fbpx

Gig Economy วันนี้และวันหน้าของการทำงาน

คนยุคใหม่นี้มักไม่ค่อยอยากสังกัดกับองค์กรเดียวไปนานๆ ตลอดชีวิตอีกแล้ว แต่มีแนวโน้มที่จะไป ‘ลอง’ กับบริษัทหลายๆ รูปแบบ

Reasons to Read

  • คนยุคใหม่นี้มักไม่ค่อยอยากสังกัดกับองค์กรเดียวไปนานๆ ตลอดชีวิตอีกแล้ว แต่มีแนวโน้มที่จะไป ‘ลอง’ กับบริษัทหลายๆ รูปแบบ
  • Gig Economy คือระบบของตลาดเสรี ที่ทำให้เกิดความ ‘ชั่วคราว’ ในตำแหน่งงานและองค์กรต่างๆ มากขึ้น ทำให้เกิดคนทำงานที่เป็นอิสระ หรือว่ามีสัญญาว่าจ้างในการทำงานกันแบบระยะสั้นมากขึ้นเรื่อยๆ

คำว่า Gig Economy เป็นคำที่สำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ

ว่าแต่คำนี้หมายถึงอะไร

ทุกวันนี้ เราจะได้ยินคนพูดว่าตัวเองเป็น ‘ฟรีแลนซ์’ กันมากขึ้นเรื่อยๆ ที่เราเป็นฟรีแลนซ์กันได้นั้น ต้องบอกว่าเป็นเพราะคุณูปการของ Gig Economy นี่แหละครับ เพราะโดยเนื้อแท้แล้ว มันคือระบบแบบหนึ่งของตลาดเสรี ที่ทำให้เกิดความ ‘ชั่วคราว’ ในตำแหน่งงานและองค์กรต่างๆ มากขึ้น ดังนั้น จึงทำให้เกิดคนทำงานที่เป็นอิสระ หรือว่ามีสัญญาว่าจ้างในการทำงานกันแบบระยะสั้นมากขึ้นเรื่อยๆ

ตัวอย่างก็อย่างที่เรารู้ๆ กันนะครับ ว่าคนยุคใหม่นี้ มักไม่ค่อยอยากสังกัดกับองค์กรเดียวไปนานๆ ตลอดชีวิตอีกแล้ว แต่มีแนวโน้มที่จะไป ‘ลอง’ กับบริษัทหลายๆ รูปแบบ (และ/หรือ หลายๆ ประเภทด้วย – ถ้าทำได้) เพื่อค้นหาว่าตัวเองชอบอะไร และส่วนใหญ่ก็มักจะมาลงเอยที่การเป็นคนทำงานอิสระหรือฟรีแลนซ์นี่แหละครับ

Gig Economy เกิดขึ้นมาระยะหนึ่งแล้วนะครับ แต่มีการศึกษาพบว่า ในปี 2020 คนทำงานในสหรัฐอเมริการาว 40% จะกลายเป็นคนทำงานอิสระ ซึ่งไม่ได้แปลว่าอิสระกันแบบไม่รู้ว่าจะมีอะไรกินในวันพรุ่งนี้หรือเปล่านะครับ แต่หมายถึงเป็นการทำงานที่มีสัญญาระยะสั้น เช่น สัญญาสามเดือน หกเดือน หนึ่งปี โดยในสัญญาก็อาจจะระบุไว้ด้วยว่าสามารถไปทำอย่างอื่นได้ ทำให้บางคนมีสัญญาในการทำงานอยู่สองสามสัญญาก็มี คนจำนวนมากทำงานที่บ้าน ที่ร้านกาแฟ ที่ไหนก็ได้ หรือในบางรายอาจเข้าออฟฟิศสามแห่ง แห่งละหนึ่งวัน ที่เหลือทำงานที่บ้าน – ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับสัญญาที่ก็ยืดหยุ่นมากขึ้นเรื่อยๆ

นั่นทำให้เราเห็นว่า แรงงานเป็นเรื่องที่เคลื่อนไปเคลื่อนมาได้ หรือมี Mobility สูงกว่าสมัยก่อน ทุกคนสามารถทำงานที่ไหนก็ได้ ฟรีแลนซ์จำนวนหนึ่งสามารถเลือกทำงานชั่วคราวไปได้ทั่วโลก (โดยเฉพาะงานที่ไม่ได้เกี่ยวกับภาษาเฉพาะ เช่น การถ่ายรูป ตัดต่อ ฯลฯ) เพราะฉะนั้น คนที่ทำงานใน Gig Economy จึงเลือกสมดุลชีวิตของตัวเองได้ ถ้าเก็บเงินได้เยอะๆ จะหยุดงานสักสามเดือนหกเดือนเพื่อนอนอยูบ้านเฉยๆ หรือไปเดินทางรอบโลกก็ยังได้ (แต่ก็ต้องบอกด้วยเช่นกันว่าคนที่ทำได้แบบนั้นก็ไม่ได้มีมากนักนะครับ)

CNBC บอกว่า ในปี 2027 คนทำงานส่วนใหญ่ (คือเกินครึ่ง) จะเป็นคนทำงานแบบสัญญาต่อสัญญา (Contract Workers) หรืออยู่ใน Gig Economy นี่แหละครับ โดยจะมีความเปลี่ยนแปลงใหญ่ 4 เรื่อง ที่ส่งผลกระทบต่อ Gig Economy และทำให้วิธีทำงานที่คนส่วนใหญ่กำลังทำอยู่ในปัจจุบันต้องเปลี่ยนแปลงไป ได้แก่

1. ความโปร่งใสที่จะเกิดขึ้นผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน

บล็อกเชนไม่ได้มีไว้แค่เพื่อบิตคอยน์นะครับ แต่จะเข้ามามีบทบาทต่อ Gig Workers ในอีกไม่นาน เพราะระบบบล็อกเชนหรือเทคโนโลยีที่ทำลายตัวกลางต่างๆ ออกไปหมดนี้ จะทำให้ทุกภาคส่วนเข้ามาเกี่ยวข้องได้หมด ทั้งคนทำงานและลูกค้า (จะเห็นว่า เราเริ่มเปลี่ยนจากคำว่า ‘เจ้านาย’ หรือ ‘บอส’ มาเป็น ‘ลูกค้า’ กันมากขึ้นแล้ว) ทำให้คนทำงานและลูกค้าสามารถ ‘เห็น’ ได้จริงๆ ถึงศักยภาพในการทำงานทั้งหมด และเห็นว่ามูลค่าในสิ่งที่ผลิตขึ้นนั้นอยู่ตรงไหน

2. บริษัทใหญ่ๆ จะใช้งานฟรีแลนซ์มากขึ้น

งานแบบฟรีแลนซ์นั้น มีศัพท์อีกศัพท์หนึ่งเรียกว่างานแบบ Noncore หรือไม่ใช่งานที่เป็นแกนกลางจนต้องจ้างคนประจำ งานที่ต้องจ้างคนประจำ อาทิ การทำบัญชีของบริษัทที่มีความลับต้องกุมไว้มาก หรืองานบริหารที่เป็นตัวกลางในการว่าจ้างคนทำงานแบบ Noncore อีกทีหนึ่ง เช่น ผู้จัดการ บรรณาธิการ ฯลฯ แต่สามารถว่าจ้างคนทำงานหรือองค์กรอื่นๆ แบบฟรีแลนซ์เข้ามาทำงานเป็นช่วงๆ ได้ จึงคล่องตัวมากขึ้น ประหยัดขึ้น และได้ผลงานที่ดีกว่าเดิม

3. คนทำงานที่อยู่ห่างไกลสามารถเข้ามาแข่งขันได้

ในโลกอนาคต คนทำงานจะไม่ได้แข่งกันเฉพาะคนในเมือง ประเทศ หรือภูมิภาคเดียวกันเท่านั้น แต่ยังต้องเจอการแข่งขันกับคนจากประเทศอื่นๆ ทั่วโลกด้วย โดยเฉพาะงานที่สามารถดำเนินการจากต่างประเทศได้ เพราะทุกวันนี้มีเครื่องมือต่างๆ มากมายทำให้เราทำงานโดยไม่ต้องมาพบปะหน้าตากันได้ เช่น Slack, Zoom, Dropbox หรือ Quip ซึ่งจะยิ่งทำให้การทำงานที่เคลื่อนย้ายง่ายอยู่แล้วยิ่งง่ายเข้าไปอีก นั่นเป็นเหตุผลที่ตลาดแรงงานจะสลับซับซ้อนมากขึ้น (แต่ก็ track ได้โดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน) และมีลักษณะ ‘ข้ามชาติ’ ลงไปถึงหน่วยย่อยๆ คือคนแต่ละคน หรือบริษัทเล็กๆ ไม่ใช่แค่บรรษัทข้ามชาติอีกต่อไปแล้ว

4. การสร้างเครือข่ายระหว่างคนทำงานฟรีแลนซ์จะเข้มแข็งขึ้น

บริษัทใหญ่ๆ จะหันมาใช้คนทำงานแบบ Gig Workers มากขึ้น และคนทำงานเหล่านี้ก็ต้องแข่งขันกันมากขึ้น แต่นั่นไม่ได้แปลว่าจะทำให้คนเหล่านี้เป็นศัตรูกัน เพราะจะเกิดการรวมตัวเป็นเครือข่ายแบบหลวมๆ และเป็นธรรมชาติ มีการแลกเปลี่ยนการติดต่อ ถ้าใครรับงานไหนไม่ได้ก็อาจแนะนำงานต่อให้คนอื่นที่ก็ต้องมีคุณภาพทัดเทียมกับตัวเองด้วย โดยอาจจะไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวด้วยซ้ำ เพียงแต่รู้ว่าคนคนนี้ทำงานแบบเดียวกันและชื่นชอบผลงาน ในขณะที่ตัวเองก็มีงานล้นมืออยู่แล้ว เครือข่ายแบบนี้จะเกิดมากขึ้นเรื่อยๆ

Gig Economy ที่เริ่มขึ้นแล้วในวันนี้ จึงจะเปลี่ยนแปลงการทำงานของเราในอนาคตไปตลอดกาลในแบบที่เราคิดไม่ถึง

Digiqole ad

บทความที่น่าสนใจ