Generation Gap: การใช้ชีวิตและทำงานร่วมกับ “คนต่างเจเนอเรชัน”
หากจะกล่าวกันถึงชีวิตและการทำงานในสังคมปัจจุบันแล้วนั้น สิ่งที่ดูจะเป็นเรื่องน่าปวดหัวที่สุดเป็นลำดับต้นๆ คงหนีไม่พ้น ‘การประสานงานกับคนต่างรุ่น’ ที่ดูจะกลายเป็นปัญหาที่ทวีความสำคัญอย่างไม่หยุดหย่อน คนต่างรุ่น ต่างใจ ความคิดและกระบวนการทำงานก็แตกต่างกัน หลายครั้ง นำมาซึ่งความไม่เข้าใจ และกลายเป็นปัญหาเรื้อรังที่ส่งผลกระทบต่องานและการใช้ชีวิตในภาพรวม
เช่นนั้นแล้ว การทำความเข้าใจและรู้เท่าทันกับการประสานงาน การใช้ชีวิต และการทำงานกับคนต่างรุ่น จึงเป็นทักษะและกระบวนการที่สำคัญอย่างยิ่ง ที่จะต้องเรียนรู้ เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตและทำงานได้อย่างสงบสุข มีประสิทธิภาพ และเอื้อประโยชน์ให้แก่กัน
-ทำความเข้าใจสภาวะของคนแต่ละรุ่น
คนแต่ละรุ่น มีความเข้าใจ ทักษะ กระบวนการทำงานและการใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน คนรุ่น Boomer ที่เป็นผู้สูงอายุในปัจจุบัน ก็ผ่านโลกมาแบบหนึ่ง คน Gen Z, Gen Me ก็ผ่านโลกและมีทักษะแบบหนึ่ง จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำความเข้าใจและปรับกระบวนทัศน์ของการทำงานให้เหมาะสม เพื่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกัน
-พูดคุยทำความเข้าใจเสียแต่เนิ่นๆ
หลายครั้ง ปัญหาในการทำงานของคนต่างรุ่นต่างวัย เกิดจากการไม่เปิดอกเผชิญหน้าปัญหาอย่างตรงไปตรงมา แน่นอนว่า เมื่อต่างฝ่ายต่างคิดกันไปคนละทาง ย่อมสะสมความบาดหมางจนไปถึงจุดที่เกินจะเยียวยา การหันหน้าคุยกัน แก้ไขปัญหาและความไม่เข้าใจกัน จึงเป็นวิธีการที่เหมาะสมที่สุด ในการลดซึ่งความต่างเหล่านั้น
-โปรแกรมฝึกอบรมและพัฒนาทักษะที่เหมาะสม
หลายครั้ง คนรุ่นเก่าอย่าง Boomer, Gen X หรือ Gen Y ถูกมองจากคนรุ่นใหม่ๆ ว่าไม่เท่าทันกับความเปลี่ยนแปลงและเป็นไปของเทคโนโลยีการทำงาน กระนั้นแล้ว คนรุ่นเก่า ก็มี Know-How ที่สั่งสมมาจากเวลาและประสบการณ์มาอย่างโชกโชน ที่สามารถใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อการทำงานได้ การฝึกอบรมและพัฒนาทักษะเพิ่มเติมที่เหมาะสมกับคนแต่ละช่วงวัย จึงเป็นแนวทางที่ดี ที่จะช่วยลดช่องว่างระหว่างกันให้น้อยลง และเพิ่มประสิทธิผลในการทำงานให้มากขึ้น
-วัฒนธรรมองค์กร โจทย์สำคัญในการประสานคนต่างวัย
หนึ่งในโจทย์ที่ยากที่สุดในการประสานการทำงานระหว่างคนต่างวัย คือ ‘วัฒนธรรมองค์กร’ ที่มีรูปแบบเฉพาะที่สั่งสมมาเป็นเวลานาน หลายองค์กรให้ความสำคัญกับคนรุ่นเก่า แต่ก็มีไม่น้อยที่เปิดรับความเห็นของคนรุ่นใหม่ วัฒนธรรมองค์กรที่ไม่เหมาะสม จะสร้างรอยร้าวระหว่างคนต่างวัยในระดับที่ลึกและเรื้อรัง ผู้บริหารจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพิจารณาและปรับรูปแบบให้เหมาะสม นั่นเพราะโลกก้าวไปข้างหน้า การรั้งคนรุ่นใหม่ให้สามารถทำงานกับคนรุ่นเก่าได้ จะเกิดประโยชน์ที่ดีในระยะยาว
-ท้ายที่สุด การทำงานไม่ใช่ทุกสิ่งสำหรับชีวิต
แน่นอนว่า การทำงาน เป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งของคนทุกช่วงวัย ที่จะต้องมีเพื่อให้ดำเนินชีวิตไปได้อย่างเหมาะสม แต่ถึงอย่างนั้น การทำงาน “ก็ไม่ใช่ทุกสิ่ง” ของชีวิต ปัญหาการกระทบกระทั่งในการทำงานของคนต่างวัยสามารถเกิดขึ้นได้ แต่พยายามแก้ไขให้จบเป็นครั้งๆ เผชิญหน้าอย่างตรงไปตรงมา และเมื่อหมดเวลา เลิกงาน ทิ้งทุกอย่างเอาไว้ จากนั้น ใช้ชีวิตในด้านอื่นๆ ซึ่งคนต่างวัย สามารถเกื้อกูลให้แก่กันและกันได้
การประสานความต่างของวัยของคนทำงาน เป็นสิ่งที่ยากอย่างยิ่ง แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ทั้งนี้ เมื่อมองดูประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการประสานซึ่งกันและกัน ก็จะพบว่า มันมีมากกว่าการปล่อยให้ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างคิด ต่างคนต่างทำงานไปโดยไม่มีความเข้าใจซึ่งกันและกัน
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ทุกสิ่งจะสัมฤทธิ์ผลขึ้นมาได้ ย่อมเกิดจากการประสานรวมความต่าง เพื่อเป้าหมายเดียวกันนั่นเอง