การชุมนุมในฮ่องกงจะเข้มข้นขึ้น!เมื่อ โจชัว หว่อง พร้อมร่วมขับไล่ผู้นำฮ่องกงทันทีหลังพ้นโทษ
ลาออกจากตำแหน่งซะ!! เพราะคุณไม่ได้มากจากการเลือกตั้ง! ทันทีที่ก้าวเท้าออกจากเรือนจำ โจชัว หว่อง ประกาศตัวชัดเจนว่าจะเข้าร่วมการชุมนุมเพื่อถอนร่างกฎหมายครั้งนี้
บทความ : เกณิกา รวยธนพานิช
Reasons to Read
- โจชัว หว่อง เป็นแกนนำ ‘การปฏิวัติร่ม’ เมื่อปี 2014 ที่ทำให้ชาวฮ่องกงออกมาชุมนุมปิดถนนอยู่นานถึง 79 วัน ซึ่งขณะนั้นเขามีอายุเพียงแค่ 17 ปีเท่านั้น
- หลังจากก้าวเท้าออกจากเรือนจำ โจชัว หว่อง ประกาศตัวชัดเจนว่าจะเข้าร่วมการชุมนุมเพื่อถอนร่างกฎหมายครั้งนี้ด้วย รวมถึงขอให้ นางแคร์รี หลำ ยุติทุกบทบาททางการเมือง เนื่องจากไม่ได้มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชน
เหตุการณ์การชุมนุมในฮ่องกง เพื่อยับยั้งร่างกฎหมายการส่งผู้ร้ายข้ามแดนให้ประเทศจีนเริ่มร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมีรายงานว่า วันอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ (16 มิถุนายน) มีประชากรออกมาร่วมประท้วงบนถนนมากถึง 2 ล้านคน จากประชากรทั้งสิ้นราว 7 ล้านคน ก่อนวันถัดมา นักเคลื่อนไหวทางการเมืองคนสำคัญของฮ่องกง ‘โจชัว หว่อง’ จะได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำ หลังใช้ชีวิตอยู่ในนั้นตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคม จากสาเหตุการเป็นผู้นำ ‘การปฏิวัติร่ม’ เมื่อปี 2014
2,000,000 + 1
ไม่ใช่โจทย์เลขคณิต แต่เป็นข้อความที่ โจชัว หว่อง เผยแพร่ลงบนแฟนเพจเฟซบุ๊กหลังพ้นโทษจากเรือนจำ หนึ่งวันให้หลังการมีผู้ออกมาชุมนุมประท้วงมากถึง 2 ล้านคน เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะเจาะพอดี เพราะอย่างที่รู้กันว่า โจชัว หว่อง เป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่มีอิทธิพลมากคนหนึ่ง จากการเป็นผู้นำการประท้วงเมื่อปี 2014 ซึ่งกินเวลานานถึง 79 วัน หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘การปฏิวัติร่ม’ ที่ต้องการให้มีการเลือกตั้งผู้นำอย่างเป็นประชาธิปไตย โดยในขณะนั้นเขามีอายุเพียงแค่ 17 ปี ทำให้การกลับมาครั้งนี้ โจชัว หว่อง อาจเป็นแกนนำสำคัญที่ทำให้รัฐบาลรู้สึกกดดันมากขึ้นก็เป็นได้
ทันทีที่ก้าวเท้าออกจากเรือนจำ หลังใช้ชีวิตอยู่ในนั้นเป็นเวลาร่วมเดือน โจชัว หว่อง ในวัย 22 ปี ก็ประกาศตัวชัดเจนว่า จะเข้าร่วมการชุมนุมครั้งนี้อย่างแน่นอน โดยบอกกับสื่อมวลชนที่ไปรอรับบริเวณประตูทางออกว่า จะเข้าร่วมการชุมนุมถอนร่างกฎหมายการส่งผู้ร้ายข้ามแดน และขอให้ นางแคร์รี หลำ ผู้บริหารสูงสุดของเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ลาออกจากตำแหน่งและยุติบทบาททางการเมืองด้วย เพราะเธอไม่ได้มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชน
โดยสาเหตุที่การชุมนุมครั้งนี้กำลังกลายเป็นครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ฮ่องกง ก็เนื่องจาก นางแคร์รี หลำ ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลประเทศจีน และไม่ยอมถอนร่างกฎหมายการส่งผู้ร้ายข้ามแดนที่จะทำให้ฮ่องกงเสียเปรียบ และอาจกลายเป็นเขตปกครองภายใต้ประเทศจีนอย่างเต็มรูปแบบอย่างที่จีนพยายามทำมาโดยตลอด
อีกทั้งแถลงการณ์คำขอโทษที่ปล่อยออกมาเมื่อวันอาทิตย์ก็โหมสร้างความไม่พอใจให้มากขึ้น เพราะ นางแคร์รี หลำ เพียงกล่าวขอโทษที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ชุมนุมครั้งนี้ และจะพยายามทำหน้าที่ให้ดีขึ้น ทว่าไม่มีสัญญาณคำสั่งถอนร่างกฎหมายอย่างที่ประชาชนต้องการ
