ชีวิตนี้บอกให้รู้ ”สุขสั่งได้ พูดง่าย ทำไม่ยาก” สไตล์ ศิลปินสาว ออน ละอองฟอง
เมื่อนับนิ้วดู…..ออนเองก็ตกใจนะคะว่า ในชีวิตนี้ได้ใช้ชีวิตโดยมีนามสกุลพ่วงท้ายที่ไม่ได้มาจากพ่อแม่ว่า ”ออน ละอองฟอง” ซึ่งอยู่ในฐานะนักร้องนำของวงที่มีฉายาว่า นักออกแบบดนตรีสีสวย เนื้อหาเชิงบวก มองโลกแง่ดี เพลงฟังสบายๆ ฟังแล้วอารมณ์ดี มาเกือบ 20 ปีแล้ว
หลายท่านอาจไม่ทราบว่าที่จริงละอองฟองในยุคแรกที่ก่อตั้งวงขึ้นมา คือช่วงปี 38ถึงปี 47เป็นช่วงก่อนที่ออนจะเข้ามาเป็นสมาชิกของวง …‘ละอองฟอง’ ได้ฝากชื่อไว้ในวงการเพลงไทย ซึ่งมีความเป็นตัวตนของคนมองโลกในแง่ดีไว้อย่างสูง เมื่อนึกย้อนไปดู เลยไม่รู้ว่า concept ของวงนี้เริ่มมาตั้งแต่ต้น หรือด้วยความที่ชอบทำไปเรื่อยๆ แล้วจึงออกมาเป็นแนวนี้เอง กันแน่
ตอนที่ผ่านออดิชั่นเข้ามาพี่เอ๊ะ พงศ์จักร พิษฐานพร และ พี่แมน ตนุภพ โนทยานนท์ บอกว่าเหตุผลเลือกออนเข้ามาเป็นสมาชิกของวง เพราะทัศนคติ หรือ Attitute ออนจึงเดาว่าตัวเองคงมีความเป็นละอองฟองที่แสดงออกมาให้เห็นละมั้ง….และก็เพิ่งมานั่งวิเคราะห์ตัวเองดีๆ เมื่อ ไม่นานมานี้นี่เอง แล้วจึงค้นพบกับความจริงที่น่าตกใจว่า
“ละอองฟอง ครูที่ไม่มีร่าง ได้เปลี่ยนออนเยอะมากจนน่าตกใจ”
ทุกครั้งเวลาที่ให้สัมภาษณ์เพื่อโปรโมทเพลง ไม่ว่าจะให้สัมภาษณ์ที่ไหนก็ตามจะพูดตลอดว่า เราทำเพลงเชิงบวก มองโลกในแง่ดี อยากทำเพลงที่ให้กำลังใจ ให้พลังกับคนฟัง
จนวันหนึ่ง อยู่ดีๆ ก็นึกตั้งคำถามกับตัวเองว่า “แล้วฉันหล่ะ คิด และทำได้อย่างที่พูดจริงๆแล้วหรือยัง?”
วันนั้นสารภาพเลยค่ะ คำตอบที่ได้คือ ‘ยัง’ คำตอบนี้ค่อนข้างสะเทือนใจตัวเองอยู่ไม่น้อย “ถ้าหากคนที่พูดยังทำไม่ได้ แล้วพูดไปใครจะเชื่อเรา” วันนั้นจึงตั้งใจสำรวจตัวเองอย่างจริงๆ จังๆ แล้วนำปรัญชาในแบบละอองฟอง มาใช้ ผ่านไปไม่นาน ชีวิตนี้จึงได้ค้นพบว่า ‘สุขสั่งได้ พูดง่าย ทำไม่ยาก’
มาค่ะ ออนจะบอกเคล็ด(ไม่)ลับ ในการฝึกสุขที่ค้นพบให้ฟัง
ความสุขของเรา อยู่ที่….’เรา’ ไม่ได้อยู่ที่ใครคนอื่น
จงดึงสิทธิ์นี้กลับมาครองอย่าให้ใครหรืออะไรเอากรรมสิทธิ์นี้ไปใช้ควบคุมตัวเรา ยกตัวอย่างเพื่อให้เห็นภาพ เช่นความสุขของออนอยู่ที่ การได้ร้องเพลงของเราออกไป ไม่ได้อยู่ที่ความดังของเพลง หรือกระแสตอบรับของคนฟัง สุขที่ได้ร้อง สิ่งอื่นที่ได้นั่นคือกำไร
ไปค่ะ ไปต่อกัน คำถามต่อไป แล้วความสุขอยู่ที่ไหนล่ะ? กินอิ่ม นอนหลับ มีงาน มีเงิน สุขภาพดี งั้นหรือ? เป้าหมายแต่ละคนต่างกันก็จริง แต่ความสุขเกิดจากที่เดียวกันหมด
ความสุขอยู่ที่….’สมอง’ ไม่ใช่ปาก
ไม่ใช่อิ่มท้อง อุ่นกาย หลับง่าย สุขภาพดี แต่อยู่ที่จิตคิด คิดให้ดีมันก็ดี คิดให้ร้ายมันก็ร้าย ทำไมต้องมีแต่ ’คิดดี vs คิดร้าย’ แล้วถ้าเราจะ ‘คิดให้สุข’ บ้างล่ะ จะทำไม่ได้เลยหรือ
“ออน ลออองฟอง ” ที่หลายคนบอกว่าเป็น ”คนโลกสวย” จริงๆแล้วเป็นเด็กผู้หญิง ขี้นอยด์ ขี้กังวล อารมณ์อ่อนไหว ค่อนข้างมองโลกในแง่ร้ายด้วยซ้ำไป วันนี้…. เด็กคนนั้นไม่ได้หายไปนะคะ เขายังเห็นแง่ร้ายนั้นอยู่แต่เขา ค้นพบด้านดีเพิ่มขึ้นมา และเลือกที่จะให้น้ำหนัก และความสำคัญกับมุมดีๆ ที่พบ ส่วนสิ่งที่ไม่ดี เลี่ยงได้เลี่ยงค่ะ ไม่เข้าไปยุ่ง
ความสุข สั่งได้ ฝึกได้ คำพูดนี้ไม่เกินจริงเลย ออนทำได้จริง พิสูจน์แล้ว ‘วิธีฝึกสุข’ ก็แสนง่าย
เหรียญมี 2ด้านเสมอ ฝึกมองทุกเรื่องให้เห็นทั้ง2ด้าน ที่บอกว่า ’ทุกเรื่อง’ คือ ต้องฝึกกับทุกเรื่องจริงๆ นะคะ เช่นเรื่องที่มองยังไงก็ร้ายแต่ก็ต้องขุดหาข้อดีออกมาให้ได้ด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่าง สมมติพบว่าเป็นโรคร้ายใกล้ตาย ช่วงเวลาแบบนี้ต้องหามุมบวกให้เจอ เช่น ลองมองว่าเวลาที่เหลืออยู่นั้นมีคุณค่าแค่ไหน ซึ่งไม่สำคัญว่าจะมีเวลามากแค่ไหน ถ้าไม่ใช้เวลานั้นให้คุ้มค่าก็เปล่าประโยชน์ เพราะยังไงซะทุกคนบนโลกนี้ก็มีเวลาจำกัดเหมือนกัน หลายคนลืมคิดข้อนี้ไปด้วยซ้ำ กว่าจะรู้ก็อาจสายไปเสียแล้ว ตัวเราล่ะจะใช้เวลาที่มีอยู่ให้มีคุณภาพไปกับอะไร? คิดได้อย่างนี้แล้ว แค่นั่งรับประทานข้าวไข่เจียวอยู่บ้าน เงยหน้าขึ้นมาเจอคนที่เรารักและรักเรานั่งรับประทานอยู่ด้วยกัน…..แค่นี้ก็มีความสุขใจฟูแล้ว…ว่าไหมค่ะ
สำหรับออนเมื่อลองฝึกฝนทุกๆ วัน กับเหตุการณ์ในชีวิตประจำวัน นับดูดีๆ ได้วันละเป็นสิบสถานการณ์ (scenario) เลยค่ะ เช่น
- ตื่นเช้ามาพบว่ายาสีฟันหมด : อ๊ะ!!! ดี เย็นนี้จะได้ไปห้างสรรพสินค้า
- พบอุบัติเหตุสะพานถล่ม ทำให้รถติดไปทำงานสาย : อ๊ะ!!! โชคดีนะนี่ ถ้าออกจากบ้านเร็วกว่านี้ i5คันที่ต้องประสบอุบัติเหตุข้างหน้าอาจจะเป็นรถคันเราก็ได้
- ทำงานประชุมทั้งวันจนเลยมื้อเที่ยง : อ๊ะ!!! ดี ถือโอกาสอดอาหาร หรือ Fasting diet ซะเลย
- ถูกเจ้านายต่อว่า : อ๊ะ!!! ดี ทำให้ทราบว่านายไม่ชอบอะไร จดไว้คราวหน้าฉันจะไม่พลาดอีก
ทุกจังหวะลองหาโอกาสฝึกดูนะคะ ฝึกบ่อยๆ ให้เป็นอัตโนมัติ ..แต่เดี๋ยวก่อนค่ะเพราะก็มีข้อควรระวัง ซึ่งก็ควรระวังไว้สักนิด คือ
- เมื่อคิดได้ก็ต้องเชื่อให้ได้อย่างนั้นจริงๆ มิเช่นนั้นจะเหมือนเป็นเพียงแค่การประชดหรือปลอบใจตัวเอง โดยจิตไม่ได้เข้าใกล้ความสุขจริง
- เน้นว่าต้องเจอทั้ง2ด้านของเหรียญเสมอนะคะ เพราะโลกสวยเกินจริงอาจทำให้ถูกหลอกได้ง่ายในโลกปัจจุบัน จึงยังคงระมัดระวังป้องกันไม่ให้เกิดมุมร้ายๆ ในแง่ของการใช้ชีวิต เพียงแต่ไม่ให้ความสำคัญหรือไม่ให้น้ำหนักกับเรื่องร้ายเพื่อความสุขในจิตก็เท่านั้น
ฝึกนานวันเข้าไม่ใช่แค่ตัวเราที่จะได้ประโยชน์ คนรอบข้างก็จะมีความสุขขึ้นด้วย รอบๆ ตัวคุณก็จะมีเรื่องดีๆ คนดีๆเข้ามา เป็นดั่งกฎแรงดึงดูด เราคิดยังไงก็จะดึงดูดคนประเภทเดียวกันเข้ามาหา บรรยากาศรอบๆก็จะมีรอยยิ้มมากขึ้น ความเครียดเบาลง นอนหลับง่ายขึ้น แม้แต่ผิวพรรณก็ดูอ่อนเยาว์ขึ้นมาซะงั้น
เชื่อ..ไม่เชื่อลองพิสูจน์ด้วยตัวเองดูนะคะ