วิกรม กรมดิษฐ์ ‘ปีศาจผู้ดี’ ชำแหละสังคมไทย !
วิกรม กรมดิษฐ์ บอก GM ว่า เขาคือ ‘ปีศาจผู้ดี’!
ความหมายของคำคำนี้ คุณคงต้องค้นหาเอาเองจากบทสัมภาษณ์ชิ้นนี้ เราคิดว่า มันคือคำนิยาม ‘ตัวตน’ ของเขาที่ตรงไปตรงมา และตรงกับตัวจริงของเขาที่สุดบทสัมภาษณ์ชิ้นนี้เกิดขึ้นในวันที่ 11 เมษายน 2552 เราอยู่กันในแวดล้อมของขุนเขาและบึงน้ำของ ‘ดงกุฎาคาร’ ใน ‘บ้าน’ หลังเล็กกลางน้ำของ วิกรม กรมดิษฐ์ ที่เขาใหญ่ในช่วงเทศกาล ‘สงกรานต์ประวัติศาสตร์’ ของเมืองไทยพอดิบพอดี ณ นาทีนั้น หลายเรื่องยังไม่มีใครล่วงรู้ และหลายเรื่องก็ยังค้างคาอยู่กับการคาดเดาบทสนทนาที่เกิดขึ้นจึงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนการจลาจลและบทสรุปของมัน แต่กระนั้น บางคำถามและหลายคำตอบก็ยังดู ‘ทันกาล’ อย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อเป็นคำถามคำตอบเกี่ยวกับ ‘ภาพ’ ของความขัดแย้ง และการ ‘ชำแหละ’ สังคมไทยอย่างถึงกึ๋นของ‘ปีศาจผู้ดี’ คนนี้
“คุยกับผมได้ทุกเรื่อง” เขาบอก ขณะหยิบแซนด์วิชใส่ปากเป็นอาหารเช้าง่ายๆ พร้อมกับการสนทนา 2 คืนก่อน เขาเพิ่งควบลัมบอร์กินีจากกรุงเทพฯ ‘กลับบ้าน’ มาอยู่ที่นี่ และอีกไม่กี่วันข้างหน้า ก็จะถือโอกาสพักร้อนเดินทางไปล่องเรือ จึงเป็นโอกาสดี ที่เราจะได้ซักไซ้เขาทุกเรื่อง ตั้งแต่เรื่องของนิคมอุตสาหกรรมอมตะ (ไม่มีใครลืมว่าเขาคือผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหารหรือซีอีโอแห่งบริษัท อมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เจ้าของโครงการนิคมอุตสาหกรรมถึง 3 แห่งในประเทศไทย) การเขียนหนังสือของเขา (จาก ‘ผมจะเป็นคนดี’ จนถึง ‘มองซีอีโอโลก’ และอื่นๆ) ไปจนกระทั่งถึงการใช้ชีวิตเศรษฐีที่ไม่เหมือนเศรษฐี บ้านเรียบแต่ไม่ง่ายหลังนี้ ถ้ำที่เขาสร้างขึ้น มูลนิธิอมตะที่ให้รางวัลกับนักเขียนมูลค่าเป็นล้าน และกระทั่งเรื่องผู้หญิง !
แต่สำคัญที่สุด เราชวนเขามา ‘ชำแหละ’ สังคมไทย ว่าเกิดอะไรขึ้น-เพราะอะไร-และสุดท้าย, เราจะร่วมด้วยช่วยกันแก้ปัญหาต่างๆ ได้อย่างไรวิกรม กรมดิษฐ์ ยอมรับว่าเขาเป็นคนปากจัด ซึ่งถ้าได้อ่าน คุณก็จะยอมรับเช่นนั้นได้โดยดุษณีแต่กระนั้น, ในความปากจัด วิกรม กรมดิษฐ์ ก็ปากจัดด้วยความจริง เขาหยิบหลายประเด็นมาตีแผ่โดยไม่กลัวว่าความจริงนั้นจะย้อนมาเป็นผลร้ายแก่ตัว บางทีอาจเพราะเขารู้สึก ‘พอ’ แล้วกับชีวิตอันเต็มอิ่ม
“ผมรู้จักคำว่าพอดี กับสิ่งที่เป็นตัวตนของผม” เขาวิพากษ์ตัวเองอย่างนั้น ให้ดีที่สุด, คุณต้องอ่านบทสัมภาษณ์ต่อไปนี้ให้เข้าถึงรสอย่างที่สุด !
คนไทยตอแหลตัวเอง เวลาพูดถึงสิงคโปร์ ก็จะอ้างสิงคโปร์มันเล็ก ผมท้าได้เลยเอาคนไทยย้ายไปอยู่สิงคโปร์ แล้วเอาคนสิงคโปร์ย้ายมาอยู่เมืองไทย ไอ้คนไทยน่ะอดตาย เพราะเป็นไอ้พวกเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ
1.มองสังคมไทยแบบวิกรม
GM : ทราบมาว่าตอนนี้คุณกำลังเขียนหนังสือเกี่ยวกับซีอีโอผู้หญิง
วิกรม : ใช่, อยู่บนโต๊ะนั่นเลย ซีอีโอเล่มที่ 5 นี่เกี่ยวกับผู้หญิงทั้งหมดเลย 20 คน ผู้หญิงเก่งๆ เยอะนะ แล้วผู้ชายเราชิดซ้าย ก็อยากให้ผู้หญิงเขาแฮปปี้ ผมมองว่าซีอีโอเป็นเหมือนเข็มทิศของโลกที่คนไทยไม่ค่อยได้ใช้ คนไทยไม่ค่อยมี คนไทยมีเข็มทิศอยู่แค่ไม่กี่เข็ม ถามว่าวันนี้อยากจะดูใครเป็นตัวอย่าง คุณธนินท์ (เจียรวนนท์) คุณเจริญ (สิริ-วัฒนภักดี) เฮียเหลียว (เฉลียว อยู่วิทยา) บัณฑูร (ล่ำซำ) มีอยู่แค่ไม่กี่คนฉะนั้นก็เลยอยากให้กว้าง ถามว่าคนไทยวันนี้ทำไมถึงยังคอร์รัปชั่น เมื่อวานนี้หนังสือพิมพ์ลง คอร์รัปชั่นเราเป็นอันดับเกือบสุดท้ายรองจากอินโดนีเซีย แล้วทำไมสิงคโปร์เป็นอันดับหนึ่ง ทำไมสิงคโปร์ดีกว่าเราทุกอย่าง ทั้งสะอาด มีระเบียบ โจรผู้ร้ายน้อย ปีหนึ่งสิงคโปร์มีเคสอาชญากรรมแค่ 500 กว่าเคสทั้งประเทศ แล้วไปดูแค่ในกรุงเทพฯเรา แค่เขตเดียวมีกี่เคสล่ะ ผมถึงว่ามันตลกไง เพราะว่าเราไม่มีต้นแบบถามว่าทำไมสิงคโปร์ถึงเป็นอย่างนี้ เพราะลีกวนยู ถามว่าแล้วลีกวนยูเป็นอย่างนี้เพราะอะไร ก็เพราะเขามีต้นแบบชีวิตของเขา เขาเรียนจากอังกฤษ เขาเห็นคนอังกฤษดีๆ เก่งๆ แยะ เพราะคนอังกฤษเขาใฝ่เรียนใฝ่รู้ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์มีอายุมากกว่าประเทศไทยทั้งประเทศ วันนี้ปีนี้เราเพิ่ง 777 ปี นับจากสุโขทัย แต่เคมบริดจ์นี่ 800 ปี ถ้าประเทศไทยทั้งหมดเกิดจบมหา-วิทยาลัยคุณภาพแบบเคมบริดจ์ วันนี้ประเทศไทยเป็นอย่างนี้มั้ย แน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์ว่าไม่ ลีกวนยูได้ไปดูดซึมมาในความเป็นอังกฤษ ลีกวนยูก็เลยมาทำสิงคโปร์ให้เป็นกล้วยหอม
GM : คืออะไร
วิกรม : กล้วยหอมผิวมันเหลืองคือคนเอเชีย แต่เปิดฉีกออกมาปั๊บ สมองสีขาวหมด นั่นคืออังกฤษ วันนี้คนสิงคโปร์ทำไมคอร์รัปชั่นน้อยที่สุดในโลก สะอาดที่สุดในโลก อาชญากรรมต่ำที่สุดในโลก ประสิทธิภาพสูงที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย ทั้งๆ ที่ 40 ปีที่แล้วสิงคโปร์ไม่มีอะไรเลย
GM : เป็นเพราะสิงคโปร์ถูก Colo-nized ตกเป็นเมืองขึ้นด้วยไหม
วิกรม : ไม่เกี่ยวหรอก คนไทยตอแหลตัวเอง ไอ้คนไทยนี่โคโลไนซ์ไม่โคโลไนซ์ ก็ชอบจะ…เวลาพูดถึงสิงคโปร์นะ ก็จะอ้าง สิงคโปร์มันเล็ก สิงคโปร์มันไอ้โน่นไอ้นี่ ผมท้าได้เลยนะ เอาคนไทยย้ายไปอยู่สิงคโปร์ แล้วเอาคนสิงคโปร์ย้ายมาอยู่เมืองไทยสิ ไอ้คนไทยน่ะอดตาย เพราะว่าน้ำมึงก็ยังไม่มี วันนี้ที่ดินเราก็แยะ แผ่นดินไหวก็ไม่มี ไต้ฝุ่นก็ไม่มี เรายังจนตายห่าอยู่อย่างนี้ เพราะอะไร ก็เพราะคนไทยเรามันเป็นพวกศรีธนญชัย คนเรามี 3 สีนะในเมืองไทย นอกจากสีดำกับสีขาวแล้ว มันมีศรีธนญชัยอยู่ค่อนประเทศ สาเหตุที่เรามีคอร์รัปชั่นอันดับอย่างนี้ก็เพราะประเทศเราเต็มไปด้วยพวกศรีธนญชัยไง เห็นมั้ยรู้มั้ยว่าทำไมผมถึงเขียนหนังสือ ‘ผมจะเป็นคนดี’ ก็เพราะว่าเรามันห่วยไง ทีนี้ถามว่าเพราะอะไรคนไทยถึงเป็นอย่างนี้ ต้องรู้ต้นเหตุก่อน ในความเห็นผมนะ เพราะว่าคนไทยอยู่ดีกินดี ไม่เคยลำบากจนเกินไป พอมีอะไรที่ลำบากหน่อยก็บ่น เป็นปัญหา แล้วคนไทยนี่เจ้าขุนมูลนายเยอะ วันนี้เจ้าขุนมูลนายเป็นต้นเหตุของพวกศรีธนญชัย ถ้าถามว่าในประเทศไทยเรา ทั้งเศรษฐกิจทั้งการเมืองอยู่ในมือของครอบครัวสักกี่ครอบครัว ผมตีว่า 500 แล้วมันตลกมั้ยว่า ประเทศไทยมี 60 กว่าล้านคน แต่ปรากฏว่าทั้งหมดอยู่ในมือของคนเพียงแค่ 500 ตระกูล มันแฟร์หรือเปล่า แล้วหนึ่งในตระกูลนั้นก็เป็นตระกูลของผม (หัวเราะ) ผม Occupy อยู่ประมาณสัก 7% ของ GDP ธุรกิจในนิคมที่เรามีอยู่ คนพวกนี้อาศัยอยู่ได้ด้วยความสัมพันธ์ สังคมเราเป็นสังคมเส้น เป็นสังคมผลประโยชน์ ฉันมีลูกสาว ฉันก็อยากให้แต่งงานกับไอ้นี่ ไอ้นี่มีลูกชายก็อยากจะแต่งงานกับลูกสาวนั่น มันจะโยงใยกันอย่างนี้มาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์แล้ว นี่คือเจ้าขุนมูลนายในระบบที่ทำให้สังคมไทยนี่มันพูดแต่เรื่องอย่างนี้ ลูกก็เป็นลูกแหง่ เพราะโตมาในสังคมอย่างนี้ เป็นไอ้พวกขี้หมาเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อไอ้พวกนี้คือพวกศรีธนญชัย นี่คือโครงสร้างของคนไทยที่สร้างลูกสร้างหลานมาแบบนี้ แล้วมันก็กระจายอยู่ในวงนี้ พวกนี้เป็นหัว ไอ้ตัวกับหางก็เป็น
ลิ่วล้อ ไอ้นี่เห็นผมใหญ่ก็มาเกาะ ไอ้พวกนี้เป็นเหาฉลาม เป็นกาฝาก ก็เกาะกับตระกูลนั้น เกาะกับบ้านนี้ มันก็ขยายวงไปไง สังคมไทยวันนี้อยู่ในมือ อยู่ในอำนาจของคนไม่กี่คน คนไม่กี่คนมีปัญหาก็เพราะมันกำลังแก่งแย่งกัน สังคมไทยมันก็เลยเป็นสังคมที่เอื้ออาทรในระหว่างคนพวกนี้ แต่ถ้าคนไม่มีเส้น ดูหน้าโหงวเฮ้งมาจากที่อื่น ฉันไม่ชอบหน้าแก เสร็จ ใช่หรือเปล่า แต่พอไอ้นี่โหงวเฮ้งตาชั้นเดียวเหมือนกัน ก็พวกเดียวกัน
GM : ถ้าจะอยู่รอด คนจึงต้องสร้างคอนเนคชั่นเพื่อเข้าไปเกี่ยวกับคนเหล่านี้ให้ได้ ?
วิกรม : คนที่สร้างคอนเนคชั่นได้เก่งที่สุดและพยายามทำมากที่สุดคือพวกข้าราชการ ถามจริงๆ เถอะ คนที่ทำงานข้าราชการนี่เข้าใจความหมายของราชการมั้ย ว่างานข้าราชการคืออะไร ไปเพื่อจะทำงานให้กับสังคมใช่หรือเปล่า แต่เวลาไปถึงนี่ไม่ใช่ เข้าไปก็ต้องการอำนาจบารมี ยันต์กันผี คอนเนคชั่น แล้วนำไปสู่การสร้างผลประโยชน์ในเครือข่ายในอนาคต ซึ่งมันผิดหมดเลยไง ฉะนั้น เมื่อหัวมันมีอยู่ไม่กี่คน เกิดอาการเลีย เกิดอาการเส้น เพราะว่าครอบครัวมีไม่กี่ครอบครัว ไม่กี่นามสกุลที่อยู่ตรงนั้น แล้วก็ตามมาด้วยพวกที่จะเกาะเป็นเหาฉลาม แล้วก็ตามมาด้วยพวกข้าราชการวันนี้ข้าราชการที่ได้ตำแหน่งดีๆ ทั้งหมดนี่ ถามว่าทำด้วยฝีมือ ทำด้วยจิตใจซื่อสัตย์ มีมั้ย อาจจะมี แต่ก็หาทำยายาก ขึ้นมาได้เพราะฝีมือวิ่ง นี่เป็นปัญหาของสังคมเรา ถ้าต้นเหตุเป็นอย่างนี้ ถามว่าเอาละ แล้วเราจะแก้ยังไง
GM : ฟังที่พูดมา คุณพูดคล้ายกับทฤษฎีอมาตยาธิปไตย
วิกรม : ก็ Whatever นะ ข้อเท็จจริงมันเป็นอย่างนี้ แล้วถามว่าคุณทักษิณเป็นอย่างนี้หรือเปล่าล่ะ อ้าว! ก็ถามว่ามึงก็เป็นอย่างนี้มาใช่มั้ย ความจริงก็คือความจริงก่อน อย่าเพิ่งไปบอกว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ถึงบอกว่าเราอย่าเป็นศรีธนญชัย ถ้าสีดำเราก็บอกว่าสีดำ ถ้าสีขาวเราก็บอกว่าสีขาว ให้มันเคลียร์
GM : นี่คือโครงสร้างสังคมที่เป็นจริงที่คุณเห็นว่าเป็นปัญหา
วิกรม : ใช่สิ ก็มันเป็นอย่างนี้นี่หว่า แล้วคราวนี้ถามว่าแก้ยังไง ผมไม่เชื่อว่าประเทศไทยนี่แก้ไม่ได้เกินภายใน 5 ปี ถ้าวันนี้ประเทศไทยเอาญี่ปุ่นมาครอง เอาเยอรมันมาครองสัก 5 ปี ประเทศนี่หน้ามือกับหลังตีนนะ ในนิคมของผมมีประชากรอยู่เกือบ 2 แสนคน เป็นประชากรที่มีวินัยที่สุดในประเทศไทย ถามว่าเป็นเพราะอะไร ไม่ใช่เพราะผมหรอก เป็นเพราะ 85% ของโรงงานในนั้นมันเป็น Multi-International เป็นบริษัทใหญ่ ไปดู BMW สิ คนไทยใน BMW 250 คนนั่นน่ะ มันคือระเบียบแบบเยอรมัน แล้วเป็นได้เพราะอะไร เข้าไปประเดี๋ยวเดียวเป็นแล้ว
GM : แล้วเราต้องการอะไรเพื่อจะมาแก้ปัญหาที่ว่า
วิกรม : เราต้องการมีแค่ 3 อย่าง หนึ่ง, เราต้องการกฎหมายหรือระเบียบที่ถูกต้อง ที่มีประสิทธิภาพ ที่ยุติธรรม อย่าง BMW เขาร่างระเบียบมา ก็ร่างเปรี้ยงๆๆ มา ทุกคนต้องทำตาม แล้วทุกคนเห็นว่าถูกต้อง อย่างนี้มีแมวที่ไหนไม่ทำบ้าง อันที่สอง ต้องการผู้นำ เถ้าแก่ เยอรมันมาปั๊บ ก็ต้องทำงาน ปึ้งๆๆ ทุกคนปฏิบัติตามผู้นำ ผู้นำไทยเป็นยังไง-มึงแดก ลูกน้องมันก็แดก มึงเอาเวลาทำงานมานั่งอ่านหนังสือพิมพ์ คุยโทรศัพท์กับพวก มากินมาเที่ยว ไปดูงานมึงก็ไปเที่ยวไปช้อปปิ้ง ถ้าลูกพี่ทำอย่างนี้ ลูกน้องก็เป็นอย่างนั้น อันที่สาม ต้องมีการลงโทษที่ยุติธรรม ที่เด็ดขาด ไปดูสิ ในนิคมของผมน่ะเป็นอย่างนี้ทั้งนั้น เป็นเพราะว่าทุกโรงงานเขาเทรนนิ่งคนของเขาให้มีวินัย เมื่อมีวินัยมันก็ออโตเมติก ไม่มั่ว เมื่อไม่มั่ว มันก็ไม่มีไปเรื่อยๆ เปื่อยๆ แค่นี้เองผมท้าคนไทยเลยนะ เอาครีมๆ ไปด้วยก็ได้ เอาไปเท่ากับจำนวนประชากรของสิงคโปร์ แล้วไล่คนสิงคโปร์ออกให้หมด เอาคนไทยไปอยู่แทน จนตายห่า ไม่มีน้ำกิน แล้วเอาคนสิงคโปร์เท่ากันมาอยู่เมืองไทย ยกอีสเทิร์นซีบอร์ดให้เขาไปเลย แล้วกลับมาดูอีกที สิงคโปร์ประชากรน้อยกว่าเรา 14 เท่า แต่ปรากฏว่า GDP ในแง่การผลิต 70% ของ GDP ไทย แต่ถ้าเป็น GDP ของการค้าขาย เขามากกว่านั้น 3 เท่า เหตุผลมันคืออะไร คือการศึกษา เหตุผลมันคือระเบียบระบบ ลงโทษจริง ไม่มีเส้น แล้วผู้นำเป็นตัวอย่าง ผู้นำคลีน ผู้นำไม่ใช่มีอย่างคุณทักษิณ ญาติโยมห่าเหวอะไรก็ไม่รู้เยอะแยะ ถ้าวันนี้เป็นอย่างนั้น ลูกเขาจะเป็นนายกรัฐมนตรีได้มั้ย นี่ไง ฉะนั้น จะแก้นี่ก็ 3 อย่างที่ว่านี้
GM : คุณคิดว่าจะเกิดขึ้นได้จริงในเมืองไทยหรือ
วิกรม : คนไทยชอบอะไรชอบมองแบบ Side View คือมองด้านข้าง มองไปก็ติดแล้ว ถ้ามอง Bird’s Eye View มันก็เห็น คนไทยเป็นคนฉลาดแกมโกงนะ แต่เวลาอยากจะให้ฉลาดจริงๆ นี่ไม่ได้ เพราะว่าคนไทยไม่ค่อยเรียนหนังสือ เพราะฉะนั้นสมองนี่น้ำเยอะกว่าไขสมอง ไปดูขดสมองของพวกอังกฤษสิ ในสมองเขามีความเข้มข้นของเนื้อไขสมองมากกว่าคนไทย เพราะเด็กเกิดมาก็เห็นแผนที่ชีวิตเต็มไปหมดในท้องตลาด อยากจะเอาอย่างเบนจามิน แฟรงคลิน, เซอร์ไอแซค นิวตัน, เอลตัน จอห์น หรือ ริชาร์ด แบรนสัน มีหมด คนอังกฤษพอลืมตาเป๊ง ข้างหน้านี่มีวัตถุดิบอย่างนี้เต็มไปหมดเลย วัตถุดิบของคน Accumulate มาเป็นพันปี ไอ้พวกนี้ก็บริโภคตั้งแต่เด็ก ด้วยการดู ด้วยสื่อ เพราะฉะนั้นประสิทธิภาพของคนอังกฤษนี่สูงมาก วันนี้คนไทยของเราใส่เข้าไปมีแต่น้ำเน่า ดูละครตบกันไปตบกันมา อิจฉาตาร้อน คนไทยมันถึงอิจฉากันทุกวันนี้ไงคนไทยทุกวันนี้ สังคมเป็นอย่างนี้เพราะอิจฉาตาร้อน เห็นแก่ตัว แล้วก็ลืมตัว วันนี้คนไทยทำร้ายกันเพราะว่าเราเห็นแก่ตัว นั่นเป็นต้นเหตุที่เราคอร์รัปชั่น แต่ถ้าเรารักตัวเราเท่ากับรักสังคมแบบคนอังกฤษ การปิดสนามบินจะไม่เกิดขึ้น การยึดทำเนียบก็จะไม่เกิดขึ้น สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในเมืองไทยวันนี้จะไม่เกิดขึ้นในลอนดอน
GM : จากสิ่งที่คุณพูดมาหลายเรื่อง อาจมีคนตั้งข้อหาคุณได้ว่า เป็นคนไทยหรือเปล่า หรือไม่ก็ไล่ให้ไปอยู่ที่อื่นที่คุณเห็นว่าดีกว่า คุณจะบอกพวกเขาว่าอย่างไร
วิกรม : ใช่ๆ มันบอกผมมาตั้งหลายเที่ยวแล้วละ วันหนึ่งผมไปคุยที่กองทัพเรือ ผมพูดว่าเมืองไทยเราต้องปรับตัวอย่างนี้ๆ เพราะว่าเราล้าหลังอย่างนี้ๆ เราควรต้องดูใครบ้าง คือดูลีกวนยู ดูการทำงานแบบระบบของญี่ปุ่น คนที่เราจะต้องเอาเป็นตัวอย่างก็คือ จอร์จ วอชิงตัน มันขึ้นมาบอก คุณวิกรมเป็นคนไทยหรือเปล่า ก็ธรรมดา เพราะว่าเรามันจมปลักอยู่เดิมทีผมไม่อยากจะกลับมาประเทศนี้นะ ที่ผมไปชกพ่อผมตอนอายุ 18 เพราะผมเห็นความสกปรก ผมเห็นความคอร์รัปชั่น เห็นความไม่ดีของคนไทยเยอะ แต่ตอนหลังก็คิดว่า เราเป็นคนหลีกหนีความรับผิดชอบ ที่จริงแล้วเราเป็นคนที่นี่ แต่เราปัดความรับผิดชอบ ถ้าผมเป็นคนอื่นนะ วันนี้รวย ทำไมไม่ไปเอนจอย ไปปารีสช้อปปิ้ง ไปนิวยอร์ก แต่มาบ่นให้พวกคุณฟัง ฟังแล้วก็อึดอัดฉิบหายเลย เหนื่อยจริงๆ ฟังผมพูดนี่ แล้วก็กลายเป็นสร้างศัตรูไปหมด สร้างความรำคาญให้คนที่เขารักประเทศนี้ ไอ้พวกนั้นมันด่าผมว่าเป็นคนไทยหรือเปล่าวะ
GM : คุณเคยบอกว่า สังคมไทยกำลังเผชิญกับทั้งสึนามิ ทั้งแผ่นดินไหว คือทั้งเรื่องเศรษฐกิจและการเมือง แต่ทั้งสึนามิและแผ่นดินไหวนั้น ถ้าเกิดขึ้นจริง ไม่นานก็จบลง แต่ตอนนี้ทุกอย่างดูเหมือนจะยืดเยื้อ ไม่จบลงง่ายๆ คุณคิดว่าคนทั่วๆ ไปที่ไม่ได้ร่ำรวยเหมือนคุณควรจะอยู่กับมันอย่างไร
วิกรม : ต้องปรับตัวนะ อันแรกก็คือต้องเข้าใจอย่างแท้จริง อย่างถูกต้องว่ากำลังเกิดขึ้น ทั้งในโลกนี้ และในบ้านเรา นั่นอันที่หนึ่ง อันนี้คือต้นเหตุแห่งทุกข์ อันที่สอง เมื่อเข้าใจตรงนั้น เราก็จะมาขจัดทุกข์ ทำลายทุกข์ บดขยี้ทุกข์ จริงๆ แล้วมันมีแค่ 4 ทางออก เราเรียกว่า 4 อ
ทางออกแรกก็คือต้องอยู่รอด ต้องสร้างจิตและวิญญาณว่าเราต้องอยู่รอด เวลาคนไปปีนเขา ที่มันใกล้จะตายน่ะ ที่รอดมาได้เพราะคิดว่าต้องอยู่รอด คนที่บอกว่า โอ๊ย! ชั้นตายแน่แล้ว ไอ้พวกนั้นตายห่าก่อนเพื่อนเลย ไม่ทันไรก็ม่องเท่งแล้ว แต่คนที่อยู่รอดจะบอกว่า ฉันต้องอยู่รอด ฉันต้องกลับไปหาลูกเมีย ต้องกลับไปข้างล่าง นั่นคือเรื่องของสปิริต คนไทยต้องสร้างสปิริตว่า ฉันจะต้องอยู่ อยู่รอด นี่คือ อ ที่หนึ่ง
อ ที่สอง คือต้องอดออม วันนี้อะไรไม่ใช้ อย่าใช้ อะไรที่จำเป็นต้องใช้ก็ต้องหาร สมมุติต้องใช้ 100 บาท เอามาหาร สักครึ่งหนึ่ง หรือสัก 30% เก็บไว้ ไหวมั้ย เรียกว่าอดออมอย่างสุดๆ อดออมแบบไม่ให้ตาย คางเหลือง แต่ไม่ตาย
อ ที่สาม คือออกตลาด ต้องไปหารายได้ ขายๆๆ สมมุติราคาของสินค้า รวมวัตถุดิบ รวมค่าแรง รวมทุกอย่างแล้ว 100 บาท เราก็ไปขายให้มากกว่า 100 บาท แต่อย่าไปเอากำไรเหมือนเมื่อก่อนที่ขาย 130 บาท ขาย 101-103 บาท ขายเข้าไป แต่ต้องเลือกคนขายด้วย ไปเจอพวกเบี้ยวอีกก็ตาย เจ๊งบ๊ง อีก ขายเพื่อจะเอารายได้เข้ามา
อันสุดท้าย คือออกสต็อก หมาย ความว่า นอกจากจะขายที่เราผลิตอยู่แล้ว เราไปดูสิว่าในบ้านเรามีของอะไรที่เก็บเอาไว้แล้วไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อเรา เอาออกให้หมด เอาไปขาย ไปเปลี่ยนเป็นเงิน
4 อย่างอย่างนี้ แล้วก็รอ-อย่างอดทน
GM : คุณคิดว่าต้องรออีกนานไหม
วิกรม : นานมากน้อยขนาดไหนไม่รู้ แต่ก็ไม่กี่ปีหรอก เพราะว่าโลกเจริญมาก โลกวันนี้มันต้องโคฯกัน G20 ก็สร้างความปรองดองด้วยการอัดเงินเข้าไป 1 ล้านล้านเหรียญ ญี่ปุ่นก็อัดเข้าไปอีกแสนห้าหมื่นล้านเหรียญ แล้วก็อาเซียนอีกแสนล้านมั้ง ทุกคนช่วยกัน บางคนเขายังมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศสูง อย่างญี่ปุ่น จีน ก็เอากองเข้ามา แล้วมาดูว่าใครเจ็บ ใครแย่ ก็ให้คนนั้นแบ่งไป แต่จะมีประสิทธิภาพมากหรือไม่ ก็คือมีความเห็นแก่ตัวมากหรือน้อยอย่างโอบามาโผล่ขึ้นมายังไม่ทันไรเลย บอกว่าฉันจะไม่ให้ใช้เหล็กอิมพอร์ตมาสร้างโครงการของรัฐ อ้าว! ห้ามใช้ผ้าจากต่างประเทศ อ้าว! ถ้าทำอย่างนี้แล้ว EU มันจะทำมั้ยล่ะ พอโอบามาพูดตรงนี้ขึ้นมาปั๊บ กอร์ดอน บราวน์ บอกเลยว่าอุปสรรคของการแก้ปัญหาเศรษฐกิจโลกก็คือเรื่องของการกีดกันทางการค้า กอร์ดอน บราวน์ บินไปหาโอบามาทันที ตอนหลังมา G20 โอบามาไม่พูดเลยเรื่องเหล็กกับเรื่องผ้า เพราะว่าคนที่เป็นตัวก่อปัญหาหนี้ด้อยคุณภาพก็มาจากอเมริกา แค่นี้เขาก็หยุดแล้ว แต่การหยุดอันนี้มันหยุดได้แท้จริงขนาดไหน แล้วร่วมมือกันได้ลึกซึ้งขนาดไหน นั่นต่างหากจะเป็นคำตอบว่า มันจะมีผลกระทบนานเท่าไหร่
GM : คุณคิดว่า รัฐบาลของเราตอนนี้ นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งไม่มีภาพของการค้าขายกับต่างประเทศ จะนำพาประเทศของเราไปได้มากน้อยอย่างไร โดยเฉพาะในเรื่องเศรษฐกิจ
วิกรม : ข้อนี้ก็เป็นจุดอ่อนของคุณอภิสิทธิ์นะ ที่ไฟยังไม่ทันจะไหม้บ้านเลย แค่ไหม้ในสวนเท่านั้นเอง แกบอกว่าจะประหยัดน้ำไม่ได้ แต่แกก็พยายามปรับตัวนะ อย่างเช่นการไปให้ 2,000 บาทนี่ หมดไป 7 หมื่นล้านมั้ง ถามว่ายูมีเงินจริงหรือเปล่า ตอนนี้ยูก็งบขาด เก็บเงิน เก็บภาษีก็ไม่ได้ ต้องไปกู้เขา ตอนนั้นเข้ามาบริหารใหม่ๆ ยูต้องเคลียร์ ต้องดูบาลานซ์ชีทเป็น ยูดูบาลานซ์ชีทไม่เป็น แล้วก็เป็นกระต่ายตื่นตูม ต้องการ ทำประชานิยม มันก็กลายเป็น Commit-ment เรื่อง 2,000 บาท เพราะเราไปเอาแบบว่า ฉันทำนโยบายนี้ก่อนไต้หวันญี่ปุ่น ก็ปัดโธ่! ไต้หวันญี่ปุ่นเงินมันเท่าไหร่ล่ะ เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ของญี่ปุ่นกับไต้หวันน่ะ ญี่ปุ่นน่าจะมีประมาณ 1.7 ล้านล้านเหรียญ ไต้หวันก็มีกว่า 1 ล้านล้านเหรียญ แต่ไต้หวันมีประชากรน้อยกว่าเรา 3 เท่าแล้ววันนี้ถามว่า GDP ไทยประมาณ 100 บาทนี่เป็นของไทยกี่เปอร์เซ็นต์ เป็นของญี่ปุ่นเท่าไหร่ เป็นของต่างชาติเท่าไหร่ GDP ไทยที่ดูว่าเป็นของไทยจริงๆ ก็คือเกษตร แต่เกษตรก็แค่ 9% เอง ไม่รวมโรงแรมกับท่องเที่ยวอีก แต่อุตสาหกรรมค่อนหนึ่งเป็นของต่างชาติทั้งนั้น ฉะนั้นมันไม่ใช่ของเราทั้งหมดไง วันนี้คุณอภิสิทธิ์ จุดอ่อนคือความเข้าใจในโครงสร้างเรื่องเงินๆ ทองๆ เรื่องธุรกิจอาจจะอ่อนแอ ทำให้อาจตัดสินใจลำบาก ไม่ค่อยแม่น
GM : สมมุติว่าถ้าน้ำหมด แต่ไฟก็ยังไหม้อยู่ คุณคิดว่าควรทำอย่างไร
วิกรม : ก็ต้องกู้สิ ไปยืมน้ำเขามา มาตรฐานของเราคือกู้ได้ 50% ของ GDP แต่ประเด็นก็คือ GDP นี่มันไม่ใช่ของเราทั้งหมด 1,000% ประเด็นมันคือตรงนี้ ไอ้ยุ่นอย่างน้อยก็ 30% แล้วฝรั่งอีกล่ะ เราบอกว่าวันนี้เรามี GDP 100 ถ้าร้อยทั้งร้อยมันเป็นของเรา เราก็ยังไปยืมมาได้ แต่ 100 มันไม่ใช่ มันต้องเคลียร์ แต่ปัญหาก็คือคนที่มาบริหารประเทศเรามันมาด้วยโควตา มันเป็นธุรกิจการเมือง มันถึงได้ไม่มีคนที่เก่งจริง ถ้าตราบใดก็แล้วแต่ที่นักการเมืองไทยต้องการเป็นรัฐมนตรี ประเทศไทยก็จะมีรัฐมนตรีห่วยๆ เราต้องล้างความคิด บอกว่าฉันจะเป็นนักการเมือง ไม่จำเป็นต้องเข้ามาเพื่อบริหารประเทศ ฉันเข้ามาเพื่อสนับสนุน ถ้าแก้ได้อย่างนี้ ประเทศไทยก็จะไม่มีปัญหารัฐมนตรีห่วยๆ
GM : สมมุติว่าน้ำหมดไปแล้ว ไปยืมน้ำเขามาแล้ว แต่ยังได้ไม่พอ ไฟก็ยังไหม้อยู่ดี เราควรจะมีแพลนบีหรือแผนสำรองอย่างไรบ้างที่จะหาทางออกกับมันได้
วิกรม : ก็อย่าทะเลาะกัน คนที่เจ๊งมากที่สุดกว่าครึ่งค่อนประเทศคือคนระดับรากหญ้า แต่ถ้าถามว่าจะแก้ยังไง มันแก้ง่ายนิดเดียว เปลี่ยนนโยบายไง เลียนแบบอเมริกาสิ เลียนแบบเวียดนาม เลียนแบบสิงคโปร์สิคือแทนที่เราจะไปกู้ต่างประเทศใช่มั้ย ก็เปิดให้เขามาลงทุน เปิดมาเลย ลงทุนในประเทศไทย เอาแบบกรีนการ์ดในอเมริกา คนที่จะมาลงทุนจะต้องมีเงื่อนไขอะไรถึงจะสามารถรับได้ วันนี้เปิดไปเลยว่าเรารับคนไม่จำกัด ประกาศไปทั้งโลกเลยว่าใครจะมาอยู่เมืองไทยก็ได้ โอ๊ย! มีกันเต็มไปหมด
GM : แต่คนไทยหวงแหนแผ่นดินไม่ใช่หรือ
วิกรม : จะหวงไปทำสากกะเบืออะไร หวงทำอะไรล่ะ ใช้หมดหรือเปล่า เอาอย่างนี้ สมมุติเอามาล้านคนนะ จังหวัดละหมื่นกว่าคน 76 จังหวัด เอาเป็นว่า 15,000 คนต่อจังหวัด ก็ล้านกว่าคนแล้ว ล้านคน อยากจะให้เขาเอามาคนละเท่าไหร่ล่ะ คนละ 10 ล้าน ก็ได้แล้ว 10 ล้านล้าน ก็เท่ากับ GDP เราแล้ว แล้วเงินพวกนี้ไม่ต้องกู้ เงินพวกนี้เอามาแล้วเขาเอามาทำอะไร ก็เอามาลงทุน มันก็เกิดผลิตภัณฑ์ พวกนี้มันจะสร้างผลประโยชน์ของมันเอง สร้างงาน สร้างรายได้ ส่งออก ได้เงินตราต่างประเทศ อย่างนี้เราลงทุนอะไรบ้าง ลงทุนแค่สมอง คลิกเดียว ใจกว้างแบบอเมริกา ใจกว้างแบบออสเตรเลีย แคนาดา ทำไมไอ้พวกประเทศอย่างนี้มันถึงมีตังค์ ก็เพราะนโยบาย เวียดนามทำไมปีที่แล้วมีเงินลงทุนถึง 2 ล้านล้านบาท แต่ประเทศไทยมีแค่ 2 แสนกว่าล้าน แล้ววันนี้เราบอกว่าเราจะมากู้ มันโง่ เรามีของอยู่ในบ้านเรา แต่เราไม่รู้จักใช้ของ
GM : มีกฎหมายเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดินอยู่ด้วยไม่ใช่หรือ
วิกรม : โธ่เอ๊ย! ไม่เห็นเป็นไรเลย กฎหมายใครเขียน ก็คนไทยเขียน เราก็แก้กฎหมายไปสิ หรือถ้าบอกว่าไม่ได้ กลัว ก็ให้สัก 99 ปีก็ได้ ใครมาก็ได้ตอนนี้ ให้เขาไปซื้อเลย มีกรรมสิทธิ์ 99 ปี เขาก็พอใจแล้ว
GM : ไม่คิดว่านานไปหรือ สำหรับคนที่เข้ามา เพราะเท่ากับอังกฤษเช่าเกาะฮ่องกงเลย
วิกรม : นานอะไร ถ้ายูเป็นพวกเข้ามานี่ ยูก็อยากจะเป็นเจ้าของทั้งหมดเลยใช่เปล่า แต่วันนี้ให้ยู 99 ก็ให้เขาเต็มๆ หน่อยสิ จะมาขี้เหนียวทำอะไร เรือขนไปได้มั้ยที่ดินน่ะ เครื่องบินขนไปได้หรือเปล่า แล้วเราจะมาขี้เหนียวทำวิมานอะไร ก็เอาไป เขาจะได้มีกำลังใจ ให้เขารู้สึก อื้อหือ! ฉันอยากจะมาทำ ไม่ใช่มากระมิดกระเมี้ยน เราต้องคิดว่าเราไม่ใช่สาวสวยคนเดียวนะ มันมีตั้งเยอะแยะ แล้วอเมริกาเขาก็ทำอย่างนี้มาตั้งชาตินึงแล้ว เราก็ดูเศรษฐกิจอเมริกา แต่ทำไมหัวเรามันตื้ออย่างนั้น วันนี้เอามา10 ล้านล้าน GDP เราวันนี้ 8 ล้านล้านกว่า เงินเยอะมั้ย เศรษฐกิจดีมั้ย ไอ้หมื่นกว่าคนต่อจังหวัดนี่มันขี้หมาเลยใช่มั้ย โยนทิ้งไปจุ๊งก็หายไปแล้ว แต่เงินเข้ามานี่อีกเท่าหนึ่งของ GDP แล้วมันเป็นเงินสด GDP คือเงินค้าขาย ไม่ใช่เงินสด ไม่ต้องกู้ มันเข้ามาแล้วขยายผลมั้ย ก็ขยายผล
GM : ถ้าทำอย่างที่คุณว่า มันจะเห็นผลในเวลาเท่าไหร่
วิกรม : ภายในคืนเดียว (ตอบทันที) ก็มันเห็นง่ายๆ บัญญัติไตรยางศ์ มันมีอะไรเสีย ข้อเสียคือต้องสกรีนคน ไม่ใช่เอาคนเรื่อยๆ เปื่อยๆ มา เลือกคนดีๆ อาชญากรมีติดมาไม่ได้ พวกหัวรุนแรง พวกดุเดือด เราไม่เอา นี่เป็นเรื่องภายในของเรา เรามาปรับของเราเองภายใน ไม่เห็นเป็นไรเลย
GM : คุณไม่คิดเรื่องเชิงวัฒนธรรมบ้างหรือ ไม่กลัวเรื่องถูกกลืนชาติ ?
วิกรม : ถามว่าคนไทยคือใคร คนไทยคือมอญ ขอม ละว้า แล้วมันอยู่มั้ยล่ะตอนนี้ เรามันเป็นพวกอพยพทั้งสิ้น แล้วจะไปถามว่ากลัวคนอื่นมากลืน เรายังไม่รู้เลยว่าเราเป็นหมาเป็นแมวอะไร ยังจะไปกีดกัน มันคือโรคจิตไง ไม่มีเหตุผลน่ะ เราต้องเลือกคนดีสิ วันนี้เราให้พวกนุ่งโสร่งข้ามชายแดนมาตั้งสี่ห้าล้านคน ไอ้อย่างนี้ไม่คิดไม่ทำ แต่อย่างนี้มากัน มัน Nonsense ถึงบอกว่าประเทศไทยมันถึงจนไง เพราะมันมีแต่พวกบริหารที่มองแค่ปลายจมูกกับหัวแม่เท้า ไม่มีวิสัยทัศน์เลย ถ้าเราเข้าใจตรงนี้ เราน่ะเป็นพวกอพยพเข้ามาในประเทศไทยก่อนคนอื่นเขา แต่วันนี้เรากลายเป็นไอ้เข้ขวางคลอง คนไหนจะเข้ามาเราก็จะสมมุติว่าเขาเป็นต่างชาติ เป็นไอ้นั่นไอ้นี่ ซึ่งมันไม่ใช่น่ะ ไม่ควรถามว่าทำไมอเมริกาถึงเจริญ ทำไมอเมริกาถึงประสบความสำเร็จ ในอเมริกา ใครเข้าไปก็ได้ ขอให้ไม่เป็นอาชญากร
ขอให้มีความรู้ ขอให้เป็นคนขยัน เขาก็ไปขุดทองในอเมริกา เมื่อมีเงื่อนไขตามนี้ปั๊บก็ได้กรีนการ์ด ถามว่าใครคืออเมริกัน ไปเดินในถนนดูสิ มีหลากหลาย นั่นเป็นเหตุที่ทำให้อเมริกาเจริญ เพราะเป็นการดูดซึมทรัพยากรของโลกทั้งโลกเลย คือคนกับเงิน ประเทศไทยไม่ได้ แต่เวียดนามเปิดหมด เวียดนามบอกเมื่อปีก่อนนี้ ปี 2007 เดือนเมษายน บอกใครก็แล้วแต่ที่มาลงทุนในเวียดนาม มีสิทธิประโยชน์ มีเงื่อนไขได้เท่ากับคนเวียดนาม นอกจากเรื่องกลาโหมกับสื่อสารอย่ามาทำ นอกนั้นจะมาเผาถ่าน อยากจะมาทำอะไรที่เขากันไว้ อย่างเผาถ่านนี่ต้องคนไทยเท่านั้นนะ โง่บัดซบ
GM : ในสถานการณ์แบบนี้ อมตะเป็นอย่างไรบ้าง
วิกรม : อ้วกสิ เป็นอมะอ้วก ไตรมาสแรกนี่มันหายไปสัก 5 เท่ามั้ง ก็เราเป็นประตูแรกของประเทศ อย่างอมตะ มันก็เป็นเหมือนปรอทเศรษฐกิจประเทศนี้ เพราะมันคือด่านแรกในการลงทุน ถ้าผมตก ประเทศไทยตก ถ้าผมขึ้น ประเทศไทยขึ้น คนมันมาลงทุนนี่
GM : เศรษฐกิจแบบนี้ เงินในกระเป๋าคุณหายไปเยอะไหม
วิกรม : ก็หายไปเพราะเรายังไม่ได้ขายนี่หว่า แต่เราก็พยายามใช้สิ่งที่ออกมาเป็นเงินสด ที่ไม่ใช่เงินสดเป็นทรัพย์สินก็ยังปล่อยมันไว้อย่างนั้นอยู่ ผมหายไปประมาณ 5 พันกว่าล้าน เกือบ 6 พันล้านมั้งอมตะตอนนี้มีมูลค่าทั้งหมดประมาณปีละ 7 แสนล้าน จากพื้นที่แค่ 3 หมื่นกว่าไร่ ถามว่าไทยมีพื้นที่กี่ไร่ ประเทศไทยมีพื้นที่ประมาณ 300 กว่าล้านไร่ วันนี้เราปลูกข้าวอยู่แค่ประมาณ 130 กว่าล้านไร่ แล้วผลิตการเกษตรออกมาได้เป็น GDP ประมาณ 9% อมตะใช้พื้นที่ไปแค่ 3 หมื่นไร่ มี GDP 7% เห็นภาพตามมั้ย ข้อสำคัญที่สุดก็คือไอ้ 130 กว่าล้านไร่นี่ ปีหนึ่งเอายาใส่เข้าไปกี่หมื่นกี่แสนตัน ยาฆ่าหญ้า ปุ๋ยเคมี ยาฆ่าหนอน ใส่มาแล้วกี่ปี ถามว่าไอ้พวกนี้มันไปไหน มันก็ไหลลงแม่น้ำ ไปอ่าวไทยคนไทยนี่อยู่ใกล้เกลือกินด่าง สมองเราวันๆ หนึ่งเราคิดแต่เรื่องน้ำเน่าเยอะ ที่คนไทยคุยกันนี่ มันไม่ได้คุยสากกะเบืออะไรมากมายไปกว่าเรื่องไอ้นั่นมันมีเมียนะ ไอ้นี่มีกิ๊กนะ สิ่งที่พูดกันในประเทศไทยทั้งประเทศเลยนะ มันไร้สาระ ที่มีสาระมันนิดเดียว ถ้าเป็นพวกอังกฤษหรือญี่ปุ่นนั่งอยู่ มันจะคุยกันไปในเชิงแลกเปลี่ยน แล้วจะมองต่างมุมได้ แต่เราไม่มองต่างมุมเพราะว่าใจเราแคบ เราจะกัดกันอยู่เรื่อย จะทะเลาะกันอยู่เรื่อย แต่ฝรั่งมามันเถียงกันเพื่อดูดซึม แล้วต่างคนต่างได้ แต่ถ้าพี่ไทยนะ นั่งกินกูจะซดเหล้า แล้วบางทีก็จนจะตายห่าอยู่แล้วยังเสือกจัดงานวันเกิดอีก แล้วไปกู้เงินมา อย่างบวชก็ไปกู้เงินมาบวชลูก แล้วชอบทำบุญข้ามชาติ ลงทุนข้ามชาติ ผมก็ไม่รู้ว่าคนไทยมีวิสัยทัศน์เป็นบ้าอะไร
GM : ลงทุนข้ามชาติ ?
วิกรม : ลงทุนข้ามชาติ ทำบุญไง ข้ามชาติมั้ย ขอให้ชาติหน้าได้นั่นได้นี่ ข้ามชาติสิ ข้ามไปชาติหน้า ขอให้ลูกช้างยังงั้นยังงี้ แล้วลงทุนโดยที่มึงก็ไม่รู้ว่ามันจริงไม่จริง ตัวเองต้องทำเพราะว่าเป็นหน้าเป็นตา ต้องไปกู้หนี้ยืมสินเขา แล้วกู้นอกระบบ ก็ถูกคนเขาโกงหมดวันนี้ถามที่ไหนในประเทศไทยไม่มีคอร์รัปชั่นบ้าง แม้แต่วัด แล้วมากที่สุดก็คือวัด เพราะวัดไม่เสียภาษี วัดไม่มีเรคคอร์ด คนที่คอร์รัปชั่นมากที่สุดก็คือวัด ทั้งกรรมการ ทั้งพระ ไปดูในบัญชีแบงก์ชาติสิ มีบัญชีชื่อนักบวชอยู่กี่หมื่นล้าน แล้วเวลาเขาจ่ายเช็คน่ะ จ่ายให้ใครบ้าง หนึ่ง, ญาติ สอง, เพื่อน สาม, สีกา ถามว่าเงินพวกนั้นมาจากไหน ก็มาจากลงทุนข้ามชาตินี่แหละ (หัวเราะ) เพราะว่ายูมาทำบุญที่วัด กรรมการก็เอาไปหลวงพ่อก็ล่อไป แล้วหลวงพ่อนี่ต้องเอาเข้าวัดนะ แต่ปรากฏว่าเอาไปเข้าบัญชีส่วนตัวที่เป็นหลวงพ่อผมพูดได้ พวกคุณก็ต้องเขียนได้ วันนี้พวกยูต้องพูดจริง ผมนี่ขนาดไม่ได้เป็นสื่อนะ ผมยังพูดความจริงเลย เพราะอะไร เพราะผมรักประเทศนี้ ผมอยากแก้ประเทศนี้ มันเสียชาติเกิดนะ ไม่ต้องลงทุนข้ามชาติหรอก ผมมีความรู้สึกว่า ผมมีอันจะกินแล้ว ร่ำรวยแล้ว ประสบความสำเร็จแล้ว 8 ปีที่แล้วผมก็ถอยออกจากธุรกิจ วันนี้ใครจะอะไรผม ผมไม่คิดเป็นประเด็น ผมจะทำในสิ่งที่ผมคิดว่ามันถูก ถูกกับประเทศนี้ ถูกกับสังคมนี้ เพราะว่าผมเป็นคนไทยคนหนึ่ง ผมไม่ต้องการอะไรอย่างอื่น
2.
การเมืองเรื่องวิกรม
GM : คุณเคยบอกว่าไม่คิดจะเล่นการเมือง ยังยืนยันอย่างนั้นใช่ไหม
วิกรม : ถ้ายูจะมาบอกว่า คุณวิกรมกำลังปูพื้นฐานเข้าสู่การเมืองหรือเปล่า รับรองผมจะไม่รับตำแหน่งใดๆ ในทางการเมือง เกิดใครเขาจะเอารางวงรางวัลมาให้…ก็ไม่รับ เพราะว่าไม่ใช่เป้าหมายของผม เป้าหมายของผมคือสังคม คืออยากจะทำในสิ่งที่ดี กรุงโรมไม่ได้สร้างภายในคืนเดียว กำแพงเมืองจีนก็ไม่ได้สร้างด้วยอิฐก้อนเดียว มันต้องหลายๆ ก้อน ค่อยๆ ทำไปเรื่อยๆ แล้วผมเป็นคนสร้างก้อนอิฐคนแรกๆ ก็หวังว่าวันหนึ่งจะมีคนหลายๆ คนมาช่วยกันสร้างก้อนอิฐต่อจากผมให้สังคมนี้ ถ้าสังคมนี้มีแต่กลัว สังคมนี้มีแต่ขี้ขลาด สังคมนี้มีแต่โง่เขลาเบาปัญญา มันก็จะเป็นอย่างนี้ แล้วเราก็บอกว่าเราแก้ไม่ได้ สิ่งที่ผมพูดมานี่มันมีอะไรไม่ถูกต้องบ้าง มีอะไรไม่จริงบ้าง มีอะไรไม่เป็นประโยชน์บ้าง ในความเป็นคนไทย ถ้าเรารักแผ่นดิน นี้ เราอยากจะทำให้กับแผ่นดินนี้
GM : ยังไงคุณก็จะไม่เล่นการเมืองเด็ดขาด ?
วิกรม : ล้านเปอร์เซ็นต์
GM : สมมุติมีคนมาชวนว่า อยากให้คุณเข้าไปช่วยแก้ปัญหาอย่างที่คุณคิด สมมุติว่าเขาให้คุณเป็นนายกรัฐมนตรีเลย มีอำนาจที่จะแก้ไขทุกอย่างได้ตามวิธีของคุณ
วิกรม : ผมรู้ว่าผมไม่ใช่คนที่จะไปทำทางด้านการเมือง ดูปากผมสิ ที่ยูฟังผมมานี่ นักการเมืองปากยังงี้หรือเปล่าล่ะ อันที่สอง ผมเป็นคนทำอะไรทำจริง จะมาทำแล้วติดระบบราชการไม่ได้ ผมอยู่ระบบราชการไม่ได้หรอก ผมไปนี่ผมต้องโซโล่คน นิ้วไหนห่วยๆ นิ้วไหนเน่าๆ พวกนี้ไม่มีเหลือ อย่างนี้ราชการไทยไหวมั้ยล่ะ รับไม่ได้ แล้วผมทนแรงเสียดทานจากสังคมไม่ไหวหรอก เพราะผมปากจัด เราอย่าไปหลอกลวงตัวเอง เรานี่ถ้าเป็นหมาก็บอกว่าเราเป็นหมา ไม่ต้องมาทำฟอร์มแยกเขี้ยวว่าเราเป็นสิงโต เพราะเรารู้ว่าเราไม่ใช่
GM : คุณพูดผิดไปนิดหรือเปล่า ว่าใครเป็นสิงโต ใครเป็นหมา
วิกรม : ไม่อยากจะเป็นหมาขี้เรื้อน (หัวเราะ) คืออยู่อย่างนี้ผมสงบนะ สมองไบรท์ กลางคืนผมนอนประมาณสามทุ่มสี่ทุ่ม ตีหนึ่งตีสองผมก็ตื่นมา มันโปร่งมันโล่ง ผมไปนั่งอยู่ข้างนอก ดูท้องฟ้า นั่งอยู่คนเดียวเงียบๆ ชำระล้างความไม่สบาย ความรู้สึกที่มาจากสังคมออกไปหมด ผมคิดว่าพวกนี้แหละคืออมตะ ชีวิตของผมจะมีความเป็นอมตะ เป็นนิรันดร์ ด้วยการที่ผมมีความเป็นตัวตนในความเป็นจริงของธรรมชาติ ตามธรรมชาติ อะไรที่ผมพูดออกมาทั้งหมดคือตัวตนของผมที่ไม่ดัดจริต ผมเป็นหมา ผมก็ว่าเป็นหมา แต่ผมไม่ใช่หมาขี้เรื้อน ไม่ใช่หมาตัวเมียเท่านั้นเอง เราอยู่กับสิ่งที่เราสบายใจ ผมไม่กลัวอะไรเลย ยูดูสิ วันนี้ผมไม่ได้ส่องดูตัวเองในกระจกนะ ดูแววตาผมสิ ดูหน้าตาผม ผมไม่ได้อมทุกข์
GM : ถ้าให้คุณมองความขัดแย้งทางการเมืองของไทย ณ นาทีนี้ คุณคิดว่าถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหยุดเคลื่อนไหว จะช่วยอะไรได้เยอะไหม เช่น คุณทักษิณ
วิกรม : ถ้าคุณทักษิณหยุดการเคลื่อน ไหว แต่ไม่เลิกเล่นมันก็คงไม่ได้หรอก แต่มันก็ลำบากสำหรับแก อย่างแกเองแกถอยก็ลำบาก เพราะถอยก็เข้าคุก ถ้ายูเป็นคุณทักษิณ ยูจะทำยังไงล่ะ หนึ่ง, มีความรู้สึกว่าตัวเองถูกถีบลงจากกลางอากาศเลยตอนที่อยู่นิวยอร์ก สอง, ถูกริบเงิน สาม, เข้าคุก สี่, ตอนนี้ก็ลอยไปลอยมา โดยเฉพาะแกเป็นคนนิสัยแบบที่ต้องต่อสู้ แต่ทีนี้ถ้าต่อสู้ไปมันมีอะไรดีขึ้นล่ะ ก็เหมือนกับเราสาดน้ำตอนสงกรานต์ ยูเปียก ผมก็เปียก
GM : ระหว่างคุณทักษิณกับคุณอภิสิทธิ์ ถ้าพูดในแง่ของการเป็นผู้นำหรือเป็นซีอีโอ คุณคิดว่าใครมีแต้มเหนือกว่ากันอย่างไร และประเทศไทยต้องการคนแบบไหน
วิกรม : ในเชิงของผลงาน แน่นอนละว่า คุณทักษิณแกเป็นพ่อค้า เป็นนักธุรกิจ เป็นข้าราชการ เป็นนักการเมือง แล้วแกก็ไบรท์ เป็นคนขยัน มีนายกฯคนไหนที่ทำงานมากเท่าแกบ้าง ว่าถึงชั่วโมงทำงานนะ นั่นคือคุณทักษิณ คุณอภิสิทธิ์นี่ต่างกัน เพราะว่าชาติตระกูล พ่อเป็นทูต ฉะนั้นก็เลี้ยงมาอย่างนั้น แล้วก็เข้ามาเพื่อเป็นนักการเมืองเพียวๆ ชั่วโมงบินก็ยังไม่เยอะ แต่เป็นคนปรับตัวเร็ว เป็นคนไบรท์ เป็นคนขาวสะอาด มันก็ต่างกันถ้าถามผมว่าประเทศไทยต้องการแบบไหน ผมว่าต้องการ Combination เอา 2 คนนี่ผสมกัน คุณทักษิณนี่ถ้ามีความ Humble อย่างคุณอภิสิทธิ์ วันนี้คุณทักษิณจะเป็นรัฐบุรุษ จะหาคนที่มาเทียบกับแกยาก เพราะว่าแกเป็นคนสร้างสังคม สร้างเศรษฐกิจ แต่แกขาดตรงนี้ ซึ่งเป็นปัญหาที่ทำให้แกเหนื่อย แล้วแกก็ชอบเป็นโขลง ทั้งญาติทั้งเพื่อน เห็นแกเดินเที่ยวมั้ย แกเดินนี่ชอบเดินแบบข้ามาเป็นโขลง ซึ่งตรงนี้ก็เป็นปัญหา ด้วยความที่นิสัยแบบนี้ ด้วยผลประโยชน์ ที่มันทับซ้อนกัน สิ่งที่คุณทักษิณทำขึ้นมา ก็ทำเพราะแกเป็นนักธุรกิจ แต่ด้วยความที่แกดันมาอยู่ในตำแหน่ง ใครก็เกรงใจ ใครก็ถวาย ใครก็ทำให้ เพราะฉะนั้นเงินที่มันพอกพูนมา มันก็เยอะ โดยข้อเท็จจริง มันเป็นอย่างนั้นผมมองว่า ถ้าสมมุติคุณทักษิณแกเป็นคนระแวดระวัง และเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าแกกำลังเป็นนักการเมือง และเป็นผู้นำประเทศ แล้วตั้งอยู่ในจรรยา-บรรณ ถ้าแกตั้งตัว ระวังตัว ก็จะไม่มีปัญหาอย่างนี้ แต่แก หนึ่ง, มองข้าม สอง, ตอนหลังมาเห็นช้างตัวเท่าหมู มันก็เป็นปัญหา ถ้าผมเป็นแก ผมก็ต้องต่อสู้ แต่ถ้าเกิดว่าแกเป็นคนปลง แล้วบอกว่า เออ…แค่นี้ก็เอาแล้ว ซาโยนาระแล้ว เลิกแล้วต่อกัน พอทุกอย่างมันเงียบแล้วอั๊วอาจจะกลับมาตายแบบจอมพลประภาส (จารุเสถียร) จอมพลถนอม (กิตติขจร) มันก็มีทางออก แต่ถ้ามารบกันอย่างนี้มันก็ลำบาก
GM : ไม่มีทางออกเลยหรือ
วิกรม : คำว่าคีย์พอยท์ (Key Point) มันก็ย่อมมีจุดของมัน กุญแจลูกหนึ่ง ถ้าเราไปง้างมันนี่เหนื่อย แต่ถ้าเรารู้จักคีย์พอยท์ จึ๊กเดียวก็ออก
GM : แล้วคีย์พอยท์เรื่องความขัดแย้งเสื้อแดงเสื้อเหลืองมีไหม
วิกรม : มีสิ ก็คุณทักษิณไง ถ้าไม่มีคุณทักษิณก็ไม่มีเสื้อแดง ถ้าไม่มีคุณทักษิณก็ไม่มีเสื้อเหลือง ใช่มั้ย เสื้อเหลืองเกิดเพราะใคร ถ้าไม่มีคุณทักษิณมีเสื้อแดง หรือเปล่าล่ะ แหม! คีย์พอยท์ก็คุณทักษิณละวะ หรือมีอย่างอื่นถ้าสมมุตินะว่า คนไทยเป็นแบบ จอร์จ วอชิงตัน ซึ่งมีอำนาจแล้ว พอถึงจุดหนึ่ง กูก็จบ พวกนายทหารต่างๆ อยากให้เขาเป็นกษัตริย์ แต่เขาไม่หลงตัวเอง ไอ้พวกลิ่วล้อทั้งหลายแหล่บอก ท่านๆ ขอให้เป็นกษัตริย์ แต่ก่อนรบด้วยกันมา ตอนนี้ครองประเทศแล้ว ก็จะมาอ่านคำกล่าว พอจะอ่านคำกล่าวปั๊บ ก็เอาแว่นหยิบขึ้นมาใส่ ตาเริ่มไม่ดีแล้ว เสียเวลาหยิบสักพักหนึ่ง อ่านเสร็จก็บอกว่า เห็นมั้ย สุขภาพของตัวเรามันไม่เหมือนกับตอนที่รบใหม่ๆ แล้ว ฉะนั้นมันก็ถึงกาลเวลาแล้วที่จะต้องปรับเปลี่ยน จอร์จ วอชิงตัน ก็ซาโยนาระ
แต่การที่เขาไปทำอย่างนั้น มันเป็นกลอุบายที่จะให้ลูกน้องไม่เกิดการขบถแย่งชิงอำนาจกัน อั๊วกลับไปอยู่บ้านนะ แต่มีอะไรก็ให้มาหาอั๊ว มันก็ค้ำคอไอ้พวกนี้ไง อเมริกาถึงไม่มีกษัตริย์ 200 ปีที่แล้วมีประเทศไหนปกครองด้วยรัฐธรรมนูญ ไม่มี เป็นกษัตริย์หมด จอร์จไม่เป็นกษัตริย์ กลับกลายเป็นชาวไร่ ไอ้พวกนี้มันรบกันอีก 16 ปีผ่านไป ทุกคนก็นึกถึงเฮียจอร์จ ขอให้มาเป็นประธานาธิบดี เป็นคนแรกของอเมริกา 4 ปี ร่างรัฐธรรมนูญ คนเขามีความเป็นสุภาพบุรุษ ร่างมาปั๊บ รัฐธรรมนูญนั้นก็เป็นสุภาพบุรุษ ฉะนั้นอเมริกาจะไม่มีวันใช้กำลังทหารปฏิวัติแบบพี่ไทย ตอนนั้นยังไม่สำเร็จ ก็ขอให้มาเป็นอีกที จอร์จ วอชิงตัน ก็เป็นประธานาธิบดีครั้งที่ 2 พวกจะให้เป็นครั้งที่ 3 บอกไม่เอา กลับบ้าน 2 ครั้งพอ แล้วก็กลับมาเป็นชาวไร่ชาวนา
เพราะอะไรเขาถึงเป็นอย่างนั้น เพราะเขาไม่หลงตัวเอง เพราะเขาไม่เห็นแก่ตัว ฉะนั้น ถ้าเกิดว่าเรามีนิสัยแบบ จอร์จ วอชิงตัน ประเทศไทยจะเป็นอย่างนี้มั้ย ไม่มีทาง ประเทศไทยเป็นอย่างนี้เพราะเราเห็นแก่ตัวแล้วลืมตัว