fbpx

กลับสู่ความสุขของชีวิต ‘Life is Art’ กับ กันต์ รตนาภรณ์

บนเส้นทางชีวิตของนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง ดีไซเนอร์ชื่อดัง ดีกรีนักเรียนนอก อย่าง กันต์ รตนาภรณ์ ซีอีโอ Maison de Bangkok กับการก้าวที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน จนวันที่เดินทางมาถึงจุดเปลี่ยนของชีวิต เขาค้นพบเส้นทางแห่งความสุขบนวิถีของงานศิลปะ ถึงขั้นจัดนิทรรศการภาพวาดเดี่ยวครั้งแรกของตัวเอง Guntaraที่ “มาดิ” (Madi) ก่อนที่ 4 ภาพจากนิทรรศการครั้งนี้จะถูกนำไปโชว์ที่แกลอรี่ในงานนิทรรศการศิลปะครั้งใหญ่ของฮ่องกง  และในเดือนพฤษภาคมเขาจะเดินทางไปที่นิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา

ผมเป็นหนึ่งคนที่ใช้ชีวิตตามกระแสโลก พอเริ่มต้นทำงาน ก็ห่างไกลความสุขออกไปทุกที ไปยึดติดกับกิเลสบนทางโลกมาก เมื่อผมได้ตระหนักรู้ มันเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต จุดที่ผมรู้สึกว่าอยากจะมีความสุขเหมือนตอนเด็กๆ ก็เลยอยากจะเอาศิลปะกลับมา” กันต์ รตนาภรณ์  เกริ่นถึงทีมาของการแสดงคอลเลคชั่นงานศิลปะ “Life is Art’ ของเขา

บรรยากาศงานนิทรรศการภาพวาดเดี่ยวครั้งแรกของ Guntara หรือ กันต์ รตนาภรณ์  เจ้าของแบรนด์ชั้นนำ อย่าง YoloBrandTanTanและ Maison de Bangkok บนชั้น 2 ของคาเฟ่สีขาวย่านเจริญกรุง “มาดิ” (Madi) นั้นสัมผัสได้ถึงแต่ละช่วงชีวิตของหนุ่มกันต์ ศิลปินเจ้าของผลงานที่สะท้อนผ่านภาพเขียนทั้งหมด 14 ภาพ ภายใต้แนวคิด “Life is Art’ และศิลปะคือความสุข

กันต์ เล่าว่า ศิลปะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขาตั้งแต่เด็ก เขาชอบวาดรูป ระบายสี ออกแบบห้องนอนด้วยตัวเอง พอเข้ามหาวิทยาลัย ก็เลือกเรียนศิลปะ แต่พอต้องเลือกวิชาหลักเพื่อประกอบอาชีพในอนาคต เจ้าตัวตัดสินใจเลือกเรียนด้านดีไซน์ เพราะมองว่าใช้ทำมาหากิน ประกอบอาชีพได้ พอเข้าสู่วัยทำงาน ก็มุ่งที่ทำมาหาเลี้ยงชีพเป็นหลัก ยึดติดกับกิเลสภายนอก จนลืมความเป็นตัวตนและความสุขที่แท้จริงของตัวเอง

 “ช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตที่ผมห่างไกลจากความสุขมาก ๆ จนก็มาถึงจุดที่ว่าอยากจะกลับไปมีความสุขเหมือนตอนเด็กๆ  ผมก็เลยเอาศิลปะกลับมาเชื่อมต่อความรู้สึกนั้น และค่อย ๆ ทำความสะอาดที่ละนิด ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนกับการได้บ้านใหม่ที่สะอาด แล้วอยากอยู่ในบ้านหลังนี้ไปเรื่อย ๆ ผมจึงสัญญากับตัวเองว่าจะเอาความสุขที่อยู่กับศิลปะมาอยู่กับตัวเองตลอดไป” กันต์เล่าพร้อมกับรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความสุขอย่างแท้จริง

กันต์ มองว่า สำหรับเขาแล้วศิลปะไม่ได้หายไปไหน เป็นสิ่งที่อยู่กับเขามาตลอดตั้งแต่เด็ก พอทำงานก็ใช้เรื่องดีไซน์เป็นหลัก งานดีไซน์เป็นเหมือนถนนสายหลัก งานศิลปะเป็นเหมือนมอเตอร์ไซค์ที่วิ่งควบคู่กันไป เป้าหมายชีวิตในระยะยาว คือความสุข “และผมมั่นใจว่าผมยังมีศิลปะอยู่ด้วยตลอดจะไม่ทำให้ผมออกนอกทางของความสุขได้”

แรงบันดาลใจจากความสุข

สำหรับคอลเลกชั่น “Life is Art’ เป็นแรงบันดาลใจจากความสุขจากอย่างแท้จริง เป็นความสุขในช่วงเวลานั้น ๆ และอยากจะถ่ายทอดพลังแห่งความสุขส่งผ่านไปสู่คนอื่น ตั้งใจจะให้ศิลปะชิ้นนั้น ๆ เป็นการสื่อสารระหว่างผู้วาด และผู้ชม “เหมือนอย่างที่บอกว่า Life is Art และก็คือ Art is life มองมาที่ภาพแล้วสะท้อนมาถึงชีวิตได้” กันต์กล่าว

หนุ่มคนนี้ยังเล่าว่า จุดเริ่มต้นของคอลเลกชั่นนี้มาจากการนั่งสมาธิ ซึ่งโดยปกติจะเป็นคนทำงานหนัก ไม่ค่อยมีเวลาพัก แต่พอเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19  เขามีเวลาได้นั่งสมาธิ มองย้อนไปกลับไปถึงชีวิตที่ผ่านมา ทำไมถึงมีความทุกข์ ตอนเด็กเราเคยมีความสุขนี่  เลยคิดว่าชีวิตก็มีแค่นี้ จึงเกิดเป็นภาพแรกทีมีชื่อว่า “Connect The Dot” ใช้เทคนิคการจุดสีลงบนภาพโดยใช้ไม้สักทอง เหมือนเส้นทางชีวิตที่ผ่านมา ต้องผ่านจุดต่าง ๆ หลุมเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง แต่มันคือการเชื่อมโยงเป็นชีวิตของเรา

พอมองย้อนกลับมาทำให้กลายเป็นจุดเริ่มต้นกระบวนการทางความคิด ทั้งข้อความและพลังงานที่ส่งมา และภาพที่ออกมา ได้อย่างที่ผมต้องการทั้งหมดเลย ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตเลย นี่ล่ะครับคือจุดเริ่มต้นของภาพ Collection นี้ ใช้เวลา 5 เดือนในการทำขึ้นมา” กันต์กล่าว

คอลเลกชั่นนี้จะมีภาพทั้งหมด 14 ภาพ ใช้เวลาไม่นาน ถ้ามีสมาธิจะสามารถสื่อข้อความมาที่ภาพได้ไม่ยาก จริง ๆ ช่วงดังกล่าววาดภาพไปเกือบร้อยภาพ แต่นำมาร้อยเรียงผ่านการจัดแสดงแต่ละห้อง ห้องแต่ละห้องจะเล่าเรื่องแต่ละเรื่อง ห้องที่มีแสงสว่าง ห้องที่แสดงถึงความเชื่อ ห้องที่แสดงถึงช่วงชีวิตที่รู้สึกแย่ที่สุด ซึ่งอยากจะสื่อให้เห็นถึงข้อความทั้งสองด้าน มีสุข มีทุกข์ และการกลับมาอยู่กับตัวเอง ทำให้สามารถค้นพบความสุขที่แท้จริงได้

สำหรับกันต์แล้ว ศิลปะเป็นบ้านที่รู้สึกว่าอบอุ่น รู้สึกว่าเป็นบ้านที่อยากจะอยู่ตลอดไป ก็เลยกลายเป็นความสุขที่สงบ และแน่นอนว่าศิลปะเป็นหนึ่งในเป้าหมายของอนาคตในชีวิต ที่จะมุ่งสร้างสรรค์ให้คนได้สัมผัสงานศิลปะ ที่สร้างความสุขในรูปแบบของเขาเอง แค่เขาได้เห็น ได้สัมผัสเพียงแค่ 5 วินาทีถือว่าคุ้มค่าที่สุดแล้ว และหากมีคนมาซื้อภาพ มีคนเห็นคุณค่า มีความสุขกับภาพที่เขาวาด มันเป็นอีกความสุขที่มากกว่าที่คาดหวังไว้ เหมือนเป็นโบนัสของชีวิต

อยากฝากถึงเด็กรุ่นใหม่ที่มีความสนใจในเรื่องของศิลปะ จริงๆ ศิลปะเป็นสิ่งที่เป็นธรรมชาติ บางทีอาจจะกลับมาที่ตัวของเราเอง ที่เป็นธรรมชาติของเรา กลับมาเป็นตัวตนของเรา ค้นหาเอกลักษณ์ที่เกิดขึ้นมาจากตัวเองนั่นแหละจะเป็นตัวคุณที่คุณมีความสุขมากที่สุด ที่คุณไม่ต้องพยายามเป็นคนอื่นหรืออยากจะเป็นแบบใคร ผมคิดว่านั่นคือความเป็นตัวเองและเป็นธรรมชาติของตัวเอง คุณคือหนึ่งเดียว ที่คนอื่นจะมาก๊อปปี้คุณไม่ได้” กันต์กล่าว

และเมื่อถามถึงศิลปินที่เป็นไอดอลของเขาคือใคร กันต์ให้คำตอบกลับมาว่า  จริงๆ ผมไม่มีไอดอลเลย ต้องบอกว่า 2 ปีที่ผ่านมาไม่เสพงานอาร์ตคนอื่น เพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่ติดยึดและติดภาพเขาจนเอามาใช้  ผมไม่มีไอดอลแบบที่เป็นหนึ่งในดวงใจ ไม่ได้ชอบงานของใครเป็นพิเศษ ผมชอบไป พิพิธภัณฑ์ แต่ไม่เสพ คือผมมองงานศิลปะเป็นเหมือนกันเล่าเรื่อง ไม่ได้จดจำว่าผู้ว่าผู้วาดคือใคร แค่มองว่าภาพวาดนี้เขาให้อะไรเรา ผมเห็นคุณค่าในความงามในชิ้นงานที่เขา create ทิ้งไว้เช่นอย่างอาจารย์ถวัลย์ เห็นภาพวาดมาตั้งแต่เด็กหมายความว่าเห็นในบ้าน แต่ผมไม่ได้ ศึกษาลายเส้นของเขา ผมใช้อารมณ์ถ่ายทอดความรู้สึกออกมามากกว่า พอรู้ว่าตัวเองจะทำงานศิลปะก็ยิ่งเอาตัวเองออกห่าง เพราะก็เหมือนแฟชั่นถ้าเสพมากจะติดโดยที่ไม่รู้ตัว แต่สิ่งที่ต้องการคือผมต้องการเป็นตัวตนของตัวเอง ถึงบอกว่าผมค้นหาความเป็นตัวของตัวเองถ้าผมไม่เชื่อมั่นตัวเองผมก็ทำไม่ได้”

การแสดงผลงานศิลปะในครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางครั้งใหม่ ของ กันต์ รตนาภรณ์ เป็นเส้นทางที่มีความสุขรออยู่ข้างหน้า และเป็นเส้นทางที่เปิดกว้างมุ่งสร้างความสุขให้กับคนทั่วโลก โดยเดือนมกราคม ปี 2565 งานศิลปะในชุด “Life is Art’ จะถูกนำไปจัดแสดงที่นิทรรศการศิลปะครั้งใหญ่ที่ฮ่องกง และเดือนพฤษภาคม ปีเดียวกันเขาจะเดินทางไปสร้างความสุขถึงนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา เพื่อจัดแสดงงานศิลปะเป็นเวลา 3 เดือน

นับเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างสำหรับคนรุ่นใหม่ ที่ว่า “เมื่อค้นพบตัวเองแล้วนั่นคือความสุข”

(ผลงาน Life is Art ของกันต์ รตนาภรณ์จัดแสดงถึงวันที่  30 พฤศจิกายน  64  ตั้งแต่เวลา 10.00 น. ถึง  16.00 น. ที่ @madi_bkk)

Digiqole ad

บทความที่น่าสนใจ