การกอดลาครั้งสุดท้ายของวอลเล่ย์บอลหญิงไทย
เรื่อง: สันทัด โพธิสา
หลังการพ่ายแพ้แก่ทีมชาติเกาหลีใต้ ในศึกเอส โคล่า เอวีซี วูแมน โตเกียว 2020 ชวดสิทธิ์ได้โควต้าเข้าไปเล่นในโอลิมปิก เกมส์ กรุงโตเกียว กลางปีนี้ ก็เกิดกระแสดราม่า โดยบรรดาผู้เล่นตัวหลัก อาทิ นุสรา ต้อมคำ, ปลื้มจิตร์ ถินขาว, วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์, อรอุมา สิทธิรักษ์ และมลิกา กันทอง เตรียมอำลาทีมชาติกันยกชุด!
ถึงตรงนี้ ข่าวคราวเรื่องการอำลาทีมชาติของพวกเธอ ยังไม่ Official นะครับ และดูเหมือนว่า นักกีฬาหลายคนก็ได้ออกมาโพสต์เชิงปฏิเสธถึงกรณีนี้ แต่ไม่ว่าจะเป็นความจริงหรือไม่ ก้าวข้ามความเสียใจ-เสียดายกันไปก่อน เพราะอยากให้พวกเราย้อนกลับไปสู่ห้วงเวลาที่พวกเธอได้มอบความสุขแก่คนไทยกัน
เรื่องมันเริ่มเมื่อราวปี 2001 โน่นแน่ะครับ ถ้ายังจำผู้ชายคนนี้กันได้ โค้ชอ๊อด-เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร ผู้ชายที่เข้ามากอบกู้ ปั้นดินปั้นทราย ก่อร่างตั้งทรงให้กับทีมวอลเล่ย์บอลหญิงชุดยิ่งใหญ่นี้ ในวันนั้นมีโปรเจ็กต์ที่ชื่อ National Team 2001 เกิดขึ้น โดยมีเป้าหมายคือ สร้างผู้เล่นดาวรุ่งอายุไม่เกิน 17 ปี ดันสู่ทีมชาติไทยชุดใหญ่ในเวลา 4 ปี
ในระยะเริ่มแรกนั้น นักวอลเล่ย์หญิงหญิงสายเลือดใหม่ ที่นำโดย วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์, นุสรา ต้อมคำ, วรรณา บัวแก้ว, ปลื้มจิตร์ ถินขาว ฯลฯ ยังไม่สามารถนำพาทีมให้ไปสู่ความสำเร็จได้ อย่าว่าแต่ชัยชนะสักนัดเลย ลำพังในเกมแค่จะได้เซ็ตสักเซ็ต ยังยากสาหัสสากรรจ์ แต่จากการฝึกซ้อมอย่างหนักหน่วง ตลอดจนเพิ่มเติมเทคนิคใหม่ๆ เพื่อให้เข้ากับสไตล์หญิงไทยไซส์เอส
ผ่านไปราว 4-5 ปี วอลเล่ย์บอลหญิงไทยเริ่มสู้กับสาวยุโรปไซส์ 2 เมตร หรือกับสาวเอเชียตัวแม่อย่างจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ได้ พร้อมทั้งสะกดคำว่า ‘ชัยชนะ’ เป็น จนกระทั่งมาถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ ในปี 2009 พวกเธอสามารถสร้างประวัติศาสตร์ เอาชนะทีมชาติจีนได้เป็นครั้งแรก พร้อมกับผงาดคว้าแชมป์เอเชียได้เป็นครั้งแรกเช่นกัน
เหมือนพลุที่ถูกจุดขึ้นฟ้า เหมือนการเต้นรำที่เต็มไปด้วยท่วงท่าอันแพรวพราว เพราะหลังจากคว้าแชมป์หนนั้น ทีมวอลเล่ย์บอลหญิงไทยก็ไล่ล่า ‘ตบดะ’ คว้าแชมป์เล็ก แชมป์ใหญ่ สร้างกระแสวอลเล่ย์หญิงไทยฟีเวอร์ ยังจำข่าวที่มีแฟนวอลเล่ย์บอลไปเข้าคิวรอซื้อตั๋วเพื่อชมการแข่งขันของทีมหญิงไทย ความยาวเป็นกิโลๆ ได้ไหมครับ เรื่องทำนองนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกันง่ายๆ ที่สำคัญกว่านั้น ผลงานของพวกเธอก็คงเส้นคงวา พาทีมก้าวขึ้นสู่ทำเนียบทีมชั้นนำแห่งเอเชียได้สำเร็จ
จากวันนั้นถึงวันนี้ ผ่านไปราวเกือบ 20 ปี ปัจจุบัน กัปตันกิ๊ฟ-วิลาวัณย์ อายุ 35 ปลื้มจิตร์ ถิน ขาว อายุ 35 นุสรา ต้อมคำ อายุ 34 อรอุมา สิทธิรักษ์ อายุ 33 มลิกา กันทอง อายุ 33 กลายเป็นรุ่นพี่ให้กับน้องๆ ที่กำลังก้าวขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ และแน่นอนว่า กับทัวร์นาเม้นต์ล่าสุด รายการเอวีซี วูแมน โตเกียว 2020 คือปลายทางความฝันสุดท้าย ที่พวกเธอจะเดินหน้าไปสู่โอลิมปิก เกมส์ ให้ได้เป็นครั้งแรก หลังจากที่ทำได้เพียงแค่ ‘เกือบ’ มาหลายต่อหลายปีก่อน
ทว่าผลที่ออกมาก็ไม่เป็นดังฝัน จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่พวกเธอ กับวันเวลาในนามทีมชาติราวๆ 20 ปี จะถึงเวลาสิ้นสุดลงเสียที แน่นอนว่า โอลิมปิก เกมส์ เป็นเหมือนเส้นชัยของนักกีฬาทีมชาติ แต่ถึงแม้จะไปไม่ถึง ทว่าหากมองย้อนกลับไปถึงเส้นทางที่ผ่านมา คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่า วอลเล่ย์บอลหญิงไทยได้สร้างปรากฏการณ์ให้กับประเทศไทยและกับคนไทยมากมาย
อันดับ 4 เวิลด์ กรังด์ปรีซ์, แชมป์เอเชีย 2 สมัย, เอวีซี คัพ 1 สมัย, อันดับ 5 เวิลด์ แกรนด์แชมเปียนส์ คัพ, เหรียญเงิน-เหรียญทองแดง เอเชียนเกมส์ อย่างละ 1 สมัย, 14 เหรียญทองซีเกมส์
ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกรา ไม่ช้าก็เร็ว คงถึงเวลาที่ ‘รุ่นพี่’ จะจากไป แต่เชื่อเหลือเกินว่า พวกเธอเหล่านี้ได้สร้างมาตรฐานที่มีคุณภาพให้กับน้องๆ รุ่นต่อไปเรียบร้อย โดยเฉพาะเรื่องความเป็นนักสู้ ไม่เคยยอมแพ้ ไม่เคยถอดใจ และสำคัญที่สุด รอยยิ้มในสนาม ที่ทุกคนจะยิ้มให้กันเสมอ
“เต็มที่แล้วก็ยิ้มรับกับผลของมัน สู้กันแล้ว สู้กันจริงๆ กีฬาก็มีเท่านี้ ใครดีกว่าก็ชนะไป แต่เส้นทางที่สู้มาจนถึงวันนี้ มันจะยังอยู่ในความทรงจำของพวกเราทุกคน ขอให้เป็นอีกก้าวที่สร้างให้ทุกคนแข็งแกร่งและแข็งแรงยิ่งๆ ขึ้นไป กอดกันให้แน่นกว่าเดิม ทำวันต่อไปให้ดีที่สุด มีความสุขกับสิ่งที่ทำ ตั้งใจมากก็อาจจะเจ็บมากเป็นธรรมดา ให้คิดไว้เสมอว่า อย่างน้อยเราก็ได้ลงมือทำและสู้เพื่อชาติไทยของเรา” วิลาวัณย์ หรือกัปตันกิ๊ฟ โพสต์บอกอย่างนั้น
กีฬา มีวันที่พ่ายแพ้ และมีวันแห่งชัยชนะ วอลเล่ย์หญิงไทยมาไกลจนแทบมองไม่เห็นจุดตั้งต้น แม้วันนี้จะยังไม่ถึงฝัน แต่ต้องมีสักวันที่ไปถึง ถึงตรงนี้คงไม่มีอะไรดีไปกว่าคำว่า ‘ขอบคุณ’
ขอบคุณครับ ที่ทำให้คนไทยได้ภาคภูมิใจ ได้สนุก ตื่นเต้น และแน่นอน พวกเราได้รอยยิ้มจากพวกคุณทุกคนครับ…