fbpx

วรุธ สุวกร กับปรัชญาการทำงาน คิดถึง ห่วงใย ดูแล

วันนี้ GM พามาพูดคุยเจาะลึกชีวิตและการทำงานของคุณวรุธ สุวกร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ‘ซีอีโอหัวใจเกินร้อย’ คุณคงสงสัยว่าทำไมเราจึงเรียกท่านเช่นนั้น ลองอ่านบทสัมภาษณ์นี้จะรู้เองครับ พร้อมแล้วไปทำความรู้จักคุณวรุธให้มากยิ่งขึ้น ในเรื่องการทำงาน ผลงาน ตัวตน ความคิด ไลฟ์สไตล์ ตลอดจนวิสัยทัศน์และมุมมองที่ไม่ธรรมดาของท่านคุณวรุธสำเร็จการศึกษาปริญญาตรีจากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเป็นมินิเอ็มบีเอ รุ่น 12 ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นับตั้งแต่อายุ 22 ปี ท่านมุ่งมั่นเริ่มต้นเส้นทางอาชีพกับ ทีโอที (สมัยนั้นใช้ชื่อองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย) ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายใน โดยได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากครอบครัวและคุณพ่อที่ทำงานที่นี่อยู่แล้ว คุณวรุธเห็นว่าความรู้ความสามารถของท่านเหมาะสมกับลักษณะงานของที่นี่ ประจวบเหมาะกับสมัยนั้น ทีโอที เพิ่งเริ่มการดำเนินงานในด้านตรวจสอบบัญชีและการเงิน ชายหนุ่มผู้มุ่งมั่นจึงสนุกกับงานที่ทำ จากนั้นท่านก็ได้สั่งสมประสบการณ์ในการทำงานฝ่ายบัญชีการเงิน และฝ่ายบริหารผลประโยชน์ จนก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่ผ่านมา รวมแล้วคุณวรุธทำงานใน ทีโอที เป็นเวลายาวนานถึง 33 ปีเลยทีเดียว

“ผมได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างตลอดช่วงเวลาที่ทำงานใน ทีโอที ไม่ว่าจะเป็นการทำงานที่หลากหลาย ได้เรียนรู้ระบบราชการ หลักการทำธุรกิจแบบเอกชน ได้ร่วมงานกับบุคลากรหลายประเภท ที่สำคัญคือได้เรียนรู้เทคโนโลยีการสื่อสารคมนาคมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งทุกอย่างมีคุณค่ากับชีวิตผมมากครับ”เมื่อต้องทำงานร่วมกับคนที่มีลักษณะแตกต่างหลากหลาย คุณวรุธยึดหลักความตรงไปตรงมา ซื่อตรง จริงใจ เพื่อเอาชนะใจคนที่ร่วมงานด้วย พร้อมกับมีกำหนดเวลาการทำงานและเป้าหมายที่แน่นอนชัดเจน อาศัยทีมเวิร์ก และเรียนรู้ในสิ่งที่ดี

“ทีมเวิร์กต้องมาก่อน ซีอีโอหรือผู้บริหารกับพนักงานต้องร่วมมือร่วมใจกัน งานจึงจะสำเร็จ การทำงานเป็นทีมต้องเดินไปด้วยกัน ทุกคนเป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนองค์กรให้เจริญก้าวหน้า และคุณต้องเรียนรู้จากผมในสิ่งที่ดี สิ่งไหนในตัวผมที่คุณเห็นว่าดี ก็นำไปใช้กับตัวเอง”แม้การที่ ทีโอที จะเปลี่ยนจากการเป็นหน่วยงานของราชการไปเป็นบริษัทมหาชน แต่สิ่งหนึ่งที่คุณวรุธยึดมั่นไม่เคยเปลี่ยนคือ การนำเสนอบริการเพื่อสังคมและประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ใช่ทำธุรกิจเพียงเพื่อเงินอย่างเดียว

“ทีโอที จะเติบโตเคียงคู่สังคมไทยได้โดยการตอบสนองความต้องการด้านโทรคมนาคมของผู้ใช้บริการอย่างดีที่สุด ผ่านโครงข่ายที่มีคุณภาพ ทันสมัย ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์ประจำที่ โทรศัพท์สาธารณะ บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และที่เป็นบริการใหม่ๆ อย่าง บริการอินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูง Wi-Fi และ WiMax บริการมัลติมีเดีย คอนเทนต์ต่างๆ โดยเฉพาะบริการในด้านระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่เราให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษครับ”ในฐานะซีอีโอ คุณวรุธวางรากฐานการบริหารจัดการภายในทีโอที โดยเน้นไปที่การพัฒนาศักยภาพของบุคลากรภายในองค์กรให้ก้าวไปกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปและทันสมัยยิ่งขึ้น ส่วนการพัฒนาด้านเทคโนโลยีโทรคมนาคมในอนาคตอันใกล้ คุณวรุธเล็งเห็นถึงความจำเป็นของการให้บริการรูปแบบ ไอซีที โซลูชั่น หรือให้คำปรึกษาร่วมวางแผนการวางเน็ตเวิร์กภายในอาคารสถานที่ เพื่อรองรับบริการไอทีด้านต่างๆ ที่ตรงกับความต้องการและ เหมาะสมกับธุรกิจของลูกค้าที่สุด ให้เกิดขึ้นพร้อมๆ กันกับการก่อสร้างอาคาร ซึ่ง ทีโอที มีหน่วยงานรับผิดชอบงานในส่วนนี้อยู่แล้ว

จากผลกระทบของวิกฤติเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกา ส่งผลต่อธุรกิจทุกภาคส่วนของโลก รวมทั้งธุรกิจโทรคมนาคมและการสื่อสารในเมืองไทยด้วย ทำให้แนวโน้มการเติบโตของธุรกิจดังกล่าวไม่ได้เติบโตตามที่หลายๆ ฝ่ายคาดหวังไว้ โดยปัจจัยที่มีผลต่อการเติบโตคือ ภาวะเศรษฐกิจ เทคโนโลยีที่พัฒนาไปสามารถตอบสนองผู้ใช้บริการได้มากน้อยแค่ไหน และพฤติกรรมของผู้บริโภค “การสื่อสารจะเข้ามามีบทบาทต่อชีวิตประจำวันของคนเรามากยิ่งขึ้น เป็นเรื่องยากที่ธุรกิจประเภทนี้จะล้มหายตายจากไปเพราะสาเหตุข้างต้น อย่างถ้าค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปติดต่อธุรกิจที่ต่างประเทศมีราคาสูง คนย่อมหันมาใช้วิธีติดต่อค้าขาย ประสานงานทางธุรกิจผ่านโทรศัพท์หรืออินเทอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้น หรือสำหรับงานบางประเภท การทำงานที่บ้านโดยใช้ประโยชน์จากระบบโทรคมนาคมและการสื่อสาร ก็มีข้อดีคือ สะดวกรวดเร็ว ลดต้นทุนได้ด้วย”

จากประสบการณ์การทำงานใน ทีโอที มาเป็นเวลายาวนานถึง 33 ปีของคุณวรุธ เมื่อซีอีโออย่างท่านต้องพบเจอปัญหาหรือวิกฤติการณ์ สิ่งที่ช่วยทำให้ท่านแก้ไขปัญหาให้ลุล่วงไปได้อย่างรวดเร็วคือ การใช้ประสบการณ์ที่ผ่านมาเพื่อค้นหาแนวทางแก้ไขปัญหา“อย่างงานไหนเกิดความล่าช้า เราก็จะเข้าไปดูว่าใครดูแลงานนี้อยู่ งานนี้เหมาะกับเขาไหม ซับซ้อนเกินไปหรือเปล่า ความที่ทีโอที เป็นองค์กรขนาดใหญ่ ความคล่องตัวในการดำเนินงานอาจไม่มีเท่าที่ควร อย่างไรก็ตาม ผมพยายามปลูกฝังให้พนักงานยึดถือความซื่อสัตย์ ความจริงใจ และการให้บริการที่มีคุณภาพ เพื่อผลประโยชน์ของลูกค้าอย่างแท้จริง” ‘คิดถึง ห่วงใย ดูแล’ คือหลักปรัชญาหรือคติในการทำงานที่ซีอีโอหัวใจเกินร้อยท่านนี้ยึดถือมาตลอด

“คิดถึง-จะทำอะไรเราก็ต้องคิดถึงจิตใจลูกค้าหรือพนักงานเป็นสำคัญ, ห่วงใย-ดูว่าลูกค้าพึงพอใจกับบริการมากน้อยแค่ไหน เช่น กรณีที่อุปกรณ์ติดต่อสื่อสารของลูกค้าเสียหาย เราไปซ่อมให้หรือยัง เรียกว่าการติดตามงาน หรือบุคลากรก็เหมือนกัน เขาป่วยก็แสดงความห่วงใยไปเยี่ยม ไถ่ถามอาการ ส่วนดูแลนั้น เวลาลูกค้าหรือบุคลากรเกิดปัญหา เราต้องเข้าไปดูแลใส่ใจเขา ซึ่ง 3 อย่างนี้เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับการทำงานร่วมกันและการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ทั้งการใช้ชีวิตคู่ ในครอบครัว ในองค์กร หรือในสังคม ซึ่งงานทุกอย่างจะดีได้ต้องเริ่มจากตัวเราก่อน จากนั้นก็ไปสู่ครอบครัว และสังคมต่อไป”เรียกว่าคุณวรุธเป็นซีอีโอหัวใจเกินร้อยอย่างแท้จริงครับ ไม่ว่าจะพบพานปัญหาอุปสรรคใด ท่านก็ทุ่มเทและต่อสู้ด้วยหัวใจจริงๆ ครับ เราเชื่อแน่ว่าอนาคตของ ทีโอที จะสดใสรุ่งโรจน์อย่างแน่นอนครับ

Digiqole ad

บทความที่น่าสนใจ