ความรักที่ผมรู้จัก
โดย: พงศธร อังศุสิงห์
ผมนั่งมองดูปฏิทินที่อยู่ตรงหน้าแล้วพบว่าเดือนกุมภาพันธ์และเทศกาลแห่งความรักกำลังหวนกลับมาอีกครั้ง เฉกเช่นทุกปีที่เราสมมติให้วันที่ 14 กุมภาพันธ์เป็นวันแห่งความรัก เป็นเทศกาลที่สุดแสนพิเศษสำหรับใครหลายๆ คน แต่ถ้าถามว่า..
“เรารู้จักความรักดีแค่ไหน?” ผมเชื่อว่าคงจะมีคำตอบที่แตกต่างกันออกไป
ทุกครั้งเวลาพูดถึงเทศกาลแห่งความรักหรือวันวาเลนไทน์ ก็มักจะนึกถึงความรักของหนุ่มสาวกันเป็นส่วนใหญ่ แต่สำหรับผมแล้วรู้จักความรักตั้งตั้งแต่สายใยของความเป็นแม่และลูกได้ถูกถักทอขึ้น ผ่านความรักในวัยเด็กที่แสนสวยงาม บริสุทธิ์ ปราศจากเงื่อนไข จนกระทั่งเราก้าวเข้าสู่วัยรุ่น เริ่มรู้จักและรักใครอีกคนที่ถูกตาต้องใจ ไมว่าจะเป็นแฟนคนแรกตอนเรียนมัธยม รุ่นพี่หรือรุ่นน้องที่เราแอบชอบ จนกระทั่งเราเติบโตสู่วัยทำงาน ซึ่งมีภาระหน้าที่ มีความรับผิดชอบ และมีประสบการณ์ของความรักในหลายรูปแบบมากยิ่งขึ้น
รักครั้งแรก รักที่สมหวัง รักที่ผิดหวัง รักที่ไม่หวังสิ่งใดๆ รักเขาข้างเดียว รักสามเส้า รักเธอแต่เธอไม่รู้ หรือรักฉันนั้นเพื่อเธอ ทั้งหมดนี้ล้วนได้หล่อหลอมเป็นประสบการณ์ที่ชื่อว่าความรักของเราในวันนี้ ซึ่งแน่นอนว่าแต่ละคนมีประสบการณ์ที่ไม่เหมือนกัน ประสบการณ์ความรักจึงแตกต่างกันไป
และถึงแม้ว่าประสบการณ์ความรักของแต่ละคนจะแตกต่างกัน และอธิบายหน้าตาของความรักไม่ได้ แต่ก็สามารถสื่อสารความรักผ่านสัญลักษณ์ต่างๆ ได้ เช่น รูปหัวใจ หรือแม้กระทั่งการมอบช๊อคโกแลตในวันแห่งความรัก …
ในทางวิทยาศาสตร์แล้วสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน คือ ความรู้สึก ที่เรียกว่า รัก เกิดขึ้นจากฮอร์โมนหลายๆ ตัวมาประกอบกัน ฮอร์โมนตัวหนึ่งที่สำคัญคือ “ออกซิโตซิน” (Oxytocin) หรือบางคนแอบตั้งชื่อเล่นให้ว่า “Love Hormone” โดยว่ากันว่าเจ้าฮอร์โมนตัวนี้นี่แหละที่ทำให้เกิดอาการตกหลุมรัก ตกอยู่ในความฝัน เกิดความคิดถึง ความถวิลหา ความต้องการใช้ชีวิตกับคนที่เรารัก และทำให้เกิดสายใยรัก ความผูกพันนับตั้งแต่การคลอดลูกหรือการให้นมกับลูก ผ่านการกอด การสัมผัส นั่นเอง
ตามประสาคนที่เคยผ่านชีวิตวัยรุ่นมา มีช่วงชีวิตที่ผมยอมรับว่า ผมกับแม่ห่างกันมากด้วยความคิดและความเป็นตัวเองของผม ทำให้ปฏิเสธเกือบทุกอย่างในสิ่งที่แม่ต้องการ ทั้งพูดกับแม่น้อยลง ใส่ใจแม่น้อยลง และเลือกไปทำงานต่างจังหวัด ทำให้ เรา คือแม่และผมอยู่ไกลแม้จะอยู่ใกล้กันนานนับสิบปี
จนกระทั่งเมื่อ 16 ปีแล้วซึ่งเป็นปีแรกที่คุณเกษียณจากการทำงาน ผมตัดสินใจชวนคุณแม่ไปใช้ชีวิตอยู่กับผมในต่างประเทศสองคนเป็นเวลากว่าสองเดือน ช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาที่ผมต้องย้ายไปประจำต่างประเทศครั้งแรกในชีวิตที่เมืองเมลเบิร์น ออสเตรเลีย
ผมกลับมาทบทวนว่าอะไรคือเหตุผลที่ตัดสินใจชวนคุณแม่ไปอยู่ด้วย คำตอบที่มีให้ตัวเองดูเหมือนไม่ใช่เหตุผล แต่เป็นความรู้สึกบางอย่าง ที่ผมต้องการทำอะไรให้กับแม่หลังการเกษียณจากการทำงานของเขา
เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณแม่คือคนที่ทำงานหนักมาทั้งชีวิต ไม่ได้ใช้สิ่งของดีๆ ไม่ได้ไปเที่ยวที่ดีๆ เพราะต้องเก็บหอมรอมริบไว้เพื่อดูแลลูกๆและครอบครัว ผมคิดว่าการให้เวลาเพื่อตอบแทนกลับคืน การดูแล การใส่ใจ การได้เห็นลูกๆ ในทุกวัน น่าจะเป็นสิ่งที่คนเป็นแม่อยากได้จากลูกทุกคน เมื่อยามเข้าสู่ช่วงเวลาหลังเกษียณชีวิตจากการทำงาน และการไปใช้ชีวิตในต่างแดนกันสองคน ทำให้เราได้ “อยู่” ด้วยกันมากขึ้นและพูดกันมากขึ้น
ซึ่งคงเป็น“ออกซิโตซิน” นี่เองที่ทำให้เกิดสายใยแห่งรักและความผูกพัน เกิดความเห็นใจ ความเข้าใจ และเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผมกับแม่กลับมา reconnect กันได้อีกครั้งหนึ่งแม้เวลาจะผ่านไปหลายสิบปีก็ตาม
ช่วงเวลานั้น…การใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศกันสองคนจึงเหมือนจุดเปลี่ยนในความสัมพันธ์ของเราอีกครั้ง จนถึงตอนนี้ 16 ปีที่ผ่านมาจึงเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด นอกเหนือไปจากความรักที่ผมมีให้กับคู่ชีวิต รู้สึกสุขใจ อิ่มเอมใจทุกครั้งเวลาผมได้ทำอะไรให้กับแม่และพ่อรวมทั้งคนที่รัก แม้ต้องลำบากซักแค่ไหนก็ตาม
เฉกเช่นเดียวกับการใช้ชีวิตคู่ เพราะเวลาที่คู่ชีวิตหรือคนรักต้องการ ทั้งในยามที่ไม่สบาย ในยามที่เหนื่อยจากการทำงาน การกลับมาบ้านได้เจอกับคนที่เรารัก เจอกับครอบครัว ได้พูดคุยกับลูกหลาน เป็นพลังใจอย่างหนึ่งที่สำคัญ ไม่ว่าผมจะอายุแค่ไหน มีตำแหน่งหน้าที่การงานอย่างไร เมื่อกลับมาบ้านผมก็ยังคงเป็นลูกของแม่ ยังคงเป็นคู่ชีวิตของคนรักที่เฝ้ามองการเติบโตและมีประสบการณ์ที่ดีบ้างไม่ดีบ้างผ่านช่วงชีวิตต่างๆ ไปกับผม ซึ่งความรักเหล่านี้เป็นพลังงานที่ขับเคลื่อนชีวิตให้เดินไปข้างหน้าได้อย่างมีความสุข
อัลแบร์ กามูว์ นักเขียนและนักปรัชญาชาวฝรั่งเศสผู้เคยได้รับรางวัลโนเบลจากนวนิยายของเขา เคยกล่าวไว้ว่า
“ความสุขที่แท้จริงของมนุษย์นั้นมีอยู่ 4 ข้อ นั่นคือ อยู่ในที่ที่มีอากาศปลอดโปร่ง พ้นจากความทะเยอทะยาน มีความคิดสร้างสรรค์ และรักใครสักคน”
ใช่ครับ….การรักใครสักคนนั้นไม่ได้หมายถึงคนรักหรือคู่ชีวิตเพียงอย่างเดียว แต่เป็นความรักที่มีต่อคนในครอบครัว คนอื่นๆ หรือแม้กระทั่ง สัตว์ และสิ่งของก็ได้ถ้าความรู้สึกนั้นเกิดขึ้นด้วยความบริสุทธิ์ เกิดขึ้นเองจากภายในใจของเราและทำให้มีความสุข
เทศกาลแห่งความรักและเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ ผมอยากชวนทุกคนมานั่งทบทวนดูว่า…
คุณรู้จักความรักกันดีแค่ไหน ? ประสบการณ์ความรักของคุณเป็นอย่างไร ? และที่สำคัญคือคุณรักใครซักคนแล้วหรือยัง?