ฟ้าใส…ใจไหว
เ รื่ อ ง : C a p t a i n T h o r
ถ้าไม่โรแมนติกจนเกินเหตุ กล้าเอาความจริงมายันกัน ณ บรรทัดนี้เลยก็ได้ครับ…โยนคำถามใส่ผู้ชาย 100 คน รับรองว่าต้องมีหยิบติดเกิน 90 เชียวละ ตอบว่าชอบผู้หญิงผมยาวมากกว่าผู้หญิงผมสั้น – แต่บังเอิญวันนี้ผมดันเกิดอยากเป็น 10 หน่อในกลุ่มน้อยนิดนั่น แล้วคุณล่ะ? ‘ฟ้าใส – ปวีณสุดา ดรูอิ้น’ อย่าบอกนะครับว่าคุณไม่รู้จัก…ไม่รักเธอ หลังก้าวลงจากเวทีประกวด Miss Universe 2019 ที่ผ่านมา ผู้ชายทุกคนเกิดอาการตกหลุมรักนางงามเลือดผสมไทย-แคนาเดี้ยนคนนี้เข้าจังเบอร์ เธอเป็นหญิงสาวเอเชียเพียงคนเดียวที่ผ่านเข้ารอบ 1 ใน 5 คนสุดท้ายบนเวทีประกวดนางงามจักรวาลเมื่อล่าสุด
ความสวยจึงไม่ใช่ประเด็นที่เราต้องพูดพล่าม แต่ความฉลาดและเป็นที่รักของคนไทยทั้งประเทศนี่สิ ต่อให้ผมทำหนังสือด่วนพิเศษถึงท่าน บอ.กอ. เรื่องขอเพิ่มหน้ากระดาษก็คงบรรยายถึงเธอคนนี้ได้ไม่หมด
วันนี้ GM จับฟ้าใสเปลี่ยนลุคจากหญิงสาวผมยาว ใส่แว่นสายตา มาเป็นสาวผมสั้นลุคทอมบอย ทำให้ไพล่นึกถึง ฮิลารี แอน สแวงค์ ตอนได้รับรางวัลออสการ์จากหนังเรื่อง Boys Don’t Cry
ไม่เอาน่ะ…วันนี้จะไม่มีเด็กผู้ชายคนไหนร้องไห้โยเยให้เห็น เพราะเรามีคนสวยระดับจักรวาล ที่ต่อให้เธอมาในลุคผมยาวหรือผมสั้น ก็ยังคงเขย่าหัวใจชายหนุ่มให้รู้สึกหวั่นไหว
ขออนุญาตออกนอกเรื่องนิดหนึ่งครับ ในระหว่างการพูดคุยอย่างเป็นกันเอง ฟ้าใสทำเอาจังหวะหัวใจผมเต้นระรัวไม่เป็นส่ำ ที่ยังมีเรี่ยวมีแรงมานั่งเขียนบันทึก ‘Woman We Love’ ให้หนุ่มๆ GM อ่านอยู่นี่ ก็ว่ามาเหนือจักรวาลมากแล้ว
แม้เติบโตมาในสังคมฝรั่ง (ฟ้าใสเกิดและโต เรียนหนังสืออยู่ที่เมืองไทยถึงแค่ประถมฯ 2) แต่หญิงสาวได้รับการเลี้ยงดูและอบรมมาแบบหญิงไทยแท้ โดยมีคุณแม่คอยประคบประหงม หวงลูกสาวคนสวยแบบไข่ในหินยังไงยังงั้น
มีเรื่องให้พวกเราเฮดัง จนวันนี้…อายุอานามของหญิงสาวล่วง 26 ปีผ่าน ฟ้าใสยังไม่เคยมีแฟนคร้าบ…บบบ
“ยืนยันค่ะ ว่าไม่เคยมี ก็…(จู่ๆ เธอก็นิ่ง หยุดสนทนากับผมไป 5 วินาทีได้) แต่ถ้าสมมุติมีคนเข้ามาคุยแล้วคลิกกัน เวลาทำอะไรแล้วสามารถเจอกันครึ่งทาง ไม่ใช่ให้หนูไปทางเขาอย่างเดียว ซึ่งหนูก็ไม่มีทางบังคับให้เขามาทางหนูฝ่ายเดียวเหมือนกัน สักวันมันต้องเจอคนที่คุยอะไรเหมือนๆ กัน ถึงวันนั้นค่อยเปิดใจค่ะ”
เอ้า…อย่าใจร้อนวิ่งแซงกันสิครับ บัตรคิวใบแรกเผลอติดอยู่ในมือผมเองแหละ
นางงามต้องรักเด็ก ฟังดูเป็นมายาคติ แต่มันเป็นจริงตามนั้นครับ หญิงสาวเคยทำโครงการชื่อ ‘Able’ ช่วยเหลือเด็กพิเศษ
“เริ่มมาจากหนูเรียนหนังสือที่แคนาดา ด้านวิทยาศาสตร์การเคลื่อนไหว และเคยเป็นอาสาสมัครในโครงการที่มีชื่อยาวนิดหนึ่งนะคะ Adapted Physical Activity for Kids with a Disability ประมาณว่าเราจะปรับกฎ กติกา อุปกรณ์ ของการขยับเคลื่อนร่างกายให้เหมาะกับ Disability หรือความพิการของเด็กๆ ได้อย่างไร
“เช่น เด็กพิการคนไหนชอบบาสเกตบอล แต่เขาอยู่ในวีลแชร์ ก็เปลี่ยนมาเป็นวีลแชร์บาสเกตบอล หรือเด็กคนไหนที่ตาบอด แล้วเขาอยากจะเล่นเกม ก็จะเป็นโกลบอล ปิดตาแล้วฟังเสียงลูกบอลที่มีกระดิ่งอยู่ ตอนนั้นหนูรู้สึกชอบโครงการนี้มาก เพราะมันสามารถเสริมและเพิ่มความมั่นใจให้กับเด็ก จากเด็กที่ไม่กล้าเลือกอะไร รอคนอื่นเลือกให้ ไม่กล้าทดลองลองเล่นอะไรเลย เพราะกลัวว่าคนอื่นจะไม่เล่นกับเขา หรือกลัวว่าเขาจะไม่สามารถเล่นได้
“โอเค หนูอยากจะเล่นแบบนี้ใช่ไหม ไปเล่นกัน สิ่งที่พบคือเด็กๆ กล้าที่จะชู้ตลูกบาสมากขึ้น เปิดโอกาสให้เด็กทุกคนสามารถทำอะไรเหมือนกันได้ ถึงแม้ว่าเขาจะพิการ เพียงแค่เราให้โอกาสและสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมกับเขา ซึ่งหนูนำไอเดียนี้มาที่ไทย เพราะเท่าที่สังเกตที่นี่ยังไม่มีโครงการคล้ายๆ แบบนี้ จึงทำภายใต้โครงการที่ชื่อว่า Able
“หนึ่ง มันเป็นอะไรที่ง่ายกว่า…Adapted Physical Activity for Kids with a Disability นะคะ และหลายคนคิดว่าคนพิการคือ Disable คือคิดว่าเขาไม่สามารถจะทำอะไรได้ แต่หนูอยากเปลี่ยนความคิดว่า เขา Able ที่จะทำ เพียงแค่ให้โอกาสเขาแค่นั้น
“เมืองไทยกับแคนาดาไม่เหมือนกันตรงที่เด็กพิการที่นี่เหมือนเขารวมๆ กันแบบหลากหลาย แต่ที่นั่นเขาจะแบ่งเป็นความพิการแต่ละประเภท แต่ละดีกรีของ Disability ที่ไทยเลยยากกับการที่คนคนหนึ่งจะเข้าไปทำกิจกรรมอะไรสักอย่างเพื่อเด็ก อย่างเด็กกลุ่มหนึ่งมี 200 คน และมีความพิการที่หลากหลาย จึงยากที่หนูจะเข้าไปดูแลได้อย่างทั่วถึง ดีกรีของ Disability แต่ละคนมีไม่เท่ากัน ถ้าให้เล่นกีฬาอะไรที่ยากก็อาจจะทำไม่ได้ทุกคน
“คำว่า Able ในที่นี้ จึงหมายถึงเราให้โอกาสเขาสามารถทำอะไรก็ได้เหมือนกับเด็กปกติ อย่างเช่น กลุ่มนี้อยากไปคอนเสิร์ต แต่เขาไปไม่ได้เพราะติดขัดในเรื่องการเดินทาง เราก็จัดให้นักร้องไปร้องเพลงให้กับน้องถึงสถานที่ หรือสมมุติถ้าน้องอยากวาดภาพ เราก็เอาอุปกรณ์ไปวาดภาพกับน้อง มีวันหนึ่งหนูมีโอกาสได้ไปแข่งวิ่งวีลแชร์ มีทั้งน้องที่พิการแขน ขา หนูนั่งแล้ววีลแชร์ไปกับเขา เลยได้รู้ว่ายากมาก แต่สนุกเพราะได้เล่นกับน้องๆ”
หลังครองตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ฟ้าใสยังคงอาสาและสานต่อทำโครงการเพื่อเด็กไทยแบบต่อเนื่อง กับโครงการชื่อ ‘We are One’ ขยายกลุ่มเป็นเด็กที่ด้อยโอกาส ไม่ว่าจะเป็นเด็กบนดอย เด็กที่อยู่ในชุมชนแออัด หรือว่าเด็กพิการ คือขยายวงการทำงานให้กว้างขึ้น ใหญ่ขึ้น และไม่ได้เจาะจงเฉพาะเรื่องกีฬา
“เพราะตอนเด็กตัวหนูเป็นคนที่เข้ากลุ่มกับเพื่อนยาก เนื่องจากย้ายโรงเรียนจากเมืองไทยไปแคนาดาตอนจบ ป.2 ด้วยอุปสรรคของกำแพงภาษา ตอนหนูไปอยู่แคนาดาใหม่ๆ จึงไม่ได้เข้ากลุ่มเพื่อนในช่วงเวลาเรียน แต่หลังเลิกเรียนเขาจะมีกิจกรรม เช่น กีฬา ดนตรี หรือศิลปะ ที่หนูไม่จำเป็นต้องใช้ภาษาเดียวกัน แต่สามารถทำกิจกรรมเดียวกันได้ มันช่วยให้สามารถเข้ากลุ่มได้ หนูเลยเอาความทรงจำดีๆ นี้มาขยาย แทนที่จะเจาะจงแต่กีฬา ก็จะมีศิลปะ ดนตรี เข้ามาเสริม
หลังจากนี้เราคงได้เห็นหน้าค่าตาฟ้าใสในวงการบันเทิงมากยิ่งขึ้น ส่วนในเรื่องการประกวดนางงาม เธอพร้อมจะถ่ายทอดและบอกเล่าประสบการณ์ บนเวทีระดับนานาชาติให้กับรุ่นน้องฟัง จุดมุ่งหมายเพื่อพิชิตมงสามต่อจากป้าปุ๊กและพี่ปุ๋ย 2 นางงามจักรวาลในตำนานของไทยเราให้จงได้
แน่นอน, คนสวยยังต้องมีผู้สืบทอด เอ้าๆๆ อย่าแซงคิวกันครับ ไอ้น้อง…ทำเป็นใจร้อนไปน่า
#GMlive #MissUniverseThailand2019 #MissUniverse #นางงาม #ฟ้าใส #ปวีณสุดาดรูอิ้น