fbpx

สู้เพื่อความเท่าเทียมทางเพศในวงการกีฬา‘เมแกน ราปิโน’กัปตันทีมฟุตบอลหญิงแชมป์โลก 4 สมัย

ทำไมนักฟุตบอลชายถึงได้ค่าตอบแทนมากกว่า… เป็นประเด็นที่น่าหาคำตอบอยู่เหมือนกัน เพราะความต่างของจำนวนเงินไม่ใช่น้อยๆ เมื่อเทียบแล้วนักเตะหญิงทีมชาติสหรัฐฯ ที่เพิ่งชนะแชมป์ฟุตบอลโลกปี 2019 ได้เงินรางวัลเพียง 250,000 เหรียญฯ ต่อคนเท่านั้น

Reasons To Read

  • เมแกน ราปิโน เริ่มคุกเข่าเคารพเพลงชาติสหรัฐฯ ตาม โคลิน เคเปอร์นิก นักกีฬาอเมริกันฟุตบอลที่ริเริ่มการกระทำนี้ เพื่อประท้วงนโยบายเหยียดสีผิวของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
  • นักบอลหญิงทีมชาติที่คว้าแชมป์โลกครั้งนี้ได้รับเงินรางวัลต่อคนเพียง 250,000 เหรียญฯ เท่านั้น ขณะที่นักเตะชาย หากได้ถ้วยแชมป์เมื่อปี 2018 จะได้ค่าตอบแทนมากถึง 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐ

การแข่งขันฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก 2019 จบลงด้วยชัยชนะของทีมชาติสหรัฐอเมริกา (USWNT) ที่ทำประตูชนะทีมชาติเนเธอแลนด์ไปได้ 2 ต่อ 0 โดยประตูแรกมาจากการยิงลูกโทษของ “เมแกน ราปิโน” กัปตันทีมชาติฟุตบอลหญิงแห่งสหรัฐฯ ที่หลายคนเรียกเธอว่าฮีโร่ เนื่องจากการปฏิเสธการร้องเพลงชาติก่อนลงสนาม และเป็นผู้เรียกร้องความเท่าเทียมให้แก่วงการนักกีฬาหญิง

เมแกน ราปิโน นักฟุตบอลหญิงสัญชาติอเมริกาวัย 33 ปี ผู้เป็นเจ้าของปลอกแขนกัปตันทีมชาติ เริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่สมัยเรียนไฮสกูล ลงเล่นให้ทีมเยาวชนตั้งแต่ปี 2002-2005 ก่อนปีต่อมาได้เข้าร่วมเป็นนักเตะทีมชาติ นับตั้งแต่ติดป้ายนักเตะมืออาชีพ เมแกนลงเล่นให้กับทีมไปแล้วเกือบ 160 เกม ผลงานอันโดดเด่นคือ การช่วยทีมคว้าเหรียญทองในการแข่งขันโอลิมปิกปี 2012 และพาทีมคว้าแชมป์การแข่งขันฟุตบอลโลกประจำปี 2015 และปีล่าสุด 2019 ติดกันถึง 2 สมัย อีกทั้งเมแกนยังได้รับรางวัลลูกบอลทองคำ สำหรับการเป็นนักเตะยอดเยี่ยม และรางวัลรองเท้าทองคำ สำหรับการเป็นนักเตะที่ทำประตูสูงสุดประจำการแข่งขันอีกด้วย

คุกเข่า ไม่ร้องเพลงชาติ ต่อต้านความไม่เท่าเทียม

นอกจากผลงานด้านการเตะที่ทำให้เมแกนกลายเป็นนักเตะหญิงระดับต้นๆ สิ่งที่ทำให้หลายคนเริ่มหันมาให้ความสนใจในตัวเมแกนมากขึ้นก็คือ ความกล้าหาญในการแสดงจุดยืน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมือง ความหลากหลายทางเพศ หรือประเด็นเรียกร้องความเท่าเทียมเรื่องค่าตัวให้กับนักกีฬาหญิงที่น้อยกว่านักกีฬาชายหลายเท่าตัว

เริ่มต้นครั้งแรกในปี 2006 เมื่อเมแกนปฏิเสธการร่วมร้องเพลงชาติด้วยการลงไปคุกเข่า เพื่อสนับสนุน โคลิน เคเปอร์นิก นักกีฬาอเมริกันฟุตบอลที่เรียกร้องความเท่าเทียมให้แก่คนผิวสี ด้วยการเป็นผู้ริเริ่มการคุกเข่าเคารพเพลงชาติ ที่กลายเป็นกระแสสังคมจนสุดท้ายตัวเขาถูกแบนจากวงการกีฬา แถมยังสร้างปรากฏการณ์ระดับโลกเมื่อแบรนด์รองเท้าไนกี้นำโคลินมาทำแคมเปญ จนผู้ซื้อบางรายออกมาเผารองเท้าเพื่อต่อต้านการเรียกร้องของนักกีฬาคนนี้ 

ทว่าดูเหมือนเมแกนจะไม่เกรงกลัวต่อผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับตัวเอง เพราะเธอยังคงไม่แสดงความเคารพเพลงชาติต่อไป แม้หลังๆ เราจะได้เห็นเมแกนยืนตรงเอามือไขว้หลังแทนการคุกเข่าทุกครั้งที่มีการเปิดเพลงชาติสหรัฐฯ แทน โดยการแสดงจุดยืนตามโคลินครั้งนี้ ทำให้เมแกนกลายเป็นนักกีฬาหญิงผิวขาวคนแรก ที่ร่วมประท้วงนโยบายเหยียดสีผิวของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ อีกทั้งเธอยังไม่เกรงกลัวต่อการวิจารณ์ประธานาธิบดีคนนี้อย่างตรงไปตรงมาอีกด้วย

ค่าตอบแทนนักกีฬาหญิงที่น้อยกว่า 10 เท่า!!

อีกประเด็นหนึ่งที่เมแกนใช้โอกาสในการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยที่ 4 เป็นเวทีเรียกร้องความสนใจก็คือ เรื่องค่าตอบแทนที่ไม่เท่าเทียมระหว่างนักเตะหญิงและชาย โดยจากข้อมูลระบุว่า นักเตะทีมชาติหญิงที่ได้แชมป์โลกมาสดๆ ร้อนๆ ในปีนี้จะได้เงินรางวัลต่อคนประมาณ 250,000 เหรียญสหรัฐ หากเทียบกับนักเตะชาย ซึ่งไม่ได้เข้าชิงเวิล์ดคัพปี 2018 ทว่าหากชนะแชมป์โลก นักเตะชายจะได้เงินประมาณ 1.1 ล้านเหรียญฯ อีกทั้งจำนวนเงินรางวัลรวมของการแข่งขันฟุตบอลหญิงก็น้อยกว่าประมาณ 10 เท่า คือรวมทั้งหมด 30 ล้านเหรียญฯ ขณะที่ฟุตบอลชายมีเงินรางวัลทั้งหมด 400 ล้านเหรียญฯ

“ฉันคิดว่าทุกคนพร้อมแล้วสำหรับก้าวต่อไป” เมแกนพูดหลังจากได้ยินผู้ชมตะโกนคำว่า “Equal Pay” (ค่าตอบแทนที่เท่าเทียม) หลังจากจบการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ และประธานฟีฟ่า จันนี อินฟานติโน ถูกผู้ชมส่งเสียงโห่ โดยเมแกนเสริมอีกว่า “ความแตกต่างของเงินรางวัลไม่ยุติธรรมอย่างเห็นได้ชัด พวกเราควรเพิ่มเป็นสองเท่าได้แล้ว และเพิ่มขึ้นอีกเท่าในครั้งต่อไป นั่นคือสิ่งที่ฉันหมายถึงเมื่อมีคำถามว่า พวกเรารู้สึกได้รับความเคารพหรือเปล่า 

“ถ้าคุณใส่ใจเรื่องความต่างของค่าตอบแทนจริง คุณจะวางตารางแข่งขันรอบชิง 3 นัดในวันเดียวไหม ไม่แน่นอน คุณจะปล่อยให้ทีมฟุตบอลแข่งทัวร์นาเมนต์แค่ 2 เกมใน 4 ปีไหม ก็ไม่ นี่คือเรื่องของระดับความใส่ใจที่คุณควรให้กับวงการฟุตบอลหญิง และช่วยให้วงการนี้เติบโตขึ้นในทุกวัน” เมแกนกล่าว

บอกเลยว่า เมแกน ราปิโน เป็นนักกีฬาอีกคนที่น่าสนใจอย่างมาก เพราะไม่ใช่แค่ความสามารถด้านการเตะเพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงความกล้าหาญ มุ่งมั่น และไม่เกรงกลัวที่จะต่อสู้กับความไม่เท่าเทียม ซึ่งเราเชื่อว่าการคว้าแชมป์สำเร็จเป็นสมัยที่ 4 ครั้งนี้ก็เป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงหลายๆ อย่าง อาทิ ความมุ่งมั่น ทุ่มเทของนักเตะหญิงที่ไม่เป็นรองนักเตะชาย ซึ่งพวกเธอควรได้รับความเท่าเทียมในทุกๆ เรื่องไม่ต่างกัน

Digiqole ad

บทความที่น่าสนใจ