fbpx

ชีวิตนี้บอกให้รู้ว่า…รักตัวเอง (แบบผู้แพ้) บ้างก็ได้ ในสไตล์พรรษาสิริ กุหลาบ

ภาพ: CABIN139 ภาพ

การบอกว่า เราต้องรักตัวเองมากๆ ฟังดูอาจจะดูเห็นแก่ตัวไปสักหน่อย แต่ส่วนตัวกลับรู้สึกว่าการใช้ชีวิตในสังคมที่ยากจะหาตรรกะมาอธิบายจนบางครั้งก็ชวนให้หมดศรัทธาและหมดหวังเอาง่ายๆ อย่างทุกวันนี้ ถ้าไม่รักตัวเองก็อาจกลายเป็นภาระให้คนในสังคม หรืออาจไปทำตัวเกะกะระรานผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว ซึ่งท้ายที่สุดก็ไม่เป็นผลดีกับตัวเองเลยสักนิด

และเมื่อเรารักตัวเอง อยากให้ตัวเองมีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีความสุข เราก็ต้องนึกถึงผู้คนและสภาพแวดล้อมรอบตัวด้วย  นั่นเพราะเราเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ถ้าคนในสังคมเป็นทุกข์และโลกลุกเป็นไฟตลอดเวลา โอกาสที่ตัวเราเองจะอยู่อย่างมีความสุขก็น้อยลงไปด้วย

ดังนั้นถ้าเราไม่ไปพ่นพิษใส่ใครๆ และไม่เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของวงจรที่เอาเปรียบ ใช้อำนาจ หรือใช้ความรุนแรงกับผู้อื่นแม้ว่าจะเป็นการกระทำที่เล็กน้อยก็ตาม ก็นับว่าเป็นการช่วยชะลอหรือลดอุณหภูมิความเกรี้ยวกราดในสังคมลงได้บ้าง ซึ่งท้ายที่สุดแล้วความเสี่ยงที่จะเจอกับบรรยากาศลบๆ ไม่ว่าจากคนใกล้ตัวหรือคนไกลตัวที่ไม่รู้จักก็จะลดน้อยลงไปด้วย

แน่นอนว่าการรักตัวเองแบบนี้คงไม่สามารถให้เราทำตามใจตัวเองได้ทั้งหมด หลายครั้งที่ต้องเกิดอาการไม่พอใจ ผิดหวัง เจ็บปวด หรือเสียประโยชน์บางอย่าง แต่หากมองในระยะยาวเชื่อว่าต้องได้ชีวิตที่มีคุณภาพพร้อมไปกับคนอื่นๆ อย่างแน่นอน ซึ่งต่างจากการรักตัวเองแบบที่ต้องเก่ง ต้องชนะทุกอย่าง สุขอยู่เพียงคนเดียว แต่เพื่อนร่วมโลกกลับต้องทุกข์ทนจากการกระทำของเราทั้งทางตรงและทางอ้อม

ดังนั้นการรักตัวเองที่ว่านี้จึงไม่ได้หมายความว่าต้องให้โลกมาหมุนรอบตัวเราหรือมองเป้าหมายของเราและพวกพ้องเป็นที่ตั้ง แต่คือการพยายามรู้จักตัวเอง ไม่หลอกตัวเองหรือให้คนรอบข้างมาส่งเสียงอวยหรือก่นด่า      พร่ำบอกว่าเราเป็นใครนั่นเอง

และเมื่อถึงช่วงเวลาที่รู้ว่าร่างกายและจิตไม่แข็งแรงพอ ไปต่อไม่ไหว ก็ต้องพัก เพราะถ้าทู่ซี้ไปต่อก็อาจจะสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นและตัวเองได้

ซึ่งยิ่งรู้ว่าเข้าใกล้สิ่งที่เอาแต่ทิ่มแทงตนเอง พูดไปก็เหมือนตะโกนใส่กำแพง หรือยั่วยุให้ตัวเราเตรียมปล่อยหมัดพร้อมใช้ความรุนแรงก็ถอยห่างออกมาซะบ้าง เพราะไม่มีความจำเป็นต้องใช้ความโกรธความเกลียดมาหล่อเลี้ยงชีวิตตัวเอง  หรือใช้แผ่นหลังของตนเองไปเป็นหินลับมีดของใครต่อใคร เก็บพลังงานแม้เพียงน้อยนิดไว้คิดหรือทำในสิ่งที่เป็นมรรคเป็นผล และพร้อมรอจังหวะที่จะตอบโต้ได้อย่างมีสติดีกว่า

หากรู้ว่า…ถ้าพลาดหรือทำผิด ไม่ว่าจะเพราะปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ หรือเกิดจากความตั้งใจ หรือไม่มีความ     สามารถจริงๆ  ก็ต้องยอมรับว่าผิดและขอโทษอย่างจริงใจ ยอมที่จะเป็นผู้แพ้ และเรียนรู้จากความบกพร่องเพื่อนำไปแก้ไขในภายภาคหน้า ไม่ใช่เอาสีข้างเข้าแถจนถลอกเพื่อให้ได้กระหยิ่มกับการเป็นผู้ชนะจอมปลอมที่บางครั้งก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร

แต่ก็ใช่ว่าที่ทั้งหมดนี้ตัวเองจะทำตามได้ทั้งหมดนะคะ แต่ ชีวิตที่เผชิญกับความท้าทายทำให้สติหลุดและต้องเดินออกจากเส้นทางที่คาดหวังเสมอ  ซึ่งอย่างน้อยการพยายามยอมรับในรอยรั่วและรูโหว่ของชีวิตก็ทำให้ตัวเองรู้ว่าต้องใช้ยาและผ้าพันแผลแบบไหนมารักษาเพื่อที่จะทำให้เดินต่อไปได้  แม้จะกะโผลกกะเผลกหน่อยก็เถอะ ระหว่างทางอาจล้มบ้าง กระทบกระทั่งกันบ้าง แต่ก็ไม่ไปสร้างบาดแผลร้าวลึกให้เพื่อนร่วมทางอย่างแน่นอน.

ถึงอย่างไรชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป…จริงไหมคะ!!

Digiqole ad

บทความที่น่าสนใจ