การส่งต่อความมั่นใจด้านสุขภาพ อาหาร และยา กับ เภสัชกรธัชพล ชลวัฒนกุล
สุขภาพร่างกายที่ดี คือสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งในการดำเนินชีวิต การพักผ่อนที่เพียงพอ การรับประทานอาหารที่สมดุล การควบคุมกิจวัตรในแต่ละวัน ทุกสิ่งต้องประกอบควบคู่กันจะขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใดไม่ได้ อย่างไรก็ตามเรื่องของ โรคภัยและความเจ็บป่วย คือเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้อย่างเป็นปกติ และถ้าไม่หนักหนาจนเกินไปแล้วละก็ ‘ร้านขายยา’ จะเป็นที่พึ่งพิงแรกของผู้ป่วยซึ่งจะเดินเข้าไปปรึกษาและซื้อหาเวชภัณฑ์เพื่อบรรเทาอาการในเบื้องต้นให้ทุเลาลง
หากแต่ความรวดเร็วในสังคม ความซับซ้อนของโรคที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงชีวิตที่เร่งรีบ ทำให้การไปร้านขายยา เริ่มเป็นสิ่งที่ห่างไกล ไม่นับรวมคำแนะนำจากเภสัชกรผู้ชำนาญการ ในการวินิจฉัยโรคประจำบ้านเบื้องต้น แทนการไปพบแพทย์ตามสถานพยาบาล ซึ่งต้องได้มาตรฐาน และถูกต้องเหมาะสม
และนั่น คือปณิธานสำคัญ ของบริษัท เฮลท์ลีด จำกัด (มหาชน) เจ้าของแบรนด์ร้านขายยา ‘iCare’, ‘Pharmax’, ‘Vitaminclub’ และ ‘Superdrug’ ที่ เภสัชกรธัชพล ชลวัฒนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ยึดถือเป็นแนวทาง และได้มาร่วมพูดคุยกับ GM Magazine ในแง่มุมต่างๆ ทั้งฟังก์ชันของร้านขายยาในปัจจุบัน ทิศทางการดำเนินงานของบริษัท และเป้าหมายเมื่อบริษัทเข้าสู่ความเป็นมหาชน
ร้านยา และบทบาทของเภสัชกร
ขึ้นชื่อว่าร้านขายยา แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของผู้คน ไม่ว่าจะในระดับใด แต่ในทางหนึ่ง ก็ชวนให้สงสัยไม่ได้ ว่าในกระบวนการทำงานของเภสัชกรในร้านขายยา แตกต่างจากการไปพบแพทย์ตามสถานพยาบาลมากน้อยแค่ไหน ซึ่งเภสัชกรธัชพลก็มีคำตอบในจุดนี้ว่า
“การปรึกษาเภสัชกรเหมาะกับโรคเบื้องต้นที่มีอาการไม่รุนแรง เป็นโรคทั่วไปที่ไม่ต้องมีการตรวจทางห้องปฏิบัติการ แต่ถ้าเป็นโรคเรื้อรัง หรือมีอาการรุนแรงแนะนำให้เริ่มจากการไปโรงพยาบาล”
แต่แม้จะเป็นการแนะนำในเบื้องต้น ความรู้ของเภสัชกรที่ต้องเท่าทันกับยุคสมัยและโรคภัยต่างๆ ก็ต้องมีมากตาม และมีความตระหนักรู้อยู่เสมอ รวมถึงการปฏิบัติตัวของผู้ที่จะไปพบเภสัชกรหรือแพทย์เองก็ตาม
“ยุคนี้เป็นยุคที่ข้อมูลข่าวสารมาเร็วและอยู่รอบตัวเยอะมาก ดังนั้นสิ่งที่ยากไม่ใช่การหาคำแนะนำการรับมือโรคภัยใหม่ๆ แต่เป็นการวิเคราะห์ให้ได้ว่า ข้อมูลที่ได้มาเชื่อถือได้หรือไม่ ซึ่งถ้าไม่แน่ใจในข้อมูลเหล่านี้แนะนำให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด”
เฮลท์ลีด กับการเป็นมากกว่า ‘ร้านขายยา’
สำหรับในส่วนของบริษัท เฮลท์ลีด จำกัด (มหาชน) ที่เภสัชกรธัชพล ชลวัฒนกุล ดำรงตำแหน่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารนั้น ได้ดำเนินกิจการมาอย่างยาวนาน ผ่านหน้าร้านขายยาทั้ง 4 แบรนด์ อย่าง iCare, Pharmax, Vitaminclub และ Super Drug ที่มีการปรับตัว และพัฒนาในส่วนขององค์ความรู้ กับบริการที่เป็นมากกว่า ‘ร้านขายยา’ มาอย่างต่อเนื่อง ด้วยผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงามอย่างหลากหลาย
“บริษัท เฮลท์ลีด จำกัด (มหาชน) นอกจากประกอบธุรกิจร้านขายยา จำหน่าย เวชภัณฑ์ เวชสำอาง ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม อุปกรณ์การแพทย์ และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพต่างๆ รวมกว่า 10,000 รายการ ผ่านร้านขายยา 4 แบรนด์ ได้แก่ “iCare” “Pharmax” “vitaminclub” และ “Super Drug”แล้ว ยังประกอบธุรกิจคิดค้น พัฒนาและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์และ นวัตกรรมเพื่อสุขภาพ ภายใต้แบรนด์ “PRIME” เป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและ “Besuto” เป็นแบรนด์ที่เกี่ยวกับการ ฆ่าเชื้อ การป้องกัน และการสลายกลิ่น”
และภายใต้ระยะเวลากว่า 30 ปีที่ดำเนินงานกับตลาดร้านขายยา ทำให้บริษัท เฮลท์ลีด จำกัด (มหาชน) มีความรอบด้าน และเข้าใจในความต้องการด้านเวชภัณฑ์อย่างครอบคลุมในทุกบริบท
“จุดแข็งของบริษัท เฮลท์ลีด จำกัด (มหาชน) คือการอยู่ในธุรกิจนี้มานานกว่า30ปี ทำให้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ค้า ทำให้ง่ายในการบริหารจัดการรายการสินค้ากว่า10,000 รายการ นอกจากนี้ยังเข้าใจความต้องการของลูกค้าในแต่ละกลุ่ม ทำให้เลือกสินค้าได้ตรงตามความต้องการ และยังมีระบบIT ที่ครอบคลุมทุกส่วนงานตั้งแต่จัดซื้อจนถึงระบบ Data Analytic ที่ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ อย่างเป็นระบบ และมีช่องทางออนไลน์สำหรับรองรับลูกค้าที่ต้องการสินค้าอื่นที่ไม่ใช่ยาอีกด้วย”
นอกจากนั้น ทางบริษัท ยังมีกิจกรรม CRM ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้า และบริษัท ในหลากหลายรูปแบบ เพื่อให้แน่ใจว่า สามารถตอบโจทย์ความต้องการ และเข้าใจถึงปัญหาได้แบบรายบุคคล
“ทางบริษัทมีระบบสมาชิก เพื่ออำนวยความสะดวกในการเก็บประวัติการใช้ยาให้ลูกค้า ซึ่งเป็นปัญหาในกลุ่มผู้สูงอายุที่ต้องใช้ยาต่อเนื่อง ทำให้ลูกค้าที่นี่ไม่ต้องจำยา สามารถตรวจสอบประวัติได้ทันที นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมพิเศษที่จัดให้ลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการบรรยายเรื่องทางการแพทย์ การสอนการเตรียมอาหารทางการแพทย์แบบต่างๆ
อีกทั้งการที่บริษัท มีเวชภัณฑ์ที่หลากหลายเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ ซึ่งปัจจุบันประชากรไทยร้อยละ 20 มีอายุมากกว่า 60 ปี ทำให้ความต้องการใช้เวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์มีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ทางบริษัทมีระบบสอนพนักงานให้เข้าใจวิธีการใช้เวชภัณฑ์แต่ละชนิด เพื่อจะได้อธิบายให้ลูกค้าได้อย่างถูกต้อง และครบถ้วน”
COVID-19 กับแนวทางการบริหารในภาวะวิกฤติ
ในรอบสองถึงสามปีที่ผ่านมา เป็นที่ทราบกันว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ได้สร้างผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของกิจการต่างๆ อย่างเห็นได้ชัด และธุรกิจร้านขายยา ก็เป็นอีกหนึ่งภาคส่วน ที่ต้องรับบทหนัก ในการให้ความเข้าใจ และรองรับความต้องการของประชาชน ทั้งการดูแลรักษา ป้องกัน จนถึงตรวจสอบ แม้ว่าภาวการณ์ระบาดจะผ่านพ้นไปแล้วก็ตาม ซึ่งทางบริษัท เฮลท์ลีด จำกัด (มหาชน) ก็ได้ผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นด้วยการเตรียมตัวอย่างครบถ้วน และครอบคลุม
“ช่วงวิกฤติ COVID-19 ร้านขายยาเป็นธุรกิจที่รัฐบาลให้เปิดได้ปกติ จึงไม่ได้รับผลกระทบในแง่ธุรกิจ กลับกันสินค้าที่จำเป็นสำหรับช่วงวิกฤติ COVID-19 ส่วนใหญ่อยู่ในร้านขายยา ทำให้จำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างมาก ที่ทางบริษัท ได้จัดกิจกรรมพิเศษให้ลูกค้าและสมาชิกเข้าร่วม มีตั้งแต่จัดอบรมความรู้เรื่องสุขภาพ, Workshopต่างๆ, กิจกรรมเลี้ยงอาหารบ้านเด็กกำพร้า เป็นต้น
แน่นอนว่า ช่วงที่เกิดการแพร่ระบาด กิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มของลูกค้าต้องหยุดลงทั้งหมด ช่วงนั้นได้เปลี่ยนรูปแบบเป็นการให้ความรู้จากสื่อในร้าน และการให้ความรู้ผ่านเภสัชกรในร้านแทน”
เฮลท์ลีด กับก้าวต่อไปที่มากกว่า ‘ร้านขายยา’
ในปัจจุบัน บริษัท เฮลท์ลีด จำกัด (มหาชน) ยังคงเดินหน้า ให้บริการด้านเวชภัณฑ์ผ่านร้านขายยาทั้งสี่แบรนด์ รวมถึงให้บริการด้านความรู้ความเข้าใจกับสมาชิกและลูกค้า ภายใต้ปณิธานที่มุ่งเน้นให้ได้มากกว่าการเป็นเพียงแค่ร้านขายยา แต่ต้องเป็นตัวแทนที่ได้รับการยอมรับจากระดับสากล
“เป้าหมายยังคงเหมือนเดิม เป้าหมายแรกตามปณิธานของบริษัท ที่ต้องการให้ร้านยาเป็นที่พึ่งของชุมชน การเป็นมหาชนช่วยให้ขยายสาขาเข้าถึงชุมชนได้ง่ายขึ้น และอีกเป้าหมายหนึ่ง คือการนำผลิตภัณฑ์นวัตกรรมของคนไทยออกสู่ต่างประเทศ ซึ่งการเป็นมหาชนก็ช่วยให้ได้รับการยอมรับจากต่างประเทศ”
และเมื่อเอ่ยถามเภสัชกรธัชพล เกี่ยวกับการวางตำแหน่งตนเอง ว่าระหว่างผู้บริหารบริษัทมหาชน กับเภสัชกร ว่าให้ความสำคัญอย่างไรมากกว่ากัน คำตอบที่ได้นั้น ก็สะท้อนไปกับแนวทางบริษัทได้อย่างสอดพ้องกัน
“เต็มที่กับทั้งสองด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านวิชาชีพ ที่ผมมุ่งมั่นให้เภสัชกรเป็นที่พึ่งของสังคม และด้านการบริหาร ที่จะพาบริษัทให้เป็นที่ยอมรับระดับโลก”