเวทีนานาชาติทั่วโลกรวมทั้ง World Car of the Year, World EV of the Year และ World Car Design of the Year จากเวที World Car Awards
Hyundai Santa Fe –เอสยูวี พร้อมเบาะแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง อีกระดับของประสิทธิภาพและความหรูหรา
ใน Segment D-SUV เจ้าของรางวัลรถยนต์ระดับโลกหลายเวที เปิดตัวในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2023 เป็นครั้งแรกมอบความหรูหราที่แตกต่าง และตอบโจทย์การเป็นรถสำหรับครอบครัวอย่างลงตัว ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง Hybrid ที่ผสานมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ ขนาด 1.6 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 230 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดแบบ Combined System 350 นิวตันเมตร ที่ 1,000 – 4,500 รอบต่อนาที พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Active On-demand โดยใช้ล้อ Aero type alloy ขนาด 19 นิ้ว ส่วนกระจังหน้าเป็นโครเมียมแบบ Cascade ที่สอดรับกับมือจับประตููที่ตกแต่งด้วยโครเมียมเช่นกัน หลังคาพาโนรามิกซันรูฟ โดดเด่นด้วยไฟหน้าแบบ Dual LED Projector T-design และไฟ LED ส่องสว่างเวลากลางวัน Daytime Running Lights ด้านหลังสง่างามด้วยการตกแต่งสปอยเลอร์หลังพร้อมเสริมไฟท้าย LED ด้วยไฟเบรก LED ดวงที่ 3 เพิ่มความสว่างและการมองเห็นที่ชัดเจน
ห้องโดยสารภูมิฐานสง่างาม จากการตกแต่งด้วยหนังแท้ทั้งเบาะและพวงมาลัย และใช้วัสดุอลูมิเนียมเกรดสูง สมบูรณ์แบบทั้งในแง่สุนทรียภาพแห่งความงาม เบาะนั่่งคู่หน้าเป็นระบบปรับไฟฟ้าแบบ Ventilated seat พร้อมระบบความบันเทิงครบครัน สั่งการได้ง่ายด้วยหน้าจอทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงพรีเมียม Harman Kardon™ ที่มากับลำโพงคุณภาพสูงกว่า 10 ตำแหน่ง รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto ได้อย่างสะดวกสบาย รองรับการชาร์จมือถือแบบไร้สาย Wireless Charger และไฟเรืองแสงรอบห้องโดยสาร (Ambient Mood Light) ที่เพิ่มความหรูหราแก่ห้องโดยสารในทุกตารางนิ้ว
ทั้งยังติดตั้งเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่อันล้ำสมัย ทั้งปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์แบบ Push Start Button ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control พร้อมปุ่มเลือกโหมดการขับขี่ทั้งแบบ Eco, Sport และ Smart และแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shifter ตลอดจนเทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะครบครันที่ทำให้ Santa Fe เป็นสุดยอด D-SUV ที่ตอบโจทย์การเดินทางทุกรูปแบบทั้งการขับขี่ในเมืองใหญ่ และการขับขี่ทางไกลเพื่อพักผ่อนในวันหยุดได้อย่างสมบูรณ์แบบ ครบครันกับระบบความปลอดภัยเหนือชั้นอย่าง Hyundai SmartSense
Elantra N – ดีเอ็นเอจากสนามแข่งขันสู่ยานยนต์บนท้องถนน แบรนด์รถยนต์สมรรถนะสูงล่าสุดจากฮุนได พัฒนาขึ้นด้วยความหลงใหลในสมรรถนะขั้นสูงของกีฬามอเตอร์สปอร์ตบนพื้นฐานแนวคิด “Never Just Drive” โดยรถยนต์ N ทุกรุ่น ผ่านการออกแบบโดยผู้เชี่ยวชาญของศูนย์วิจัยและพัฒนา Hyundai Motor Namyang R&D Center ก่อนจะส่งรถยนต์ N ไปทดสอบที่สนาม Nürburgring ในเยอรมนี ซึ่งได้รับการขนานนามเป็นหนึ่งในสนามแข่งที่โหดที่สุดในโลก จนเป็นที่มาของแบรนด์ N ซึ่งตั้งตามชื่อเมือง Namyang และสนามแข่ง Nürburgring นั่นเอง ส่วนเส้นสายของโลโก้ N นั้นได้แรงบันดาลใจมาจากโค้งสนามแข่งขันในตำนานเช่นกัน
Elantra N มอบศักยภาพแห่งการขับขี่ที่เปี่ยมพลังด้วยเครื่องยนต์ Theta-II 2.0 T-GDi เทอร์โบ กำลังสูงสุด 280 แรงม้า ที่ 5,500 – 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 392 นิวตันเมตร ที่ 2,100 – 4,700 รอบต่อนาที ใช้ระบบส่งกำลังแบบ N 8-speed Wet Dual Clutch Transmission (DCT) ทั้งยังมีระบบผู้ขับขี่เปลี่ยนเกียร์ได้เอง ขับเคลื่อนล้อคู่หน้า มาพร้อมเทคโนโลยีระบบวาล์วท่อไอเสียแบบแปรผันที่สร้างเสียง Pop-corn Sound และระบบกันสะเทือนแบบ Adaptive ใช้ระบบบังคับเลี้ยวแบบ Rack-mounted Motor Driven Power Steering (R-MDPS) และเบรกอย่างแม่นยำ ด้วยระบบดิสก์เบรกประสิทธิภาพสูงพร้อมช่องระบายความร้อนขนาด 360 x 30 มม. (ล้อหน้า) และขนาด 314 x 20 มม. (ล้อหลัง)
ทุกองค์ประกอบถือเป็นดีไซน์ใหม่ในทุกรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้า สเกิร์ตข้าง สปอยเลอร์หลัง ไปจนถึงดิฟฟิวเซอร์และท่อไอเสียที่ดูโฉบเฉี่ยวด้วยดีไซน์สปอร์ตใหม่หมดจด ภายในยังมอบความหรูหราด้วยหลังคา Sunroof พร้อมกระจกกันความร้อน Solar Glass ปลุกทุกประสาทสัมผัสไปกับโหมดการขับขี่อัจฉริยะทั้ง N, N Custom 1 และ N Custom 2 พร้อมระบบเฟืองท้าย e-LSD (electronic-Limited Slip Differential) ที่ทำงานร่วมกับะบบช่วงล่างไฟฟ้า ECS (Electronically Controlled Suspension) และระบบปรับเสียงท่อไอเสียแบบ Active Variable Exhaust ที่ให้เสียงเร้าใจเสมือนโลดแล่นในสนามแข่ง นอกจากนี้ ยังมาพร้อมระบบความปลอดภัยขั้นสูง ตามมาตรฐานรถยนต์ระดับพรีเมียมและ Hyundai SmartSense ที่มีทั้งระบบเตือนและเบรกฉุุกเฉินอัตโนมัติ FCA (Forward Collision-avoidance Assist), ระบบควบคุุมรถในเลน LKA (Lane Keeping Assist), ระบบเตือนและคุุมพวงมาลัยเมื่อมีรถในจุดอับสายตา BCA (Blind-spot Collision-avoidance Assist), ระบบเตือนและเบรกอัตโนมัติขณะถอยรถ RCCA (Rear Cross-traffic Collision-avoidance Assist) และอีกมากมาย
ติดตามข้อมูลข่าวสารผ่านเว็บไซต์ http://worldwide.hyundai.com หรือ http://globalpr.hyundai.com
“ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์” ส่งไฮไลต์รถจักรยานยนต์โมเดิร์น คลาสสิก “บอนเนวิลล์ สเตลท์ อิดิชัน” “สแครมเบลอร์ 1200 เอ็กซ์” “สปีด 400” และ “สแครมเบลอร์ 400 เอ็กซ์”
สำหรับงาน “มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2023” ด้วยการเปิดตัว “บอนเนวิลล์ สเตลท์ อิดิชัน” (Stealth Editions) ทั้งหมด 8 รุ่นที่มาพร้อมการคัสตอมสีรูปแบบใหม่สุดโดดเด่น รวมถึงเอาใจคนชอบรถโมเดิร์น คลาสสิกที่ชอบลุยด้วยการเปิดตัว “สแครมเบลอร์ 1200 เอ็กซ์” (Scrambler 1200 X) รุ่นใหม่ล่าสุด ที่ถูกสร้างมาเพื่อให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ขับขี่ได้ทั้งบนท้องถนน และเส้นทางต่าง ๆ นอกจากนี้พบกับไฮไลต์! เผยโฉม “สปีด 400” (Speed 400) และ “สแครมเบลอร์ 400 เอ็กซ์” (Scrambler 400 X) สองรถจักรยานยนต์ที่สร้างปรากฏการณ์ช็อคตลาดและเป็นที่รอคอย
“สแครมเบลอร์ 1200 เอ็กซ์” (Scrambler 1200 X) รุ่นใหม่ล่าสุด เริ่มต้นด้วยความสูงของเบาะนั่งอยู่ที่ 820 มม. สามารถปรับลดให้อยู่ที่ 795 มม. เมื่อใช้อุปกรณ์เสริมเบาะนั่งแบบต่ำ โดยมาพร้อมเครื่องยนต์สูบคู่บอนเนวิลล์ 1200 ซีซี ให้พละกำลัง 90 แรงม้า ที่ 7,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุดที่ 110 นิวตันเมตร ที่ 4,250 รอบต่อนาที ด้านคุณลักษณะเฉพาะระดับพรีเมียม ไม่ว่าจะเป็น ระบบกันสะเทือนใหม่ โช้ค Marzocchi™ USD และ RSU ขนาด 45 มม.พร้อมกระปุกน้ำมันแยก และการปรับพรีโหลด ที่ถูกปรับให้เหมาะสมสำหรับการขับขี่บนถนน ขณะเดียวกันเทคโนโลยีขับขี่ขั้นสูงอัดแน่นทั้งระบบ Optimised Cornering ABS และระบบ Optimised Cornering Traction Control มีโหมดขับขี่ 5 โหมด ได้แก่ Sport, Road, Rain, Off-Road และ Rider Configurable รวมทั้งแผงหน้าปัดมัลติฟังก์ชันพร้อมจอแสดงผล TFT ในตัว มีไฟ LED ทั้งคัน รวมถึงไฟหน้า DRL อันเป็นเอกลักษณ์ มีช่องชาร์จไฟ USB รวมถึงอุปกรณ์เสริมที่สามารถติดตั้งเพิ่มเพื่อเชื่อมต่อกับรถจักรยานยนต์ ในการนำทางแบบ Turn-by-turn การใช้งานควบคุมโทรศัพท์ และการฟังเพลง ตลอดจนมีอุปกรณ์เสริมของแท้มากกว่า 70 รายการให้เลือก มีให้เลือก 3 โทนสี ได้แก่สี Carnival Red สี Ash Grey และสี Sapphire Black
สำหรับรายละเอียดดูได้ที่เว็บไซต์ www.triumphmotorcycles.co.th ตลอดจนติดตามข่าวสารและกิจกรรมได้ที่ www.facebook.com/TriumphMotorcyclesThailand