fbpx

อุทิศ เหมะมูล ร่างของปรารถนาและสุนทรียรสในการดูหนังโป๊

“ความหฤหรรษ์! เป็นความหฤหรรษ์อะไรเช่นนี้ เขาถูกทอยออกไปนอกกาแล็กซีและพบรสชาติความสุขและความเจ็บปวดในตัวเอง ถูกทอยออกไปนอกโลกวัฒนธรรม และศีลธรรมจรรยาทางสังคม ดิบเถื่อน เปลือย และน่ารังเกียจ สมควรประณาม พฤติการณ์อันไร้ความงดงามและสุนทรีย์ ไม่มีคุณค่าแห่งความยินดีและปลาบปลื้ม ถูกเติมลงด้วยความขบขัน น่าสมเพชเวทนา ไร้สำนึกผิดชอบชั่วดี แต่โมงยามและนาทีเช่นนี้ยังคงดำรงอยู่ในผู้คนและสังคม ไม่เคยห่างหายไปไหน ไม่เคยพ่ายแพ้ กล้าแกร่งและท้าทาย และรอจังหวะที่จะหัวเราะดังๆ ทุบทำลายพวกปากอย่างใจอย่าง มือถือสาก ปากถือศีล ราคะอันเต็มไปด้วยการควบคุมและทรมาน”

นี่คือส่วนหนึ่งของนวนิยาย ‘ร่างของปรารถนา’ ผลงานล่าสุดของนักเขียนที่น่าจะมีสำนวน ‘เพรียวนม’ คนหนึ่งในยุคนี้ – อุทิศ เหมะมูล นั่นเอง

ท่ามกลางฉากหลักกับความล่มสลายของการเมืองไทยในรอบ 20 กว่าปี ตั้งแต่พฤษภาทมิฬ ปี พ.ศ. 2535 จนมาถึงรัฐประหารปี พ.ศ. 2557 ตัวละครในเรื่องนี้ต่างทั้งโบยตีและสุขสมกับตัวเองผ่านความงามของร่างกายและเซ็กซ์ เป็น Object หลักของเรื่อง อวัยวะเพศ การร่วมเพศ ถูกพูดถึงแบบไม่ปิดเม้ม แล้วพยายามแสร้งยกให้มันสูงส่งว่าคือ ‘บทอัศจรรย์’ แต่กลับชี้ว่ามันคือความสามัญธรรมดา ปรากฏทั่วไปในชีวิตประจำวันของคน ดุจดังส่วนหนึ่งของนวนิยายที่ยกมา

เนื้อหาของนวนิยายถูกวางไว้คู่กับนิทรรศการอีโรติกกับภาพร่างและภาพเขียนจำนวนมากมายที่แสดงท่าเสพสังวาสในรูปแบบต่างๆ จากฝีมือของ อุทิศ เหมะมูล เอง ซึ่งเพิ่งแสดงสิ้นสุดไปเมื่อ 30 กันยายน 2560 ณ Artist+Run GALLERY

เจ้าตัว, ผู้เขียนแจ้งว่า ทั้งหมดทั้งมวลของโปรเจกต์นวนิยาย + ศิลปะนี้ ได้รับแรงบันดาลใจจากการดู ‘หนังโป๊’

ใช่แล้ว, การดูหนังโป๊ เรื่องที่ผู้คนไม่ค่อยพูดกัน หรือถ้าจะพูดกันจะต้องมีติดเสียงหัวเราะเป็นเรื่องปลายนวมเพื่อให้เห็นว่าเรื่องนี้ไม่จริงจัง

แต่คราวนี้ เราจะชวนคุยเรื่องนี้กันอย่างจริงจัง และซีเรียส รายชื่อของดาราหนังโป๊ หรือ AV อย่าง Jenna Haze, Jessica Kizaki, Emiri Okazaki, Miku Ohashi และอีกมากมาย ถูกพูดถึงและอบอวลในบทสัมภาษณ์ ที่มีช่วงจังหวะการพูดคุยไม่ต่างจากการชมหนังโป๊

ต่างกันเพียง นี่คือ ‘ออกัสซั่ม’ ทางความคิด หาใช่ทางกาย มีช่วงเกริ่นนำ เล้าโลม เข้าได้เข้าเข็ม ถึงจุดไคลแมกซ์ ออกัสซั่ม แล้วจบด้วยการปลดปล่อยทุกสิ่ง

ขอเชิญมาปลดปล่อยความรู้สึก ความใคร่ ความกระหายอยากร่วมกันผ่านบทสัมภาษณ์นี้

GM : การดูหนังโป๊มีส่วนในการสร้างแรงบันดาลใจในการทำงานของคุณมากน้อยแค่ไหน

อุทิศ : มาก เนื่องจากว่าเราไม่ได้ใช้ตัวแบบจริงในการวาดรูปเหมือนปกติที่เขาทำกัน คือปกติเขาจะจ้างนางแบบมาเปลือยแล้วก็วาดตาม แต่ของเรามันทำอย่างนั้นไม่ได้ และเราก็ไม่ได้ต้องการด้วย เพราะนางแบบมันมีข้อจำกัดบางอย่างที่ทำไม่ได้อยู่ ซึ่งเราก็พูดถึงไว้แล้วในนวนิยายเรื่องนี้ อย่างการพูดถึงท่าทีขัดขืนของแบบ หรือการถูกจ้องมองจากศิลปินผู้วาด แต่หนังโป๊จะมีข้อมูลที่ต่างออกไป เราสามารถเห็นท่วงท่าที่หลากหลายและทะลุปรุโปร่งกว่า รวมทั้งมุมมองที่เราเห็นผ่านภาพ ซึ่งเราสามารถที่จะเลือกแบบหรือท่วงท่าได้ว่าอะไรที่มันกระทบกับความรู้สึกของเรา และกระตุ้นให้เราอยากวาดรูปนั้นออกมา: แสดงว่า Reference ของนิทรรศการหรือนวนิยาย ก็ได้มาจากหนังโป๊พอสมควร

อุทิศ : จริงๆ คือทั้งหมดเลยด้วยซ้ำ คือเราไม่ได้จ้างคนให้มาเอากันต่อหน้า แล้วก็ไปบอกให้เขายกขาให้สูงอีกหน่อย เพราะอยากเห็นมุมของก้นที่กระดกตรงนี้ จริงๆ แล้วมันคือเรื่องของมุมมอง มันไม่ใช่ภาพนู้ด มันเป็นภาพการเสพสมหรือการสำเร็จความใคร่ให้ตัวเอง มันจำลองโมงยามส่วนตัว ซึ่งถ้าเราจ้างแบบมาวาด บรรยากาศของการเป็นช่วงเวลาส่วนตัวมันก็จะไม่เกิดขึ้น แต่การดูหนังโป๊มันได้เห็นแบบที่เป็นคลิปลับบ้าง คนที่อัดคลิปเพื่อจะโชว์บ้าง มันมีพฤติกรรมเบื้องหลังของท่าทีหรือท่วงท่าของการมีเพศสัมพันธ์ มันมีเจตจำนงแฝงอยู่ในนั้น

งานของเรามันจึงมีการตั้งคำถาม อย่างเช่นฉากแรกของนวนิยายที่เปิดมาในสระว่ายน้ำแล้วมีการพูดถึงภาพ Narcissus ของ Caravaggio (Narcissus คือตัวละครในเทพปกรณัมกรีกที่มีความลุ่มหลงตัวเอง) วิธีที่เราเขียน พยายามนำเสนอ และวิพากษ์มัน เทียบกับยุคสมัยปัจจุบันก็คือภาพถ่ายแบบเซลฟี่ หรือความลุ่มหลงตัวเองที่มันมีลักษณะคล้ายๆ กันในหนังสือจะมีภาพที่มีการโชว์อวัยวะเพศไปด้วยและถือโทรศัพท์ไปด้วย มันก็คือการตีความของเรา ว่ามันคือ Narcissus ในยุคปัจจุบัน อย่างภาพผู้หญิงที่เป็นเงาของตัวเอง มันก็คือภาพของ Narcissus ที่มองลงบนผิวน้ำแล้วหลงใหลในรูปโฉมของตัวเอง การใช้หนังโป๊เข้ามามันเป็นเหมือนแบบอันหนึ่งที่เราจะเข้าไปถึงความต้องการของตัวเองที่จะสื่อมันออกมา พยายามที่จะตอบโจทย์บางอย่างของตัวเอง อย่างเช่นการตีความเรื่อง Narcissus เราก็จะเข้าไปดูอะไรที่เกี่ยวกับคนที่ชอบถ่ายรูปตัวเอง ชอบดูตัวเอง เพื่อที่จะเอามาเขียน

GM : พูดถึง Narcissus มันก็คือการลุ่มหลงตัวเอง แล้วคุณคิดว่าคุณลุ่มหลงในสิ่งที่ตัวเองวาดหรือเขียนอย่างไรบ้าง

อุทิศ : มันเป็นความหลงใหลต่อวิธีที่เราถ่ายทอดความคิดของเราออกมาผ่านตัวหนังสือ และคิดว่าเครื่องมือนี้เป็นเครื่องมือที่ตรงและให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำที่สุดกับความรู้สึกและความคิดของตัวเอง เพราะฉะนั้นการทำงานเขียนเป็นวิธีที่ถนัดและตรงไปตรงมากับตัวเองที่สุด คือเราพยายามจะเจาะเข้าไปในตัวเองด้วย ตอนที่เราเขียน เราไม่ได้หลงตัวเองอยู่ แต่กำลังตามสิ่งที่เราสงสัยเข้าไปในเรื่องเล่าของเรา มันคือการเดินทางที่แน่นอนว่าในเริ่มต้นมันเกิดขึ้นโดยลำพัง คือตัวนักเขียนกับเรื่องเล่าของเขาเอง มันมีอะไรบางอย่างที่จะต้องสืบค้นให้พบ เหมือนอย่างเช่นความรู้สึกที่ว่า ทำไมความรู้สึกทางเพศถึงมีพลังมากมายนัก มันไม่มอดดับไปสักที ไม่เหมือนกับความรู้สึกอื่นๆ ที่พอได้สิ่งนั้นมาก็ถือว่าจบแล้ว แต่อันนี้มันไม่เคยรู้สึกว่ามีพอสักที คือมันจะอิ่มก็ต่อเมื่อคุณสำเร็จความใคร่เสร็จแล้ว คุณก็จะหายอยากไปแป๊บหนึ่ง แต่พอผ่านไปวันหรือครึ่งวัน เดี๋ยวมันก็กลับมาอีก

คือเรารู้สึกสงสัยในภาวะความลุ่มหลง หฤหรรษ์ เป็นความสัมพันธ์ที่เราอยากจะรู้จัก อยากจะเข้าไปดูว่ามันคืออะไร ก็เลยเอาตัวเองเข้าไปสำรวจผ่านงานเขียน และผ่านตัวแบบหรือโมเดลที่เราตั้งเอาไว้ โดยใช้ทักษะที่ตัวเองมีในด้านการเขียนนำพาเข้าไป เพื่อที่จะไปคว้าหรือพบอะไรบางอย่างในเรื่องเล่าที่ตอบโจทย์ตัวเองได้ มันไม่ใช่ลักษณะที่ลุ่มหลงในความสามารถของตัวเอง

GM : เซ็กซ์ในฐานะที่เป็นกรอบในการมองหลักๆ ในนวนิยาย ‘ร่างของปรารถนา’ สำคัญกับชีวิตของคนทั่วไปหรือตัวละครในเรื่องอย่างไรบ้าง

อุทิศ : มันก็เป็นเรื่องในชีวิตประจำวันนะ เราทั้งท้าทายและตั้งคำถามกับขนบหรือจารีตข้อห้ามบางอย่างที่มีอยู่ในสังคม เรามักจะได้ยินคำกล่าวประมาณว่า ทำไมต้องมาพูดด้วยล่ะ ทำไมถึงต้องเอามาพูดในที่สาธารณะ เป็นสิ่งไม่ดีไม่งาม ต้องถูกเซ็นเซอร์ ห้ามพูด และอีกอันหนึ่งที่เรารู้สึกมากๆ ในฐานะที่เป็นคนทำงานวรรณกรรมก็คือเวลาที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องทางเพศ เราก็จะเรียกมันว่าบทอัศจรรย์ คือมันมีคำอะไรมากมาย

ที่มันพยายามที่จะเลี่ยงไม่พูดคำบางคำที่เกี่ยวกับพฤติกรรมทางเพศตรงๆ แล้วไปทำให้มันเป็นคำที่สวยงาม บรรเจิดแทน คือมันไม่ได้ใช้คำที่ควร

จะใช้จริงๆ เพราะมันถูกใช้ด้วยคำอื่นๆ ในแง่ของตัววรรณกรรม คติคิดบางอย่างที่เราใช้ว่ามันจะเป็นงานศิลปะได้ จะต้องใช้ภาษาสละสลวย

ในการบรรยายถึงคนเอากัน ไม่ควรจะต้องพูดอะไรตรงไปตรงมา จะเป็นความเปรียบก็ได้ อย่าง ‘ทุ่งข้าวมีน้ำนองในนา’ อะไรที่มันจะไปกระตุ้นจินตนาการแบบนี้ ซึ่งเราคิดว่าพอนานๆ ไป นอกจากที่มันเป็นคติบางอย่างที่ถูกทำซ้ำๆ ให้กลายเป็นขนบขึ้นมา มันก็กลายเป็นการเซ็นเซอร์

โดยธรรมชาติไปด้วย เราไม่สามารถจะพูดคำว่า ควย หี เย็ด ได้ เพราะคำแบบนี้ มันกลายเป็นของต่ำที่ไม่ควรถูกใช้ในวรรณคดี หรือ วรรณกรรม

เราก็เกิดคำถามว่าทำไมมันจะใช้ไม่ได้ มันกลายเป็นของต่ำไปตั้งแต่เมื่อไร ทำไมเวลาเห็นคำเหล่านี้ถึงต้องรู้สึกว่ามันร้ายแรง เพราะชีวิตจริงเวลาเราออกไปข้างนอก เราก็เจอคนที่ถ้าเขาไม่พอใจก็ตะโกนควยใส่กัน มันก็เป็นคำในชีวิตประจำวัน มันจะอยู่ในวรรณกรรมหรือศิลปะไม่ได้เลยเหรอ ถ้าเห็นคนเอาเครื่องเพศขึ้นมา มันจะกลายเป็นอนาจารใช่ไหม บรรทัดฐานหรือมาตรฐานของมันอยู่ตรงไหน เราเลยสร้างงานชิ้นนี้ขึ้นมาเพื่อลองถ่างเส้นขอบเขตของพรมแดนนี้ออกไป เพื่อดูว่ามันเป็นไปได้ไหมที่จะเอาสิ่งเหล่านี้กลับมาอยู่ในวรรณกรรม

GM : กลับมาที่หนังโป๊ สำหรับคุณ คุณดูหนังโป๊เพื่ออะไร

อุทิศ : มันก็เหมือนคนทั่วไปแหละที่ดูเพื่อปลดปล่อยอารมณ์ เพียงแต่พอดูมากๆ เข้า ก็อยากที่จะได้อะไรจากมันมาบ้าง มันไม่มีเชิงอภิปรัชญาอะไรเลย แน่นอนใครๆ ก็ดูเพื่อที่จะปลดปล่อยอารมณ์ ตอบสนองกับความต้องการทางเพศ ซึ่งปัจจุบันหนังโป๊มีให้เลือกหลากหลายหมวดหมู่ พอดูไปมากๆ เข้า เราก็เข้าไปสู่โลกของมัน เห็นพฤติกรรมหรือวิธีการที่หลากหลายขึ้น ความหลากหลายของความพอใจของคน เราจะเห็นว่าบางคนอาจจะแค่ชอบดู แต่ไม่ชอบกระทำ บางคนชอบถูกทำให้บาดเจ็บเพื่อให้มีความสุข บางคนออกัสซั่มกว่าถ้าตัวเองโชว์ คือมันมีโลกแยกย่อยอยู่ในหนังโป๊อีกมากมาย

เหมือนกับว่าเราตามความพอใจอันหลากหลายทางเพศของคนผ่านหมวดหมู่ต่างๆ และก็เห็นว่ามันมีอะไรน่าสนใจเยอะแยะ ก็เลยเป็นว่า

นอกจากดูเพื่อตอบสนองความรู้สึกทางเพศของตัวเองแล้ว หลังๆ เราดูเพราะว่าเราชอบช่วงเวลาบางอย่างในหนัง จริงๆ ก็เหมือนคนทั่วไป

เวลาที่ดูหนังโป๊มันก็จะกดข้ามไปดูตอนที่น้ำแตกแล้ว อะไรแบบนี้ แต่เราดูแล้วเรารู้สึกว่าเราไม่ได้เห็นแค่หัวองคชาตและน้ำอสุจิที่พุ่งออกมา เราดูอย่างอื่นด้วย เราเห็นว่าเวลาที่คนมันเสียวมากๆ จังหวะตอนนั้นมืออีกข้างมันเกร็งและไม่รู้จะไว้ตรงไหน บางทีเราชอบโมเมนต์ตรงนั้น เราก็หยุดไว้ แล้วเราก็วาดมือที่มันเหย่งเกร็งและดูเหมือนไร้ประโยชน์ในชั่วขณะเวลานั้น ตอนหลังๆ เราก็จะดูส่วนอื่นๆ ที่มันตอบสนองต่อความหฤหรรษ์ในช่วงเวลาที่ถึงจุดสุดยอด เช่น หน้าท้อง ลมหายใจที่กระตุกแล้วแผ่ว สะโพกที่ยกลอยขึ้น มันเป็น Form ที่เริ่มจากความเป็นมนุษย์ และมันก็ค่อยๆ

ดูผิดมนุษย์ขึ้น มีความเป็นวัตถุมากขึ้น เป็นความตื่นตาและตะลึงของร่างกายที่มันสามารถจะบิดดัดได้อย่างผิดปกติในชีวิตสามัญ แต่มัน

เกิดขึ้นได้ในท่วงท่าที่คนกำลังมีเพศสัมพันธ์กัน หน้าตาแบบนี้ บิดเบี้ยวเหยเกแบบนี้ มันเป็นท่วงท่าที่ใกล้ชิดกันมากๆ ของคนสองคน และเรา

คิดว่ามันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน บอบบาง อ่อนไหว และเราอยากจะหยิบจับช่วงเวลานี้เอาไว้ในภาพเขียน

GM : เวลาดูหนังโป๊แล้วเกิดความรู้สึกอยากช่วยตัวเองไหม

อุทิศ : ปกติ ปกติมาก ใครไม่ช่วยตัวเองเวลาดูหนังโป๊บ้าง

GM : ในประเภทหนังโป๊ที่ดู คุณชอบแบบไหนที่สุด เอากว้างๆ ก่อน อย่างเช่น ญี่ปุ่นกับฝรั่ง คุณชอบแนวไหนมากกว่ากัน

อุทิศ : มันเปลี่ยนไปเรื่อยนะ ตอนเด็กๆ ก็ชอบหนังโป๊ฝรั่ง เพราะว่ามันเห็นหมด เราก็อยากดูของสงวนของผู้หญิง แต่พอโตขึ้นมาก็ชอบหนังญี่ปุ่นมากกว่า เพราะจริตมันต่างกันระหว่างตะวันตกกับตะวันออก ของฝรั่งมันจะเป็นเหมือนกับการกล้าแสดงออก ผู้หญิงก็จะแบบ จะเอากูหรอ

มาเอาเลยมา ส่วนญี่ปุ่นก็จะมีท่าทีเอียงอายบ้าง แบบอุ๊ย! อย่าเพิ่งเลย มันก็เร้าอารมณ์กันไปเรื่อยๆ ฝรั่งมันตรงประเด็นกว่า เงี่ยนก็มาเอากันเลย แต่หนังญี่ปุ่นจะมีเรื่องราว ยิ่งช่วงหลังๆ ยิ่งมีเรื่องราวเยอะ แยกเป็นหมวดหมู่ย่อยไปอีก ชอบแบบ Lolita ก็มี Milf ก็มี มันมีทุกอย่างแหละ

ตอนนี้ เพราะฉะนั้นมันก็อยู่ที่ความพอใจของแต่ละคนที่จะเลือกชอบแบบไหน แม้แต่ฝรั่งเองตอนนี้มันก็ทำภาพสวยมากขึ้น โปรดักชันดีขึ้น

เอาอารมณ์ความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้น อย่างค่าย X-Art บรรยากาศมันเข้ามาปลุกเร้าอารมณ์ อารมณ์เป็นความสำคัญในโลกของหนังโป๊

มากขึ้น จากสมัยก่อนที่มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น มันจะตรงไปตรงมา และส่วนใหญ่ก็จะเป็นมุมมองของผู้ชายเป็นหลัก แต่ช่วงหลังเราก็จะเห็นว่า

มีการใส่ใจนักแสดงผู้หญิงและคนดูผู้หญิงด้วย มันละเมียดละไม อ่อนหวาน นุ่มนวลมากขึ้น แต่แบบที่กักขฬะ กระโชกโฮกฮาก ก็ยังมีอยู่ ตัวเลือกมันเริ่มมากขึ้น

GM : ถ้า List ดาราหนังโป๊ที่ชอบ จะมีใครบ้างครับ

อุทิศ : พอพูดถึง AV เมื่อสัก 10 ปีที่แล้วจะชอบหนังแบบไม่เซ็นเซอร์ แต่ตอนหลังน้อยมากที่จะหลงใหลกับหนัง Uncen ตอนนี้ชอบดูหนัง

แบบเซ็นเซอร์ ไม่รู้ทำไม แต่คิดว่าโปรดักชันของงานเซ็นเซอร์มันดีกว่า มันไม่รู้สึกซ้ำๆ หรือตายนิ่งเหมือนหนังพวก Uncen ที่เราจะรู้อยู่แล้ว

อย่างเปิดฉากเริ่มมาจะเป็นแบบนี้ เซตที่ 2 แบบนี้ เซตที่ 3 อาจจะเป็น Orgy เซตที่ 4 เป็น Bukake คือมันมีแพตเทิร์นมาก

ถ้าให้พูดถึงดาราที่ชอบส่วนใหญ่จะเป็นดารา AV ญี่ปุ่นทั้งหมด แต่ก่อนหนังฝรั่งที่ชอบ ชอบ Ivy กับ Connie ชอบ Jenna Haze เขาเป็นดารายุคเดียวกับ Sasha Grey แต่เราไม่ได้ชอบ เราชอบ Haze มากกว่า ส่วนฝั่งญี่ปุ่นก็มี Jessica Kizaki, Emiri Okazaki, Miku Ohashi, Miri Mizuki, Rio อีกคนหนึ่งคือ Riko Tachibana และมีอีกคนหนึ่งที่เพิ่งค้นพบคือ Saeko Matsushita แต่คนนี้เขาเป็นแบบมีอายุแล้ว แปลกใจตัวเองเหมือนกันว่าช่วงหลังเราดูดารา AV ที่มีอายุมากขึ้น และมีความรู้สึกกับผู้หญิงที่มีอายุได้ คือหมายความว่าอายุ 30 อะไรแบบนี้ คงเป็นเพราะเราก็แก่แล้ว มันไม่ใช่ว่าเราต้องดูสาวสดสะพรั่งตลอดเวลา หรือดูดารา AV คนใหม่ๆ ตลอดเวลา

GM : จุดร่วมของดาราหนังโป๊ หรือดารา AV ที่คุณชอบคืออะไร

อุทิศ : ความถึงลูกถึงคนมั้ง Jessica Kizaki นี่เห็นชัดเลยว่าเวลาอยู่บนเตียงเธอดุมาก คือเธอควบคุมผู้ชายที่มีความสัมพันธ์ทางเพศด้วย

ในทุกฉาก คือดูแล้วมันอร่อยอ่ะ แบบเชี่ย ทำได้ไงวะ มันตื่นตาตื่นใจ จุดร่วมมันคือดารา AV ที่แสดงให้เห็นว่ามีอารมณ์ร่วมด้วยมากๆ และสามารถควบคุมผู้ชายได้ เราชอบดูแบบนั้น

GM : หลายๆ ฉากในงานน่าจะได้มาจากหนัง AV

อุทิศ : ก็จะเห็นอย่างฉากอันนี้ก็เป็นผู้หญิงควบคุม มันคงเป็นลักษณะแบบนั้น พอเราวาดผู้ชายก็จะเห็นว่าผู้ชายมันค่อนข้างดูช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หรือกำลังสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองอยู่

GM : หนังโป๊เรื่องที่อยู่ในดวงใจ

อุทิศ : คือถ้ามันเป็นหนังต่างประเทศที่มีความ Cinematic จริงๆ เราก็จะคิดถึงฉากโป๊เหล่านั้นในความหมายอื่นๆ ที่ไม่ใช่เรื่องเซ็กซ์อย่างเดียว

เวลาที่เราเห็นมันมีภาวะความรู้สึกอื่นๆ เข้ามาเกี่ยว เช่นภาวะความหดหู่ ภาวะของความตาย ภาวะความสูญเสีย มันเป็นแบบนั้นด้วย วิธีการที่เราเขียนงานขึ้นมาก็เป็นแบบนั้น ถึงแม้ว่าเราจะเอาวัตถุดิบมาจากโลกของหนังโป๊จริงๆ แต่เราก็เอามันมาพูดถึงเรื่องอื่น สภาวะเหตุการณ์อื่นๆ

สภาพแวดล้อมอื่นๆ ที่มันแวดล้อมด้วยฉากหน้าของการเสพสังวาสของคน

GM : เซ็กซ์ท่าไหนสำหรับคุณคือนิพพาน

อุทิศ : คือท่าที่ผู้หญิงเข้าควบคุมจัดการ ดูเป็นพวกมาโซคิสม์เนอะ แต่ทั้งหมดนี้มันเป็นแฟนตาซีในหัวของเรา มันตอบสนองกับเซ็กซ์แฟนตาซีที่พอเห็นแล้วมันสามารถหลั่งสารแห่งความสุขในสมองได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าในชีวิตจริงๆ จะชอบแบบนั้น เพราะคนบางคนพอใจที่จะได้แค่มอง ไม่ได้อยากทำ

GM : จากที่เราคุยกัน เรื่องพวกนี้มันถูกหยิบมาเป็นองค์ประกอบในการผลิตงานได้อย่างไรบ้าง ทั้งงานวรรณกรรมและงานศิลปะ

อุทิศ : มันเป็น Form อันหนึ่งที่เราต้องการที่จะหารูปร่างหรือรูปทรงของมัน วัตถุประสงค์และความคิดในหัวเรามีและเขียนเป็นนวนิยายอยู่แล้ว แต่ตัวที่เป็น Form ของมันในเรื่องทางเพศเราต้องอาศัยการเห็นของคนอื่น เราก็ใช้การท่องเข้าไปดูหนังโป๊ ไปดูคนที่ช่วยตัวเองและถ่ายวิดีโอไว้ หรือไปดูหนังที่คนมีอะไรกันในมุมมองต่างๆ เช่น จากกล้องวงจรปิด การถ่ายตัวเอง หรือโปรดักชันที่ดี

เราต้องการ Form ของคน พอเราดู เราก็มองหา Form ที่มันตรงกับความคิดในหัวของเรา เล่าเรื่องในหัวของเราได้ เราก็ไปใช้ Form นั้นมาทำงาน คือมันไม่ได้เป็นแรงบันดาลใจให้กับงานเขียน แต่มันเป็นแหล่งวัตถุดิบด้านกายภาพหรือสิ่งที่ปรากฏขึ้นมาเป็นแบบอันหนึ่งที่เราไปมองหาและเลือกใช้มันเพื่อที่จะแทนตัวความคิดหรือวัตถุประสงค์ของเราที่มีมาก่อนแล้ว เรากดหยุดแล้วก็จะเห็นว่านี่เป็นช่วงเวลาที่ผู้หญิงออกัสซั่มที่สุดในตอนนั้น แล้วก็จะเห็นกล้ามเนื้อต่างๆ มันเกร็งไปหมด ไม่เว้นแม้แต่ท้อง ไหล่ แขน ตรงคอก็ชัด นี่คือสิ่งที่เราประทับใจและกดหยุดไว้ มันเห็นภาพเส้นผมที่มันสลวยมาก แต่เส้นบนลำตัวนี่แบบขด เขม็ง รั้ง ตึงมาก ผิดแผกกัน มันเป็น Vision ที่พูดกับเรา และตรงกับความรู้สึกในความคิดของเราที่เขียนมันออกมา คนจากสองมันเริ่มที่จะรวมเป็นหนึ่ง เป็นก้อน และมันกำลังกลายเป็นอีกรูปร่างขึ้นมา คือเราไม่ได้เพียงแต่ดูร่างกายทั้งตัว บางทีเราก็สนใจส่วนเล็กๆ ของร่างกายที่มันทำหน้าที่บอกความหมาย

GM : ทำไมไทม์ไลน์ของนวนิยายถึงเริ่มที่เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ จนมาถึงการเมืองร่วมสมัยในยุคปัจจุบัน

อุทิศ : เพราะว่ามันต้องการพูดถึงช่วงชีวิตของคนคนหนึ่ง ที่อายุเพิ่ง 40 ต้นๆ แต่ในประเทศประเทศหนึ่งได้ผ่านการรัฐประหารมาแล้ว 3 ครั้ง มันจะเป็นภาพเปรียบเปรย เป็นข้อเสนอในนวนิยายที่พูดถึงเรื่องปฏิสัมพันธ์ของคน กิจกรรมทางเพศ มันมีทั้งอำนาจ การต่อรอง มีช่วงเวลาของการรักใคร่กลมเกลียว ช่วงเวลาของการแสดงออกถึงอารมณ์ความรู้สึกหลายๆ อย่าง เป็นพฤติกรรมของคนสองคนหรือมากกว่านั้น สำหรับคนที่ชอบมีเพศสัมพันธ์กับคนหลายๆ คนในคราวเดียวกัน แต่เราว่ามันน่าสนใจดีที่จะพูดถึงมันในฐานะที่มันเป็นการเมืองในความสัมพันธ์ และเราก็พูดถึงอำนาจการปกครอง การกดขี่ให้ได้มาซึ่งความสุข ที่มาจากรัฐประหารที่เกิดขึ้นทั้ง 3 ครั้งด้วย (ปี พ.ศ. 2534, 2549 และ 2557)

GM : แสดงว่าในนวนิยาย มีทั้งการเมืองที่มีทั้งระดับปัจเจกและระดับโครงสร้างทางสังคม

อุทิศ : อืมม์…แล้วมันก็จะเปรียบเทียบกัน มาถึงจุดหนึ่งมันก็จะพูดเป็นชิ้นส่วนเลย เป็นรยางค์ของมนุษย์เลย เป็นต้นว่า หัว เท้า มือ คือถ้าอ่านไปจนจบจะเห็นว่ามันค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้ชิดกันมากขึ้น และเห็นว่ามัน Fuck หรือมันเอากันอย่างไรในนวนิยาย อันหนึ่งคือรัฐประหาร อันหนึ่งคือคนเอากัน ทั้งสองบริบทมันเข้ามาป้าบ ป้าบ กันได้อย่างไร

GM : ในนวนิยายเรื่องนี้ มีฟอนต์พิเศษที่ประดิษฐ์ขึ้นมาใหม่ คือฟอนต์ ‘ปรารถนา’ ที่มาของการทำฟอนต์นี้คืออะไร

อุทิศ : เริ่มจากตอนเขียนนวนิยายก็ดรอว์อิ้งไปด้วย เซตพวกนี้ทำไปพร้อมๆ กับตอนที่เขียนนวนิยาย ช่วงเช้าเขียนนวนิยาย ช่วงบ่ายก็ดรอว์อิ้งและดูหนังโป๊ ชอบท่าไหนก็กดหยุดแล้วดรอว์อิ้งฝึกมือไปบ่อยๆ ส่วนอันที่เป็นภาพวาดนั้นมันใช้เวลามากกว่า จึงต้องทำหลังจากเขียนนวนิยายเสร็จแล้ว ช่วงเวลาที่ทำก็อย่างที่เล่าให้ฟังว่าเริ่มจาก Form ของคนสองคนที่หลอมรวมกลายเป็น Form อันเดียวกัน พอวันหนึ่งเราก็เห็นว่า Form ของมนุษย์มันมองเป็นตัวพยัญชนะภาษาไทยได้ ก็เลยเห็นว่าเราทำฟอนต์ที่เกี่ยวกับร่างกายมนุษย์เพื่อเอามาใช้กับหนังสือได้ ดีกว่าเอาไปเป็นภาพประกอบในหนังสือ เราคิดว่ามันต้องไปอยู่ในลมหายใจของการอ่านด้วย มันต้องแทรกซึมเข้าไปแบบนั้น จึงตัดสินใจออกแบบฟอนต์ โดยใช้ทุกส่วนของร่างกายมนุษย์ในการสร้างมันขึ้นมา อย่าง ‘ณ’ ก็เป็นภาพของคนกำลังสำเร็จความใคร่ ‘ท’ เป็นอวัยวะเพศชายสองอันทำกันอยู่ ‘ล’ เป็นรูปคนกำลังนั่งก้มหน้าอยู่

GM : ในหนังสือมันมีอ้างอิงถึงเพลงเยอะมาก ถ้าให้จัด Playlist ใน Spotify ของ ‘ร่างของปรารถนา’ จะมีเพลงอะไรบ้าง

อุทิศ : Golden Hair ของ Slowdive ; Irene  ของ Beach House ; Peace Piece ของ Bill Evans และ My City’s Gone ของ Francis and the Lights

GM : ส่วนหนึ่งของการทำนิทรรศการหรืองานเขียน มันคือภาพรวมของโปรเจกต์ของร่างปรารถนา คุณคิดว่าคนที่ได้มาดูภาพหรืออ่านหนังสือ อะไรที่น่าจะเป็นจุด ‘ออกัสซั่ม’ ของโปรเจกต์นี้

อุทิศ : มันเป็นสิ่งที่ทั้งพูดตรงไปตรงมาและมีนัยแฝงที่อยู่ในงาน แม้แต่ในนวนิยายเองที่ทุกคนพูดว่ามันพูดถึงเรื่องทางเพศ เอากันทุกหน้าเลย แต่มันก็มีเรื่องที่อยู่ข้างหลังฉากเอากัน การได้เห็นงานแสดงครั้งนี้ มันก็เหมือนกับตัวนวนิยาย คือเบื้องหน้าคือพฤติกรรมของคนที่มีปฏิสัมพันธ์กัน แต่มันก็มีนัยเบื้องหลังจากแต่ละภาพที่น่าสนุกในการตีความมันออกมา ซึ่งจริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องที่ตีความได้ง่ายมาก ยิ่งถ้าได้อ่านนวนิยายแล้วมาเดินดูงาน ภาพมันจะแจ่มชัดมากขึ้น มันเป็นเรื่องที่ส่งเสริมและสอดรับกัน คนที่เข้าอ่านหนังสือมาก่อนแล้วและเข้ามาดูงาน เราว่ามันออกัสซั่มตั้งแต่เราพยายามเสนอส่วนที่มันเป็นอารมณ์ดิบพื้นฐานมากๆ ของมนุษย์ที่มีในนวนิยายอยู่แล้ว

หรือแม้แต่การใช้ถ้อยคำที่ตรงไปตรงมาที่สุดที่ปรากฏในนวนิยาย เราว่าคนมาดูเขาก็น่าจะมีความสุขแล้วละ คือเราไม่ได้เห็นงานเถื่อนๆ แบบนี้ในสิ่งที่เรียกว่าวรรณกรรมมานานเท่าไรแล้ว เพราะคำเหล่านี้มันจะไปอยู่ในหนังสือโป๊ หรือหนังสือที่ถูกปิดลับๆ ต้องแอบทำแอบอ่านกัน แต่ว่าเราเอาออกมาในที่ที่มันสาธารณะมากขึ้น ไม่ใช่เพื่อความสะใจ แต่เพื่อที่จะบอกถึงการมีความหมาย มีคุณค่า ไม่ได้เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ ต่ำต้อย หรือต้องรู้สึกผิดติดใจตลอดเวลา ทำไมเราจะมีความสุข และเรายอมรับว่าเรามีความสุขกับมันไม่ได้ ทำไมเราต้องบ่ายเบี่ยง มันเป็นความรู้สึกจริงจัง ตรงไปตรงมา ที่เรามีให้กับคนอ่าน หรือคนที่มาดูงาน เราสัมผัสกันด้วยความรู้สึกที่จริงใจต่อกัน เรารู้สึกว่ามันเป็นความรู้สึกที่เปลือยนะ สำหรับเราอันนี้แหละคือการออกัสซั่ม

Digiqole ad

บทความที่น่าสนใจ