คุณมี ‘อาวุธรัก’ บ้างไหม? ชนกันต์ รัตนอุดม
เรื่อง : สันทัด โพธิสา ภาพ : อนุวัตน์ เดชธำรงวัฒน์
ช้าก่อนครับ…อย่าเพิ่งก้มลงมองเบื้องล่างอย่างนั้น มันก็ไม่ผิดอะไรหรอก ที่จะมองอาวุธสุดเลิฟชิ้นนั้น ทว่าอาวุธรักสำหรับผู้ชายในที่นี้ เรากำลังหมายถึง เครื่องไม้เครื่องมือที่ผู้ชายใช้มันในการประกอบอาชีพ พัฒนาตนเองสู่ความสำเร็จที่มุ่งหวังเคลียร์นะครับ,และเอาเป็นว่า GM ขอชวนคุณมาเปิดคลับเล็กๆ ที่เราเชื้อเชิญหนุ่มๆ ที่มีความน่าสนใจ โดยเฉพาะอาชีพของพวกเขาที่ต้องมี ‘อาวุธรัก’แน่นอน, พวกเขาใช้มันทำมาหากิน ประการที่สำคัญกว่านั้น แม้มันจะไม่มีชีวิตจิตใจ ไม่เคยเปล่งเสียงวาจาใดๆ ออกมาให้เป็นเรื่องหลอนๆ ทว่า ‘อาวุธรัก’ ก็ได้สอนอะไรต่อมิอะไรให้กับหนุ่มๆ เหล่านี้ มากมายหลายอย่างเชียวละครับ…
อาวุธรักในซีเมเจอร์
4 ปีเศษ นับตั้งแต่ออกอัลบั้มชุดแรก Cyantist ผู้คนทำความรู้จักกับเขาจากบทเพลงรักชิลล์ๆ เท่ๆ อาทิ Please, ทางของฝุ่น หรือ อ้าว ทว่าอีกภาพหนึ่งที่หลายคนจดจำ อะตอม-ชนกันต์ รัตนอุดม นั่นคือ ศิลปินหนุ่มที่ต้องมีกีตาร์ติดตัวข้างกาย ประหนึ่งอาวุธคู่ใจที่พร้อมพาออกท่องทั่วยุทธจักรแห่งเสียงดนตรี
“ผมมีกีตาร์ไม่เยอะ กีตาร์โปร่ง 2 ตัว กีตาร์ไฟฟ้าอีก 1 ตัว สาเหตุที่มีไม่เยอะ เพราะเป็นคนไม่ชอบสะสมของ อีกอย่างคือ เราเจอกีตาร์ตัวที่ใช่ ถ้าไม่เจ๊งกันไปข้างหนึ่ง คิดว่าคงใช้ไปเรื่อยๆ”
ศิลปินหนุ่มบอกเล่าอย่างนั้น ปัจจุบันกีตาร์ที่อะตอมใช้เป็นประจำคือกีตาร์โปร่ง Taylor รุ่น 312 สนนราคา 30,000 กว่าบาท เจ้าตัวใช้มาหลายปีดีดัก ผ่านสมรภูมิดนตรีมาไม่น้อย เรียกว่าเป็นอาวุธรักของแท้และแน่นอน
“จำได้ว่าไปซื้อที่ห้างเซ็นทรัล ลาดพร้าว วันนั้นไปกับพี่บอล วงอพาร์ตเมนต์คุณป้า ซึ่งเป็นโปรดิวเซอร์คู่ใจ พอเข้าไปในร้านปุ๊บ พี่บอลชี้ไปที่กีตาร์ตัวหนึ่ง ตัวละแสนกว่าบาท โอ้โฮ! ถึงกับชะงัก (หัวเราะ) แต่สุดท้ายมาได้ตัวนี้ เพราะผมมีหลักในการเลือกกีตาร์คือ ต้องทดลองเล่น
“เมื่อก่อนผมก็เป็นเหมือนกับหลายคน ชอบถามคนนั้นคนนี้ ตัวนี้ดีไหม ตัวนั้นดีไหม เขาก็ตอบไม่ได้หรอก ต้องถามตัวเราเองว่าชอบอะไร แล้วถ้าคุณรู้สึกว่าชอบกีตาร์ตัวนี้ ต่อให้ใครมาบอกว่าเสียงไม่ดี คุณก็ไม่สนหรอก มันอยู่ที่ความรู้สึก เหมือนกับรถยนต์ เราไม่ได้เลือกที่ดีที่สุด แต่เราเลือกที่เหมาะกับตัวเองที่สุดมากกว่า”
กีตาร์…คืออาวุธ 6 สายของชายหนุ่มในวันนี้ แต่หากนั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลากลับไป วันแรกที่ทำความรู้จักอาวุธรักชิ้นนี้ เขาบอกว่า สบตากันมาตั้งแต่ 5-6 ขวบ
“คุณพ่อผมเป็นคนชอบเล่นกีตาร์ ที่บ้านจะมีกีตาร์ตั้งอยู่เสมอ เราจะเห็นคุณพ่อเล่นตอนสังสรรค์ บางทีเราก็แอบไปเอามือแตะๆ สายเล่นดูบ้าง ตอนนั้นยังเด็กมาก รู้สึกจะช่วงอนุบาล จนประมาณ ป.5 ได้เริ่มเล่นเป็นครั้งแรก เกิดจากเห็นเพื่อนในห้องเล่นกีตาร์เพลงพูดไม่ค่อยเก่ง ของวงเอบีนอร์มัล เพื่อนเล่นแต่คอร์ด A ทั้งเพลง แต่เรารู้สึกว่ามันเท่มาก
“ขึ้นรถกลับบ้านวันนั้น ก็คุยกับพ่อแม่ในรถ อยากเล่นกีตาร์ เขาก็ไม่ห้าม ไม่อะไรเลย พ่อแม่สนับสนุน พาไปสมัครเรียน แรกๆ ก็ไปเรียนสัปดาห์ละชั่วโมง ทุกวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ แต่เรียนได้อยู่พักหนึ่ง ด้วยความที่ยังเด็ก สิ่งล่อตาล่อใจมันเยอะ มีเรื่องที่สนุกกว่าอย่างเกมเข้ามาพัวพันในชีวิต ผมก็เลยหยุดพักกีตาร์ ไปเล่นเกมแทน (หัวเราะ)
“แต่พักไปไม่นาน ทีนี้เรามาหัดเล่นเอง เอากีตาร์พ่อที่บ้านนี่แหละหัดเล่น ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ผมจะอยู่กับหนังสือเพลงเยอะ ก็หัดเล่นจากการเปิดหนังสือเพลง พอเริ่มเล่นได้ ประกอบกับเรามีความสนใจด้วย ทีนี้มันไปเร็วแบบก้าวกระโดด ภายในปีเดียว จากคนเล่นกีตาร์ไม่เป็นกลายเป็นคนเล่นกีตาร์ได้ มันเป็นความรู้สึกดีเวลาอยู่กับเพื่อนๆ เวลาที่เราได้สนุกกับการเล่นกีตาร์”
จากวันนั้น กีตาร์ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตอะตอมมาตลอด จากกีตาร์โปร่งของคุณพ่อ ขยับมาทำความรู้จักมักจี่กับกีตาร์ไฟฟ้าประเภทเสียบแอมพลิฟายด์ได้เริ่มตั้งวงดนตรี ได้ทะเลาะกันในวงดนตรี ได้มีการแยกย้ายสมาชิกในวงดนตรี ผันผ่านความดีงามและความวุ่นวายมาพอตัว จนก้าวเข้าสู่การเรียนระดับชั้นมหาวิทยาลัย เจ้าตัวก็ตัดสินใจเลือกเดินทางด้านดนตรีเต็มตัว
“หลังจากเข้ามหาวิทยาลัย ผมเริ่มแต่งเพลงเอง จริงๆ หัดแต่งเพลงครั้งแรกคือตอนประถมฯ เป็นเพลงแปลง มีเมโลดี้อยู่แล้ว เราแค่ใส่เนื้อยัดให้คล้องจองอย่างเดียว แรกๆ ที่เริ่มมันจะมีความเพ้อเจ้อแบบเด็กๆ เล่าเรื่องเรื่อยเปื่อย ไม่สรุปประเด็นอะไร กว่าจะเจอจุดที่ลงตัวก็ผ่านไปสักพัก
“อาศัยฟังเพลงเยอะ ฟังจนรู้เองว่า ท่อนแรกจะยาวได้ประมาณนี้นะ ถ้าพูดเยอะกว่านี้ไม่ค่อยเพราะแล้ว ส่วนท่อนฮุคก็ต้องสรุปใจความสำคัญ ต้องแรง ต้องรู้สึกที่สุด ผมเชื่อว่าการแต่งเพลงเป็นการรับเอาสิ่งที่เราชอบฟัง สิ่งที่เราสนใจเข้าไป จากนั้นประมวลมันออกมาเป็นมวลรวมของสิ่งที่เรารับรู้มานั่นเอง”
หลังจากมีเพลงที่แต่งเอง พออายุได้ 19 ปี อะตอมส่งเดโมเพลงที่แต่งด้วยกีตาร์ตัวเดียวไปยังค่ายเพลงหลายแห่ง กระทั่งได้เข้าสู่การเป็นศิลปินภายใต้สังกัดแกรมมี่ และได้ออกอัลบั้ม Cyantist พร้อมกับประทับตราภาพศิลปินที่หนีบกีตาร์คู่กายไปทุกหนทุกแห่ง
“ผมเรียกตัวเองว่าเป็นซองไรเตอร์ (Songwriter) ที่ถือกีตาร์โปร่ง แต่หลังๆ พอเริ่มเติบโตขึ้น จากแต่ก่อนที่ถือกีตาร์ทั้งโชว์ ก็เปลี่ยนมาถือไมค์ร้องเพลงบ้าง สาเหตุเพื่อความคล่องตัวในการเอนเตอร์เทนคนดู แต่ถามว่าจะมีวันที่ไม่ถือกีตาร์เลยไหม คิดว่าน่าจะยากครับ เพราะสุดท้ายผมเติบโตมากับเครื่องดนตรีชิ้นนี้”
พูดถึงโชว์ อะตอมกำลังจะมีคอนเสิร์ตใหญ่ที่ชื่อ House of Hearts กำหนดการแสดง 25 เมษายนนี้ ที่อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 5 แฟนเพลงที่ติดตามกันมาไม่ควรพลาด
“งานนี้คือบ้านที่จะชวนทุกคนเข้ามาอยู่ด้วยกัน คนที่ใจเราเหมือนกัน ซึ่งคนที่ฟังเพลงผม ผมเชื่อว่าเขาต้องเป็นคนคล้ายๆ กับเรา ไม่งั้นเขาคงไม่เข้าใจ ถ้าเขาไม่เข้าใจ ก็คงไม่ชอบ ผมก็อยากรวมทุกคนเหล่านี้มาอยู่ด้วยกัน เลยมีชื่อคอนเสิร์ตว่า House of Hearts
“ส่วนแขกรับเชิญ มี แต่จะไม่เปิดเผย ไม่เปิดจริงๆ (หัวเราะ) เพราะเราไม่ได้เชิญ Guest มาช่วยขายบัตร แขกรับเชิญของผมคือคนที่เรารัก นี่เป็นคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกของผม อยากให้เขามาแจมด้วยความสนุก ความจริงหลายคนอาจจะเคยเห็นผมในคอนเสิร์ตใหญ่มาบ้าง แต่ว่าคอนเสิร์ตครั้งนี้ จะเป็นอะตอมด้านที่คนไม่เคยเห็น รับรองสนุกแน่นอน และเราจะได้รู้จักกันมากขึ้นครับ”
ศิลปินหนุ่มตอบพร้อมรอยยิ้ม เป็นยิ้มที่การันตีความสนุกอย่างที่เขาว่า แน่นอน, ใครยังไม่มีบัตรก็เตรียมซื้อ ส่วนใครที่มีบัตรก็เตรียมไปสนุกร่วมกัน ที่สำคัญ อย่าลืมไปชมการเล่นกีตาร์ที่เป็นอาวุธคู่ใจของเขาด้วย
“ถ้าจะให้พูดอะไรกับกีตาร์ คงขอบคุณที่ช่วยสร้างงานสร้างเงินให้กับผม (หัวเราะ) แล้วก็อย่าเพิ่งรีบเป็นอะไรไป โดยเฉพาะตัวที่ใช้อยู่ปัจจุบัน อยู่ด้วยกันไปนานๆ นะ”
‘ขึ้นชื่อว่าอาวุธคู่ใจ ถ้ามันใช่ ไม่ต้องมีเยอะ’ อะตอมไม่ได้กล่าวไว้ แต่ถึงตรงนี้
ใครที่ยังไม่มีอาวุธที่รัก คุณควรจะรีบมองหาเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับตัวเองบ้างแล้วละ