ภัทรภณ โตอุ่น ปูเสื่อรอ…น
เรื่อง : สันทัด โพธิสา ภาพ : อนุวัฒน์ เดชธำรงวัฒน์
ถ้าคุณตำรวจจะมีปืนเป็นอาวุธ คุณครูจะมีอาวุธเป็นชอล์ก หรือแม้แต่แปรงลบกระดาน ถามต่อสนุกๆ ครับว่า อาชีพคุณครูสอนโยคะ มีอาวุธคืออะไร ตอบโดยไวก็คือ…เสื่อ! ใช่ครับ, ปูเสื่อแล้วสอนโยคะ จบ!
เดี๋ยวๆๆๆ ไม่จบง่ายๆ อย่างนั้นสิครับ เพราะเห็นว่าเป็นอุปกรณ์ง่ายๆ ลงทุนไม่กี่บาท ทว่าอาวุธชิ้นนี้ กลับสร้างทั้งความแข็งแรง แก้ปัญหาสุขภาพได้สารพัน ที่สำคัญ เสื่อผืนนี้สร้างความภูมิใจให้กับคนที่ทำอาชีพ ‘ครู’
เรื่องแบบนี้เราไม่ได้คิดเองเออเอง แต่เป็นคำยืนยันจาก ‘คุณครูรอน-ภัทรภณ โตอุ่น’ นักแสดงและพิธีกรคนดัง ที่นอกจากงานในวงการบันเทิงแล้ว วันนี้เขาผันตัวเองมาเป็นคุณครูสอนโยคะอีกด้วย
“จริงๆ การเล่นโยคะ อาวุธของผมก็คือเสื่อ รวมไปถึงอุปกรณ์ในการเล่นชนิดอื่นๆ อย่างเสื่อก็ช่วยกันลื่น กันบาดเจ็บให้กับการเล่นในท่าบางท่า โยคะเราใช้อุปกรณ์กันไม่เยอะ และราคาก็ไม่สูง แต่เอาเข้าจริง ยังมีอาวุธอีกอย่างที่จำเป็นกว่านั้นนะครับ นั่นคือ ‘หัวใจ’ หัวใจเรานี่แหละครับ บางครั้งตอนที่ฝึกใหม่ๆ ยอมรับเลยว่าทรมานมาก บางคนถึงขั้นยอมแพ้ไปซะก่อน หัวใจจึงเป็นอาวุธที่สำคัญ ให้เราฝึกต่อไปเรื่อยๆ เพื่อให้เกิดการพัฒนา” ครูสอนโยคะหนุ่มเล่าด้วยรอยยิ้ม
ปัจจุบันรอนเป็นครูสอนโยคะมาได้ราว 2 ปีแล้ว แต่หากย้อนเวลากลับไปมากกว่านั้น เขารู้จักการออกกำลังกายชนิดนี้ เนื่องจากประสบปัญหาด้านร่างกายนี่เอง“เมื่อก่อนผมเป็นคนตัวเล็กมาก สูง 180 เซนติเมตร แต่หนัก 50 กิโลกรัม เราอยากหุ่นดี ใส่เสื้อผ้าแล้วดูเท่ สมาร์ท จึงตัดสินใจไปเล่นฟิตเนส ซึ่งหลังจากนั้นก็ตัวใหญ่ขึ้นจริง น้ำหนักขึ้นมาราวๆ 20 กิโลกรัม
“ช่วงนั้นผมทำงานเยอะมาก รับงานละคร ละครเวทีในคราวเดียวกัน และออกกำลังกายหนัก จนตื่นเช้ามาวันหนึ่ง ปรากฏว่ายกร่างกายซีกซ้ายของตัวเองไม่ขึ้น เริ่มแปลกใจ ไปหาหมอ เอายามากิน แล้วก็กลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิม บางครั้งถ้าปวดเมื่อยจากการเล่นฟิตเนส ก็อาศัยไปให้หมอนวด คนเล่นฟิตเนสจะชอบหมอนวดมาก (หัวเราะ)
“แต่พอนานวันเข้า ปัญหาที่สั่งสมก็เริ่มหนักขึ้น จนเราได้รู้ตัวการของปัญหา นั่นคือผมออกกำลังกายหนัก ทำงานหนัก พูดง่ายๆ คือใช้ร่างกายหนักมาตลอด แต่ผมไม่ให้ความสำคัญกับการยืดตัวเลย พูดในภาษาวิทยาศาสตร์การกีฬา คือเรามีแต่ Strength คือใช้กำลังอย่างเดียว แต่อีกด้านหนึ่งคือ Stretch หรือการยืดน้อยมาก สุดท้ายพอรู้ว่าศาสตร์โยคะสามารถช่วยได้ ก็ตัดสินใจเข้ามาเรียนทันที”
ครูรอนเล่าต่อว่า วันแรกที่เริ่มเรียน ถือเป็นการตัดริบบิ้นแห่งความหฤโหด เพราะเจ้าตัวไม่เคยเรียนรู้การยืดหยุ่นอวัยวะใดๆ ในร่างกายมาก่อน เปรียบเปรยคงไม่ต่างจากไม้กระดานแข็งๆ ที่จู่ๆ ก็มาถูกค้อนทุบให้น่วม แต่โชคดีที่ใจสู้ และมองโลกในแง่ดี จากวันยากๆ ในช่วงแรก ต่อมาจึงคลี่คลายและเริ่มมีพัฒนาการในที่สุด
“ผมจำไดอะล็อกที่ครูสอนได้แม่น หน้าท้องติดต้นขา หน้าอกใกล้เข่า หน้าแตะลงพื้น ไดอะล็อกพวกนี้ครูจะพูดเป็นประจำ แรกๆ มันยากมาก แต่ละอย่างที่ครูให้ทำ ผมทำไม่ได้เลย (หัวเราะ) แต่ผมก็เชื่อว่า เมื่อครูพูด แสดงว่ามันต้องทำได้ แล้วเราก็เห็นคนรอบๆ ตัว เขาทำได้ เลยบอกกับตัวเองว่า สักวันหนึ่งเราก็ต้องทำได้”
2 เดือนผ่านไม่ขาดไม่เกิน จากท่ายาก ชนิดที่ร้องโอดโอยเมื่อต้องบิดฝืนกล้ามเนื้อ ก็กลับกลายเป็นการผ่อนคลายแบบชิลล์ๆ มากไปกว่านั้น ปัญหาเรื่องความเจ็บปวดตามร่างกายที่เคยเกิดขึ้น ก็ค่อยๆ มลายหายไปอย่างอัศจรรย์
“อาการปวดเมื่อยทุกอย่าง มันดีขึ้นครับ เรายังเล่นฟิตเนสเหมือนเดิม แต่มีความรู้สึกว่า กล้ามเนื้อเรามีประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อก่อนเราตัวใหญ่ แต่ไม่แข็งแรง เหมือนใหญ่แต่กลวง ทำอะไรก็ปวดเมื่อยง่าย เพราะไม่มีความยืดหยุ่นเลย จนเรามาเจอข้อสรุปว่า ต้องออกกำลังกายแบบกลมๆ คือให้ความแข็งแรงและความยืดหยุ่นมาในสัดส่วนที่เท่าๆ กัน”
เมื่อกากบาทขีดฆ่าตัวปัญหาไปได้ เจ้าตัวมีความตั้งใจที่อยากจะส่งต่อความรู้เหล่านี้ โดยการสมัครเป็นครูสอนโยคะอย่างเป็นเรื่องเป็นราว แรกเริ่มไม่ใช่งานง่าย ต้องผ่านการคัดเลือกด้วยโจทย์ท้าทาย คือการนำสอนโยคะกับคุณครู (ที่ตัวเองเคยเรียนด้วย) กว่า 50 ท่าน จนในที่สุดก็ผ่านหลักสูตร ก้าวขึ้นเป็นคุณครู ควงเสื่อและอุปกรณ์ต่างๆ ตระเวนสอนโยคะในนาม ‘ครูรอน’
“สิ่งหนึ่งที่พอเริ่มมาเป็นครูแล้วผมชอบคือ เวลาที่เห็นคนเข้าคลาส แล้วเขาฝึกอยู่กับเรามาเรื่อยๆ เราเห็นการเปลี่ยนแปลงของเขา สุขภาพเขาดีขึ้น มันเหมือนเป็นกำลังใจให้กับเรา เขาทำให้เรารู้สึกว่า เรามีค่า (ยิ้ม) ลองคิดดูสิครับ เราเริ่มมาจากติดลบ ทำไม่ได้เลย แล้วจากนั้น เราก็ค่อยๆ ทำได้ พอสิ่งที่ทำเริ่มมีประโยชน์กับตัวเรา วันหนึ่งเราก็นำสิ่งเหล่านั้นไปช่วยเหลือคนอื่นต่ออีกที แถมยังเป็นอีกหนึ่งช่องทางอาชีพของเราอีกด้วย สำหรับผม มันเติมเต็มไปหมด ไม่ใช่แค่เรื่องสุขภาพ แต่มันเติมเต็มชีวิตเราไปด้วย”
ความฝันสถานีต่อไปของครูรอน คือก้าวไปเป็นครูสอนโยคะด้วยภาษาอังกฤษ ถึงตอนนี้ เจ้าตัวกำลังฝึกฝนร่ำเรียนภาษาอังกฤษอย่างจริงจัง เพื่อเปิดโอกาสและท้าทายตัวเองด้วยโจทย์ใหม่ๆ ส่วนใครที่อยากเจอครูรอน แอบโฆษณาให้เล็กน้อยว่า ไปเช็กตารางการเรียนการสอนได้ที่ ‘โยคะแอนด์มี’ รับรองว่าได้ยืดแข้งยืดขากับครูรอนแน่นอน
“นอกเหนือจากการมีสุขภาพดี โยคะทำให้เราได้เป็นครู เมื่อก่อนคนเรียกเราแค่ รอนๆ แต่วันนี้เป็นอีกบริบทหนึ่ง คือได้เป็นครูรอน (ยิ้ม) ดีใจครับ ที่เราพิสูจน์ตัวเอง ไม่ยอมแพ้ ไม่จมอยู่กับความยาก ซึ่งผมเชื่อว่าทุกคนทำได้แบบผม”
หากจะให้พูดอะไรกับ ‘เสื่อ’ ที่เปรียบเสมือนเป็น ‘อาวุธรัก’ ที่ใช้ทั้งหารายได้ รวมทั้งสร้างตัวตนความเป็นครูให้กับเขา ชายหนุ่มหล่นประโยคทิ้งท้ายว่า
“คงขอบคุณเขาครับ ขอบคุณที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราพัฒนา ถ้าเกิดไม่มีอุปกรณ์เหล่านี้ อาจทำให้เราพัฒนาช้าก็ได้ ปกติเวลาจบคลาสการเล่นโยคะ เรามักจะขอบคุณสิ่งต่างๆ เช่น ขอบคุณอุปกรณ์ ขอบคุณตัวเราเอง ขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้เรามาถึงวันนี้ ในศาสตร์ของโยคะเขาจะมีประโยคพูดประโยคหนึ่ง
“ถ้าวันหนึ่งคุณรู้จักที่จะเคารพนบนอบกับอะไรก็ตาม สิ่งเหล่านั้นก็จะให้ความเคารพเรากลับมาเหมือนกัน”