หนึ่งศตวรรษผันผ่าน กับการปรับตัวของ ‘ราชวงศ์วินด์เซอร์’ ข้ามยุคสมัย
ในเวลานี้ เป็นอีกครั้ง ที่อังกฤษ ได้เผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงสำคัญ จากการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 ผู้จากไปอย่างกะทันหัน และการ ‘ผลัดแผ่นดิน’ สู่ยุคของ พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 กับการปรับพระอิศริยยศของลำดับเชื้อพระวงศ์ ได้ถูกดำเนินการตาม ‘ปฏิบัติการณ์’ ที่มีการวางเอาไว้อย่างล่วงหน้า
การสถาปนา การถวายความจงรักภักดี และการพระราชทานคำมั่นขององค์กษัตริย์ใหม่ ดำเนินไปอย่างเรียบง่าย เพื่อให้ทุกสิ่งกลับสู่สภาวะปกติให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะสามารถ
หากแต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่ ‘ราชวงศ์วินด์เซอร์’ ในรัชสมัยของสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 ที่ยาวนานกว่าเจ็ดสิบปี พระชนมายุเก้าสิบหกพรรษาได้พบเจอ ด้วยปฏิทินที่เดินมาอย่างยาวนานกว่าหนึ่งศตวรรษ ฝ่านาวาแห่งความเปลี่ยนแปลงของศตวรรษที่ 20 ข้ามผ่านมายังศตวรรษที่ 21 เราต่างรู้ดีว่า มันรุนแรง โหมกระหน่ำ และถาโถมมากมายเพียงใด
แม้กระทั่งต้นกำเนิดของ ‘ราชวงศ์วืนด์เซอร์’ ก็ยังมีที่มาจากความพยายามที่จะ ‘ปรับตัว’ เพื่อรักษาตำแหน่งแห่งที่ และยืนหยัดให้ได้ภายใต้ความเปลี่ยนผ่านเหล่านั้น
จากหน่อเนื้อเชื้อไขที่มีสายเลือดแห่งเยอรมัน ราชวงศ์ทิวดอร์ ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 เผชิญหน้าความท้าทายครั้งสำคัญในรัชสมัยของพระเจ้าจอร์จที่ 5 ที่ทรงยอม ‘กรีดเลือด’ ตัดสัมพันธ์พระญาติจากฟากฝั่งเยอรมันและรัสเซีย เพื่อรักษาฐานมวลชน เปลี่ยนชื่อมาสู่ ‘วินด์เซอร์’ เพื่อไม่ให้บัลลังก์แตก และแผ่นดินต้องแยกเป็นเสี่ยงๆ
และนั่นทำให้ ‘วินด์เซอร์’ กับ ‘ความเปลี่ยนแปลง’ คือสิ่งที่อยู่คู่กันเสมอมา…
การเสด็จสวรรคตของพระเจ้าจอร์จที่ 5 และการสละราชสมบัติของเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด ที่เป็นดั่งการเริ่มต้น และทำให้ ‘อลิซาเบธ อเล็กซานดรา แมรี’ ที่ไม่ได้มีแนวโน้มจะอยู่ในลำดับแห่งการสืบราชสมบัติ ต้องขึ้นสวมมงกุฎ รับยศ ‘พระราชินีนาถ’ ท่ามกลางวิกฤติศรัทธาต่อราชวงศ์ของประชาชน ปัญหาเศรษฐกิจ สงครามโลกครั้งที่ 2 และเสียงครหาถึงความสัมพันธ์กับเยอรมนี ในยุคที่นาซีกำลังเรืองอำนาจ
ถ้ามองด้วยเลนส์ของคนธรรมดาอย่างเป็นธรรม หญิงสาวอายุยี่สิบกว่า เพิ่งแต่งงาน และมีประสบการณ์ชีวิตที่ไม่มากนัก แต่ต้องรับภาระอันใหญ่หลวง ของบัลลังก์แห่งชาติที่เป็นมหาอำนาจของโลกและเครือจักรภพในเวลานั้น มันคือความอึดอัด คับข้องใจ
แต่มันก็คือเรื่องที่ต้องดำเนินไป และต้องยอมรับมันให้ได้…
รัชสมัยของสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 ถือได้ว่ายาวนานที่สุด แต่มันก็ท้าทายที่สุดในตลอดระยะเวลาเจ็ดสิบปี ปัญหาเศรษฐกิจข้าวยากหมากแพงหลังสงครามโลก, การวางตำแหน่งแห่งที่ของประเทศในช่วงสงครามเย็น, การเป็นที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน และการยืนหยัดเพื่อรักษาหลักการ ท่ามกลางคำถามที่เกิดขึ้นอย่างมากมายในหัวใจ ต่อทางเลือก ต่อผลลัพธ์
ในขณะเดียวกัน บทบาทและอำนาจของราชวงศ์ในโลกสมัยใหม่ ก็ค่อยๆ ถูกลดทอนลง เหล่าเชื้อพระวงศ์ที่นำมาเรื่องปวดหัวมาไม่จบสิ้น การเสกสมรสของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์กับไดอาน่าแห่งเวลส์ที่ตามมาด้วยการหย่าร้าง ปัญหาของคู่สมรสของลูกหลานที่กลายเป็นเรื่องกอสซิปตามหน้าแทบลอยด์ จนถึงเหล่าศิลปินดนตรีสายพังค์ที่พร้อมจะปล่อยเพลงที่กราดด่าราชวงศ์ หรือเจาะจงไปที่องค์พระราชินี อย่างเปิดเผย
(วง Sex Pistols กับเพลง God Saves the Queen ที่เดบิวท์อย่างโหด บนเรือกลางน้ำในวาระฉลองศิริราชสมบัติเมื่อหลายสิบปีก่อน ทำให้วิทยุ BBC ถึงกับขยาดไม่กล้าเปิดเพลงไปเป็นระยะเวลาหนึ่งเลยทีเดียว…)
มันคือโลกยุคใหม่ มันคือความน่าหวาดหวั่น มันคือสิ่งที่น่ากลัว แต่ราชวงศ์วินด์เซอร์ก็ต้อง ‘ปรับตัว’ เพราะค่าที่ว่า ‘สถาบัน’ จะต้องยืนหยัดให้ได้ และยืนได้อย่างสง่างามไม่เป็นที่ครหา มันสำคัญอย่างยิ่ง
มาในเวลานี้ ศตวรรษที่ 21 ระบอบเชื้อพระวงศ์ในประเทศต่างๆ ทั่วยุโรปต่างลดบทบาทลงเหลือเพียงแค่สถานะ ‘สัญลักษณ์’ และต้องปรับตัว ทั้งการดำรงอยู่ รายได้ จนถึงการวางตัวเพื่อให้ประชาชนยอมรับ ทั้งต่อหลักการ และภาพที่ปรากฏ
แน่นอนว่า ปัญหาเหล่านี้ สำหรับสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 คงจะไม่ใช่สิ่งที่ต้องกังวลพระทัยอีก มันคือภาระของผู้ที่อยู่ข้างหลัง มันคือความท้าทายที่คนรุ่นถัดไปต้องทำให้ได้ แต่ปฏิเสธได้หรือไม่ ว่าในรอบเจ็ดสิบปี แม้จะมีคนชัง แม้จะมีคนที่ไม่เห็นด้วย แม้จะมีคนที่พร้อมประกาศว่า พอกันที กับระบอบกษัตริย์ของอังกฤษ (ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำได้ในโลกสากล มันก็แค่ความเห็นหนึ่งเท่านั้น….)
แต่เพราะการ ‘ปรับตัว’ ของราชวงศ์วินด์เซอร์ ที่เป็นดั่งเส้นเลือดที่อยู่ภายในไหลเวียน ที่ทำให้ภาพจำของผู้คน พสกนิกร และประชาชนทั่วโลก ยังเป็นภาพขององค์ราชินีนาถท่าทางใจดี สวมใส่ฉลองพระองค์สีสันสดใส แย้มพระสรวลกว้าง และมีพระอารมณ์ขันที่เป็นเอกลักษณ์
อะไรที่หย่อนเกินไป ก็ไม่ดี อะไรที่ตึงเกินไป ก็ไม่ดี และตลอดเจ็ดสิบปี พระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 ก็ทรงกระทำสิ่งที่ผู้มีเชื้อกษัตริย์ ที่จำต้องรับตำแหน่งท่ามกลางความจำเป็นจะสามารถทำได้ อย่างสุดความสามารถ อย่างถึงพร้อมแล้ว
และนั่น ก็นับว่าเพียงพอ ที่เราจะจดจำว่า ตำแหน่งแห่งที่ของระบอบกษัตริย์ที่แท้จริง ในโลกยุคปัจจุบัน มันควรจะดำเนินไปเช่นใด จากตัวอย่างง่ายๆ เช่นนี้เอง …