fbpx

“Elevate Your Style: Fashion Meets Every Step!” วิ่งหรือเดินก็แมตช์ลุคแฟชั่นได้

GEL-KAYANO™ LEGACY ASICS  สนีกเกอร์สุดพรีเมียมจาก ASICS SPORTSTYLE

เอสิคซ์ สปอร์ตสไตล์ (ASICS SPORTSTYLE) เปิดตัว GEL-KAYANO™ LEGACY สนีกเกอร์แฟชั่นไลฟ์สไตล์ดีไซน์สุดพรีเมียมเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปี ของซีรีส์รองเท้าวิ่งสุดไอคอนิก GEL-KAYANO™ ที่ขับเคลื่อนด้วยสุดยอดเทคโนโลยีมากว่า 3 ทศวรรษ ทีมออกแบบของ ASICS SPORTSTYLE ได้มีการหยิบนำแรงบันดาลใจจากเหล่าโมเดลออริจินัลที่โดดเด่นในเรื่องความมั่นคงมารังสรรค์เป็นสนีกเกอร์สปอร์ตสไตล์สำหรับการเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปี ให้กับซีรีส์ GEL-KAYANO™ เริ่มต้นด้วยต้นแบบโมเดลของ GEL-KAYANO™ 14 รวมถึงยังมีการแต่งแต้มความพรีเมียมเพิ่มเติมด้วยดีไซน์จากรุ่นอื่น ๆ อีก 7 รุ่น ได้แก่ GEL-KAYANO™ TRAINER, GEL-KAYANO™ 5, GEL-KAYANO™ 6, GEL-KAYANO™ 10, GEL-KAYANO™ 12, GEL-KAYANO™ 18 และ GEL-KAYANO™ 20

สำหรับคัลเลอร์เวย์ (Colorway) ของคอลเลกชั่นนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเฉดสีหลักที่ปรากฏอยู่ในซีรีส์ GEL-KAYANO™ ที่เคยมีมาทั้งหมด โดยคัลเลอร์เวย์แรกเลือกใช้สีขาวเป็นพื้นแคนวาสตัดด้วยสีน้ำเงิน แดง และสีดำ ซึ่งการจับคู่สีแบบออฟบาลานซ์ (Off-Balance) นี้ช่วยเน้นให้เห็นถึงเอฟเฟกต์การผสมผสานและชูฟีเจอร์ของเทคโนโลยีในซีรีส์ให้โดดเด่นขึ้น ส่วนอีกคัลเลอร์เวย์ ASICS SPORTSTYLE เลือกนำเสนอด้วยสีซิลเวอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในเฉดสีที่คุ้นตาของซีรีส์ GEL-KAYANO™ ในช่วงกลางถึงปลายยุค 2000

GT-2160™ ดีไซน์สุดวินเทจจาก ASICS SPORTSTYLE

ASICS SPORTSTYLE (เอสิคซ์ สปอร์ตสไตล์) เผยโฉมการกลับมาของ GT-2160™ สนีกเกอร์สุดไอคอนิกที่เปิดตัวครั้งแรกในซีรีส์ GT-2000™ ในช่วงปี 2010 โดยการกลับมาครั้งนี้ได้ยกระดับเทคโนโลยีจากทศวรรษที่แล้วขึ้นไปอีกขั้น  จากแรงบันดาลใจของรองเท้าวิ่งระดับไอคอนแห่งยุค Y2K พร้อมสานต่อความไฮป์กับคอลแลบสุดคูลจาก DIME และ Cecilie Bahnsan

ด้วยดีไซน์ออริจินัลที่โฉบเฉี่ยวและลวดลายสุดเท่ ซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ของซีรีส์ GT-2000™ ยังคงสะท้อนออกมาในสนีกเกอร์ GT-2160™ อย่างโดดเด่น และนอกจากกลิ่นอายความวินเทจที่สัมผัสได้ ยังมอบความรู้สึกในการสวมใส่ที่เบาสบายกว่าเดิมอีกด้วย จากการเสริมเทคโนโลยี dual GEL™ ที่บริเวณส้นเท้า ช่วยซัพพอร์ตการเคลื่อนไหวในทุกย่างก้าวได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงยังให้สัมผัสใต้ฝ่าเท้าที่นุ่มและเบาสบายกว่าเดิม มาพร้อมกับดีไซน์แบบเฉพาะของพื้นรองเท้าชั้นกลาง ที่ถอดแบบมาจากเหล่ารองเท้าวิ่งสุดฮอตของ ASICS ในช่วงกลางยุค 2000 ถึง ปลายยุค 2010

นอกจากนี้ ASICS SPORTSTYLE ยังมีคอลแลบสุดคูลของสนีกเกอร์ GT-2160™ ถึงสองโปรเจกต์จาก DIME และ Cecilie Bahnsen ที่จะมาส่งต่อความไอคอนิกของซีรีส์นี้แบบจัดเต็ม

MAGIC SPEED™ 3 รองเท้าทำความเร็วรุ่นใหม่ล่าสุดจาก ASICS

ASICS (เอสิคซ์) เปิดตัว MAGIC SPEED™ 3  รองเท้าทำความเร็วรุ่นใหม่ล่าสุด อัพเกรดเทคโนโลยีใหม่สุดล้ำ ให้นักวิ่งสายซิ่งพร้อมลงสนามในทุกโอกาสสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นวันฝึกซ้อมสบาย ๆ หรือวันแข่งขันที่ต้องจริงจังไม่แพ้ใคร ซึ่งได้รับการดีไซน์มาเพื่อตอบโจทย์นักวิ่งสายเรซซิ่งโดยเฉพาะ ให้นักวิ่งทำความเร็วได้สนุกยิ่งกว่าเคย สร้างเสริมประสบการณ์การวิ่งที่รวดเร็ว แต่ยังคงนุ่มนวล และซัพพอร์ทการทรงตัวตลอดทุกก้าวของการวิ่ง

โดยมาพร้อมกับเทคโนโลยีโฟมพื้นรองเท้า FLYTEFOAM Blast™ PLUS ช่วยยกระดับประสิทธิภาพการออกตัวของนักวิ่ง ด้วยก้าวที่เด้งและนุ่ม ออกตัวได้อย่างกระฉับกระเฉง เสริมด้วยโฟมส่วนกลาง 2 ชั้น หรือมิดโซล ช่วยดูดซับแรงกระแทก และควบคุมการทรงตัวของนักวิ่งให้มั่นคงและปลอดภัย และยังมีพื้นคาร์บอนเต็มแผ่นระหว่างชั้นโฟม เพิ่มแรงดีด และแรงส่งตัวให้ดียิ่งกว่าเดิม

หน้าผ้าของรองเท้า ถูกพัฒนาด้วยเทคโนโลยี MOTION WRAP™ หรือผ้าตาข่ายเน็กซ์คิน (Nexkin) ที่เบาบางเป็นพิเศษ สามารถระบายอากาศได้อย่างดีเยี่ยม แบบเดียวกับที่ใช้ในรุ่น METASPEED™ SKY+ และ METASPEED™ EDGE+ แต่ยังคงมีน้ำหนักเบา สวมใส่สบายกว่าทุกรุ่นที่ผ่านมา และยังมาพร้อมกับ พื้นรองเท้า ASICSGRIP™ (เอสิคซ์กริป) พื้นยางที่มีความกว้างกว่าเดิม แข็งแรง ยึดเกาะได้เป็นอย่างดี ทนทานกับทุกรูปแบบการใช้งาน

ในส่วนของ Heel Counter หรือส้นรองเท้า ยังถูกออกแบบมาให้กระชับข้อเท้า โอบเท้าได้ดี ซัพพอร์ทการวิ่งทุกระยะของสายซิ่งให้สนุกและคล่องตัวมากขึ้น จนกลายเป็นหนึ่งไฮไลท์ที่สำคัญของ MAGIC SPEED™ 3

ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ASICS Sportstyle ได้ที่: Website: ASICS.COM  / LINE Official: @ASICSTH /
Facebook: ASICS Sportstyle / Instagram: @asics_sportstyle_th

ADIZERO ADIOS PRO EVO 1 ก้าวย่างที่เบาที่สุด จากอาดิดาส

เพราะรองเท้าที่เบากว่า ย่อมส่งผลในการทำความเร็วที่มากกว่า อาดิดาส จึงได้ปฏิวัติวงการวิ่ง ด้วยการเปิดตัว ADIZERO Adios Pro Evo 1 รองเท้าวิ่งที่อัดแน่นไปด้วยนวัตกรรม พร้อมน้ำหนักเพียง 138 กรัม ซึ่งเบากว่ารุ่นอื่นถึง 40% ขึ้นแท่นเป็นรองเท้าวิ่งสำหรับแข่งขันที่เบาที่สุดในกลุ่มรองเท้าวิ่งของอาดิดาส เพื่อมาพลิกโฉมการกำหนดฟอร์มการวิ่ง (Running Economy) พร้อมมอบแรงส่งกลับมาให้กับทุกย่างก้าวของนักวิ่งได้ดียิ่งขึ้น

ADIZERO Adios Pro Evo 1 เป็นตัวอย่างที่แสดงให้ถึงวิวัฒนาการของรองเท้าวิ่งในตระกูล ADIZERO ได้อย่างเด่นชัด ด้วยการพัฒนารูปทรงส่วนลาดโค้งที่ปลายเท้า (forefoot rocker) ในแบบที่ไม่เหมือนใคร โดยบริเวณดังกล่าวมีพื้นที่ถึง 60% ของความยาวรองเท้าทั้งหมด ซึ่งนวัตกรรมนี้ได้รับการทดสอบในห้องปฏิบัติการว่าสามารถส่งเสริมการพุ่งตัวไปด้านหน้า และพัฒนาฟอร์มการวิ่งของนักวิ่งแต่ละคนได้

นอกจากนี้  ยังถูกพัฒนามาจากข้อมูลเชิงลึกที่อาดิดาสรวบรวมจากการทดสอบนักกีฬาระหว่างการเก็บตัวและทดสอบรองเท้าที่ประเทศเคนยา รวมถึงในแล็บของอาดิดาส สำนักงานใหญ่ ณ เมืองแฮร์ทโซเกินเนารัค ประเทศเยอรมนี โดยนักกีฬาที่ร่วมทดสอบรองเท้ารุ่นนี้ ได้แก่ ปาเรส เจปเชียร์เชียร์ (Pares Jepchirchir) แชมป์โอลิมปิกและผู้ชนะการแข่งขันเมเจอร์มาราธอนสองครั้ง เบนสัน คิปรูโต (Benson Kipruto) ผู้ชนะการแข่งขันเมเจอร์มาราธอนสองครั้ง อมานอล เพทรอส (Amanal Petros) แชมป์ทีมชาติเยอรมัน และทิกิสต์ อัสเซฟา (Tigist Assefa) ผู้ชนะการแข่งขันเบอร์ลิน มาราธอนในปีที่ผ่านมา

ติดตามการแข่งขันเบอร์ลิน มาราธอน 2023 และรองเท้าวิ่งตระกูล ADIZERO ได้ที่ช่องทางอินสตาแกรม @adidasthailand   เฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/adidasTH

ADIZERO PRIME X 2 STRUNG รองเท้าวิ่งที่ทลายทุกกฎเกณฑ์ จากอาดิดาส

อาดิดาส เปิดตัว ADIZERO PRIME X 2 STRUNG รองเท้าวิ่งทำความเร็วรุ่นล่าสุดในตระกูล ADIZERO ที่ฉีกกฎเกณฑ์การแข่งขันด้วยพื้นรองเท้าสูง 50 มิลลิเมตร และแผ่นคาร์บอนสองชิ้นแบบผสม พร้อมโฟม LIGHTSTRIKE PRO ที่ถูกออกแบบใหม่ทั้งหมดสามชั้น ซึ่งถือว่ามากที่สุดเท่าที่เคยมีมาในรองเท้าวิ่งของอาดิดาส

เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่ต้องการปฏิวัติวงการวิ่ง ในปีนี้ อาดิดาสได้พัฒนา ADIZERO PRIME X 2 STRUNG รองเท้าวิ่งที่อัดแน่นไปด้วยนวัตกรรมสำหรับทำความเร็ว เพื่อให้เหล่านักวิ่งสามารถคว้าสถิติที่ดีที่สุดของตนเองได้ ด้วยนวัตกรรมเหนือชั้นจากความตั้งใจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อคอมมูนิตี้นักวิ่งทั่วโลกของอาดิดาส สู่รองเท้าวิ่งที่เปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีล้ำหน้า อาทิ

อัปเปอร์ STRUNG: ถูกออกแบบอย่างพิถีพิถันด้วยชั้นเส้นใยที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งบริเวณสำคัญอย่างกลางเท้าและส้นเท้า รวมถึงมอบความยืดหยุ่นบริเวณหน้าเท้าที่ต้องมีการขยายตัว พร้อมทั้งลิ้นรองเท้าผ้านิตย์ที่ช่วยล็อคเท้าให้อยู่กับที่

โฟม LIGHTSTRIKE PRO สามชั้น และพื้นรองเท้ายาง CONTINENTAL™ – โฟม LIGHTSTRIKE PRO สามชั้น คือจำนวนที่มากที่สุดเท่าที่เคยมีมาในรองเท้าวิ่งของอาดิดาส ซึ่งช่วยทำให้รองเท้าคู่นี้มีความสูงอยู่ที่ 50 มิลลิเมตร และด้วยพื้นรองเท้าชั้นกลางโฉมใหม่ที่อยู่ระหว่างชั้นโฟมเต็มเท้าสองชิ้นจะช่วยลดน้ำหนักและมอบแรงส่งตัวบริเวณฝ่าเท้าและกลางเท้าได้ดียิ่งขึ้น ตลอดจนพื้นรองเท้ายาง Continental™ ที่ช่วยมอบการยึดเกาะที่ดีเยี่ยมในทุกสภาพผิว

แผ่นคาร์บอนแบบผสมสองชิ้น – ที่อยู่ภายในแกนกลางโฟม LIGHTSTRIKE PRO แบบใหม่ จะช่วยให้พื้นรองเท้าเพิ่มการตอบสนองที่ดียิ่งขึ้นตลอดการวิ่ง

เพิ่มเติมได้ที่ อาดิดาส แบรนด์ เซ็นเตอร์, อาดิดาส แอปพลิเคชัน, อาดิดาส ออนไลน์ สโตร์ www.adidas.co.th , LINE Shopping: @adidasthailand, อาริ รันนิ่ง และซูเปอร์สปอร์ต

Digiqole ad

บทความที่น่าสนใจ